เมื่อสิ่งที่รักมาจากไป เหลือแค่หัวใจสลาย แต่ไม่มีน้ำตา

lunapee
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2565
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 พฤษภาคม 2565
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunapee's blog to your web]
Links
 

 

บันทึกการปฏิบัติ

        กลับมาเริ่ม เดินจงกลม นั่งสมาธิ อีกครั้ง น่าจะราวๆ วันที่ 7 มิถุนายน 2564 แต่เดินแค่ 30 นาที นั่ง 30 นาที ช่วงปฏิบัติแรกๆ ก็รู้สึก ทำไมมันนานจัง ราวชั่วกัล์ปชั่วกัลป์ ปวดหลัง ปวดขา แต่พอปฏิบัติไปซักพัก 30 นาทีก็ไม่มีเวทนาอีก แถมพอไม่มีเวทนา ความคิดก็ฟุ้งซ่าน บานไปไหนต่อไหน กำหนดไม่ทัน เป็นช่วงที่คิดว่า ผ่านไปเกือบปีแบบ สติก็ไม่ดี สมาธิก็ไม่ได้

        จนมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565 กลัวๆ กล้าๆ ตัดสินใจอยู่นานว่า เปลี่ยนมาเป็นนั่ง 1 ชั่วโมง เดิน 1 ชั่วโมงดีมั้ย จะรอดมั้ยหนอ แต่ก็มีเหตุการณ์ให้ตัดสินใจได้ในที่สุด แรกๆ เหมือนจะตาย เวทนากล้า จนอยากจะร้องไห้ โดยเฉพาะตอนนั่ง แต่ก็ทุรนทุรายจนนั่งครบทุกครั้ง ในตอนนั้น รู้ตัวว่า สติดีขึ้นมาก เพราะกำหนด รูปนามได้ทัน แต่จิตก็ฟุ้งซ่านซัดส่ายตลอดเวลา ต้องกำหนดรูปนาม จนแทบไม่ได้เดิน พอยืนนานๆ ก็ขาแข้งสั่น เหมือนจะล้ม และพอนั่ง สมาธิแย่สุดๆ ข่มเวทนาไม่ได้เลย กำหนดเวทนาก็ไม่หายไป จึงเข้าใจที่หลวงพ่อจรัญฯ มักแนะนำว่าให้ นั่ง 1 ชม เดิน 1 ชม
(อ้างอิงคำสอนของหลวงพ่อ จากหนังสือ ใบไม้ในกำมือ หมวดที่2 ปฏิบัติกรรมฐาน หน้า 27-28)

และคำว่า อาจารย์ไม่มาสอน มันจะไปมีประโยชน์อะไร เพราะถ้าเวลาน้อยกว่านี้ เวทนาไม่มีจริงๆ อาจารย์ก็คือเวทนากล้าทั้งหลาย และหลวงพ่อยังบอกอีกว่า ครบเวลาแล้ว เวทนาไม่หาย ไม่คลาย ให้นั่งต่อ (ไม่เคยได้นั่งต่อเลย เพราะมันไม่ไหว แค่ครบเวลาก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว เวทนาก็เลยเกิดทุกรอบ ไม่หายไปซักทีกระมัง)
        ***อ้างอิงคำสอนของหลวงพ่อ จากหนังสืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ หมวดที่2 กรรมฐาน หน้า29

        จนเมื่อคืนวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 รู้สึกว่าสมาธิดีขึ้นมาก จิตไม่ซัดส่ายเหมือนเดิม เดินได้ดีขึ้น แต่เวลานั่ง เมื่อครบเวลา ก็ยังกำหนดเวทนาให้หายไปไม่ได้ และก็ยังไม่ได้นั่งต่อ จนเวทนาแตก หรือคลายไป 

        ก่อนปฏิบัติทุกรอบ ก็กลัวและขี้เกียจทุกรอบค่ะ ง่วงแล้ว อยากนอนแล้ว อะไรอย่างนี้ แต่หลังปฏิบัติแล้วสามารถทำได้ครบเวลาก็ปิติทุกรอบเหมือนกัน หลวงพ่อบอกว่า ทำความเพียรต้องฝืนใจก็เป็นอย่างนั้นค่ะ บางคนเรียกการปฏิบัติว่า ฝึกสติบ้าง ฝึกสมาธิบ้าง แต่การปฏิบัติตามแนวหลวงพ่อฯ เป็นการฝึกทั้งสองอย่างไปพร้อมกันและให้สมดุลกัน เพื่อไม่ให้หลงไปจากทางเพื่อการดับทุกข์และตัดภพตัดชาติให้สั้นเข้า ปกติเวลานั่ง เวทนาของเราจะเกิดที่ขาข้างขวา เพราะเข่าเจ็บอยู่แล้ว นั่งไปนานๆ จะเหมือนกระดูกจะหัก เท้าขวาจะชาจนปวด เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีสมาธิข่มได้ ทุรนทุรายจนครบเวลาอย่างที่บอกทุกรอบ เมื่อคืน 18 พฤษภาคม 2565 รู้ตัวว่าเดินได้ดี สมาธิดีขึ้น เผลอสติบ้างเป็นครั้งคราว เวลาเดินได้ดี หลวงพ่อจะบอกว่า แบตเตอรี่เก็บได้ดี เอาไว้ใช้ตอนนั่ง พอกำหนดนั่ง เวทนาก็เกิด แต่คราวนี้ สติ สมาธิ ดี กำหนดได้ มองเวทนาออกเป็นสองความปวดชัดเจน ว่าตอนนี้ ตรงเข่า หรือตรงเท้าที่กล้ากว่ากัน แล้วปักจิตไปกำหนดปวดตามตำแหน่งที่กล้ากว่า พอข่มเวทนาได้ทั้งสองจุด ก็ไปกำหนดพองยุบเหมือนเดิม เรียกว่านั่งสบายขึ้นมาก ไม่ทุรนทุราย แต่เวทนานั้นเหมือนเดิมทุกประการจนใกล้ครบเวลา เวทนาเริ่มคลายออก เข่าหายปวดก่อนเหมือนความปวดระเบิดหายไป ความชาค่อยๆ ออกไปตามปลายเท้าขวา พอครบเวลาในเสี้ยววินาที เวทนาก็หายไปหมด ปิติมาก แทบกำหนดไม่ทัน หลังออกจากกรรมฐานแล้ว อาการปวดเข่าที่ปวดก็ยังอยู่นะคะ ไม่ได้หายไป อาจจะเพราะยังไม่เห็นกฎแห่งกรรมว่า ไปทำอะไรไว้ และเจ้ากรรมนายเวรคงยังไม่อโหสิให้ก็เป็นได้
 
*เหมือนเข้าสู่สนามรบทุกวัน บางวันเพลี้ยงพล้ำพ่ายแพ้ บางวันเสมอ บางวันซึ่งน้อยมากก็ชนะ*

      จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 ก็ยัง ชนะบ้าง แพ้บ้าง เสมอบ้าง วนๆ ไป ก่อนเดินก็จะขี้เกียจมากอยากนอน พอเริ่มเดิน ความขี้เกียจก็หายไป แต่ต้องมาผจญกับความง่วงแทน จึงรู้สึกเหมือน เดินลุยไปในความง่วง คิดแค่ว่า ง่วงก็ง่วงไป แค่กำหนดให้ได้ปัจจุบันก็พอ ถ้าสติตามไม่ทันเพราะมันง่วง ก็แค่เดินให้ช้ากว่าเดิม พอตอนนั่ง ความขี้เกียจ ความง่วง หายไปหมด เหลือแต่เวทนาล้วนๆ ถึงจะนั่งครบเวลาทุกรอบ แต่ก็ยังทุรนทุรายบางวัน ปวดแต่กำหนดข่มได้บางวัน และบางวันเวทนาก็หายไปก่อนครบเวลาซึ่งวันนั้นถือว่าชนะ

     6 มิถุนายน 2565 เดิน 1 ชั่วโมง นั่ง 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกที่เกือบจะไม่มีเวทนาเลย แค่เกือบจะค่ะ เพราะรู้สึกหิวมากอยู่ตลอดเวลา อาการปวดขา เหน็บชา น้อยลงไปมาก ตื่นเต้นเหมือนกัน ไม่ทราบว่า ต่อๆ ไป จะเป็นอย่างไรอีก 

     19 มิถุนายน 2565 เดิน 1 ชม นั่ง 1 ชม ไม่ปวดขาแล้วค่ะ แต่ปวดหลังมาก และอึดอัดมาก เหมือนควรจะเลอ แต่เลอไม่ออก มันแน่นอยู่ อึดอัด จิตไม่สามารถเป็นสมาธิได้เลย ได้แต่กำหนดเวทนา อึดอัดหนอๆๆ ปวดหนอๆๆ ไปจนครบเวลา พอครบเวลา แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล ก็เลอออกมาได้เป็นปกติ หายอึดอัด

     3 กรกฎาคม 2565 ลองนั่งขัดสมาธิเพชร นั่งได้แล้ว แต่แป๊บเดียวมากกกก ปวดข้อเท้าขวา เหมือนจะหักค่ะ (ไม่ได้นั่งปฏิบัตินะคะ แค่ลองนั่งดู)

     16 กรกฎาคม 2565 ยังไม่ก้าวหน้าไปไหนเลยค่ะ สมาธิไม่มี สติไม่ไว เวทนามาก เหมือนเดิม บางครั้งก็ถามตัวเองว่า นี่เราก้าวหน้าบ้างมั้ยหนอ? คำว่า หยอดกระปุกทำไป เป็นคำปลอบใจ จนได้มีโอกาสฟังคลิปนึง จากช่อง "อาจารย์ยอด" หลวงปู่ดู่ท่านตอบคำถามนี้ว่า "ความโลภมันลดลงบ้างมั้ยหล่ะ ถ้ามันลดลง มันก็ก้าวหน้า ทำไปเรื่อยๆ" จำประโยคแม่นๆ ของท่านไม่ได้หรอกนะคะ แต่นำคลิปมาฝากด้วย เผื่อใครสนใจอยากไปฟังเป็นกำลังใจด้วยกัน

https://youtu.be/RHDx0L3Ufc4

        19 กรกฎาคม 2565 เมื่อคืนเดินและนั่งได้ครบเวลา แทบไม่มีเวทนาเลย มีปวดหลังนิดหน่อย  ยืดตัวขึ้นเป็นระยะๆ ก็หาย ตอนนั่งก็เริ่มเห็น พองยุบ จากที่ปกติหน้าท้องจะเกร็งๆ จับพองยุบไม่ได้เลยและหายใจลำบาก อึดอัด ก็หายไป 

       18 สิงหาคม 2565 ไปกราบสรีระหลวงพ่อจรัญฯ อีกครั้ง หลังจากกลับมาบ้าน ตั้งแต่วันนั้น ก็ลดเวลาปฏิบัติลงเหลือ นั่ง 30 นาที เดิน 30 นาที เหตุเพราะรู้สึก ตัวเองคงยังไม่พร้อมที่จะปฏิบัตินานๆ มันอึดอัด ทรมาณ คิดแต่เมื่อไหร่จะหมดเวลา ทำให้ไม่มีทั้งสมาธิ และสติ ที่จะตามรู้ ตามช่องทางอายตนะเลย พอลดเวลาลงมา สติก็มา สมาธิดีขึ้น ก็เลยคิดว่า ถอยลงหน่อย พร้อมแล้วค่อยเพิ่มเวลา


   
          9 ตุลาคม 2565 คืนนี้ พองยุบชัดขึ้น สมาธิดี สติไวขึ้นหน่อย ดีใจ
          เกิดมาทำไม?
          เกิดมาเพื่อ ทำความเพียร เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก นอกจากนี้ในระหว่างวัน พยายามไม่       ส่งจิตออกนอกกาย ทำได้บ้าง หลุดบ้าง พยายามต่อไป 

         28 ตุลาคม 2565 เริ่มสังเกตุว่า เด่วนี้ยุงกัด ไม่มีตุ่มขึ้นแล้วก็ไม่คัน หลังจากเค้าดูดเลือดจนเต็มพุงแล้วบินไป 

         19-27 ธันวาคม 2565 ไปปฏิบัติที่สวนโมกข์นานาชาติ สุราษฎร์ธานี นั่งฟังธรรมบรรยาย จากท่านพุทธทาส เรื่อง ปฏิจสมุปบาท จู่ๆ ก็เข้าใจไปตลอดสายเลย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ ทั้งอ่านทั้งฟังมาหลายครั้งแล้วก็ไม่เคยเข้าใจ รู้สึกมันยากมากๆ

         31 มีนาคม 2566 เริ่มเรียนบาลีด้วยตนเอง บังเอิญไปเจอ ช่อง YouTube สอนบาลีได้น่ารักมาก จนเพิ่งรู้สึกครั้งแรกในชีวิตว่า บาลีไม่ยากเท่าที่คิด https://youtube.com/playlist?list=PLiTu-S36376r6unVqyZc4wSNUtwPlSu2U ช่องนี้เป็นแรงบันดาลใจเริ่มต้น แต่น่าเสียดายที่ เค้าทำคลิปไว้ไม่กี่ตอน จากนั้นก็มาเจออีกช่องหนึ่ง พระอาจารย์มหาสมปอง มุทิโต ท่านสอนดีมาก (ก ล้านตัว) ไม่เคยมั่นใจว่า จะเรียนบาลีเข้าใจด้วยตัวเองหรอก แต่มั่นใจในตัว พระอาจารย์ ผู้สอนมากว่า สามารถทำให้คนที่สนใจจริงๆ เข้าใจบาลีได้แน่นอน https://youtube.com/playlist?list=PLpkZyORbQ2epAX52e-kLpsQ5iMqnldH1C

 
              20 เมษายน 2566 (กว่าจะได้ login pantip คืน นานมากกก)
ช่วงนี้เนื่องจากอากาศร้อนมาก และหลังจากกลับจากสวนโมกข์ ก็รู้สึกอยากนั่ง outdoor นั่งวันละ 45 นาที พยายามนั่งทุกวัน เวทนากวนบ้าง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็กำหนดไปตามจริง ค่ะ สติเร็วขึ้น สมาธิดีขึ้น 😊😊     

              11 พฤษภาคม 2566 ต้องบันทึกเลย นั่งสมาธิ 45 นาที เกือบไม่รอด โดนรุม ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ แค่ตัวเดียวกัด ยังแทบตาย อดทนจนครบเวลา ทรมาณมากกกกก 



               20 พฤษภาคม 2566 เดือนนี้ โดนรอบสองแล้วค่ะ แฮร่ๆ เป็นมดคนละชนิดกับคราวแรก แต่ความเจ็บ ความคัน ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันแม้แต่น้อยค่ะ ดีที่เค้ามากัด ตอนที่นั่งมาซักพัก จิตรวมได้นิดหน่อยแล้ว ไม่งั้นคงทนจนครบเวลาไม่ไหว (45 นาที)


3 มิถุนายน 2566 ได้ไปเวียนเทียน มีโอกาสได้คุยกับแม่ชีท่านนึง แม่ชีทักว่า กินน้ำบ่อยจัง เราก็บ่นว่า ร้อนมากผิดปกติ เคยชอบหน้าร้อน และเป็นคนไม่มีเหงื่อ ไม่ทราบทำไมปีนี้ ร้อนแทบทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่ ปีก่อนๆ คนอื่นบ่นร้อนเราเฉยๆ ปีนี้ เรากลับร้อนกว่าคนอื่นๆ เหงื่อท่วมตัวตลอด คิดว่าเป็นเพราะสูงวัย 1 ปีนี้ร้อนผิดปกติ 1 แม่ชีบอกว่า มีอีกอย่างคือ นั่งสมาธิ ก็ร้อนมากได้ เป็นสภาวธรรม อันหนึ่งเหมือนกัน นี่ความรู้ใหม่ค่ะ ไม่เคยทราบมาก่อน ไปค้นดูใน net ก็พบว่า มีคนเป็นเยอะอยู่เหมือนกัน (ขออนุญาต นำ comment มาแปะไว้นะคะ)


10 กย 2566 ช่วง 1-2 เดือนมานี้ ไม่ได้นั่งหลับตา ปฏิบัติธรรมเลย รู้สึกไม่อยากทำ ก็เลยไม่ฝืนตัวเอง เอาไว้อยากทำเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำ ช่วงที่ผ่านมา เลยใช้อิริยาบถทำงาน อยู่กับลมหายใจ อยู่กับปัจจุบันแทน รู้ตัวให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ใช้หลักการว่า ใน 24 ชม รู้ตัวให้มากที่สุด เช้าฟังธรรมะจากช่องใน youtube กลางคืนนอนฟังพระไตรปิฎกแล้วหลับไป  




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2565
0 comments
Last Update : 10 กันยายน 2566 8:35:24 น.
Counter : 525 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.