บันทึกการพิชิต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ของ นร ป โท อังกฤษ วัย 26 ปี (Hodgkin Lymphoma)

<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 สิงหาคม 2557
 

ตอนที่ 23 - ผ่าตัดหัวใจ



ต่อจากตอนที่แล้ว 

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่นอนร้องไห้ใน ห้อง CCU คนเดียว 1 คืน ก็ได้เจอหน้าน้องสาวซึ่งมาดักรอหมอตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะว่าไม่รู้หมอจะมาเยี่ยมกี่โมง แต่ปกติ คือเริ่มที่ 7 โมง พอเห็นหน้าน้องสาว น้ำตาก็จะไหลอีกรอบ

เรา : แก ป๊าไม่สนใจชั้นแล้ว เมื่อวานป๊าหันหลังกลับ เดินออกไปเลย ไม่พูดอะไรเลย

น้องสาว : เออ เมิงอย่าคิดมาก ป๊าเค้าโกรธ และโมโห ที่มันไม่จบซักที ทั้งๆที่ทุกอย่าง ดูเหมือนดีขึ้น แต่มันไม่ใช่! ป๊าเค้าเจ็บใจ เหมือนเค้าทำให้เมิงทุกอย่าง ทำดีที่สุดแล้ว แต่ผลมันออกมามันไม่เป็นอย่างที่หวัง เมิงเข้าใจใช่ป่ะ

เรา : อืม เข้าใจ (พยักหน้า หงึกๆ)

น้องสาว : เออ เมิงไม่ต้องกลัว เดี๋ยวป๊าก็มา รพ หาแก เชื่อดิ เนี่ย..โทรมาละ (เสียงโทรศัพท์มือถือน้องดัง จับใจความได้ว่า ป๊าอยู่หน้าห้องวอร์ด ccu แล้ว แต่เข้ามาไม่ได้ ให้น้องสาวไปเปิดประตูให้)

เรา : หรออ จิงหรอออ (ในใจนี่โคตรดีใจอะ ยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อวานโดนทิ้ง  พูดเหมือนจะไม่สนใจแล้ว แต่ การกระทำมันไม่ใช่เลย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ  ป๊าคงกลับไปนอนคิด ตั้งหลักทั้งคืน ว่าจะเอายังไงต่อ และวันรุ่งขึ้น มาที่ รพตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อมาดักรอหมอ )


คุณหมอคนแรก ที่ป๊าเจอ คือ หมอหัวใจ ซึ่ง เมื่อวานเย็นไ ด้ทำเอคโค่ กันไปแล้วและเช้านี้ ดูเหมือนคุณหมออยากจะเชค อะไรซักอย่างเพิ่ม จึงมาขอทำเอคโค่อีกรอบ ซึ่งพอทำเอคโค่ อีกครึ่ง ชั่วโมง เสร็จ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม คือ เรามีก้อน หรือ อะไรซักอย่างอยู่ในหัวใจ จริงๆและเยื่อหุ้มหัวใจก็มีน้ำอีก 3 ซม ซึ่ง คุณหมอบอกเองว่า เกิดมาไม่เคยเจอ ก้อนที่อยู่ในหัวใจ แบบเคสนี้เลยบอกป๊าว่า เพื่อความชัวร์ เดี๋ยวขอตามอาจารย์ ซึ่งเป็นมือหนึ่งด้านศัลยกรรม หัวใจ เคยอยู่ทีมแพทย์ที่ดูแลในหลวง ชื่อ ศาสตราจารย์ คลินิค สมชาย ศรียศชาติ  วันนี้ อกตรวจที่ รพ ธนบุรี พอดี พออาจารย์ สมชาย มาถึง ก็เอาหูฟัง มาฟังเสียงที่หัวใจเราเลย อาจารย์ พูดคำเดียว ว่า อื้ม..หัวใจมีเสียงผิดปกติ เหมือนอะไรไปตัน โอ้โห ! อาจารย์ อย่างเทพ แค่ฟังอย่างเดียวก็รู้ว่ามีอะไรไปอุด ทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูชารท์และผลเอคโค่เลย สมแล้วที่เป็น ศาสตราจารย์จริงๆ และเพื่อความสบายใจของญาติ  อาจารย์จึง ให้คุณหมออีกท่าน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทำ เอคโค่ มา ดับเบิ้ล เชค เพื่อคอนเฟิม ผลเอคโค่ อีกที ก่อนที่จะวางแผนผ่าตัด ซึ่งคุณหมอที่มาทำเอคโค่อีกครั้งให้นั้น ชื่อ คุณหมอ จารุพิมเป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญ ด้านเอคโค่ ในเด็ก สาเหตุที่ต้องเรียกคุณหมอ คนนี้มาทำเอคโค่ ก็เพราะว่า ซี่โครงเราเล็กมากและตัวเราก็เล็ก ประกอบกับ หัวใจที่เต้นเร็ว อยู่ที่ 130 ครั้ง ต่อ นาที ทำให้การ ทำเอคโค่ นั้นเป็นไปได้ยาก ต้องหาตำแหน่งมุมกล้องจริงๆ เพื่อวัดขนาดก้อนและ ดูว่า ไปขวางตรงไหนข้างในหัวใจบ้าง

หลังจากทำเอคโค่
3 รอบ จากคุณหมอหัวใจ ทั้ง 2 ท่าน ก็สรุปผลตรงกันว่า มีก้อนในหัวใจไปขวางทางเดินของหลอดเลือด จากหัวใจห้องล่างขวา ไปยังปอด ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ก้อนนี้ไป เบียดทางเดินของเส้นเลือดใหญ่ เหลือแค่ 20 % ในการไหลเวียน ทำให้หัวใจเราทำงานหนักขึ้น ส่วนอาการที่หัวใจโต เต้นเร็วและมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจนั้น เป็นคนกรณี กับที่ก้อนไปอุด และ ต้องผ่าตัดโดยด่วน  การผ่าตัดจะแบ่งเป็น สอง เรื่อง คือ 

1. ก้อน ในหัวใจ ห้องล่างขวา (RV Mass ) : อาจารย์สมชายบอกว่า ขณะผ่าตัดจะทำ Frozen คือ ตัดชิ้นเนื้อ ออกไปบางส่วนเพื่อส่งทำแล็ปเลย โดยจะให้ห้องแล็ปเตรียมแสตนบาย ไว้ และจะรอผลชิ้นเนื้อออกประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นชิ้นเนื้อดี (Benign) ก็จะผ่าก้อนชิ้นเนื้อ ออกมาหมด  แต่ถ้าชิ้นเนื้อออกมาเป็นมะเร็ง จะ ไม่ผ่า ออกหมด จะต้องใช้ยาคีโม ในการรักษา และที่ไม่ผ่าก้อนออกหมดเพราะว่า จะได้ ใช้เป็นการประเมิน ว่า เวลาให้ยาคีโม เราตอบสนองกับยามาแค่ไหนถ้าตอบสนองกับยา ก้อนก็จะยุบ แต่ถ้าไม่ยุบ ก็ต้องเปลี่ยนสูตรยา

2.
น้ำในเยื่อหุ้มปอด 3 ซม : อาจารย์หมอ สมชาย อธิบายว่า ปกติคนเราจะมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ปริมาณ 0.5 ซม เปรียบเสมือน ถุงพลาสติกบางๆที่ห่อหัวใจไว้ เพื่อให้หัวใจบีบตัวได้ดีขึ้นซึ่งเคสนี้ จะต้องผ่าเอา เยื่อหุ้มหัวใจออก เพื่อเปิดทาง ระบายน้ำออกจากหัวใจไปยังที่ปอด ซึ่งที่ปอดจะมีบริเวณกว้างกว่า และน้ำจะหายไปเอง ตามธรรมชาติ เราจะไม่ใช้วิธีการเจาะน้ำออก เหมือนเวลาเรามีน้ำท่วมปอด เพราะว่า หัวใจเราเต้นเร็วมาก โอกาสที่แทงเข็มแล้วไปโดนเนื้อหัวใจนั้นมีสูงมาก

ตอนนั้นในใจเราคิดว่า สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหัวใจเรา ไม่น่าเกี่ยวข้องกับ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ โรคหลัก ของเรา และอาจารย์ธีระ (หมอเจ้าของไข้) ก็ยืนยัน และบอกเองว่า Hodgkin Lymphoma ไม่มีทางที่จะเข้าหัวใจ ถ้าเป็น Non-Hodgkin lymphoma นี่อาจมีสิทธิ์ เราเองก็สบายใจไปเปราะนึงว่าคงไม่ใช่โรคกำเริบ อาจเป็นแค่ลิ่มเลือด ธรรมดา แค่ผ่าออกก็คงจบเรื่อง



วิ่งเรื่องผ่าตัด
การผ่าตัดต้องทำอย่างเร่งเด่วน หรือ ทันที แต่เนื่องจากว่า วันนั้นเป็นวันอังคาร ที่เราแอดมิน รพ ธนบุรี และ คุณหมอ สมชาย บอกว่าไม่สามารถผ่าที่ รพ นี้ได้ เพราะทีมไม่พร้อม ต้องใช้ทีมใหญ่ เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ ป๊าเลยไปวิ่งเรื่องที่ศิริราช ในวันพุธ เพื่อขอทำคิวผ่าตัด ขนาดเป็นคิวที่อาจารย์แทรกให้ ยังต้องรอ อีกสอง อาทิตย์ เป็นคิวต้นๆ จาก
60 กว่าคิว โอ้โห คนรอผ่าเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย และขนาดชั้น ไปแทรกคิว เค้า ได้คิวต้นๆก็ยังต้องรอ อีก 2 อาทิตย์ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ที่ รพ ศิริราช มี ห้อง ICU ของหัวใจ อยู่ ประมาณ 10 ห้อง ซึ่ง ป๊าโทรไปเชคแล้ว ปรากฎว่า มี 5 ห้อง ที่นิ่ง ไม่ยอมออกมา เดือนนึงแล้ว อีก 5 ห้อง ก็ต้องลุ้นเอาว่าจะออกเมื่อไหร่และ ถ้า คิวอาจารย์ว่าง ห้องผ่าว่าง แต่ ห้อง ICU ไม่ว่าง ก็อดผ่า รอต่อไปอีกอาทิตย์นึง เพราะอาจารย์มีคิวผ่า แค่อาทิตย์ละครั้ง และหลังผ่า ก็ต้องอยู่ห้อง ICU เพื่อพักฟื้น 1 คืน อื้มหืมม ชีวิตช่างไม่แน่นอนจริงๆ ปัจจัย ภายนอกมันเยอะ เหลือเกิน

ป๊าเอง ก็ไม่นิ่งนอนใจรู้อย่างนี้แล้ว ก็เลย วิ่งไป รพ ศิริราชปิยะมหาการุณย์ เพื่อเชค ตารางผ่า อาจารย์เชคห้องผ่า เชค คิว ปรากฎว่า สามารถผ่าได้เลยวัน ศุกร์ นี้ (วันที่วิ่งเรื่องติดต่อเป็นวันพุธ) และก็เป็นทีมเดียวกับฝั่ง ศิริราชป๊าเลยโทรมาบอกเรา ว่า พรุ่งนี้มาแอดมิด ตรวจร่างกายเตรียมผ่า ที่ รพศิริราชปิยะมหาการุณย์ เลย ในใจนี่คิด โอ๊ย ชั้นยังไม่พร้อมม ทำไมมันเร็วแบบนี้นะ ยังไม่ทันตั้งตัว เตรียมใจ ปุ๊ปปั๊ปต้องทำการใหญ่อีกแล้ว และครั้งนี้ป๊าบอกว่า ให้เราออกเงินเองทั้งหมด โอ้ยขายหุ้นแทบจะไม่ทัน โยกบัญชี โน่นนี่นั่น ใครจะไปคิดว่า เงินเก็บที่ลงทุนไว้ และเงินเก็บจากการทำงาน มา 2-3 ปี จะหมดเพราะ การซื้อใจ (ผ่าหัวใจ) ครั้งนี้ และราคาที่ผ่าหัวใจ นี่ไม่ใช่เล่นๆหลักล้าน แพงกว่า ฝั่งเก่า สามเท่า เฮ้ออออ หัวใจจะวาย ก็ตอนเห็น ใบประเมินราคาเนี่ยแหละ

เตรียมตัวก่อนผ่า
มีเวลาแค่ประมาณ วันกว่าๆ ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด มีเพื่อนหลายคนส่งข้อความทาง ไลน์มาให้กำลังใจบางคนก็มาเยี่ยม และบอกว่าจะรอ จนกว่าเราจะออกจากห้องผ่าตัด ^____^ เพื่อนบางคน ถึงขนาดเอาเบอร์เราไปให้แม่ชีเพื่อให้แม่ชีสอนวิธีการแยกจิต ระหว่างความเจ็บปวดของร่างกาย กับจิตใจของเราเอง คืนก่อนผ่าตัดก็ได้คุยโทรศัพท์กับแม่ชีท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า เราต้องยอมรับความจริงว่าร่างกายมันเจ็บ อย่าไปคิด อย่าไปฝืนว่ามันไม่เจ็บ หลังจากนั้นก็เพ่งจิตไปตรงที่เจ็บมากๆ และทำใจเป็นสมาธิ คิดว่าเป็นนิวรณ์จิตอยู่กับปัจจุบันขณะ กับความเจ็บ และอาจเข้าสมาธิ โดยการสวดมนตร์ หรือแผ่เมตตาขณะที่จิตเพ่งสมาธิ ไปที่ตรงที่เจ็บตรงนั้น เราเองก็จำวิธีการมาอย่างดี แต่จะปฎิบัติได้ไหม นั้น เดี๋ยวรู้กัน หลังผ่าตอนฟื้น J

เรื่องเล่าในห้องผ่าตัด

ก่อนที่จะเข้าห้องผ่าตัด ในวัน ศุกร์ ตอนเย็น นั้น ต้องอดน้ำและอาหารตั้งแต่ 10โมง เช้า และต้องสวนทวารด้วย เพื่อที่จะให้ ขี้ไม่แตก หรือ สำลัก ขณะผ่าตัด เวลาผ่าตัดจริงๆ คือ 1 ทุ่ม ตรง แต่ เราต้องถูกเข็น เพื่อไปเตรียม ร่างกายให้พร้อม ตั้งแต่ 4 โมงเย็น โดยคุณพยาบาลจะให้ยาคลายเครียดทานก่อน เป็นเม็ดเล็กๆ ซึ่งจริงๆแล้ว ควรจะเคลิ้มๆแบบจะหลับผ่อนคลาย แต่ ตอนที่ถูกเข็นไปอยู่ในห้อง เตรียมตัว นี่ ไม่เคลิ้มเลยจ้าในใจนี่คิดเลยว่า หืมม ยังมีสติดีมาก สงสัยยาผ่อนคลายจะไม่ได้ผลตรูเครียดกว่าเดิม เราก็เลย ท่องบทสวดมนตร์ อิติปิโส ไปเลย กี่จบก็ไม่รู้รู้แต่ว่า ประมาณ เกือบ ชม เพื่อให้เกิด สมาธิ จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน และก็ถึงคิวเราที่ คุณพยาบาลเข็นไปห้องล้างตัว ทำการแว็กขน หน้าอกขนรักแร้ ขนที่น่อง และบิกี่นี่แว็ก พร้อมกับ เช็ดตัวเราอีกรอบ แบบจัดเด็ม เพื่อความสะอาด กันติดเชื้อก่อนที่จะเข็นเข้าห้อง ผ่าตัดใหญ่จริงๆ ซึ่งแบบครั้งแรก ที่ถูกเข็นเข้าไป นี่ความรู้สึก ว้าว มากก ชอบบ มากก เหมือนห้องผ่าตัดใหญ่ในเกาหลีเลย (ดูจากในหนังซีรีสเกาหลีเอา) มีจานไฟ ใหญ่ๆ สามอัน ทุกอย่างเป็นสีฟ้าสดใส แม้แต่ชุดคุณหมอ และผู้ช่วยแพทย์อุปกรณ์ครบครัน แสงไฟสีขาวสว่างจ้า เครื่องมือทันสมัยคือห้องมันใหญ่มากและสวยมากจริงๆ ยิ่งทำให้มั่นใจ ว่าตรูรอดแน่ เพราะห้องผ่าตัดมันอลังการ คงเป็นไซส์ใหญ่สุดแล้วมั้ง เราเคยผ่าตัดที่บำรุงราษฏร์ อันนั้น ออกแนว ไฟเหลืองๆ ห้องสีโทนมืดๆ เขียวอ่อนๆ บิ้วอินสวยๆ แต่ทุกอย่างเป็นแสตนเลส เหมือนห้องครัวให้ความรู้สึกเตรียมตัวขึ้นเขียงยังไงไม่รู้ ส่วนห้องผ่าตัดที่ รพ ธนบุรี นั้นจากประสบการณ์ ที่เคย ส่องกล้อง และทำพอรต์ เป็นห้องแบบเก่า เห็นคราบเลือด อยู่เลย แถม ทุกอย่างเป็นสีเขียวเข้มๆมันคือ ห้องผ่าตัดจริงๆ เหมือนในหนังอ่าแหละ แต่ด้วยสี และบรรยากาศ นี่ทำเราขวัญเสียไปเลย สรุปว่า ผ่าตัดที่ ปิยะมหาการุณย์ นี่ได้เทคโนโลยีใหม่ ห้องดี คนไข้อยากนอน รอมีดหมอจ้า และระหว่างที่เราถูกย้ายไปเตียงผ่าตัด ซึ่งขนาดเล็กมาก คือถ้าพลิกตัวนี่ มีสิทธิ์ตกได้ เพราะว่า ไซส์พอดีมาก เพื่อให้หมอ ได้ใกล้ชิดคนไข้ที่สุดมั้งพอพยาบาลย้ายเราไปเตียงผ่า ซึ่งในนั้นมีประมาณ 11 คน ผู้ช่วยแพทย์ก็มาล้อมวงเราประมาณ 4-5 คน เพื่อติดอุปกรณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราหันหน้าไปหาหมอ วิสัญญีเพื่อที่จะบอกว่า “ใช้เข็มเล็กนะคะ เส้นหนู……(เล็กมาก คือ หลับก่อนที่จะพูดจบ ประโยค คุณหมอวิสัญญี นี่ เร็วชะมัด ยังไม่ทันพูดจบชั้นก็สลบซะละ


ขณะผ่าตัด

อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น คุณหมอ ได้สั่งห้องแล็ป แสตนบาย เพื่อ ที่จะได้รู้ผลชิ้นเนื้อ ก่อน ที่จะเย็บปิดหน้าอก ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ประมาณ ครึ่ง ชม หลังจาก ผ่าตัดและส่งไปทำแล็ป ก็รู้ผลซึ่งผลปรากฎว่า ชิ้นเนื้อที่สุ่ม ตัดไปส่งนั้น เป็น Benign ซึ่งเป็นเนื้อดี ทีมคุณหมอ จึง ผ่าชิ้นเนื้อ นั้น ออกมา ให้มากที่สุดเหลือไว้แค่ส่วนที่ ติดกับผนังหัวใจ ที่ไม่สามารถเลาะออกมาได้ โดยคุณหมอ อธิบายว่า ชิ้นเนื้อที่เปิดออกมา ตอนผ่าหัวใจนั้นเป็นลักษณะ สีเหมือนเนื้อปลา คือเป็นสีขาว กดแล้วบุ๋มเหมือนเต้าหู้แข็ง ซึ่งโดยปกติ ถ้าเป็นเซลล์มะเร็งจะเป็นแบบช้ำเลือดช้ำหนอง เหมือนพวงองุ่น หรือ สตอเบอรี่ เน่าๆ คุณหมอสมชาย ผ่ามา 30 ปี ไม่เคยเจอก้อนเนื้อในหัวใจ มีแต่เจอข้างๆ หัวใจ ซึ่งคุณหมอบอกว่า เป็นเคสที่ผ่ายาก แต่การผ่าตัด ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ตลอด 4 ชม การผ่าตัดแบบเลาะซี่โครงเปิดหัวใจนี้ จะต้องทำการต่อหลอดเลือดที่เข้าออกหัวใจไปเข้าเครื่องปอดเทียมหัวใจเทียม(Cardiopulmonary bypass, CPB) คุณหมอ จะ Freeze ให้หัวใจของเราหยุดเต้น ก่อนเพื่อทำการผ่าตัด จะผ่าไปเต้นไปไม่ได้นะจะ แล้วพอผ่าตัดหัวใจเสร็จ ก็ค่อยใช้ไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ ให้ขึ้นมาเต้น อีกที ฟังวิธีการ แล้วนี่อยาก จะเป็นลม ดีนะ มารู้ขั้นตอน หลังผ่าไม่งั้นคงจิตตกอีกรอบ




ฟื้นตัว ในห้อง CCU

หลังจากสลบ ไป 4 ชม ก็ลืมตา สลึมสลือ ในห้อง CCU มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด มีหลายสายทั่วทั้งตัวมากตั้งแต่สายที่เจาะเข้าไปที่คอ เพราะเราโดนให้เลือดทางคอ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ สายที่แขนทั้งสองข้างสายเดรนเพื่อจำกัด ของเสียที่ท้อง สองเส้น สายท่อปัสสาวะ สายน้ำเกลือ และก็ท่อหายใจขนาดใหญ่ ที่สอดลงไปคอถึงปอด เป็นท่อหายใจที่มีลูกสูบ เหมือนลูกกลมใหญ่ๆในฝาโถส้วม 55 ไอ้ท่อหายใจขนาดใหญ่ เนี่ย ทำให้เราไม่สามารถพูดหรือ เปล่งเสียงออกมาได้เลย เราถูกปลุกด้วยยา ที่คุณหมอวิสัญญีฉีดเข้าไปให้ หมอนี่เก่งจริงๆ กะเวลาเราหลับกะเวลาเราตื่นได้ พอตื่นขึ้นมาได้ซักพักแบบสลึมสะลือ ตอน 5 ทุ่ม คุณหมอ ก็อนุญาติให้ เพื่อนสนิทมิตรสหายที่รออยู่หน้า ห้อง เข้ามาหาเรา น้องสาวเรากับเพื่อน พอเข้ามา ก็ปรบมือ เย่ กันยกใหญ่ อัพเดช ข่าวให้เราฟังว่า ชิ้นเนื้อเป็นชิ้นดีการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี เสียเลือดน้อย เราเก่งมากก หลังจากเห็นเพื่อนพี่น้องยืนยิ้ม และได้ยินข่าวดีก็เลยหลับต่อ คุณหมอ กับพยาบาลก็ขอเจาะเลือดอีกครั้ง เพื่อที่จะดูว่า เราต้องเติมเลือดเพิ่มอีกมั้ย และก็ฉีดมอร์ฟีนให้เพิ่มตอนประมาณ เที่ยงคืนกว่าๆ หลังจากนั้น เราก็ไม่ค่อยได้นอนเลย เพราะพยาบาลเดินเข้าเดินออก ตลอดเวลา เกือบทุกชม ตั้งแต่เดินมา ชักสายเดรนที่ท้องเป็นสายที่กำจัดของเสียทิ้ง โอ้ยบอกเลยว่าเจ็บมาก สาวสายอยู่นั่นแหละ ไม่จบไม่สิ้นซักที และอีกชั่วโมงก็มา เอาสายปัสสาวะออก (ไม่น่าละถึงต้องทำบิกินี่แว็ก 55 เข้าใจละ) อีก ชั่วโมงต่อมา ก็เดินมาให้ยาฆ่าเชื้อเป็นขวดที่แขวนข้างๆ ระหว่างนี้ เราก็แทบไม่ได้พักร่างกายรู้สึกเกร็งไปหมด เมื่อยคอและไหล่มาก อาจเพราะมีเข็มปักคาอยู่ที่คอขยับตัวก็ไม่ได้ เพราะว่า ถูกมัดมือสองข้างกับเตียง พยาบาลบอกว่าคนไข้บางคนตื่นมาตกใจ ดึงสายต่างๆทิ้งๆ เลย ต้องล็อกเอาไว้ พอจะพูดก็พูดไม่ได้ เปล่งเสียงก็ไม่ได้พอประมาณตีสี่ พยาบาล ก็เข้ามาเติมเลือดให้อีกถุง ซึ่งตอนนั้น เรามีสติเกือบ 100% ละ ปรากฎว่า พยาบาล เผลอเอามือ เกี่ยวสาย ทำถุงเลือด ตกแตกกระจายคาพื้นค่า OMG !! เห็นจะๆ เลือดสาดกระจายเต็มพื้น สยองมาก คุณพยาบาล เลยไปเรียกแม่บ้าน มาทำความสะอาดซึ่งคุณแม่บ้านเนี่ย ก็ทำเกินหน้าที่ดีมาก ขัดเลือดที่ติดอยู่ที่เตียงเรา อย่างแรง เตียงเรานี่โยกไปโยกมา เจ็บมาก คิดดูว่า แผลผ่าตัด เพิ่งผ่าเสร็จ นะคร้าและโดนแรงกระแทก ของแม่บ้านไป น้ำตาจิไหล จะพูดจะเปล่งเสียงก็ไม่ได้ ได้แต่เตะขา ดิ้นๆ อยู่บนเตียงซึ่งนางก็ไม่สนใจ เพราะใส่หูฟัง อยู่ เป็นโมเม้น ที่ทรมานมาก กว่าที่แม่บ้านจะขัดเตียงเสร็จนี่ เอาเราเกือบแย่ พอประมาณ หกโมงเช้า คุณพยาบาลกับคุณหมอก็มาช่วย ถอดเครื่องหายใจออกอีลูกสูบกับท่อนี่แหละ อันนี้ทรมานมากกเหมือนสภาพ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะอ๊วกออกมา ตอนที่พยาบาลพยายามดึงท่อหายใจออกมา บอกเลยว่าไม่เอาอีกแล้วจ้า


พอเราเริ่มหายใจเองได้ ตอน 7 โมงเช้า พยาบาลก็ เข็นข้าวต้มมาให้กิน บอกเลย ว่า กินไม่ลงคร่า เจ็บไปหมด แต่รู้สึกหิวน้ำมาก จึงดื่มน้ำผลไม้ไป ครึ่งแก้ว สดชื่นมาก หวานๆเย็นๆ หลังจากจิบ ไปสองอึ๊ก ก็ต้องหยุดเลย เพราะว่าน้ำผลไม้มันมีกาก และหวานเกินไป ทำให้ยิ่งดื่ม ก็ยิ่งไอ เป็นอะไรที่ เหนื่อยและทรมานสุดๆ เพราะว่าเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ไอหนึ่งที นี่กระเพื่อมสะเทือนไปทั้งอก และพอเริ่มไอ ก็ไอไม่หยุดเลย กว่าจะหยุดได้นี่กระหืดกระหอบมาก เข็ดมากจ้า ไม่แตะน้ำผลไม้อีกเลยย จนกว่าจะหายเจ็บแผล หลังจากนั้น พยาบาลก็เข้ามาถามว่า ให้คะแนน ความเจ็บปวดจาก 1-10 เราให้เท่าไหร่ เราก็ตอบไปว่าประมาณ 7 พยาบาลก็เลย ฉีดมอร์ฟีน เพิ่มให้ ฟินไปเลยซึ่งนางบอกว่า นี่เป็นโดสสุดท้ายแล้วนะ ต่อจากนี้ ให้ขอยาแก้ปวดเอานะจ๊ะ หลังจากนั้น เราก็โดนเข็นไปที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย

ติดตามเรื่องราวและ Tips สุขภาพดีๆได้ที่  

FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell

https://www.facebook.com/cancerfreeforever/






 

Create Date : 05 สิงหาคม 2557
4 comments
Last Update : 11 เมษายน 2559 12:15:46 น.
Counter : 8895 Pageviews.

 
 
 
 
พี่บอกได้คำเดียวค่ะว่า น้องนี่สุดยอดจริงๆ ที่สามารถนำและจำรายระเอียดต่างๆมาบอกเล่าได้อย่างครบถ้วนใน blog นี้ ดีใจที่ผล lab เป็นเนื้อดีนะคะ สู้ต่อไปนะคะ พี่ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
 
 

โดย: พี่พร IP: 192.99.14.34 วันที่: 6 สิงหาคม 2557 เวลา:8:39:38 น.  

 
 
 
พี่บอกได้คำเดียวค่ะว่า น้องนี่สุดยอดจริงๆ ที่สามารถนำและจำรายระเอียดต่างๆมาบอกเล่าได้อย่างครบถ้วนใน blog นี้ ดีใจที่ผล lab เป็นเนื้อดีนะคะ สู้ต่อไปนะคะ พี่ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
 
 

โดย: พี่พร IP: 192.99.14.34 วันที่: 6 สิงหาคม 2557 เวลา:8:39:51 น.  

 
 
 
ตามให้กำลังใจ สู้ สู้ นะค่ะ
 
 

โดย: Bud&Ping IP: 110.164.206.245 วันที่: 7 สิงหาคม 2557 เวลา:7:19:39 น.  

 
 
 
ผมกำลังจะผ่ารอบ2 จิตรตกมากเลยครับ ทำใจไม่ได้ เพราะรอบแรกมันทรมารมาก
 
 

โดย: โอ๋ IP: 27.55.155.238 วันที่: 15 กันยายน 2557 เวลา:13:10:56 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

labellalala
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 138 คน [?]




สาวตัวเล็ก วัย 26 ปี ผู้ไม่เคยยอมแพ้กับโชคชะตา - ขอบคุณที่ติดตามอ่านประสบการณ์ผู้ป่วยตัวเล็กๆที่แชร์ เรื่องจริง เจ็บจิง กับ การต่อสู้ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองคะ :) สามารถร่วมคอมเม้น ใต้ บล็อก เพื่อให้กำลังใจได้นะคะ ^___^ ติดตามการต่อสู้ ทิปสุขภาพต่างๆได้ที่ FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell ค่ะ www.facebook.com/cancerfreeforever หรือ อีเมล์ติดต่อมาที่ Lymphomafighter@hotmail.com
New Comments
[Add labellalala's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com