บันทึกการพิชิต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ของ นร ป โท อังกฤษ วัย 26 ปี (Hodgkin Lymphoma)

<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 สิงหาคม 2557
 

ตอนที่ 24 – รับมือหลังผ่าตัด กับเรื่องปวด(หัว)ใจ



กายภาพบำบัด

หลังจากเอาสายทุกอย่าง ออกจากตัว ก็ถึงเวลาย้ายไป ห้องพักปกติ ซึ่งตอนย้ายก็เป็นเวลา ประมาณ 9 โมง ตอนนั้นร่างกายเพลียมาก ง่วง เจ็บ เหนื่อย หิว บวกกับการที่ไม่ได้นอนสะสม ทั้งคืน ทำให้ไปถึงห้องพัก ก็สลบไปเลย ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เพราะ ง่วง และ เจ็บ แต่พอนอนได้ไม่กี่ชั่วโมง ประมาณ 11 โมง นักกายภาพบำบัด ก็ดันมาปลุกอีก อุตส่าห์แกล้งหลับ ก็แล้ว มากันสองคนด้วย เรียกชื่อ เขย่าขากันใหญ่ พอตื่นมา พวกนาง ก็พยุงกึ่งบังคับ ให้เราลุกนั่ง พยายามให้เราทำกายภาพ เพื่อที่จะไม่เป็นพังผืดที่แผล โดยนางทั้งสอง บอกว่า ให้เราลุกเดินจากเตียงไปห้องน้ำ โอ้ยยยยย ในใจนี่ แบบ ชั้นเพิ่งผ่าตัดมา นะ เสร็จห้าทุ่มเมื่อคืนนะ นี่ยังไม่ได้นอนนะ จะให้ลุกเดินไปห้องน้ำเลยเนี่ยนะ และก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ห้องที่นี่ แบบ กว้างมาก ประมาณ 4 เมตรได้ ไปกลับ 8 เมตร อยากจะงี่เง่า ทำตัวว่าเตียงดูด แต่นางทั้งสองไม่ยอมไง จับเราพยุงลุกเลยจ้า นักกายภาพบำบัด ให้เราเริ่มจากการลุกขึ้นมานั่ง กำแบมือ 10 ที ตีขา 20 ที ยกแขนสุด 10 ที และลุกเดิน น้ำตาจิไหล อยากจิร้องไห้ แต่เอาวะ เพื่อความฟิตของร่างกาย นางบอกว่า ถ้าเรากายภาพดี ร่างกายจะฟื้นตัวเร็ว คราวนี้ เชื่อนางก็ได้ อยากหายเร็วๆ พอลุกเดินจริงๆ ก็เดินได้นี่หน่า ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่เจ็บแผลอย่างที่คิด แถมสนุก เป็นการ Challenge ตัวเองอีกแบบหนึ่งด้วย นักกายภาพก็ชมใหญ่ ครั้งแรกก็เดินคล่องแล้วนะคะ ฮ่าๆ แอบภูมิใจเล็กๆ เดินไปยิ้มไป คุณหมอบอกว่า ให้เดิน วันละ 10-15 นาที เป็นการทำกายภาพ ที่ทำให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดฟื้นตัวเร็วสุด และมันก็เวิกจริงๆนะ เพราะเวลาเพื่อน หรือ ญาติมาเยี่ยม ก็บอกว่าเราฟื้นตัวได้เร็วกว่า คนอื่นมาก เคล็ดลับ คือ ต้องหมั่นทำ กายภาพ ในช่วงแรกๆ ฝืนเจ็บ นิดหน่อย เวลายืดตัว ยืดแขน แต่ว่าคุ้มแน่นอน เพราะจะทำให้แผลไม่เป็นพังผืด และร่างกายรู้สึก fresh ฟื้นตัวเร็ว


ทุกๆวัน นักกายภาพบำบัด จะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา โดยก่อนที่จะเริ่ม กายภาพ จะมีการวัด ชีพจร และ ความดัน เพื่อเป็น baseline และวัดอีกรอบ ในระหว่างการทำกิจกรรม กับ หลังทำกายภาพ เพื่อที่จะรู้ได้ว่าคนไข้ เหนื่อยมากขึ้นแค่ไหน หรือ มีอการผิดปกติ หรือเปล่า

โดยท่ากายภาพบำบัด จะมี อยู่ไม่กี่ท่า สามารถทำต่อเองได้ที่บ้าน หลังจากออก รพ แล้ว ดังนี้

1. กำ - แบมือ  5-20 ครั้ง

2. งอ - เหยียดศอก  5-20 ครั้ง

3. ท่ายกไหล่ ขึ้น-ลง 5-20 ครั้ง

4. หมุนคอ ไปซ้ายและขวา  5-20 ครั้ง

5.หมุนข้อเท้าเป็นวง ซ้ายและขวา  5-20 ครั้ง

6.นั่งตัวตรง ยกขาขึ้น ซ้ายขวาสลับ  5-20 ครั้ง

7. ยืนขึ้น ยกแขนไปด้านหน้า และ เหยียดแขนไปด้านหลัง  5-20 ครั้ง

8.เดินช้าๆ ไปกลับ  5-10 นาที


การลุกนั่งจากที่นอน

ควรพริกตัวตะแคงก่อน แล้วค่อยใช้มือยันตัวขึ้นมา แรกๆอาจใช้คนช่วยช้อนพยุงขึ้น ไม่ควรให้คนจับดึงขึ้น หรือ ใช้มือ ดึงตัวเองจากขอบเตียง จะทำให้เจ็บแผลมาก เพราะเป็นการดึง ทุกอย่างควรเริ่มจากตะแคง และใช้แขน กับมือ ที่อยู่ ฝั่งเตียง ดันตัวอีกที ค่อยๆทำช้าๆ หาจังหวะของตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่เจ็บแผลมาก ตอนนอน ก็เช่นกัน ควรที่จะมีคนช่วยช้อนตัววางนอนตอนแรก และหลังๆ ควรฝึกทำเอง

ท่านอน

คุณหมอแนะนำว่า ทางที่ดีควร นอนราบธรรมดา แต่ควรพลิกตัวบนเตียงบ้าง แบบนอนตะแคง 90 องศาบ้าง ดพราะผู้ป่วยนอนติดเตียงเป็นเวลานาน และเราเป็นคนนอนดิ้นมาก ชอบพลิกไปพลิกมา ก่ายหมอนข้าง จึงเป็นการกายภาพที่ดีภายในตัว ทำให้ไม่ติดเตียง แต่ชอบเผลอ ทำเร็วๆ เลย เจ็บแผลนิดๆ ต้องทำช้าๆ นะคะ จะนอนก็ต้องมีสติเนาะ 

การไอ หลังผ่าตัด

หลังผ่าตัดใหญ่ ที่มีการสอดท่ออ๊อกซิเจน ขนาดใหญ่เข้าไปในลำคอ พอผ่าเสร็จ คนไข้จะมีเสลด เสมหะ ในคออยู่แล้ว และจะทำให้เกิด อาการไอ หลังผ่า ขอบอกว่าโคตรทรมาน กระเพื่อมทั้งอก ไอทีหยุดยาก แต่เดี๋ยวก่อน เรามี วิธีเคล็ดลับ มานำเสนอ เป็นการไออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะป้องกัน การกระแทก ในอก นั่นคือ เวลาไอ ให้ใช้หมอนขนาดเล็ก กอดแน่นๆ ทาบไว้ที่อก เวลาไอให้นั่งตัวตรง แล้วไอเป็นจังหวะ เพื่อให้สเลด ออกมา ควรมีกระดาษชิชชู อยู่ข้างๆๆ แรกๆอาจจะกะจังหวะ ตัวเองไม่ถูก แต่หลังๆ จะกำหนดจังหวะเวลาไอ ได้ หมอนเล็กๆ สามารถขอจาก รพ ได้ และจะมีนักกายภาพบำบัด มาสอนไอ ตอนหลังผ่าตัด อีกครั้ง (ในกรณีที่เป็น รพ เอกชน นะ ไม่แน่ใจ ว่า รพ รัฐบาลจะมีหรือเปล่า) และเวลาไอ ควร ขากเสลด ออกมาด้วย ทำยังไงก็ได้ ให้มันออกมาให้ได้มากที่สุด จะได้กินอาหาร แล้วไม่สำลัก หรือ คันคอ อีก

การฝึกให้ปอดขยาย หลังผ่าตัด ***

อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ขอบอกเลยว่า ต้องปฎิบัติ โดยด่วน เพราะตอนผ่าตัดนั้น เราใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม ทำให้ปอดของเราจริงๆ อู้ทำงานไปพักนึง เราเลยต้องมาทำกายภาพ โดยการใช้ สไปโรมิเตอร์ (Incentive spirometer) หรือ ที่เราเรียกว่า การเป่าไตรโฟร เพื่อช่วยให้ลมเข้าไปในถุงลม และช่วยให้กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงจากการได้รับยาสลบ กลับมาแข็งแรงขึ้น (กล้ามเนื้อที่ว่านี้ เป็นกล้ามเนื่อที่ช่วยในการหายใจ) ตามทฤษฎี ผู้ป่วยควร ทำ 5-10 ครั้งต่อชั่วโมงหลังผ่าตัด แต่ชีวิตจริง นี่ คนละเรื่อง คร่า แค่คนธรรมดา เป่าให้ขึ้น 3 ลูก ก็หน้าแดงแล้ว นี่ผู้ป่วยหลังผ่าตัด นะครัช จะเอาอะไรมาก นี่ก็เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่เกลียด และทำไม่ได้ สองอาทิตย์แรก เป่าขึ้นแค่ลูกเดียว พอขึ้นอาทิตย์ที่สาม ถึงได้ สองลูก ไม่เคยได้ สามลูกเลย เคยท้าให้ป๊าลองเป่า ดู ปรากฎ ป๊าหน้าแดงไปเลย และเป่าหลายรอบมาก กว่าจะขึ้น สามลูกพร้อมกัน หลักการเป่า ไตรโฟร ก็คือ ให้ลูกบอล อยู่จุดสูงสุด หรือ ค้างให้นานที่สุด โว๊ะ ! แค่ขึ้นก็ดีใจแล้ว นี่จะเอาค้าง วิธีการ คือ หายใจออกก่อนนิดนึง ก่อนเป่า และใช้ปากดูดอย่างแรง ! และเร็ว ! ทีเดียวเลยย ฮึบ !! ลูกแรก จะเป็นปริมาตร 600 CC ขึ้นสองลูก คือ 900 CC ถ้าสามลูก คือ 1200 CC ก็คือ ปริมาตร ที่เราเอาลมเข้าไป ขยายในปอดนั่นแหละ ว่างก็เป่ากันไป เพื่อกันไม่ให้ปอดแฟ่บ ควรทำ ถี่ๆ ในช่วงผ่าตัดวันแรกๆเลย มาทำช่วงวันหลังๆนี่ไม่เวิก แต่เราเองก็ไม่ไหวนะ เพราะหลังผ่าหัวใจ มีทั้งไอ และหัวใจก็ยังเต้นอยู่ 120 bpm แม้จะนั่งเฉยๆก็ตาม ก็เหมือนวิ่งอยู่บนลู่ ยิ่งเป่า ก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งไอ จึง ขอต่อรอง เป็นวัน ละ 3 รอบ รอบละ 2-3 ครั้งก็พอนะ ซึ่งแรก ก็ขึ้นแค่ลูกเดียวเอง T_T


รูปนี้ เบลอ เพราะถ่าย ขณะเป่า ซึ่งเป่าขึ้น 2 ลูก ^_^


อาหาร การกิน 

ก่อนผ่าตัด ก็โดนงดอาหาร ค่อนวัน หลังผ่าตัด ก็กินไม่ลงเลย หลับเป็นตายทั้งวัน กินได้ สองสามคำ ก็เหนื่อย ไม่อยากกินต่อ อยากนอนตลอดเวลา เพราะ ยิ่งกินก็ยิ่งเหนื่อย เวลากินข้าว หัวใจก็เต้นเร็วกว่าเดิมอีก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ยังเต้นเร็วอยู่ ทั้งๆที่เอาก้อน เอาน้ำออกแล้ว วันที่สาม เราก็ไม่ยอมกินอะไรเลย กินน้อยมาก จน คุณหมอบอกว่า ถ้าไม่ยอมกินจะ จับฟีด อาหารนะ ฟังคำขู่มาอย่างนั้น ก็ยังไม่ยอมกินอีก พอวันที่สี่ คุณหมอ เลยสั่ง พยาบาลและญาติ ว่าให้เข็นคนไข้ ลงไปกิน MK ข้างล่าง เพราะ รพ ศิริราชปิยะมหาการุณย์ นั้น มี ร้านอาหารอยู่ที่ชั้นล่าง หนึ่งในนั้น คือ MK ป๊าก็เลยจัดให้ นั่งรถเข็นไป พร้อมถังอ๊อกซิเจน ขอเปิดห้องใหญ่ เพราะกลัวติดเชื้อ ติดหวัด จากคนนอกอีก พอได้อยู่หน้าเตา เท่านั้นแหละ หืมมม เจริญอาหารมาทันที นานๆ ได้นั่งกิน MK หน้าเตา พร้อม ญาติและเพื่อน อิอิ เป็นควมสุขใจอีกแบบ และที่ MK สาขานี้ รายได้ที่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะบริจาคเข้าศิริราชด้วย อื้มหืม อิ่มท้องและอิ่มบุญ ไปภายในตัว พอกินสุกี้ ได้ซักพัก ชามที่สอง ก็เริ่มเหนื่อยมากก ป๊าเลย ให้ เราดมอ๊อกซิเจน และเข็นขึ้นห้องไปก่อน แล้วให้คนที่เหลือ เชคบิลทีหลัง บอกเลยว่า หลังจากมื้อนั้นเป็นต้นมา กะเพาะอาหารและร่างกาย ก็กลับมาทำงาน ทันทีเลยจ้า มื้อต่อจากนั้น ก็กินแหลก เลย บางคนบอกว่า ห้ามกินไข่ เดี๋ยวเป็นคีรอย แผลเป็นที่นูนๆ ห้ามกินกุ้งเดี๋ยวคัน ห้ามกินเป็ด เดี๋ยวนั่นนี่โน่น คือ จะบอกว่าตอนนั้น ขาดสารอาหารมาก และ ไม่แคร์อะไรแล้ว อันไหนที่กินได้ คือกินไว้ก่อน เอา สารอาหารเข้าร่างกาย ก่อน เพราะ ตอนนั้น นน เราลง 2 KG ภายใน สามสี่วัน จาก 37 KG เหลือ 35 KG ถ้าโดนห้ามโน่นนี่นั่น อีก รับรอง ได้ลงไปกว่านี้ อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนคุณหมอนั้น ไม่ห้ามอะไร ขอแค่เรากินได้ ก็พอ (ที่น้ำหนักลง อาจเป็นเพราะว่า โดนกินยาขับน้ำด้วย เพราะว่าหลังผ่าตัด ตัวจะบวมขึ้นมามาก คุณหมอจึงให้กินยาขับน้ำ เม็ดสีขาวเล็กๆ เพื่อให้น้ำหนักกลับมาเป็นปกติ เหมือนตอนก่อนผ่าตัด และทุกๆเช้า พยาบาลจะปลุกตื่น มาชั่งน้ำหนัก ซึ่งลงไปวันละ 5 ขีด 4 วัน นี่ลงมา 2 KG พอวันที่ 5 นี่ขอคุณหมอเลย ว่าไม่กินยาต่อแล้ว ไม่งั้น ไม่อยากให้น้ำหนัก ลงไปเยอะกว่านี้ T_T )

ข้อห้ามปฎิบัติ หลังผ่าตัดหัวใจ 

1.ห้ามขับรถ 3 เดือน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ด้วยท่าขับมั้ง แต่คุณหมอห้ามไว้ เพราะกระดูกที่ผ่าแหวก ออกเพิ่ง ผูกลวด ยังไม่เข้าที่ กระดูกยังไม่ติดดี

2.
ห้ามยกของหนัก แม้แต่ โนตบุค ก็ไม่ได้

3. ห้ามออกกำลังกายหนัก หรือ ทำท่าโยคะ เพราะกระดูกยังไม่ติดดี โดยคุณหมอบอกว่าให้เดินเร็วสลับเดินช้า วันละ 15 นาที เดินราบ นะจ๊ะ และถ้าจะออกกำลังกายหลังระยะพักฟื้นไปแล้ว ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือ มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ไม่ควรออกกำลังกายที่ ใช้หัวใจหนักเกิน ให้คำนวณจาก (220 – อายุ) *0.7 จะเป็น Maximum rate ที่หัวใจ ควรเต้นขณะออกกำลังกาย เช่น เราอายุ 27 ตอนนี้ 

ก็จะเป็น
(220-27)*0.7 = 135 หัวใจควรเต้นมากสุด ขณะออกกำลังกายที่
135 bpm ถ้าเป็นคนปกติ ก็แค่ ใช้ (220- อายุ ) ก็พอ ไม่ต้องคูณ 0.7

การดูแล แผลผ่าตัดหัวใจ

ระหว่างที่อยู่ รพ 1 อาทิตย์ คุณหมอ จะมาล้างแผลให้ โดยสลับวันเว้นวัน การล้างแผลก็ไม่มีอะไร เอาสำลี ชุบน้ำเกลือตามด้วยเบตาดีน แล้ว ก็เปลี่ยนผ้าก็อต ติดสก็อตเทป แต่คุณหมอ อยากมาดูให้ชัวร์ เผื่อ แผลปริมีรอยแดง กลัวติดเชื้ออีก คุณหมอบอกว่าหลังจากผ่าตัด หนึ่ง อาทิตย์ ก็สามารถ อาบน้ำได้แล้ว แต่เราไม่เชื่อหรอก ไม่ใช่ ไม่อยากอาบน้ำนะ แต่ว่า แค่ยืนถือฝักบัวขยับแขนขา มันยังจะไม่ไหวเลย และเพื่อนที่เคยผ่าตัดเปิดอกมาแล้ว ก็เชื่อหมอ พอได้กลับบ้าน ก็จัดเต็มอาบน้ำเลยปรากฎว่าแผลบางส่วนยังไม่แห้ง แผลเปียกจ้า อักเสบ ติดเชื้อ กลายเป็นว่า ต้องไป รพทุกวัน เพื่อไปทำแผล เค้าเลยเตือนมาว่าเอาให้ชัวร์ ซักแห้ง ช่วงบนไปก่อน สามอาทิตย์นะ เอาชัวร์ๆไปเลย เราเลยต้องให้มาม๊าช่วย เช็ดตัวช่วงบน แล้วใช้ฝักบัวทำความสะอาดช่วงล่างเอา ส่วนวิธีการกระผมนั้น ก็ เอาเก้าอี้ เข้ามานั่งสระ ในห้องน้ำ โดยใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล ไว้ก่อน แล้วก็เอาผ้าเช็ดหัวผืนเล็กมาคลุมไหล่ต่อ ด้วย เสื้อกันฝนมาคลุมอีกชั้น เป็นชั้นนอก และก็เริ่มพิธี สระผมกันเลยจ้า มาม๊าก็จัดเต็ม เลย สองสามรอบ ต่อครีมนวด อีกต่างหาก สบายหัวฝุดๆ วิธีนี้แผลยาว 6 นิ้ว ของเรา ไม่โดนน้ำแน่นอน รับประกัน 100% สิ่งที่ควรระวังของแผล คือ อย่าไปเกา ไปแกะ ถ้ามีน้ำหนองออก ไข้ขึ้นแผลแดงๆ ควร ไป รพ ทันทีนะ โชคดีที่เพื่อนสนิท กิ๊กเก่า เป็นหมอศัลย เลยถ่ายรูป ส่งไลน์ ไปปรึกษา เรื่อย ๆ ฮ่าๆๆ แผลเลยหายสนิท ไม่ติดเชื้อผ่านมาได้ด้วยดี


แผลคีรอย
ถ้าว่ากัน เรื่องแผลคีรอย นั้น อันนี้แล้วแต่คนเลย มีศาสตร์มาหลายสำนักมากแต่เอาจริงๆ บางทีก็อยู่ที่กรรมพันธุ์ มากกว่าพฤติกรรม ถ้าพ่อแม่เป็นลูกก็มีสิทธิ์จะเป็นด้วย ก็แล้วแต่เคสนะ เราโชคดีที่ แผลยาว ไม่มีคีรอยขึ้น แต่เพื่อการป้องกันไว้ก่อน แนะนำว่าให้ใช้เจลแผ่นปิด หลังผ่าตัด ประมาณ 2 สัปดาห์ แผ่นเจลนี้มีชื่อว่า CICA CARE และแพงมากจ้า ขนาดแค่ครึ่งเดียวของ ไอโฟน 4 นี่ขายกันอยู่ ประมาณ 900 กว่าบาท ถ้าซื้อร้านขายยา หน้าศิริราช เหลือ 600 กว่าบาท ต่อกล่อง ต่อแผ่น มีอายุใช้งาน 20
กว่าวัน แปะแล้ว สามารถมาทำความสะอาด แล้วแปะซ้ำได้ ตัดแปะลงไปทีแผล แล้วใช้ สก็อตเทป แบบกระดาษแปะ ทับอีกที แนะนำว่าควรซื้อสก็อตเทปแบบกระดาษ เพราะไม่เจ็บ ถ้าแบบ พลาสติก จะเจ็บกว่า เวลาดึงออก แผ่นเจลนี้แปะแล้วดีจริง เพื่อนที่มีแผลคีรอบ แปะเราเวิกมาก ได้ผล แต่ว่าต้องแปะนานหน่อย หลายเดือนอยู่ ของเรานี่ ใช้ครั้งเดียว แปะแค่อาทิตย์นึง ก็รำคาญละ เลยเอาออก ไปเลย เพราะแผลไม่มีแนวโน้มนูน



งานเข้า หัวใจ !!

พออยู่ รพ ได้ครบ 1 อาทิตย์ คุณหมอก็ตัดไหม ที่เป็นแผลสายเดรน ให้ ซึ่งเป็นรูปกากบาทอยู่ที่ท้อง เหมือนเป็นตุ๊กตาโดนเย็บเลย หลังจากนั้น คุณหมอก็อนุญาติให้กลับบ้านได้ แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น เพราะว่า ผลชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ทั้งหมด ที่ส่งไปย้อมสีนั้นปรากฎว่า ย้อมสีติด !! การที่ส่งไปย้อมสี ทำแล็ปอีกรอบ ก็เพื่อให้แน่ใจ ว่า เซลล์ที่สุ่มตัดออกไปนั้น เป็นแค่เซลล์ปกติ จริงๆ(การสุ่มตัดออกไป นั้น มารู้ทีหลังว่า ความแม่นยำของแล็ปมีน้อยมาก ) และการที่ย้อมสีติด นี่ แปลว่า มันคือ เซลล์มะเร็ง !! ในผลแล็ป เขียนว่า เป็นชนิด Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) แต่ไม่ได้ ระบุว่าเป็นแบบ Hodgkin lymphoma หรือ Non-Hodgkin Lymphoma ซึ่งในโลกนี้มี มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 3 ประเภท คือ

1. Hodgkin lymphoma

2. Non- Hodgkin lymphoma

3. แบบ ทั้งสองประเภทรวมกัน คือ คนเราสามารถเป็นทั้งสองประเภทรวมกันได้ เพิ่งมีบัญญัติในตำราแพทย์มาเมื่อ ไม่กี่ปีมานี่เอง (ไม่ถึง 10 ปี)

เพื่อนของเรา สมัย เรียน ม ปลายด้วยกัน เคยเป็น ประเภทที่สาม คือทั้งสองชนิดในร่างเดียว  นางรักษาตัวหายและทำเสตมเซลล์ ไปเรียนต่อ อังกฤษ แล้ว  การมีก้อนในหัวใจนั้น บ่งบอกได้ว่าน่า จะเป็นแบบ Non-Hodgkin Lymphoma 

เพราะ ชนิด Hodgkin Lymphoma อาจารย์บอกเอง ว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นข้างในหัวใจ

เพราะฉะนั้น ก็มีความเป็นไปได้ ว่า เราจะเป็นทั้งสองประเภท ของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพราะมีก้อนที่ปอด เป็น Hodgkin และ ก้อนในหัวใจ เป็น Non-Hodgkin  อย่างไรก็ตาม คุณหมอ สั่งย้อมสีทำแล็ปเพิ่มเพื่อดูประเภท และ นัดอีกที อาทิตย์หน้า เพื่อที่จะดูแผล ดูอาการ และ อัพเดชผลแล็ป 


ติดตามเรื่องราวและ Tips สุขภาพดีๆได้ที่  

FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell

https://www.facebook.com/cancerfreeforever/





Create Date : 07 สิงหาคม 2557
Last Update : 11 เมษายน 2559 12:13:32 น. 6 comments
Counter : 20136 Pageviews.  
 
 
 
 
สู้ๆนะคะ เข้มแข็ง อดทน หัวใจหนูแกร่งมาก ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองหนูนะคะ
 
 

โดย: ต่างแดน IP: 94.23.252.21 วันที่: 7 สิงหาคม 2557 เวลา:14:23:22 น.  

 
 
 
สู้ๆ นะค่ะ เอาใจช่วยเต็มที่ ขอให้หายกลับเป็นปกติ เข้าใจเลย พี่ตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง hodgkin เมื่อต้นปี มาอ่าน blog นี้บ่อยๆ เพราะหมอที่รักษาคนเดียวกันด้วย ตามอ่านความคืบหน้าด้วยความเป็นห่วง ส่วนโรคพี่ เพิ่งทำ pet scan ไป โรคสงบแล้ว การป่วยครั้งนี้ทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น ทุกอย่างเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ที่เหลือคงต้องปล่อยวางให้เป็นเรื่องของข้างบนเขากำหนดแล้ว ทำบุญฝึกสมาธิไป ป่วยแต่กายใจอย่าป่วยหน่าา
 
 

โดย: ข้าวเจ้า IP: 49.230.180.190 วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:10:16:27 น.  

 
 
 
อ้อลืมบอกไปพี่ก็ผ่าตัดทรวงอก เอาก้อนเนื้อออกด้วย แผลผ่าเป็นแบบน้องเลย ต้องนอนหมอนสูง 2-3 เดือน ช่วงนี้ขอให้น้องพยามบริหารปอด โดยสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ หายใจออกช้าๆ นั่งสมาธิช่วยได้เยอะ ช่วงแรกหัวใจพี่ก็เต้นเร็ว เพราะเจ็บแผล ทำให้เราหายใจไม่เต็ม แต่พอแผลดีขึ้น มันก็จะค่อยๆดีขึ้นจ้า
 
 

โดย: ข้าวเจ้า IP: 49.230.180.190 วันที่: 8 สิงหาคม 2557 เวลา:10:55:57 น.  

 
 
 
หนูเพิ่งผ่าปอดมาคะ หลังผ่านอนไอซียู 1 คืน รุ่งขึ้นพยาบาลมาปลุกเหมือนพี่เลยคะ ปลุกให้เราเดิน พอขาแตะพื้นได้ เราเดินเลย พยาบาลตกใจ ให้เราลองยกแขน หนูก็ยกได้ปกติ เจ็บนิดหน่อย แต่แปบเดียว พอหมอมาตรวจ ให้เราย้ายกลับมาอยู่ห้องปกติ ถอดสายทั้งหมด ยกเว้นสายออกซิเจน สายน้ำเกลือเลยคะ กลับลงมาเราก็เดินเข้าห้องน้ำได้ แต่กินได้น้อยแค่2-3คำ แต่เป็นแค่3-4มื้อแรกคะ แต่ลำบากคือการนอน แผลเราใหญ่อนู่ที่หลังมาถึงสีข้างข้างขวา เรานอนหงายหรือตะแคงขวาไม่ได้เลยเพราะทับแผลต้องเอาหมอนมารองหลัง นอน รพ อีก2 คืน หมอให้กลับบ้านเลยเพราะฟื้นตัวไวเกือบเป็นปกติละคะ ตอนนี้ต้องไปทำแผลทุกวัน ขอบอกคนไข้ผ่าตัดทุกคน อย่าไปตื่นเต้น อย่าไปกลัวคะ สู้ๆ กินอะไรได้ กินเลยคะ ทำร่างกายให้พร้อม เราก็จะฟื้นตัวได้เร็ว ตอนหนูก่อนผ่า ใครเอาอะไรมาให้ หนูกินหมดเลย ขนม นม ผลไม้กินได้หมดคะ วันผ่าร่างกายเราได้พร้อมคะ อ้อ ก้อนที่ปอดของหนูขนาด9ซม. เท่ากำมือเลยคะ พ่อแม่เห็นก้อนที่ผ่าออกมา เกือบเป็นลมเลยคะ เหมือนหัวใจเลย แต่เราก็ต้องสู้ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพราะเราผ่านม่ได้แล้ว เราก็ต้องสู้ตอคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนคะ
 
 

โดย: นิรนาม IP: 1.47.9.31 วันที่: 10 มีนาคม 2560 เวลา:23:20:33 น.  

 
 
 
เพิ่งผ่าตัดหัวใจมาเมื่อปีที่แร้วคะ
 
 

โดย: สุ้สุ้นะ IP: 125.24.10.7 วันที่: 12 สิงหาคม 2561 เวลา:22:25:27 น.  

 
 
 
ภาษาอะไรว่ะ
 
 

โดย: เหนื่อยหนักเลย IP: 49.49.180.35 วันที่: 1 ตุลาคม 2564 เวลา:19:23:55 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

labellalala
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 138 คน [?]




สาวตัวเล็ก วัย 26 ปี ผู้ไม่เคยยอมแพ้กับโชคชะตา - ขอบคุณที่ติดตามอ่านประสบการณ์ผู้ป่วยตัวเล็กๆที่แชร์ เรื่องจริง เจ็บจิง กับ การต่อสู้ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองคะ :) สามารถร่วมคอมเม้น ใต้ บล็อก เพื่อให้กำลังใจได้นะคะ ^___^ ติดตามการต่อสู้ ทิปสุขภาพต่างๆได้ที่ FB Page : เรื่องจริงกะเบลล์ Jingabell ค่ะ www.facebook.com/cancerfreeforever หรือ อีเมล์ติดต่อมาที่ Lymphomafighter@hotmail.com
New Comments
[Add labellalala's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com