LittleMiss Sunshine (2006)
Directors: Jonathan Dayton, Valerie Faris
Writer: Michael Arndt
<< เปิดเผยเนื้อหาพอสมควร >>
ได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อสมัยยังเป็นนักศึกษาค่ะจำได้ว่าวันนั้นเรียนวิชาที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ภาพยนตร์ในชั่วโมงเรียนจะผลัดกันเปิดหนังกลุ่มละเรื่อง แล้วให้กลับไปเขียนวิจารณ์กลับมาส่ง(เขียนเฉพาะหนังกลุ่มตัวเอง) แล้วภาพยนตร์เรื่อง Little Miss Sunshine ก็เป็นหนึ่งในหนังที่เพื่อนๆ เลือกมาเปิดจากวันนั้นถึงวันนี้ได้กลับมาดูหนังซ้ำอีกหลายรอบ และคิดว่านี่คงถึงเวลาแล้วที่จะเขียนถึงLittle Miss Sunshine แม้ว่าคนอื่นๆจะเขียนกันไปหมดแล้วก็ตามที
Little Miss Sunshine เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่แทบจะเรียกได้ว่ามีปัญหา
พ่อ พ่อผู้ไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างจริงจังแต่กดดันให้ทุกคนไม่แพ้ทำให้เมื่ออ้าปากจะพูดทีไร ทุกคนก็มีสีหน้าเบื่อหน่าย
แม่ ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของครอบครัว แต่ก็มีปัญหา แอบติดบุหรี่และมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา
พี่ชาย อยากสอบเป็นนักบิน เขาสาบานไว้ว่าจะไม่พูดอะไรเด็ดขาดจนกว่าจะสอบเข้าสำเร็จนอกจากนี้ยังมีทีท่าขวางโลกและเบื่อครอบครัวตัวเอง
ปู่- ชอบเสพยาและพูดเรื่องลามก
ลุง เกย์ผู้ผิดหวังจากความรักและพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จจึงต้องมาอยู่กับครอบครัวน้องสาวเพื่อบำบัดจิตใจ
น้องสาว ต้นเหตุเรื่องราวของการเดินทางทั้งหมดเธอเป็นสาวน้อยผู้มีความฝันว่าอยากจะประกวดเป็นนางงาม และฝันก็กำลังจะใกล้ความสำเร็จเมื่อจู่ๆเธอก็มีสิทธิ์เข้าประกวด Little Miss Sunshine
เป็นอันว่าทั้งหมดจึงต้องขับรถทางไกลเพื่อพาโอลีฟไปประกวดและเรื่องราวของครอบครัวที่แต่ละคนล้วนไม่ปกติก็เริ่มต้นขึ้น
พาหนะที่ทุกคนใช้เดินทางไปแคลิฟอร์เนียคือรถแวนสีเหลืองคันเก่า เมื่อผ่านการเดินทางที่แต่ละคนไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก รถแวนคันเก่าก็ดันมีปัญหาคือคลัทช์เสีย รถจะวิ่งต่อไปได้ก็ต่อเมื่อสมาชิกต้องลงไปช่วยกันเข็นรถเพื่อให้สตาร์ทติดรถแวนจึงเปรียบเหมือนกับครอบครัวฮูเวอร์ ที่เก่า มีร่องรอยของความบาดหมางและเมื่อถึงเวลามันจึงค่อยๆ เผยส่วนที่สึกหรอออกมา
"หนูไม่อยากเป็นคนขี้แพ้"
"หลานไม่ใช่คนขี้แพ้หรอก ไปเอาความคิดนี้มาจากที่ไหน"
"เพราะพ่อเกลียดคนขี้แพ้"
จนเมื่อการเดินทางยิ่งมีเรื่องยุ่งๆมากขึ้น เมื่อผู้เป็นปู่แอบเสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่ยอมให้ทิ้งร่างปู่ไว้ ทุกคนไม่อยากให้โอลีฟต้องเสียโอกาสแล้วการเดินทางก็ยุ่งขึ้นไปอีก เพราะต้องแอบบรรทุกศพข้ามรัฐและไปให้ทันเวลาบ่ายสามโมง
หนังเสียดสีวงการการประกวดนางงามเด็กอย่างจัดเจนด้วยการให้เด็กๆ ที่แต่งตัวเหมือนบาร์บี้ ฉีกยิ้มอย่างน่ากลัวใส่ชุดว่ายน้ำเดินประกวด จนสุดท้ายเมื่อโอลีฟผู้ใสซื่อแสดงความสามารถด้วยการเต้นตามที่ปู่(ที่ขึ้นชื่อว่าลามก) สอน ทุกคนที่นั่งชมอยู่รับไม่ได้และต้องการให้โอลีฟหยุดเต้นแต่แล้วทุกคนในครอบครัวกลับลุกขึ้นเต้นร่วมกับเด็กหญิงอย่างครื้นเครงแทบจะเรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเต็มใจร่วมมือกันประคับประคองความรู้สึกของคนในครอบครัวไม่ให้แตกสลายหรืออับอายไปมากกว่านี้
นอกจากนี้หนังยังพูดถึงการก้าวผ่านความเจ็บปวดต่างๆ ในชีวิตที่แต่ละคนต้องเผชิญแค่อยู่กับความรู้สึกทุกข์ให้ได้ ไม่ทำให้ชีวิตดิ่งลงเหวก็เพียงพอ
Little Miss Sunshineจัดได้ว่าเป็นหนังเล็กๆ ที่อยู่นอกสายตาใครหลายๆ คนแต่เมื่อหนังเข้าฉายกลับเกิดกระแสเพราะตัวหนังดีเกินที่ใครคาดคิดไว้ นี่จึงเป็นหนังสำหรับครอบครัวที่ทุกคนไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
แม้ครอบครัวจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ สมาชิกแต่ละคนไม่ได้เลิศเลอหรือเก่งกาจแบบที่ครอบครัวในอุดมคติพึงจะมี เปรียบได้กับรถแวนคันเก่าไม่สมบูรณ์พร้อม คลัทช์พัง แตรก็ดังไม่หยุด แต่ถ้าทุกคนพร้อมใจกันเข็น รถแวนก็ยังพาให้ทุกคนไปถึงจุดหมายได้ และการยืนหยัด อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะดีร้ายแค่ไหนก็ตามนี่จึงเป็นความหมายของคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริง
แต่ยังไม่ได้เอามาดูเสียที
สงสัยได้ฤกษ์ดูแล้วครับ 555