ตอนที่ 29 - ผู้หญิง 3 สูตร
หลังจากที่พักร่างกายไปเกือบครึ่งปี และกลับมาให้ยาคีโมชุดใหม่ อีกครั้ง ครั้งแรกที่โดนยาคีโม (ตอนที่ 28) จะเป็นครั้งที่ร่างกายมีอาการแพ้มากสุด เพราะว่า เหมือนรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ขนานใหญ่ ร่างกายจึงเกิดอาการต่อต้าน ในรูปแบบ ของการแพ้ เช่น กลิ่นเหม็น อ๊วกแตก คลื่นไส้ แต่อาการแพ้ทั้งหมด ก็หายไปอย่างง่ายดาย ด้วย ยากันแพ้ของอาจารย์หมอนี่เอง ถ้ากินแล้วยังแพ้ ยังมีอาการอยู่ ไม่ต้องทน ไม่ต้องดราม่า บอกคุณหมอ ว่ายาแก้แพ้ เอาไม่อยู่ ยังมีอาการอยู่ เดี๋ยวหมอปรับยาตัวใหม่ มีหลายแบบ หลายชนิดให้เลือกสรร จนกว่าเราจะเจอยา ที่ถูกจริตกับเรา ตั้งแต่( Nausil /Onsia /Emend ) เม็ดตั้งแต่ 3 บาท จนถึง 1,400 บาท เรื่องนี้สำคัญมากว่าด้วยเรื่องปากท้อง ถ้าเรากินไม่ได้ ร่างกายก็จะฟื้นฟูไม่ทัน และถ้าเราไม่กินใครจะกินแทนเรา รีวิวยาคีโม สูตร ESHAP ครั้งที่2 (22/7/14) โดยสูตรยาตัวนี้ ต้องให้ติดต่อกัน 24 ชม 5 วัน ต่อเนื่อง ยาตัวนี้ 1-4 วันแรก ประกอบไปด้วย E Etoposide (50 mg + NSS 250 ml) 2 hrs SH-Methylprednisolone (500 mg + NSS 100 ml) 15 mins P Cisplatin( 30 mg + NSS 1000 ml) +(Manital 100 ml + 5% DSW 1000 ml) 20 hrs สูตรนี้จะมีให้ Manital เพื่อกันไตพังด้วยจะ ถ้าไม่มีขอหมอด้วยนะ (บางทีก็ตกหล่น)
วันที่ 5 จะให้ยาตัวนี้ตัวเดียว A-Cytarabine ( 2400 mg + NSS 250 ml) 2hrs เอฟเฟก ยาสูตรESHAP ก็จะเหมือนทั่วๆไป คือเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ รู้สึกเพลีย เหนื่อยง่าย เจ็บปาก เจ็บคอ อาจมีไข้เบาๆ ท้องเสีย แต่ด้วยความแรงของสูตรนี้ก็จะเพิ่ม ของแถมอีกหลายอย่าง เช่น คันตา แน่นหน้าอก แน่นท้อง หูอื้อ หูดับ(Cisplatin) ที่ปลายมือปลายเท้าชา หรือ ไม่มีความรู้สึก มีปัญหากับระบบไต (หมอจะเจาะเลือดดูค่าไต ก่อนทุกครั้ง) มียูริคเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด จนอาจทำให้ปวดข้อ มีน้ำตาลเพิ่มในกระแสเลือด ยาอาจรบกวนระบบประสาททำให้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย เวียนหัว มึนๆ อยากเหวี่ยง ถ้ามีอาการ ก็แจ้งให้พยาบาลหรือหมอทราบทันที บางคนก็โดนเอฟเฟก ทุกอย่าง บางคนก็เป็นแค่บางอย่าง ขอให้ญาติเข้าใจว่าอาการทั้งหมด บางทีเป็นเพราะจากยาจริงๆ ที่ซึม ที่มึนที่ไม่สบายตัว ก็เพราะยามันทำให้อารมณ์ไม่ดี โปรดเข้าใจ (ปล.วิธีแก้ให้ไตทำงานหนักน้อยลง คือ กินน้ำวันละสองลิตร เพื่อขับยา และสารตกต้าง) Ref : //www.macmillan.org.uk/ เอฟเฟก ที่เกิดขึ้นจริง ที่ชัดเจนมากๆ คือ หัวใจกลับมาเต้นเร็ว เกิน 100 อีกครั้ง และมีหูอื้อข้างเดียว มึนๆหัว หน้ามืด เหมือนภาพตัด หูอื้อนี่เป็นอยู่ประมาณ สามสี่วัน ไม่ได้เจ็บอะไร แต่ออกแนวรำคาญมากกว่าเหมือนตอนขึ้นเครื่องบิน ไม่ได้กินยาอะไร อาการก็หายไปเอง ส่วนผลเลือด ดันไม่มีอะไรผิดปกติที่ไต แต่ดันไปผิดปกติที่ตับ เอ้า ! เหมือนเอมไซน์จะสูง ALP 157 (35-105) หมอนักเรียนแพทย์ บอกว่าอาจจะเป็นเพราะ เรากินยาวัณโรคมานาน คงมีบ้างที่เอมไซม์ตับจะสูง บางเดือน มนุษย์เมน ระหว่างคีโม รอบนี้ถือว่า เป็น ซูปเปอร์ของความเพลีย เพราะนอกจากที่ เลือดในตัวจะซีด เพราะโดนยาคีโมแล้ว เมนก็ยังมาอีก โป๊ะเช๊ะ จะเป็นลม คุณหมอบอกว่า ถ้ามาแล้วไม่หยุด แบบมาเยอะเกินกว่าปกติ คุณหมอจะให้กินยาหยุดเมน เพราะว่า ช่วงที่เมนเรามาเป็นช่วงเกล็ดเลือดต่ำ ถ้าเกล็ดเลือดต่ำเวลามีแผลทั้งข้างในข้างนอกตัว หรือ มีเลือดออกส่วนไหนของร่างกาย จะทำให้เลือดไหลออกไม่หยุดเพราะเลือดไม่แข็งตัว คุณหมอกลัวมดลูกเราทำงานเกินหน้าที่ และจะเป็นอันตรายมาก แบบตกเลือดภายใน และถ้าเมนมาเกิน 14 วัน นี่ถือว่าอันตรายแล้ว เกินกว่านี้คือต้องโดนทำอะไรซักอย่าง แต่โชคดีที่มดลูกเรามันรู้งาน กลัวโดนยา โดนเข็ม เลยมาและหยุดตามปกติ รอบนี้เป็นรอบที่ สองจาก สี่ครั้ง ของแผนคีโม อาจารย์หมอ เจ้าพ่อเลย อยากให้หมอ ทำการประเมินไม่ว่าจะเอคโค่ หรือ แสกนร่าง เพื่อที่จะได้รู้ว่า ยาคีโม ที่อาจารย์หมอบอกว่า ให้ดวลปืนกันคนละนัด นี่ยิงโดนเป้าบ้างมั้ย ตอนแรก อาจารย์ไม่ค่อยอยากให้ทำ เพราะว่ามันเร็วไป คิดว่าไปประเมินร่างกายหลังจบคีโมครั้งที่สามจะดีกว่า แต่เจ้าพ่อคิดว่า ไม่อยากให้โดนยิงยาเยอะ เกินไป ถ้ายิงไม่โดน ก็เปลี่ยนสูตร เปลี่ยนแนวทาง จะดีกว่า อย่างน้อยมีผลแล็ปออกมา ให้หมอประเมิน ดีกว่าไม่มีอะไรเลย การประเมินครั้งนี้ ก็มีทั้ง เอคโค่ และ การทำPet Scan ไปเลย เพราะเจ้าพ่อบอกว่าเอาแค่ CT SCAN มันไม่รู้เรื่อง อาจารย์หมอเลยรู้แกว ว่าเจ้าพ่อ ชอบจับลูกทำแล็ป ทำประเมิน ยิ่งมีผลทางวิทยาศาสตร์เยอะๆ ยิ่งดี อาจารย์เลยเสนอให้ เจาะไขกระดูกไปตรวจอีกรอบว่าในไขกระดูกมีสิ่งแปลกปลอม เจ้ามะเร็งฝังตัวอยู่หรือไม่ เพื่อเตรียมตัวเก็บเสตมเซลล์ของตัวเองและเป็นการประเดิมแล็ปใหม่ ห้าล้าน ที่เพิ่งมาลงของศิริราช อาจารย์บอก ว่า เพิ่งไปประชุมมาเมื่อเช้านี้ ดีๆ จะได้ ประเดิมเคสเราเป็นเคสแรก ทั้งสองคน เสนอไอเดียกัน คุยกัน สรุปกัน โดนที่ไม่หันมาถาม ความสมัครใจของคนไข้ข้างๆเลย T_T ผล ECHO การทำเอคโค่ ครั้งนี้ ทำแค่ ชั่วโมงเดียว ครั้งที่แล้วล่อไป สามชั่วโมง จนเรางองแงง จะถีบนักศึกษาแพทย์ คนทั่วไปปกติครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ แต่เคสเราเป็นเคสยาก เพราะตัวเล็ก ซี่โครงก็เล็กแถมทางฝั่งทีมอาจารย์หมอจะเอาขนาดไซส์ ซึ่งบอกเลยว่าเอคโค่นี่เป็นงานฝืมือถึงแม้ว่า จะหมอคนเดียวกันทำ แต่ว่าทำคนละรอบ ผลก็ไม่แม่นยำที่จะได้ขนาดก้อนไซส์ในหัวใจเป๊ะๆส่องคนละมุมก็ได้ผลคนละแบบ และ ผลเอคโค่ คราวนี้ออกมาไม่ค่อยดี คือขนาดก้อนเนื้อในหัวใจ ลดไปไม่ถึง CMฟ ผล PET SCAN ขนาดก้อนที่ปอด ก็ไม่ได้ลง ขนาดเท่าเดิม แต่ SUV ตัวที่วัดว่าเซลล์มะเร็งมีน้ำตาลไปเกาะมากน้อยแค่ไหน พอลดลงมาบ้าง ผล Bone Marrow Biosy ผลออกมาเคลียร์เป็น Negative ไม่มีเซลล์มะเร็งในไขกระดูก ผู้หญิง สามสูตร พอผลทั้งสามอย่างออกมา อาจารย์หมอ ก็เลยสั่งยิงยาเพิ่ม ทันที จากแค่สองสูตร ดูแล้วท่าจะเอาไม่อยู่ เลยสั่งยิง สูตรยา EPOCH เพิ่ม เป็นอีกสูตร เปลี่ยนแผนคีโมใหม่จากเดิม แค่สี่รอบ คราวนี้ เป็นหกรอบ 1.MINE 2.ESHAP 3.EPOCH 4.MINE5.ESHAP 6.EPOCH แค่นั้นยังไม่พอ ถึงแม้ว่า ผลจากการที่เอาตัวอย่างไขกระดูกไปตรวจ จะเคลียร์ เมื่อไม่มีมะเร็งในไขกระดูก ก็แสดงว่า มะเร็งยังไม่ขึ้นสมอง ดังนั้นเจ้าพ่อกับอาจารย์หมอ จึงทำสนธิสัญญากันใหม่ มาอีกแผนใหม่ โดย เจ้าพ่ออยากให้คุณหมอ ใช้ระบบอะไรก็ได้ ป้องกัน ไม่ให้มะเร็งขึ้นสมอง ถ้าเจ้ามะเร็งขึ้นสมอง ก็คงรอดยาก อาจารย์หมอเลยสั่งยาให้เพิ่มอีกตัว ชื่อ Methotrexate 12 mg ประเด็นคือ ยาตัวนี้ไม่ได้ให้ทางสายเลือด หรือ กินแบบปกติ แต่อาจารย์หมอ ให้ฉีด เข้าทางกระดูกสันหลัง โอ้ยย และไม่ใช่ แค่ครั้งเดียว แต่ต้องให้ถึงสี่ครั้ง คือ แค่คุณหมอเจาะ ตรงไขกระดูกก็เจ็บน้ำตาเล็ดแล้ว นี่จะให้ยาทางกระดูกสันหลัง แค่คิด ก็งองแงง เราจะไม่ยอมฉีด และก่อนให้ยาต้องฉีดยาชาก่อนทุกครั้ง คิดดูละกันว่าถ้าเริ่มด้วย ยาชา นี่แปลว่า ความเจ็บระบม มาเยือนแน่ และเป็นตรงกระดูก เคยโดนดูดน้ำออกทางไขสันหลัง บอกเลยว่าไม่อยากโดนอีกแล้ว เข็ดดด เราเลยไม่ยอม พยายามหาเหตุผลมาบอกเจ้าพ่อ ว่า ไม่จำเป็นหรอก ไม่เป็นไรหรอก ยาตัวนี้เอฟเฟกมันเยอะนะ โน่นนี่นั่น ยาตัวนี้ก็คือยาคีโมอ่อนๆตัวนึงนะ จะให้โดนคีโมชุดทางสายเลือด และมาคีโมในกระดูกพร้อมกันอีก ไม่ไหวหรอกดับเบิ้ลคีโม พร้อมกันเนี่ย เจ้าพ่อเลยแอบโทรเข้ามือถือ หาอาจารย์หมอ ตอนไม่ได้อยู่กับเรา บอกอาจารย์หมอว่า ขอ เหตุผลดีๆ สักข้อจะมาบอกเรา เพราะว่าเราดื้อ จะไม่ยอมฉีด อาจารย์หมอ เลยพูดมาประโยคนึงว่า ขนาดในหัวใจ มะเร็งชนิด Hodgkin lymphoma โอกาสเกิด 0% ในหัวใจในเคสเรามันยังเข้าไปอยู่เลย แล้ว ในสมองเนี่ย มีโอกาสขึ้น 15 % ก็คิดดูละกัน ว่าจำเป็นมั้ย ( คือ ในหัวใจ ยังเกิดได้ ในสมองคงไม่รอด ถ้าไม่กันไว้ก่อน ได้ม่องเท่งก่อนกำหนด ) เราเลยยอมจ้า เสียงข้างมาก สองในสาม (อาจารย์หมอ+เจ้าพ่อ) คนไข้ก็ได้แต่บ่นเองเบาๆพยายามที่จะต่อรองกับอาจารย์แล้ว ว่าขอลดจาก การฉีดเข้ากระดูก เป็น 3 ครั้งได้มั้ย แทนที่จะเป็น 4 ครั้ง อาจารย์บอกว่า ถ้ามะเร็งขึ้นสมอง ต้องฉีด 6 ครั้ง ผลออกมาเจ้ามะเร็งมันยังไม่ขึ้นในสมอง ทำไมไม่ทำแค่สามครั้ง อาจารย์หมอเลยบอกว่า อย่าทำตัวเป็นแม่ค้า อย่ามาต่อรอง ทางการแพทย์ต่อไม่ได้ สี่ก็คือสี่ T_T อาจารย์ขาาาาาบางที หนูก็ไม่อยากมีประสบการณ์ หรือ ชั่วโมงบินที่สูงเกินไป คีโมทางหลอดเลือด คีโมทางพอร์ท คีโมทางกระดูก >_< บางทีก็ไม่รู้จะบอกตัวเองยังไง นอกจาก หยุดมโน และโกทูเบด ยังไม่โดนแทง ยังไม่เจ็บก็อย่าคิดไปก่อน อย่าไปเจ็บก่อน " บางทีความทุกข์เกิดขึ้นจริงๆ แค่เพียงครั้งเดียว ...แต่ความคิดเราวนเวียนนับพันครั้ง "
ติดตามเรื่องราวและ Tips สุขภาพดีๆได้ที่ FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell https://www.facebook.com/cancerfreeforever/
Create Date : 13 มกราคม 2558 |
Last Update : 11 เมษายน 2559 12:06:39 น. |
|
5 comments
|
Counter : 3792 Pageviews. |
|
|
|