คีโมครั้งสุดท้าย (12)    1/11/13

คราวนี้นับถอยหลังกันเลยทีเดียว รู้สึกดีใจมากกับคำว่า “ ครั้งสุดท้าย” ไม่ว่าจะเป็นการเจาะเลือดครั้งสุดท้าย หรือ การนอนโรงพยาบาลให้ยาครั้งสุดท้ายจริงๆสูตรยา ABVD ไม่ต้องนอน รพ ก็ได้ ให้แค่ 4 ชม ก็เสร็จ แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่เส้นเล็กมาก ๆ พยาบาลเคยเจาะเส้นแตกมาแล้วครั้งหนึ่ง เลือดสาดเต็มห้องตกใจไปเลยก็มี ก็เลยต้องนอน ให้ยายาว 8-10 ชม เพราะต้องปล่อยยาในเรตที่ต่ำ ประมาณ 44-60mml/hrs เพื่อที่จะรักษาเส้นไว้ ไม่ให้เส้นเลือดอักเสบ ไปมากกว่านี้ สูตรนี้ให้ยาถึง 12 ครั้ง สลับซ้ายขวาไปอย่างละ 6 ครั้ง ถ้าคนไข้ ไม่มีเส้น หรือไม่สามารถให้ยาทางเส้นเลือดใหญ่ ทางแขน ได้จริงๆ คุณหมอจะทำการผ่าตัด ใส่พอรท์ให้คือ เอาสายยางต่อเข็มออกมาจากหัวใจ อย่างกับ มนุษย์กลายพันธ์ ยาจะฉีดเข้าหัวใจโดยตรงอันนี้น่ากลัวกว่าเดิมอีก แถมห้ามโดนน้ำ ต้องไปล้างทุกสองเดือนที่ รพ  และมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก เราจึงต้องใช้วิธี ขันติ อหิงสา กับ ความเจ็บปวดไปพักใหญ่นะคะ

เข็มสิบสอง " ฉลองเรียนจบ "

คีโม ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่มากนอกจากจะดีใจที่ได้จบคอรส์คีโมแล้ว ยังฉลองเรียน จบ ปริญญาโทอย่างเป็นทางการอีกด้วย จบด้วย เกียรตินิยม (Merit) จากอังกฤษด้วยนะ เย้ๆๆๆๆ ถือว่า เป็นความภูมิใจ เล็กๆของผู้ป่วยตัวเล็กๆ  เพราะสามารถเอาปริญญามาให้ป๊าได้ โดยที่ป๊าไม่ต้องเสียเงินเพิ่มและเราก็ไม่เสียเวลาเพิ่ม ด้วย จบพร้อมกับเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน  Timline ถือว่าเป๊ะ ถ้าหมอบอกว่าโรค สงบ  ตอนเดือน ธันวา ก็สามารถกลับไปทำงาน ใช้หนี้พ่อ ได้ทันเวลาพอดี ไม่ว่างงานจนน่าเกลียดเกินไป ถึงแม้ป๊า บอกว่า   ปริญญาก็แค่ กระดาษใบนึง เป็นเสมือน ใบเสร็จใบสุดท้ายของพ่อ ที่ให้ลูกแต่ละคน   แต่เราก็ดีใจที่ใบเสร็จใบนี้ เป็นใบที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง ตอนแรกที่ป๊าบอกให้ทิ้งปริญญา  ไม่ต้องกลับไปอังกฤษแล้ว เอาชีวิตไว้ก่อน     ตอนนั้น ใจหายวูบ ไปเลย เพราะเหลือแค่สอบกับวิทยานิพนธ์ก็จบแล้ว 

วันที่ทางมหาวิทยาลัยติดต่อมาว่า เราจบ ป โท จริงๆ วันรุ่งขึ้นป๊าจองตั๋ว เครื่องบินให้เลยให้เรากลับไปรับปริญญาที่อังกฤษ แต่ถ้าเราไป ป๊าก็ต้องไปดูแล เพราะกลัวเกิดเรื่อง และ น้องสาวก็ต้องคอย service ป๊าและเราด้วย ไปๆมาๆ ค่าใช้จ่าย หลายแสนแถมเป็นหน้าหนาวหิมะตกอีก เพราะเป็นช่วงเดือนธันวาคม เราก็เลยปฎิเสธป๊า ไป ว่าไม่เป็นไรหรอกไม่ต้องกลับไปรับปริญญาก็ได้ ให้เค้าส่งมาทางไปรษณีย์ก็ได้ ตอนนี้ เอาสุขภาพไว้ก่อนเพราะกลัวฟื้นตัวไม่ทันเหมือนกัน และก็ไม่อยากเสียเงินไปมากกว่านี้ ยังไงก็แอบดีใจนะ ที่ป๊าใส่ใจเราขนาดนี้ ปกติป๊าจะไปเมืองนอกทีหนึ่ง คิดแล้วคิดอีก  เหมือนต้องลากช้างออกจากป่า เพราะป๊าไม่อยากนั่งเครื่องบินนานและห่วงงานด้วย

Tips
1. การฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว ถ้าฉีดที่ต้นแขนจนพรุนแล้ว ไม่มีที่ให้ฉีดแล้ว ก็เปลี่ยนไปฉีดยาที่พุงหรือ หน้าท้องได้ ซึ่งความเจ็บก็น้อยกว่านิดนึง แต่ต้องไม่บ้าจี้นะ เดี๋ยวเข็มหักคาท้อง การฉีดกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ถ้าต้องฉีดหลายเข็มก็ให้สลับซ้ายขวาเอาไว้ด้วยนะคะ ผลัดๆกันเจ็บตัว

2. ว่าด้วยเรื่องของไข้เส้น เวลาพยายาลจิ้มเข็มเข้ามันจะเจ็บอยู่แล้วหละ เทคนิคที่เห็นและชอบคือ  คุณพยาบาลจะบีบเนื้อที่แขนเราขึ้นมาก่อน แล้วค่อยๆแทงเข็มลงไป ทำให้เราเจ็บน้อยลงแต่ถ้าคุณพยาบาลเดินยา (เริ่มกด ฉีดยา) แล้วเรายังเจ็บอยู่หรือเจ็บขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่า ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ไม่ใช่ชั้นไขมัน  อาจทำให้เป็นไข้ได้ และประสิทธิภาพ การซึมของยา ก็จะทำงานได้ไม่ดีเท่าด้วย เคยโดนไปครั้งหนึ่ง จี๊ดเลย ก็กินกันเยอะๆนะคะ จะได้มีไขมันที่แขน และถ้าเป็นไข้จากการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ก็กินพารา ก็หายคะ พยาบาลบอกมา

3. การเจาะเลือด ถ้าจะให้คีโมข้างซ้าย แนะนำว่าให้เจาะเลือดข้างขวา ทำกันคนละข้างเพราะว่า แผลจากการเจาะเลือดยังไม่หายดีพอ ถึงแม้จะนิดเดียวก็ตาม ถ้าวันรุ่งขึ้นให้ยาคีโมในข้างนั้นเลย แผลตรงนั้นหรือ เส้นนั้น จะเป็นรอยไหม้ดำ ชัดเจน เหมือนเราเอาสีเมจิกสีดำ ไปวาดบนท้องแขนเรา แต่ล้างไม่ออก (บางคนเป็น บางคนก็ไม่เป็นนะ) แนะนำว่าถ้ามีกิจกรรม ให้สลับแขนคนละข้างดีที่สุด

4. การเจาะเลือด เพื่อเอาผลไปตรวจ รพ รัฐ สามารถไปตรวจที่รพ เอกชน ได้ก่อน ล่วงหน้า หนึ่งวัน ก่อนหมอนัด แล้วขอผลสองชุด เอาไปเจอหมอที่ รพรัฐ ในวันรุ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลา เพราะ ปกติ แค่ไปนั่งรอ หมอโรงเรียน แพทย์ ก็ต้องไปตั้งแต่ 7 โมงเช้าละ นี่ต้องไปเจาะเลือดล่วงหน้าอีกก็คงต้องไปตั้งแต่ ตีห้า แล้วกว่าจะได้เจอหมอจริงๆ  เพลียทั้งคนไข้ ทั้งญาติไปเลยกว่าจะเสร็จก็เที่ยงพอดี

ติดตามเรื่องราวและ Tips สุขภาพดีๆได้ที่  

FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell

https://www.facebook.com/cancerfreeforever/

Create Date : 06 ธันวาคม 2556
Last Update : 11 เมษายน 2559 12:28:49 น.		2 comments
Counter : 3832 Pageviews.
Share Tweet