เล่นหุ้นไป.. คาดหวังว่าจะได้อะไร??
บล็อกวันนี้ ได้แรงบันดาลใจ มาจากที่คุยไว้ที่บอร์ด..
***************
คือตั้งแต่คราวโน้น..(ชื่อหุ้น)
ผมก็เตือนตัวเองว่า อย่าพบายามขี้ตามช้าง ผมเป็นแค่มดปลวก เงื่อนไขเงินของผม กับน้อง(สาวคนสวย อิอิ) ต่างกันสิ้นเชิงเลยครับ
น้อง(สาวคนสวย) เงินเย็น เงินใหญ่ ต่อให้เล่นพลาด ความใหญ่ก็ยังคงช่วยอะไรได้เยอะ
หรือหากต้องโดนแช่งแข็งไป ครึ่งปี 1 ปี น้อง(สาวคนสวย) ก็เฉยๆ อาจจะใช้เวลา 2-3 ปี ใจเย็นๆ เพื่อทวงหนี้คืนได้พร้อมดอกเบี้ยคุ้มค่า
แต่เงื่อนไขเงินผม ไม่เหมือนกันครับ ผมแค่จับเอาเงินผมไปแช่งไว้ เดือนเดียวก็เครียดทนไม่ได้แล้ว ..สุดท้าย ถ้าเจออย่างนี้ แม้น้อง(สาวคนสวย) บอกไม่ขาย ผมก็ต้องขายครับ เพราะเงื่อนไขผมกับน้อง(สาวคนสวย)ต่างกัน
ถามว่าไม่อยากกินคำใหญ่หรือ?? ..ตอบว่าอยากครับ
แต่คำใหญ่ที่ว่า มันก็มีทั้งสเต็ก อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารแขก อาหารฝรั่ง ผมอาจจะไม่ได้ชอบรสชาติอย่างที่น้องชอบก็ได้
ก็เลยต้องไปหาอะไรคำใหญ่ๆ แบบที่ตัวเองชอบกินน่ะครับ
..อีกอย่าง ผมเองมีเป้าหมายค่อนข้างแน่ชัดนะ
คือมีเป้าหมายเลยว่า สูงสุด ที่คาดหวังไว้อยู่ที่ไหน จะไปถึงตรงนั้นได้มั้ย? แล้วต้องทำยังไง..
โดยเงื่อนไขของผมวันนี้ ถ้าผมเดินตามแผนไปได้เรื่อยๆ ที่ปลายทาง ในระยะเวลาที่กำหนดไว้คราวๆ ผมน่าจะไปถึงจุดหมายได้ครับ
ถ้าถามผมว่า ระหว่งได้ปีละ 100-200% หรืออาจจะได้แค่10-20% แต่ไม่แน่ไม่นอน ไม่สม่ำเสมอ (เรา)ควบคุม ก่ะเกณฑ์ไม่ได้
เทียบกับ เดินไปแบบมั่นคงเป็นตัวของตัวเอง กะเกณฑ์ พอควบคุม คาดการณ์ได้ในระดับหนึ่ง แล้วได้ปีละ 40-50% อย่างที่คาดหวังว่าจะได้สม่ำเสมอ ..ผมเลือกเดินตามข้อนี้ ไปสู่จุดหมายของผมครับ
ทุกวันนี้ ผมเดินตามเป้าหมายนี้อยู่ครับ ปีละ 40-50% ถ้าได้มากกว่าก็ดี มีโอกาสให้เสี่ยงเพื่อได้มากกว่าก็เอา ..แต่ถ้าโอกาสนั้น เสี่ยงเกินจะรับมือไหว ผมก็ไม่เอาดีกว่า ขอแบบอนุรักษ์หน่อยๆ มั่นใจว่าตัวเองพอทำได้ ค่อยๆ เดินไปสู่เป้าหมาย ไม่เร็วหรือช้าเกิดคาดก็น่ายินดียิ่งแล้วครับ
ทุกวันนี้ เล่นหุ้น ผมต้องบริหารหัวใจด้วย ส่วนไหนเล่นแล้วเครียดเกินไป ผมว่าไม่เอาดีกว่า(อันนี้หมายถึง tfex นะ) ส่วนไหนเล่นแล้วต้องติดพันมากเกินไป ไม่ให้โอกาสตัวเองได้ผ่อนคลาย(เที่ยว)บ้าง ผมก็ไม่เอาดีกว่า
สรุปรวมๆ ว่า เดี๋ยวนี้ ขอกจากบริหารพอร์ตแล้ว ก็บริหารหัวใจ ความใฝ่ฝันไปพร้อมกันด้วย
***************
ข้างบนนี้ คือที่คุยไว้ที่บอร์ด..
จริงๆ ผมเขียนอะไรทำนองนี้บ่อยๆ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ผมคิดถึงบ่อยๆ
และคล้ายจะย้ำคิดย้ำทำอยู่ในที..
ผมมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพด้วยเจตจำนงค์ที่มีมาแต่วัยเด็กเลยครับ
คือถูกคุณครู สอนวิชา สปช. สมัย ป. 4 เค้าหลอกไว้ 555 ..ไม่เชิงหรอกนะ จริงๆ นี่น่ะเป็นคำยกย่องคุณคูรแบบของผมเองแหละ
คุณครูคนนี้ ชื่อครูสันติ นะครับ จำนามสกุลไม่ได้แล้ว คือคุณครูเค้าพูดถึง วิธีรวยง่ายๆ จากตลาดหุ้นไว้ (จริงๆ ถึงวันนี้ นึกถึงที่คุณครูเค้าพูดเล่นไว้ ก็ขำตัวเองนะ - แต่นั่นแหละ มันจุดไฟในตัวเด็กคนหนึ่ง ให้รู้จักคำว่า "ตลาดหุ้น" )
ให้บังเอิญ พอโตขึ้นมา สมัยเรียน ปวช. ยุคนั้นตลาดหุ้นก็รุ่งเรืองมาก ดีเจ เพลงร็อก ก็ยังเล่นหุ้น555(จำชื่อไม่ได้) เอาเรื่องหุ้นมาพูดออกวิทยุ ..ก็ไปปลุกใจให้เด็กบางคน สนใจเรื่องหุ้นขึ้นมา
ตอนนั้น จำได้ว่า เพื่อนบางคน คุยว่า "ต่อไปจะเล่นหุ้น" เพื่อนคนที่ว่านี้ เจอกันครั้งสุดท้าย อาจจะนานนับ 10 ปีแล้ว บอกว่า ยังไม่ได้เล่นหุ้นเลย (อะไรที่เจฟฟี้ เคยห้าวๆ ไว้ , และเป็นไอดอลของเพื่อนรุ่นเดียวกัน หลายอย่างไม่เห็นเจฟฟี้ทำเลย 555 แต่เจฟฟี้ก็ยังคงเทห์อยู่ในสายตาของเพื่อนๆ นะ - ขอให้รู้ ว่าเอ็งเป็นไอดอลคนหนึ่งของตูนะเฟ้ย)
พ้นจากยุคนั้น ก็ให้บังเอิญ ว่าผมดันเข้าไปเรียนสาขา วิชา เศรษฐศาสตร์ เข้าไปเรียน โดยที่ยังไม่รู้เลยว่า เศรษฐศาสตร์คืออะไร? ..แต่พอได้เรียนแล้วก็ชอบ , แม้ผลการเรียนไม่ดีเด่น ออกแนวร่อแร่ด้วยซ้ำ 555
..แต่ถือได้ว่า ตัวผมเองเป็นคนมีแนวคิด การใช้ชีวิต การดำเนินชีวิต ที่ถูกต้อง ในเชิงปรัญชาเศรษฐศาสตร์อยู่เป็นธรรมชาติ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ระหว่างเรียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องหุ้นอะไรเป็นพิเศษนะ แต่เป็นคนชอบตามข่าวสารเศรษฐกิจ เพราะสมัยนั้นอยากเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ ..อีกอย่าง ความที่มีสายเลือดพ่อค้า ทำให้ชอบมองโอกาสทางธุรกิจต่างๆ เสมอๆ คือคิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่ว่าเราสนใจหรือไม่ , ว่าธุรกิจนี้ดีมั้ย ดีอย่างไร อะไรเสี่ยง อะไรได้เปรียบ ชอบคิดในเรื่องทำนองนี้อยู่โดยธรรมชาติ..
เรียนจบออกมา ก็ไม่เคยคิดเลย ว่าอยากจะไปเป็นลูกจ้างใคร เพราะไม่ชอบก้มหัวให้ใคร และขณะเดียวกัน ก็ไม่ชอบให้ใครมาก้มหัวให้
ออกแนว ว่าเป็นพวกนิยมอาชีพอิสระ หรือเป็นเจ้าของกิจการเองมาแต่อ้อนแต่ออด
เมื่อมีโอกาส ก็กำเงินก้อนเล็กๆ มาเริ่มต้นเล่นหุ้น พร้อมด้วยความฝันมากมาย เวลาผ่าน ก็ลองถูก ลองผิดไปเยอะแยะ , เจ็บปวด คลุกเคล้า กระท่อนกระแท่น
แต่ก็ยังลุยอยู่ เพราะรู้สึกว่า "ตลาดหุ้น" มันเข้ากับวิสัยเงื่อนไขเยอะของเรา อาทิ.. อยากรวย แต่ไม่อยากเลียแข้งเลียขาใคร อยากรวยแต่ไม่อยากทำร้ายสังคม ด้วยการขายของ หรือนำเสมอสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ให้สังคมใช้ อยากได้เงินใช้ง่ายๆ แบบไม่เหนื่อยแรงมากนัก อยากได้เงินมากๆ แต่อยากมีเวลาพักผ่อนท่องเที่ยวเยอะๆ ด้วย 555 ดูเงื่อนไขแต่ละข้อดิ..
แต่ทุกข้อ "ตลาดหุ้น" ตอบโจทย์ได้เกือบหมดนะ
..แย่หน่อย ที่ว่า ตลาดหุ้นไม่ใช่ของง่ายๆ ตลาดหุ้นเต็มไปด้วย การเอารัดเอาเปรียบ ความไม่เท่าเทียมกัน หลายมาตราฐาน ข่าวหลอก ข่าวลวง ข่าวเท็จสามตลบ การใช้ข้อมูลวงใน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผลประโยชน์แอบแฝงมหาศาล
เล่นหุ้นเครียดมาก เครียดสุดๆ , บางคนเก่ง บอกว่าไม่เครียดเลย ก็น่ายกย่อง แต่น้อยคนนักที่จะ ไม่เครียดในตลาดหุ้น เพียงแต่จะจัดการกับความเครียดตัวเองยังไงเท่านั้น?
ผมเอง พยายามบอกคนที่ผ่านเข้ามาทักทาย ไต่ถาม เสมอๆ ว่าเล่นหุ้นต้องมีเป้าหมาย
ความหมายหลักๆ คือ ต้องมีเป้าหมายเชิงรูปธรรม แล้วค่อแปรเปลี่ยน มาเป็นเป้ามายทางการเงิน เป้ายหมายการลงทุนถัดมา
เช่น สมมติ ว่า เราอยากมีบ้านสักหลัง มีขนาดพื้นที่พอประมาณ มีสนามหญ้า มีปลูกสวน มีสระว่ายน้ำ มีลาดกว้างๆ ให้ลูกหัดวาดรูปเล่น มีเงินเก็บสัก 10 ล้าน แล้วก็สร้างครอบครัวเล็กๆ อบอุ่น ไม่ทะเย่อทะยานเกินไป
เราอายุเท่านี้ ทำงานอะไรอยู่ มีเงินเก็บเท่าไหร่ ..ตั้งเป้าว่า จะมีสิ่งที่ใฝ่ฝัน ในอายุเท่าไหร่??
ก็ต้องแปรเปลี่ยนทั้งหมด มาเป็นตัวเงินดูสิ..
วันนั้น ต้องมีเงินเท่าไหร่ ถึงจะทำสิ่งที่ใฝ่ฝันได้ สมมติว่า ต้องมีสัก 40-50 ล้าน
แล้ววันนี้ เรามีเงินเก็บสักเท่าไหร่ สมมติ เราเพิ่งทำงาน มาไม่กี่ปี อายุ 20 กลาง มีเงินเก็บสัก 2 แสน อยากมีเงินเก็บสัก 40-50 ล้าน ภายในอายุ 50 ปี
เชื่อมั้ย จากเงินต้น 2 แสนบาท โดยสมมติว่า ยังมีงานประจำทำอยู่ ไม่ต้องถอนเงินกองนี้ออกมาใช้เลย
จากเงินต้น 2 แสนบาท ในอายุ 25 ปี หารายได้จากตลาดหุ้น แบบทบต้นไปเรื่อยๆ ทำโดยมีเป้าหมาย ให้ได้ผลตอบแทน ปีละ 25% จากกองเงินต้นของต้นปี ในอายุ 50 ปี ..คุณจะมีเงิน มากกว่า 40 ล้านบาท!!
40 ล้านบาทสุทธิ เป็นเงินสด ไม่รวมกับ เงินจากรายได้ประจำทางอื่น
นี่คือ สิ่งที่ผม บอกกับคนที่เข้ามาทักทายผม ว่าเล่นหุ้นต้องมีเป้าหมาย
เป้าหมายต้องเป็นรูปธรรม ชัดเจน แล้วจึงค่อยๆ สอบถามเงื่อนไขตัวเองดูอีกที ว่าวันนี้เรามีต้นทุนเท่าไหร่ , และเป้าหมายปลายทางเราอยากได้อะไร?? จากนั้น ตัดทอนมันออกมา ให้เป็นในรูปของแผนการลงทุนอย่างมีระบบ
แผนการลงทุนที่เป็นไปได้จริง ในแง่ของการปฎิบัติ
ถ้าเรามีแผนการดังนี้ เราสามารถค่อยๆ เดินไปสู่เป้าหมายได้ จะไม่ถูกแรงยั่วยุ กิเลสของความโลภเข้าครอบงำ
การเล่นหุ้นให้ได้กำไรปีละ 25% สำหรับผม ถือว่า ไม่ใช่ของยากเกินกว่าจะทำกันไม่ได้ ..เพียงแต่ เราต้องใช้เวลาในการศึกษา บ้างพอสมควร , และแน่นอนว่า ในตลาดหุ้น คุณก็ต้องทำงานหนัก เพื่อความสำเร็จไม่แพ้งานใดๆ ในโลกนี้
เพียงแต่ในตลาดหุ้น งานหนัก มันจะมาในรูปของการวิเคราะห็ข้อมูล มันจะมาหนักลงที่สมอง และหัวใจ ..ไม่ใช่แรงกาย อย่างงานทั่วไปนัก
ในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง และผลตอบแทนความเสี่ยง ก็คือกำไร
การเล่นหุ้นโดยรักษาความมีสติ ไม่ประมาทไว้ได้ ความเสี่ยงก็น้อยลง
ตลาดหุ้นในบางด้าน ถูกกล่าวหาว่าเป็นโลกของการพนัน แต่นั่นเป็นมุมมองของนักการพนันที่จะกล่าวหากัน!! (คนที่พูดก็เพราะมีนิสัยชอบการพนัน นั่นแหละ จึงกลัวตลาดหุ้นในแง่มุมนี้)
แต่ตลาดหุ้นเป็นที่สำหรับคนมีแผนการ และมีเป้าหมาย คุณคาดหวังจะได้อะไรจากตลาดหุ้นหล่ะ??
อย่าลืม.. ก่อนจบบล็อกนี้ ขอย้ำอีกที..
เล่นหุ้นต้องมีเป้าหมาย.. หาเป้าหมายเชิงรูปธรรมของคุณให้เจอ ตัดทอนมัน แล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นเป้าหมายการลงทุนของคุณ
เป็นกำลังใจให้ทั้งตัวผม และทั้งคุณเลยนะ.. เอาใจช่วย สู้ๆๆ
Create Date : 25 สิงหาคม 2552 |
|
26 comments |
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 13:02:56 น. |
Counter : 601 Pageviews. |
|
|
|
เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะพี่m&m