ทันทีที่รอน ยีตส์ชูถ้วยเอฟเอคัพขึ้นเหนือศรีษะเสียงเพลง Ee-Aye-Addio, weve won the Cup ก็ดังขึ้นพร้อมกันรอบสนามเวมบลีย์ เหมือนเป็นการประกาศว่า ลิเวอร์พูลจะครองอังกฤษในไม่ช้า ได้มีเสียงร่ำลือมานานแล้วเกี่ยวกับการเชียร์ของเดอะค็อป และวันนั้นเองการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ได้ทำให้แฟนบอลทั่วอังกฤษรู้ว่า เสียงเพลงแบบเดอะค็อปเป็นเช่นไร หลังจากนำถ้วยเอฟเอคัพมาสู่แอนฟิลด์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บิล แชงคลี่ย์ได้กล่าวในภายหลังว่า นี่คือหนึ่งในวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม
คืนนั้นในลอนดอน เดอะค็อปได้ฉาบมหานครด้วยสีแดง มีการเทสีลงไปในน้ำพุย่านจัตุรัสทราฟัลการ์ เพื่อให้น้ำในน้ำพุเป็นสีแดง เดอะค็อปบางคนปีนขึ้นไปผูกผ้าพันคอให้กับรูปปั้นของ Eros ใน Piccadilly Circus ก่อนที่จะบุกยึดย่านโซโหเป็นที่ถัดไป
ทีมหงส์แดงเดินทางกลับลิเวอร์พูลโดยรถไฟและขึ้นรถโค้ชไปยัง City Center ชาวลิเวอร์พูลอย่างน้อย 50,000 คนได้มารอรับนักเตะที่สถานี และจำนวนผู้คนได้เพิ่มเป็น 250,000 คนเรียงรายตามทางไป City Center ในเวลาต่อมา เมื่อรถโค้ชได้เคลื่อนออกจากสถานีรถไป การเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงตะโกน ลิ-เวอร์-พูล!! .ลิ-เวอร์-พูล!! ลิ-เวอร์-พูล!! ดังกระหึ่มไปทั้งเมืองซึ่งทำให้แชงคลี่ย์ถึงกับน้ำตาคลอ เขานึกไปถึงวันที่เขาชนะในคัพ ไฟนั่ลกับเปรสตัน นอร์ทเอนด์เมื่อเป็นนักเตะ แต่ประสบการณ์และความตื่นเต้นในครั้งนั้นไม่อาจเทียบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เลย เขาบรรยายเหตุการณ์นี้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาว่า มันเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราออกจากสถานีรถไฟ เราไม่อาจเป็นสิ่งอื่นใดเลยนอกจากผู้คน พวกเขาปีนขึ้นไปบนกำแพงของร้านค้าต่างๆและทุกที่ที่พวกเขาจะปีนและยืนบนนั้นได้ บางที่ที่พวกเขายืนนั้นเสี่ยงต่ออันตรายอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่กลัว พวกเขาเพียงต้องการเห็นด้วยตาว่าถ้วยเอฟเอคัพได้มาสู่เมืองลิเวอร์พูล โดยนักเตะของเมืองลิเวอร์พูล
ในที่สุด รถโค้ชได้แล่นไปสิ้นสุดที่ศาลาว่าการของเมืองสำหรับพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ เมื่อแชงคลี่ย์และลูกทีมของเขายืนบนระเบียงของศาลาว่าการและมองลงมา สิ่งที่พวกเขาเห็นคือคลื่นมนุษย์จำนวนมหึมา หนังสือพิมพ์ Liverpool Daily Post ได้รายงานในวันรุ่งขึ้นว่า ผู้คน 500,000 คนได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ซึ่งทำให้การต้อนรับ The Beatles เมื่อไม่นานมานี้กลายเป็นของธรรมดาและไม่มีใครพูดถึงไปเลย