Liverpool สโมสรเดียวในดวงใจ My Dog สุนัขอันเป็นที่รักเเละเพื่อนที่แสนดี Web Counter
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 

Liverpool FC the Third Legend

การปรากฎครั้งแรกของลิเวอร์พูลใน เวมบลีย์ เกิดขึ้นในแมทช์รอบชิง รายการเอฟเอคัพ ปี 1950ที่เวมบลีย์


ภาพแฟนบอลที่แน่นขนัด credit ภาพ: //www.viewimages.com

คู่ชิงแชมป์คือ อาเซนอล ในวันที่ลิเวอร์พูลได้สร้างประวัติศาสตร์ของสโมสร ในการเข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศภายใต้หอคอยคู่ของเวมบลีย์ ปี 1950 มันน่าจะเป็นความทรงจำที่สุดแสนจะอ่อนหวานสำหรับสโมสร แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นวันที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง จากการพ่ายแพ้ไป 2-0 และทำให้ลิเวอร์พูลต้องรอคอยแชมป์เอฟเอคัพสมัยแรกต่อไป

ความต้องการตั๋วเข้าชมการเข้าชิงแชมป์ครั้งแรกของลิเวอร์พูลเป็นไปอย่างมากมาย ในขณะที่ทางสโมสรได้รับส่วนแบ่งในการจำหน่ายตั๋วมาเพียงแค่ 10,000 ใบเท่านั้น และด้วยความที่มีผู้ต้องการซื้อถึง 100,000 ราย นั่นจึงทำให้บอกได้เลยว่ามันไม่มีทางที่จะเพียงพอต่อความต้องการได้

อีริค ดูอิก( แฟนบอล ลิเวอร์พูล) : ผมโชคดีมากๆเลยที่ได้ตั๋วสำหรับเกมนั้น ในวันนั้นการได้รับส่วนแบ่งเพียงเท่านั้นมันจิ๊บจ๊อยมาก คุณโชคดีมากที่ได้ตั๋ววันนั้น เพราะผมคิดว่ามันมีเพียงแค่ไม่เกินสองหมื่นสำหรับคนดูเท่านั้น


ขวาในภาพ: บิลลี่ ลิดเดิล
เครดิตภาพ: //www.viewimages.com

บิลลี่ ลิดเดิล ( ผู้เล่นลิเวอร์พูล ปี 1938-61) : ในช่วงก่อนหน้าวันที่ยิ่งใหญ่นั้นจะเริ่มขึ้นสักสองสามสัปดาห์ พวกเราทั้งหมดพบว่าพวกเรามีเพื่อนๆเพิ่มมาอย่างมากมายเท่าที่เราจะรู้สึกได้ บางคนของพวกเค้า ผมยังเรียกชื่อไม่ถูกด้วยซ้ำ แต่ว่าพวกเค้าทุกคนต่างก็ต้องการที่จะได้ตั๋วในนัดชิง!!! เมื่อนัดชิงแห่งความตื่นเต้นได้กำหนดแน่นอนแล้ว มันก็ดูเหมือนกับว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชายชาวลิเวอร์พูล ต้องการที่จะได้มีส่วนร่วมในการเชียร์พวกเราในเวมบลีย์

พวกเค้าเหล่านั้น โชคดีพอที่จะได้รับตั๋วเดินทางลงใต้ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ทีมหงส์แดงได้เอาชนะทีมกันเนอส์ มาแล้วสองนัดในเกมลีก ฤดูกาลนี้ และนั่นมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่คาดหวังว่านักเตะหงส์จะนำถ้วยกลับบ้านได้

อัลเบิร์ต สตับบินส์( ผู้เล่นลิเวอร์พูล 1946-53): สองสัปดาห์ก่อนที่จะถึงนัดชิง พวกเราเล่นกับอาเซนอลที่ไฮบิวรี่ และเอาชนะพวกเค้าได้ และก่อนหน้านั้นสักสองสามสัปดาห์ พวกเราก็เจอกับพวกเค้าที่แอนฟิลด์ และก็เอาชนะพวกเค้าได้เช่นกันโดยไม่มีความพ่ายแพ้ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่ามันต้องเป็นโอกาศของพวกเราที่เวมบลีย์

อีริค ดูอิก( แฟนบอล ลิเวอร์พูล) : ในวันนั้นทุกคนต่างก็ต้องยืนชมเกม และส่วนใหญ่ของอัฒจรรย์ก็เป็นแบบ ยืนชม และพวกเราก็ถูกอัดแน่นเหมือนปลาซาดีนกระป๋อง มันแน่ชัดว่ามีคนเข้าดูเกมนี้ถึง 100,000 คน ในวันที่มีฝนตกลงมาอย่างมากมายในความคิดของผมนะ แต่ว่าสิ่งที่รู้สึกอย่างเดียวก็คือมันเป็นเรื่องน่าเกรงขามสุดๆสำหรับคนที่ได้เข้าไปเวมบลีย์ครั้งแรก นั่นแหละถึงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า

อัลเบิร์ต สตับบินส์: เวมบลีย์ เป็นสนามที่มหัศจรรย์สุดๆ พวกเราได้เดินทางไปเตรียมพร้อมก่อนการลงแข่งเพื่อเป็นการสำรวจและเรียนรู้ถึงสภาพสนาม และมันก็เป็นสนามที่สวยงามมากจริงๆ และบรรยากาศครั้งนั้นเป็นสิ่งที่ผมไม่มีวันลืม


ผู้เล่นคนสำคัญและกลายมาเป็นผจก.ในตำนาน
เครดิตภาพ : //www.viewimages.com

แต่ว่าสำหรับผู้เล่นลิเวอร์พูลคนหนึ่งที่ได้เข้ามาเหยียบเวมบลีย์เป็นครั้งแรกแล้วมันก็มีสิ่งที่ทำให้เค้าผิดหวังมากๆ แม้ว่าจะได้ทำประตูมาในนัดรองชนะเลิศ กับเอฟเวอร์ตัน สำหรับบ๊อบ เพลสลี่ย์ โอกาสในการลงเล่นก็เป็นที่ถกเถียงกันในการที่จะให้เค้าได้เล่นกับอาเซนอลหรือไม่ ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เค้าต้องพักไปถึงสี่สัปดาห์ก่อนที่จะถึงแมทช์นัดชิง และแม้ว่าเค้าจะพิสูจน์ว่าเค้าฟิตพอแล้ว บิล โจนส์ก็ยังถูกเลือกให้เล่นแทนที่จะเป็นเค้า

การตัดสินใจนี้ไม่ได้มาจากผู้จัดการทีม จอร์จ เคย์ แต่ว่ามันมาด้วยการตัดสินใจเลือกโดยข้อตกลงของบอร์ดบริหารทั้งเก้าคน ที่ซึ่งมีผลโหวตออกมาเป็น 5-4 ในการเลือก โจนส์ ทิ้งให้เพลสลี่ย์ต้องเต็มไปด้วยความกังวลใจกับการที่ถูกทิ้งให้เป็นเพียงผู้เล่นสำรอง และต้องกังวลกับโอกาสที่จะได้ลงเล่นที่อาจจะไม่ได้เป็นแม้กระทั่งผู้เล่นคนที่สิบสอง

บิลล์ โจนส์ ( ผู้เล่นลิเวอร์พูล 1938-54): บ๊อบ และผม เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด พวกเราทำสิ่งต่างๆร่วมกันมากมายที่สโมสร ผมรู้สึกเสียใจกับเค้าในการที่ผมได้รับโอกาสในครั้งนั้น ผมรู้ว่าบ๊อบก็รู้สึก และเค้ารู้สึกมากๆด้วย

บ๊อบ เพลสลี่ย์ ( ผู้เล่นลิเวอร์พูล 1939-54): ผมไม่สามารถอธิบายอะไรได้ว่าผมรู้สึกอย่างไร เมื่อผมต้องเรียนรู้ว่าผมอาจจะไม่มีโอกาสที่เวมบลีย์ มันเป็นสิ่งเดียวที่คุณฝันได้เวลานั้น หรือไม่ก็เป็นฝันร้ายสุดๆ

ลอว์รี่ย์ ฮิวจ์ส ( ผู้เล่นลิเวอร์พูล 1942-60) : ปกติผมจะเล่นเป็นเซ็นเตอร์ ฮาล์ฟ และบ๊อบจะเล่นฮาล์ฟซ้าย แต่ว่า บิลล์ โจนส์ที่ได้เล่นเป็นเซ็นเตอร์ ในเกมก่อนหน้า ได้รับมอบหมายให้เล่นเป็นฮาล์ฟซ้าย ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีหรือไม่ แต่ผมไม่คิดว่าทั้งทีมสามารถทำงานกันได้ดี อย่างที่ควรจะทำได้ในวันนั้น

กัปตัน ฟิล เทเลอร์ ที่ได้นำหน้าลูกทีมอย่างภาคภูมิ ลงแข่งกับผู้นำทีมฝ่ายตรงข้าม โจ เมอร์เซอร์ ผู้เล่นที่คุ้นเคยกับทีมลิเวอร์พูล เป็นอดีตดาวดังของเอฟเวอร์ตัน ผู้ที่ได้อาศัยอยู่ในย่าน ฮอยเลค หลังจากการย้ายจาก กูดิสัน และได้รับการฝึกซ้อมที่แอนฟิลด์ จนกระทั่งสักสองวันก่อนที่วันสำคัญจะมาถึง


การแย่งบอลของอาเซนอลและ ลิเวอร์พูลในวันที่เจิ่งนอง
เครดิตภาพ: //www.viewimages.com

โจ เมอร์เซอร์ ( กัปตันทีมอาเซนอล): เมื่ออาเซนอล และลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบชิงที่เวมบลีย์ ผมก็ไม่ได้รับโอกาสในการฝึกซ้อมร่วมกับผู้เล่นลิเวอร์พูลอีก ผมต้องฝึกซ้อมของผมคนเดียว ในช่วงบ่าย ที่ผมได้เข้าไปหาผู้เล่นลิเวอร์พูล ผมก็ยังคงบอกพวกเค้าว่า พวกเค้าน่าจะสามารถเอาชนะพวกเราได้ในนัดชิง ผมทำให้พวกเค้ามั่นใจมากๆ และมันก็ทำให้พวกเราดูได้ประโยชน์

เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความสับสนในสีเสือ ทั้งสองสโมสร ก็ถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงสีชุดแข่ง โดยลิเวอร์พูลต้องใส่เสื้อสีขาวกางเกงดำ ในขณะที่อาเซนอล ต้องใส่เสื้อสีทอง และกางเกงขาว ท่ามกลางพื้นสนามที่ลื่นแฉะ ลิเวอร์พูลดูจะเริ่มต้นได้อย่างดูดี แต่ทว่าหลังจากเกมผ่านไปเพียงแค่ 17 นาที พวกเค้าก็ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังจากประตูของ เร็ก ลูอิส และก็ล้มเหลวที่จะกลับมาสู่เกมหลังจากการตกเป็นฝ่ายตาม

ฟิล เทเลอร์ ( ผู้เล่นลิเวอร์พูล1936-54& กัปตันทีมในปี 1950): ด้วยแท็คติกแล้ว อาเซนอลชนะเราได้ตั้งแต่ก่อนลงเล่นด้วยซ้ำ ฟอร์บส์ได้รับการมอบหมายให้หยุด ลิดเดิล ผู้ซึ่งเป็นคนที่ทำประตูให้เรามากที่สุด และ เป็นคนที่ทำให้เราจะได้รับชัยชนะ ด้วยการเล่นทางด้านฝั่งซ้ายด้านนอก และตัดเข้ากลางและทำประตูที่ยอดเยี่ยมได้ และฟอร์บส์ก็รู้ และทำให้เห็นว่าลิดเดิลทำแบบนั้นไม่ได้มากนักในวันนั้น

อีริค ดูอิก: อาเซนอล ทำให้มันแน่นอนว่าลิเวอร์พูลจะคว้าชัยชนะไม่ได้ เพราะว่าพวกเค้าขัดขวางลิดเดิลทุกจังหวะ เท่าที่ผมจำได้ ก็ตั้งแต่เริ่มต้นเกม และแน่นอนเพราะเค้าเป็นผู้เล่นที่อันตรายมาก ผมค่อนข้างจะเสียดายกับมัน เพราะว่าพวกเค้าใช้ผู้เล่นที่แท็คเกิลได้อย่างเด็ดขาดถึงสองสามคน และ แผงหลังของพวกเค้าก็ทำทุกอย่างที่ดูเหมือนกับปฎิเสธการรุกของลิเวอร์พูล แต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกเค้าทำได้ดี

บิลล์ โจนส์: ผมจำได้ว่า บิลลี่ ลิดเดิล ได้รับการกระทบกระแทกจาก อเล็ค ฟอร์บส ซึ่งมันดูไม่ค่อยจะดีนัก

บิลลี่ ลิดเดล: การเข้าสกัดครั้งหนึ่งของอเล็คที่มีต่อผม เป็นที่ถกเถียงกันมากๆว่าเป็นการจงใจทำร้ายโดยมุ่งร้ายต่อผม แต่ผมเชื่อมั่นว่าเค้าไม่เคยมีความคิดนั้น พวกเราได้เล่นร่วมกันให้กับสก๊อตแลนด์ และรู้สึกดีต่อกันมากๆ

ฟิล เทเลอร์ : แม้ว่าเมื่อเกมผ่านไปพวกเราจะเป็นฝ่ายเล่นได้มากกว่าแต่ทว่ามันดูไม่ใกล้เคียงสักเท่าไรที่พวกเราจะทำประตูได้

บิลล์ โจนส์: ผมโหม่งไปชนคานครั้งนึง และมันก็น่าจะเป็นประตู ตีเสมอ 1-1 ไปแล้ว

อัลเบิร์ต สตั๊บบินส์: ความแตกต่างก็คือ การที่อาเซนอลนำอยู่ 1-0 ในขณะที่บอลออกจากเท้าซ้ายของบิลลี่ ลิดเดิล ในทางกราบ และลอยมาทางผมที่พยายามที่จะเข้าไปหาบอลเพื่อเล่นต่อแต่ว่าพลาด เหมือนๆกับสุภาษิตเรื่องลมหายใจของเส้นผมเท่านั้น ผมเชื่อว่าถ้าผมทำประตูตีเสมอได้จากจุดนั้น เราอาจจะกลับมาคว้าชัยชนะก็ได้

ประตูที่ย้ำชัยชนะในถ้วยนี้ของอาเซนอล มาถึงในนาทีที่ 62 อีกครั้งกับการทำประตูโด ลูอิส เฟรดดี้ คอกซ์ ผ่านบอลจากด้านขวา และ ลูอิส ก็ยิงเข้าไปจากระยะ ยี่สิบหลาจังหวะเดียวผ่าน ไซริล ซิดโลว์

บิลลี่ ลิดเดิล: พวกเราสู้สุดชีวิตตลอดช่วงยี่สิบนาทีสุดท้าย เพื่อที่จะตีเสมอให้ได้ และมันก็ทำให้แผงหลังอาเซนอลต้องคอยป้องกันตลอดเวลาที่เหลือ จิมมี่ เพย์น บิล โจนส์ และ วิลลี่ เฟแกน ต่างก็ทำได้ใกล้เคียง แต่ทว่าบอลกลับไม่มีสักครั้งที่จะเข้าไปในตาข่าย

อัลเบิร์ต สตั๊บบินส์: แม้ว่าผลการแข่งจะไม่ได้ออกมาในฝั่งที่เราเป็นผู้ชนะอย่างที่ต้องการ แต่สิ่งที่ต้องจดจำก็คือ การได้เป็นผู้เล่นชุดแรกของลิเวอร์พูลที่ได้เข้าไปเล่นในเวมบลีย์ และมันก็เป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ ผมรู้สึกว่าผมได้อะไรมากกว่าการสูญเสีย เพราะว่าการได้เล่นในนัดชิง เอฟเอคัพ มันเป็นประสบการที่ยิ่งใหญ่มากๆ

เรนเจอร์ ( นักข่าวของลิเวอร์พูล เอ็คโค) : ลิเวอร์พูลสู้เต็มที่สุดๆอย่างกล้าหาญ แต่ทว่าพวกเค้ายังทำได้ไม่ดีพอในการที่จะโจมตีแนวรับที่เหมือนเหล็กกล้าของแผงหลังอาเซนอล
โจ เมอร์เซอร์: พวกเราเอาชนะพวกเค้าได้อย่าขาวสะอาด พวกเราเล่นได้อย่างลงตัวในวันนั้น และฝนที่ตกก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเรา ในขณะที่มันเหมาะสมกับเราด้วยซ้ำไป

บิลลี่ ลิดเดิล : พวกเราได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้ และก็ไม่มีอะไรที่น่าเสียใจอับอายต่อกลุ่มแฟนบอลลิเวอร์พูลเป็นพันๆ ที่ให้การสนับสนุนเรา แต่ทว่าอาเซนอลสมควรกับการเป็นผู้ชนะ

อัลเบิร์ต สตับบินส์: อาเซนอล เล่นได้อย่างดีเยี่ยมในวันนั้น ขณะที่พวกเราทำไม่ได้ และมันก็เป็นสิ่งที่เกิดได้ในเกมฟุตบอล พวกเค้าเล่นได้ยอดเยี่ยม และไม่มีโชคเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเค้าทำประตูได้สองประตู นั่นก็เป็นทุกอย่างของเกมj

แม้ว่าจะพ่ายแพ้ ปาร์ตี้ต้อนรับพวกเค้าก็ยังคงดำเนินไปเป็นการปลอบขวัญและให้กำลังใจต่อพวกนักเตะ ผู้คนมากกว่า 100,000 คนมายืนบนถนนภายในใจกลางเมือง เพื่อที่จะให้กำลังใจต่อผู้พ่ายแพ้ และต่อให้คว้าถ้วยรางวัลได้ ปฎิกริยาจากชาวลิเวอร์พูลก็อาจจะไม่ได้ดีเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว

ผู้เล่น:

ลิเวอร์พูล
– Sidlow, Lambert, Spicer, Taylor, Jones, Hughes, Payne, Baron, Stubbins, Fagan, Liddell.

ผจก.ทีม George Kay

อาเซนอล
– Swindin, Scott, Barnes, Forbes, Compton L, Mercer, Cox, Logie, Goring, Lewis, Compton D.

ผจก.ทีม Tom Whittaker

ผู้ชม : 100,000 คน

The third legend pass to the end but the fourth legend had begun…………………….
นายตั้ม ณ แอนฟิลด์ ( //www.thekop.in.th)
ที่มา LFC Story : //www.liverpoolfc.tv

//www.thekop.in.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=24729#469907







 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550
0 comments
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 8:15:49 น.
Counter : 805 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชายกลางเก่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ส่งข้อความถึงชายกลางเก่า




<< มกราคม 2553 >>
พฤ
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
31
Friends' blogs
[Add ชายกลางเก่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.