อิสระจากอะไร (Amish I)







อิสระจากอะไร (Amish I)

27 กันยายน 2555



จังหวัดพิษณุโลกที่ผมอยู่มีมุสลิมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จะแตกต่างจากปักษ์ใต้ตรงที่ส่วนมากเป็นจีนมุสลิมชาวอุยเกอร์ ที่มุ่งแต่ค้าขาย รักสงบไม่ค่อยก่อปัญหาวุ่นวายมากนักเหมือนมุสลิมบางกลุ่ม ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นว่าไปก็เป็นเรื่องธรรมดาของอิสลาม เนื่องจากศาสนานี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หลักธรรมของศาสนาเท่านั้น แต่เพราะท่านศาสดาท่านเป็นประมุขของรัฐด้วย คำสอนของอิสลามจึงเป็นธรรมนูญการปกครองไปด้วยในตัว ฉะนั้นหากมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศใด ก็จะเหมือนการมีรัฐซ้อนรัฐเกิดขึ้น ทำให้ชาวมุสลิมรู้สึกว่าถูกกดขี่ เพราะการปกครองของรัฐนั้นขัดกับธรรมนูญตามความเชื่อของตน



แต่กระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าอิสลามสอนให้ใช้ความรุนแรงนะครับ คำสอนของอิสลามเน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติ แต่เพราะความรู้สึกแปลกแยกจากปรากฏการณ์รัฐซ้อนนั้นทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มที่แสวงหาอำนาจใช้เป็นเครื่องมือในการชักจูงมุสลิมบางส่วนให้ก่อความไม่สงบ ซึ่งอิสลามก็มีจุดอ่อนไหวในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากการเป็นธรรมนูญแห่งรัฐของอิสลามทำให้หลีกหนีไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเรื่องของการต่อสู้สงครามระหว่างรัฐ และนั้นคือที่มาของคำสอนเรื่อง Jihad ซึ่งถูกนำมากล่าวอ้างเพื่อการเข่นฆ่าผู้คนเสมอมา นอกจากนี้แล้วคำสอนเพื่ออำนาจของพระเจ้าองค์เดียว ยังทำให้มุสลิมบางส่วนมองคนต่างศาสนาด้วยความดูแคลน เหมือนที่ชาวคริสสมัยล่าอาณานิคม เคยส่งมิชชันนารีไปสอนให้คนทั่วโลกรู้จักพระเจ้าของตน เพราะมองว่าคนต่างศาสนานั้นมืดบอด และมองไม่เห็นความจริงแห่งโลก นั้นไม่รวมการเข้าทำลายศาสนาอื่นๆในดินแดนที่ชาวมุสลิมเข้าครอบครองตลอดระยะเวลายาวนานของประวัติศาสตร์ รวมถึงพุทธศาสนาในอินเดียด้วยเช่นกัน ความบิดเบี้ยวทางความคิดจากการไม่เข้าใจในความหมายของ “สันติ” และ “การปกครอง” อย่างถูกต้องนี้เอง ทำให้มุสลิมบางส่วนก่อความวุ่นวายขึ้นในโลก

จากข่าวมุสลิมรุมฆ่าทูตสหรัฐ จากเหตุภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับศาสดาของอิสลาม ซึ่งผมมองว่าเลวร้ายเป็นอย่างมาก เพราะนั่นเป็นบุคคลบริสุทธิ์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย และถึงแม้จะเป็นตัวผู้สร้างภาพยนตร์เองก็ตามที ผมก็มองว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามธรรมนูญของสหรัฐ ซึ่งเมื่อเทียบกับที่มุสลิมมองคนต่างศาสนาด้วยความดูแคลนในความไม่รู้และมองสิ่งเคารพต่างศาสนาเป็นของน่ารังเกียจเดียดฉันท์ จนต้องทำลายให้สิ้นที่ปรากฏมาตลอดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และล่าสุดก็คือการระเบิดทำลายพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สุดในโลกอายุนับพันปี นั่นก็เป็นบทพิสูจน์ในมุมมองของมุสลิมบางส่วนต่อศาสนาอื่นเป็นอย่างดี ทำให้ผมหัวเสียไปบ้างในช่วงนี้เมื่อได้คุยกับเพื่อนมุสลิม ซึ่งถึงแม้เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อนมุสลิม แต่ก็เห็นว่านั่นเป็นเพราะเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ผมได้รับฟังคำด่าทออเมริกัน ด่าทอในเสรีภาพจอมปลอมของอเมริกา พอสมควร ทำให้ผมสวนกลับไปว่า “เสรีภาพในแบบรัฐอิสลามมันคล้ายๆกับที่กำลังทำในประเทศอิหร่านใช้หรือไม่ ที่รัฐบาลกำลังสร้างระบบอินทราเน็ตภายในประเทศขึ้นและจะตัดขาดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั่วโลกไม่ให้พลเมืองอิหร่านได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารใดๆจากโลก ถ้านั่นเป็นเสรีภาพในแบบอิสลาม ผมก็ดีใจมากเลยที่ไม่ได้เกิดเป็นมุสลิม” คำตอบที่ผมได้รับคือ “อิสระจากอะไร?” ผมก็ต่อว่า “อิสระจากกฎเกณฑ์ครอบงำที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม กีดกันสิทธิในการแสดงออก” เขาคนนั้นว่าต่อ “แสดงออกอะไร” ผมเองชักรู้สึกโมโหขึ้นมา “ก็แสดงออกอะไรก็ได้ตามแต่อัตลักษณ์ของแต่ละคน” คำตอบสุดท้ายที่ผมได้คือ “เสรีภาพอยู่ภายใน ไม่ต้องแสดงออกมาหรอก ถ้าเราควบคุมการแสดงออกของเราได้ นั่นหล่ะเราเป็นอิสระแล้ว”



ผมยอมรับว่าไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้น แต่คำว่า “เสรีภาพอยู่ในใจไม่ต้องแสดงออกมา” มันก็สะท้อนอยู่ในหัวผมมาหลายวัน จนวันหนึ่งผมได้รับรู้เรื่องราวบางส่วนของชาว Amish มันทำให้ผมเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง แน่นอนผมไม่เห็นด้วยกับมุสลิมบางส่วนอย่างแน่นอน เพียงแต่เริ่มเข้าใจว่า “อิสระภายใน” นั้นเป็นอย่างไร

อ่านต่อตอนหน้านะครับ..








 

Create Date : 27 กันยายน 2555
0 comments
Last Update : 27 กันยายน 2555 13:12:26 น.
Counter : 1085 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nainokkamin
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




free counters
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nainokkamin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.