หวัด ๒๐๐๙ กับเช้าที่ต้องดูสไลด์
จริงๆอยากให้ใช้คำว่าหวัด ๒๕๕๒ เพราะพุทธศักราชดูจะเข้ากับประเทศเรามากกว่า แต่ทำไมไม่เห็นมีใครเรียกชื่อนี้เลย ใช้แต่ชื่อไข้หวัด ๒๐๐๙ เห็นแล้วมันตะหงิดๆพิลึก
หลังจากการอยู่เวร ER ที่แสนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มีแต่คนเป็นหวัดมากันเต็มโรงพยาบาลไปหมด กลัวกันมาก ตอนนี้มันไม่ใช่ Pandemic (โรคระบาดระดับโลก) แล้ว แต่เป็น Panic (การตื่นกลัวแบบไร้สติ) แทน คือจะมีใครรู้บ้างไหมว่าการติดเชื้อไวรัสเนี่ย ไม่ว่าจะไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ไข้ห่าเหวบ้าบออะไรมันก็อาการคล้ายๆกัน คือมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ร่วมกับอาการอื่นๆก็ว่ากันไป หมอที่ไหนมันจะไปมองไวรัสเห็นฟะ ขนาดกล้องจุลทรรศน์ธรรมดายังไม่เห็นเลย ต้องโน่น กล้องอิเล็คตรอน เวลาจะตรวจหาเชื้อก็ต้องเอาไปทำ PCR (คือเอาไปสกัด DNA) ให้ตายเถอะ ค่าตรวจน่ะ ๔,๐๐๐ บาท ถ้าจะให้คัดกรองทุกคนที่เป็นหวัดจริงๆต้องหมดงบไปเท่าไหร่
ก่อนอื่น คงต้องยอมรับว่าตอนนี้การระบาดนั้นควบคุมไม่ได้แล้ว และผมก็เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยจริงๆมีมากกว่าข่าวที่ลงๆกันอยู่ทุกวันนี้แน่นอน แต่ว่าจำนวนคนตาย เชื่อว่าคงไม่มากกว่าข่าวที่ลงๆกันเอาไว้ ซึ่งนับว่าเป็นอัตราการตายจากโรคที่ "ต่ำมาก" แน่นอนว่า ทุกคนคงไม่อยากตาย และไม่มีหมอที่ไหนอยากให้คนไข้ตาย แต่หมอก็ไม่สามารถมานั่งเฝ้าคนเป็นหวัดได้ทุกๆคนเพื่อระวังภาวะแทรกซ้อน เพราะจำนวนคนป่วยมันมากเหลือเกิน ทางสื่อก็ดี ทางรัฐบาลก็ดี เอะอะๆก็ "รีบไปพบแพทย์" ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแล้วแพทย์จะไปขอพึ่งใคร แรงกับเวลาเราก็มีอยู่เท่านี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเตียง เรื่องยา เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือและทุนทรัพย์ที่ต้องหมดเปลืองเกินกว่าเหตุเพียงเพื่อจะรับมือกับโรคนี้ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการขับมอตอร์ไซค์แล้วไม่ใส่หมวกกันน็อกอีก
ตอนนี้ใครขึ้นก็รีบแจ้นมาหาหมอ ไม่ได้คิดจะดูแลตัวเองเลย ค่ารักษาก็ไม่อยากจะจ่าย คนเรา...
และเพราะเหตุนี้ ไอติมจึงต้องตรวจแต่คนเป็นหวัด ตั้งแต่ห้าโฒงถึงตีสามโดยไม่ได้วางมือ แถมมีคนทำหน้ามุ่ยเพราะรอนานและไม่ยอมรับว่าอาการหวัดนั้นไม่ถือเป็นอาการฉุกเฉินทางการแพทย์ จริงๆตัวเองก็เคยป่วยและเข้าใจดีว่ารู้สึกแย่ได้มากขนาดไหนที่ต้องนั่งรอหมอทั้งๆที่จะรู้สึกเหมือนจะตายแล้ว แต่ว่าอาการอะไรก็ตาม ถ้าไม่ทำให้ตายได้จริงๆแบบตายลงไปเดี๋ยวนั้น ทางการแพทย์เขาไม่ถือว่าฉุกเฉินนะครับ
หลังจากสะบักสะบอมได้นอนตีสาม ตื่นมาเจ็ดโมงก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตายห่า สไลด์ยังไม่ได้ดูเลย ก็เลยต้องรีบกระหืดกระหอบไปที่ศิริราช รีบดูสไลด์ ก่อนกลับมาสลบต่อที่บ้าน โอ้.... หมอ พาโธ โหดร้ายเหลือเกิน ชีวิต
Create Date : 12 กรกฎาคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 22:31:56 น. |
Counter : 573 Pageviews. |
|
|
|