Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
16 พฤศจิกายน 2562
 
All Blogs
 

คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 11) โดย มานัส


 
บทที่ 11
โฉมฉายแน่ใจว่าได้ยินเสียงขบวนรถยนต์เข้ามาจอดหน้าบ้าน หากเมื่อผ่านไปสักพักแล้วยังไม่เห็นผู้เป็นเจ้าของบ้านจะปรากฎตัว หญิงชราจึงเรียกหนึ่งในผู้ติดตามของชิษณุมาถาม
 
“คุณณุล่ะ”
 
“นายไปส่งญาติคุณหมอครับ สั่งให้พวกผมกลับมาก่อน”
 
และโฉมฉายก็ไม่มีท่าทีกังวลกับคำบอกนั่น
 
ใน ‘ถิ่นนี้’ ชิษณุไม่จำเป็นต้องให้คนคอยเฝ้าอารักขา บางครั้ง…มีบ้างก็แค่พอเป็นพิธี หรือเพื่ออำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ ตามความจำเป็น
 
อย่างเช่นคืนนี้ ที่บรรดาผู้ติดตามเพียงเฝ้าระวังอยู่ห่างๆ กลมกลืนไปกับผู้คน ระวังอย่าให้ใครมาทำให้นาย…หงุดหงิด
 
หรือเข้ามาวุ่นวาย ทำให้นาย…รำคาญใจ
 
คนที่…รู้จัก ไม่มีใครอยาก ‘ยุ่ง’ กับ ‘คุณณุ’ เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นว่า คนที่เคย ‘ทำร้าย’ หรือหักหลังคุณณุนั้นต่างลงเอยเช่นไร
 
คน…ไม่รู้จัก ถ้าเห็นผู้ติดตาม ก็จะไม่กล้ายุ่ง
 
ผู้ติดตามทุกคนถูกฝึกมาอย่างดี จัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ ให้กระทบผู้เป็นนายน้อยที่สุด
 
“เอาล่ะ ขอบใจ” หญิงชราพยักหน้ารับรู้…รู้กระทั่งว่า สองสามเดือนที่ผ่านมา คุณณุ…แปลก
 
จากเลือดเย็น…กลับกลายเป็นเย็นสบาย
 
เวลาที่เคยเก็บตัวอยู่ในห้องทำงานทุกครั้งที่กลับมาบ้าน หรือออกไปสำรวจตรวจงาน…จัดการ บัดนี้กลายเป็นเวลาที่เขาออกไปข้างนอกแล้วกลับมาบ้าน…โดยมีหญิงสาวคนนั้นมาด้วยเสมอ
 
คนอย่าง ‘คุณณุ’ ย่อมมีเหตุผลในการกระทำ และโฉมฉายก็พอจะเดาออกว่าเหตุผลที่รั้งผู้เป็นนายให้อยู่ ‘บ้าน’ นั้นคือ…ใคร
 
 
 
หยาดฝนที่พร่างพรายเพียงแผ่วเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เริ่มลงเม็ดพร้อมแรงลมที่กระโชกหนักขึ้น และเมื่อรถโฟร์วิลส์เลี้ยวเข้ามาจอดนอกหน้าประตูรั้วเก่า เสียงฟ้าร้องที่ดังกระหึ่มไล่หลังก็คลานใกล้เข้ามาทุกที
 
ภายในบริเวณบ้านไม้เก่าสองชั้นนั้นมืด เว้นเพียงแสงไฟจากระเบียงทางเข้าบ้านที่ถูกเปิดไว้ตั้งแต่เมื่อตอนเย็น
 
มือเล็กหยิบกุญแจประตูรั้ว เตรียมลงจากรถ หากคนขับแตะแขนเธอเบาๆ “ผมเปิดเองดีกว่า”
 
“ไม่เป็นไร…” หญิงสาวแย้ง
 
“อย่าดื้อซิ” ชิษณุคว้ากุญแจจากมือของอีกฝ่าย “รู้ว่าเก่ง แต่นี่ฝนลงเม็ดหนักขึ้น ผมเป็นห่วง กลัวคุณจะไม่สบาย พอผมลงไปคุณเขยิบมาขับแทนนะ เอารถเข้าไปจอด แล้วก็เข้าบ้านไปเลย”
 
ยังไม่ทันขาดคำ เขาก็เปิดประตูก้าวลงไปอย่างเร็ว ทิ้งให้มณิกานต์ถอนหายใจ มองตามร่างสูงที่เห็นเพียงลางๆ ท่ามกลางม่านฝนที่สาดกระหน่ำ เธอขยับตัวข้ามไปนั่งที่คนขับ มองคนที่ตอนนี้เนื้อตัวเปียกโชกกำลังผลักประตูรั้ว
 
หญิงสาวนำรถเข้ามาจอดติดกับตัวบ้าน แล้วรีบลงจากรถ มือเล็กคว้าร่มที่อยู่ในกล่องกลมใบใหญ่ชิดผนังบ้าน กางมันออก รีบเข้าไปรับเขาที่กำลังวิ่งเข้ามา
 
“เข้าบ้านไปเลย” เสียงตะโกนแข่งกับสายฝนที่ลงเม็ดหนัก
 
หากหญิงสาวไม่มีท่าทีจะยอมทำตาม สายตาของเธอมองอย่างเป็นห่วงเมื่อเขาเข้ามาอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน “คุณเปียกไปหมดแล้ว”
 
ทว่าชิษณุหัวเราะเบาๆ รับร่มคันใหญ่มาถือแทน “ผมไม่น่าใจดีเล้ย”
 
“นั่นน่ะซิ ถ้าคุณใจดีน้อยกว่านี้หน่อย ไม่เอาร่มคันนั้นไปให้คนอื่น คุณก็อาจจะเปียกน้อยกว่านี้” หญิงสาวแหงนหน้ามองเขา
 
ก็เมื่อตอนที่รถโฟร์วิลส์แล่นออกจากบริเวณงานในขณะที่ฝนกำลังตั้งเคล้า ชิษณุก็พลันจอดรถเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินออกจากงานมาพร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็กสองคน เพราะความสงสารเขาจึงยื่นร่มคันใหญ่ที่ติดไว้ในรถให้ครอบครัวนั้น
 
‘รู้จักเขาเหรอ’ มณิกานต์สงสัย
 
‘ถึงไม่รู้จักก็ต้องให้ สงสารเด็กๆ เผื่อว่ากลับบ้านไม่ทันฝนลงเม็ด’
 
เพียงแต่ว่าในเวลานี้ หญิงสาวสงสารเขามากกว่า เมื่อเห็นใบหน้าคมคายเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน หากเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มแจ่มใสพราวกระจ่างเมื่อแขนอีกข้างโอบร่างของเธอให้เข้าชิดใต้ปีกร่มแล้วพาเดินไปยังตัวบ้าน
 
เสียงฟ้ากึกก้องแผดเสียงเกรี้ยวโกรธเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มณิกานต์ยกมือปิดหู เธอรู้สึกถึงอ้อมแขนที่ชุ่มด้วยน้ำฝนของเขาที่โอบอย่างอ่อนโยนและสุภาพรัดแน่นขึ้นเพียงนิด และเมื่อชานระเบียงหน้าบ้าน ชิษณุก็คลายมือทันที
 
“คุณเข้าไปเถอะ ขืนผมเข้าไป เห็นทีคงต้องเช็ดพื้นกันยกใหญ่” เขาบอกคนที่กำลังไขเปิดประตูบ้าน
 
“เช็ดแป๊ปเดียว คุณเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า รอให้ฝนซา แล้วค่อยกลับก็ได้” หญิงสาวหันมาบอกเห็นชัดเลยว่าร่างสูงนั้นเปียกชุ่มไปทั้งตัว
 
“ดีใจจัง มลพิษที่แสนใจดีเป็นห่วงผม” คนบอกยิ้มกว้างสายตาพราย เขยิบตัวเข้าไปใกล้ร่างอรชรที่เปิดประตูบ้านแล้วรีบเดินเข้าไปข้างในทันที แต่ก็ยังสบัดเสียงทีเล่นทีจริงตอบ
 
“ขืนคุณเป็นอะไร ไข้ขึ้นสักองศา บอดี้การ์ดของคุณจะได้ฆ่าฉันหมกไร่อ้อยน่ะซิ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้หน้าห้องน้ำ” เสียงแจ้วบอก ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งหายขึ้นไปข้างบน ไม่สนใจว่าเขาจะเย้าเธอต่อว่าอย่างไร
 
 
ใช้เวลาไม่นานชิษณุก็เดินออกจากห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัวผูกอยู่ท่อนล่าง และถึงแม้เนื้อตัวจะแห้ง แต่ผมยุ่งก็ยังเปียกหมาดๆ ที่เจ้าตัวไม่สนใจ สายตาคมพินิจพิจารณากวาดมองไปรอบๆ ไม่เห็น…ใคร
 
รอยยิ้มปราศจากความรู้สึกแสยะแตะบนใบหน้าคล้ายหน้ากาก เขาจัดแจงตากเสื้อผ้าเปียกชื้นของตนไว้ที่ราวในครัวหลังบ้าน ก่อนเดินขึ้นไปข้างบน
 
การเดิน…ช้า ย่างกรายคล้ายจิ้งจอกเตรียมตะครุบเหยื่อ
 
สีหน้าและดวงตาของเขาก็บ่งบอกเช่นนั้น
 
ทว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างบนไม่มีโอกาสเห็น เธอได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าคนเดินขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้านไม้เก่า ร่างอรชรเตรียมลุกขึ้นไปปิดประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้แล้วเชียว แต่ก็ช้ากว่าเขานัก
 
“อาบน้ำ สระผมเรียบร้อย…ครับผม!” คำบอกของคนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องมีแววขัน ก่อนจะถาม “ทำอะไร…”
 
“เตรียมชุดเปลี่ยนให้คุณใส่น่ะซิ” 
 
“น่ารักจัง”
 
รอยยิ้มพร้อมสายตาคมเข้มที่จ้องจับเช่นนี้ได้มัดใจใครหลายคนมานักต่อนักแล้ว แต่มณิกานต์เพียงเดินไปยื่นชุดกางเกงชาวเลกับเสื้อยืดสีเข้มให้โดยไม่สบตาอีกฝ่าย รับรู้แค่ว่าเขารับไป ร่างเล็กเบี่ยงหลบเขาจนตัวลีบตอนเดินสวนออกมาด้านนอก
 
“คุณเข้าไปในห้องโน้นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้ามออกมาจนกว่าจะเรียก” เสียงใสแจ๋วออกคำสั่งชัดเจน “ฉันโทรฯ ไปตามพี่หมอแล้ว พี่หมอกำลังจะกลับ”
 
“นี่ผมไม่น่าไว้ใจเลยหรือไง ถึงต้องเร่งพี่นินทร์ให้รีบกลับ” คำถามกลั้วหัวเราะ แต่เจ้าตัวก็ยอมเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเป็นที่เก็บเสื้อผ้าและข้าวของ
 
มณิกานต์ยังคงมองตาม นึกโล่งใจนัก เธอจัดแจงหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนจากห้องของตน แล้วเดินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
 
ใช่…เธอไม่ไว้ใจเขาเลย
 
“พี่นินทร์อยู่ไหน” นั่นเป็นคำถามแรกจากคนที่โทรฯ เข้ามาหาคุณหมอ
 
“กำลังจะกลับครับ คนของคุณณุมารับแล้ว” ชนินทร์มองคนขับที่ชำเลืองมองผ่านกระจกเมื่อได้ยินชื่อของผู้เป็นเจ้านาย “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
 
คุณหมอสงสัย เพราะคงมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ ชิษณุถึงส่งคนมารับเขา
 
“คืนนี้พี่พักในตัวเมืองดีกว่า” เสียงเรียบสั่งกลายๆ “ตอนนี้ฝนลงหนัก กลับเข้ามาจะลำบาก ถนนเลอะแฉะไปหมด ทางก็มืด”
 
นั่นคือคำบอกง่ายๆ หากไม่มีข้ออ้างนี้เขาย่อมหาอีกร้อยแปดมายกอ้างได้
 
“แต่…”
 
“ไม่ต้องห่วง ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณมนต์เอง” รอยยิ้มมุมปากนั่นเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้เห็น
 
ประโยคนี้ยิ่งทำให้ชนินทร์อดที่จะกังวลไม่ได้
 
ถ้ามณิกานต์เป็นคนอื่นเขาจะไม่ห่วงเลย เพราะเขามั่นใจในตัวชิษณุ แต่นี่…
 
เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนั่งดูข่าวภาคค่ำกับหญิงสาว จนเมื่อมีการพูดถึงหุ้นบริษัทของดิลกที่ลดมูลค่าท่ามกลางกระแสการแพ้ประมูลโครงการก่อสร้าง ดวงตาของมณิกานต์พลันทอดเป็นประกายเศร้าจนน่าใจหาย
 
‘คุณพ่อ…’
 
เพียงเท่านี้ชนินทร์ก็พอรู้ หากไม่กล้าถาม เขาได้แต่ภาวนาว่าคนที่ระแวดระวังอย่างชิษณุจะไม่รู้ความจริงนี้ เพราะไม่เช่นนั้นหญิงสาวที่หลบหนีปัญหาต่างๆ มาพึ่งเขาด้วยใจบริสุทธ์ ก็จะไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของจิ้งจอกร้าย
 
ชิษณุเป็นคนเลือดเย็นที่เปี่ยมด้วยความอาฆาตแค้น
 
แค้น…ที่รอด้วยความใจเย็นเพื่อการล้างแค้นเอาคืน
 
ชนินทร์หลับตาเอนพิงเบาะอย่างอ่อนล้าเมื่อวางสาย หวังเพียงว่าน้องชายตัวเล็กช่างซักถามที่เคยร่าเริงสดใส จะเป็นคนเดียวกันกับชายหนุ่มที่อยู่บ้านของเขาในตอนนี้
 
ขออย่าให้เป็นชิษณุนักธุรกิจหนุ่มเจ้าเล่ห์ไม่มีหัวใจคนนั้นเลย คนที่ทำได้แม้แต่
 
วางมิตรอยู่ชิดสนิทใน                            ศัตรูไซ้อยู่ใกล้ให้ยิ่งกว่า
มิตรอย่าคลาด ศัตรูอย่าเคลื่อน                 เลือนไปไกลจากตา
ดูทีท่าอย่าห่างอย่าวางใจฯ
 
 
คนที่ยืนไข้วหลังยังคงไม่เปลี่ยนอริยาบถ เสียงแผดคำรามลั่นของพายุฝนตามด้วยแสงแวบของประกายสายฟ้า ไม่ได้ทำให้เขากระพริบตา สะดุ้ง หรือหวาดกลัว ดวงตาสงบนิ่ง เยือกเย็น มองออกไปนอกหน้าต่าง จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องดัง เมื่อนั้นเขาจึงหลุดจากห้วงความคิด พลางถอนหายใจเมื่อเห็นหมายเลขที่กำลังเรียกเข้าพริมา
 
“ณุอยู่ไหนเนี่ย พริมพยายามติดต่อหาหลายวันแล้ว” น้ำเสียงกระวนกระวายด้วยความร้อนใจ “ณุไม่รับสาย ไม่โทรฯ กลับ
ไม่อะไรเลย”
“ผมติดธุระ” นั่นเป็นข้ออ้างที่ชิษณุใช้ประจำ แล้วจึงโกหก “อยู่ต่างจังหวัด ไปๆ มาๆ หลายที่”
 
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอีกครั้งจากข้างนอก หากชายหนุ่มไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ทว่าคนที่อยู่ปลายสายสะท้านไปทั้งทรวง
 
อีกแล้วที่งานของเขามาก่อนเธอ
 
“ไว้ค่อยคุยกันนะพริม”
 
ชิษณุตัดบท หากพริมาไม่ยอม จนแสงไฟสว่างภายในห้องดับลงพรึบ ทิ้งไว้แต่ความมืดรอบด้าน ตามด้วยเสียงฟ้าที่แผดคำรามต่อเนื่อง
 
ความรำคาญเกิดจากพริมามากกว่าเพราะความมืด พลันเสียงร้องเรียกที่เปี่ยมด้วยความหวาดกลัว แว่วมา
 
“ณุ! ช่วยด้วย!”
 
เมื่อนั้นเขาจึงตัดสาย ใช้แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์พาตัวเองวิ่งลงลงบันไดไปในความมืดของภายในบ้าน
 
“มนต์ เป็นอะไรหรือเปล่า” และเพราะความรีบทำให้การก้าว…พลาด แต่ยังดีที่เขาสามารถจับราวบันไดแล้วประคองตัวไว้ได้ หากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดร่วงบนขั้นบันได กระแทกลงสู่พื้น
 
“ช่วยด้วย” เสียงสั่นร้อง “ณุ!”
 
ชิษณุอาศัยแสงวาบเมื่อฟ้าแลบส่องให้เห็นทาง รีบวิ่งไปหาร่างระหงที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้องน้ำ
 
“เป็นอะไรไหม” น้ำเสียงอาทรห่วงใย รับรู้ถึงอ้อมแขนเย็นของหญิงสาวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกอดเขาแน่น แล้วซุกหน้ากับอกของเขา “ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว…” แขนแข็งแรงรัดร่างอีกฝ่าย มืออีกข้างลูบผมยาวนุ่มที่ยังเปียก  
 
“ฟ้าร้องดังมาก แล้วจู่ๆ ไฟดับ…มนต์ตกใจ” น้ำเสียงสั่นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “กำลังเช็ดผมอยู่ ทีแรกประตูเปิดไม่ออก คิดว่าออกไม่ได้แล้ว มนต์กลัว…”
 
“ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วคนดี” เขาก้มหน้าลง จมูกปัดผ่านแก้มเนียน
 
อ้อมแขนยังคงรัดร่างนุ่มไว้แน่น นาน…ไม่แน่ใจนักว่านานเท่าไร จนกระทั่งมณิกานต์พยายามขยับตัว เพียงแต่ว่าเขา…ไม่ยอมคลายอ้อมแขน แม้เมื่อถาม
 
“ไฟฉายอยู่ไหน”
 
“ในตู้นั้น” แม้เสียงจะอู้อี้หากก็ผ่อนคลายความตกใจจากทีแรก
 
“งั้นเราไปเอาด้วยกัน ป่ะ!” ชิษณุคลายอ้อมกอด เปลี่ยนเป็นกุมมือเล็กไว้แทน 
 
การก้าวของเขาระมัดระวัง ระวังแม้ตอนเปิดตู้ ควานหาไฟฉายกระบอกใหญ่
 
แสงจากไฟฉายแม้ไม่สว่างนัก แต่ก็ทำให้เห็นดวงหน้านวลผ่องผิวพรรณละเอียดของอีกฝ่ายที่มองกลับมาที่เขา
 
ชายหนุ่มจูงร่างเล็กมายังเก้าอี้รับแขก แล้วลงนั่งข้างๆ มือยังคงกุมมือเรียวนุ่มไว้แน่น ชิษณุตั้งไฟฉายไว้บนโต๊ะเล็ก แล้วหันมาทางอีกฝ่าย ปัดปอยผมของเธอทัดหูด้วยท่วงท่าอ่อนโยน “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
 
มณิกานต์ส่ายหน้า “แค่ตกใจ”
 
แววตาห่วงใยของเขานั้นอบอุ่น หากหญิงสาวเมินหลบไป “ดีนะที่มีคุณอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ” เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
 
“ผมก็ดีใจที่ได้อยู่ตรงนี้” เขาลูบมือที่อยู่ในอุ้งมือ สายตาจับที่ดวงหน้านวล ลมหายใจของเขาผ่อนช้าๆ “ขอใช้เวลาอยู่กับคุณแบบนี้ นานๆ กว่านี้ได้ไหม”
 
ทว่าไม่มีคำตอบจากใบหน้าที่ก้มลงต่ำ คนที่เคยเก่ง เคยต่อล้อต่อเถียงกลับเงียบ
 
ในแสงสลัว ดวงหน้าขาวนวลเป็นยองใยดูผุดผ่องยิ่งนัก ชิษณุโอบร่างนั้นเข้ามาชิด กลิ่นหอมร่ำไรแตะจมูกเมื่อเขาสัมผัสแก้มนวล ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงแตะริมฝีปากอิ่มได้รูปของเธอ  ชายหนุ่มรับรู้อาการสะดุ้งเพียงนิดของอีกฝ่าย ทว่าไม่มีการขัดขืนใดๆ หากเธอก็มิได้ตอบรับเช่นกัน
 
“ณุ…” เสียงสั่นเรียกด้วยความไมแน่ใจ หัวใจเต้นแรงขึ้น หากไม่หยุดเขาตอนนี้ เธอไม่แน่ใจว่าจะยั้งเขาได้หรือไม่ หญิงสาวรวบรวมพลังทั้งหมดผลักที่หน้าอกเขา “ไม่ค่ะ คุณชิษณุ…ไม่!”
 
“ขอโทษ” เขาค่อยๆ เขยิบออกไป “ไม่เป็นไรนะ”
 
หัวใจของเธอยังสั่น ไม่ต่างจากเสียงที่เปล่งตอบ “อือ”
 
“ผมนอนข้างล่างก็แล้วกัน” เสียงบอกนั้นเรียบ…เบาไม่ต่างจากการทิ้งตัวของสายฝนด้านนอกที่เริ่มซา
 
“จะนอนได้เหรอ” มณิกานต์เป็นห่วง ข้างล่างก็มีแต่โซฟาเล็กๆ ไม่สะดวกสบาย  หรือจะให้เขานอนกับพื้น…ก็คงเป็นไปไม่ได้
 
“ได้ซิ ขอแค่ยากันยุงกับหมอนใบเดียว และถ้าได้ผ้าห่มบางๆ สักผืนจะดีมาก”  การบอกของเขาแสนง่าย พร้อมกับลมเบาๆ ที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างที่ทำให้ภายในบ้านรู้สึกเริ่มเย็นสบาย
 
“คุณไปนอนห้องของพี่หมอก็ได้ พี่หมอใจดีจะตาย…ไม่ว่าหรอก”
 
“ไม่เป็นไร” การบอกนิ่งก็แค่เพียงประโยคเดียว พลันแววตาวาววับ เมื่อเขายิ้มอย่างมีเลศนัย “อยากนอนห้องอื่นมากกว่า”
 
“นอนนี่แหละ!” มณิกานต์ตัดบท รีบลุกยืน “เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้”
 
“ผมเดินไปส่งนะ” เสียงลงจังหวะติดอ้อน “คุณจะไม่ต้องมามัววิ่งขึ้นลง”
 
ชิษณุไม่รอคำตอบ เขาลุกขึ้นคว้าทั้งไฟฉายและมือนุ่มของหญิงสาว จูงร่างเล็กเดินไปจนถึงข้างบน
 
“ปล่อยมือได้ยัง” มณิกานต์เงยหน้าถามเมื่อมาหยุดหน้าตู้เก็บของที่อยู่ชิดผนังในโถงกลางของชั้น
 
“ยัง”
 
“จะเอาไหม หมอนกับผ้าห่ม” การขึ้นเสียงเล็กน้อยต้องมี
 
“มันไม่น่าจะอุ่นเท่า…”
แม้จะมีเพียงแสงอ่อนๆ จากไฟฉาย แต่แววตาวาววับของเขาก็เด่นชัด มองหญิงสาวที่หันตัว ใช้มือที่ว่างอีกข้างเปิดตู้ และเมื่อนั้น เขาจึงปล่อยมือเล็ก แล้วยืนรอรับหมอนกับผ้าห่มที่ถูกยื่นให้
 
“เอาไฟฉายไว้ที่คุณเถอะ” ชิษณุมองอีกฝ่ายที่รับไปแต่โดยดี “เผื่อต้องเดินลงมาเข้าห้องน้ำ ผมไม่ใช้หรอก”
 
“ขอบคุณ” การขอบคุณนั้นสำหรับหลายอย่าง หญิงสาวมองเขาที่พยักหน้าเป็นการตอบรับ
 
“ฝันดีครับ”
 
“เช่นกัน” เธอส่องไฟฉายไปที่บันได เพื่อนำทางอีกฝ่าย
 
และชิษณุก็เดินลงอย่างระมัดระวัง ราวว่าทุกก้าวขั้นนั้นถูกคะเนไว้ก่อนแล้ว  เฉดเช่น….แผนทุกอย่าง เพื่อเอาคืนทุกคนที่ติดหนี้แค้น
 
แผนที่ทำให้หลายปีที่ผ่านมา เขาชนะเสมอมา
 
ชนะทุกคน ชนะทุกอย่าง
 
คนอย่างชิษณุไม่เคยแพ้ ไม่แม้แต่จะแพ้ใจตัวเอง
 
 
ตั้งแต่ผู้เป็นนายกลับเข้ามาถึงที่บ้านเมื่อเช้าตรู่ เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน ปิดประตูเงียบไม่ได้ออกมาอีกเลย นั่นทำให้โฉมฉายเป็นกังวล
 
‘คุณณุกินอะไรหรือยัง พวกเธอเข้าไปดูบ้างหรือเปล่า’ ผู้เป็นแม่บ้านถามบรรดาผู้ช่วย แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้เลย ‘แล้วทำไมไม่ไปดู’
 
‘ป้าไปดูเองเถอะ’ แม่พวกสาวๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องนั้น
 
‘พวกเธอนี่ไม่ได้เรื่อง’  
 
ถึงจะบ่นหากโฉมฉายเองก็ไม่กล้าเช่นกัน กระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมง จนความเป็นห่วงเพิ่มพูน เมื่อนั้นเธอจึงตัดสินใจเคาะหน้าห้องทำงานที่ปิดเงียบสนิท
 
และเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านใน โฉมฉายจึงเปิดประตูเข้าไป
 
ม่านในห้องปิดทึบ มีเพียงไรแสงจางๆ ของเวลาใกล้เที่ยงเล็ดลอดเข้ามา แสงภายในห้องมีเพียงดวงไฟเล็กๆ บนโต๊ะทำงานเท่านั้น 
 
“คุณณุจะรับอาหารกลางวันเลยไหมคะ” ผู้เป็นแม่บ้านถามเมื่อมายืนหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ที่มีทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารครบครัน เครื่องมือหลายอย่างที่เธอไม่ค่อยเข้าใจการใช้งานของมัน
 
“เที่ยงแล้วเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงจากหีบเพลงไขลานบนโต๊ะจบ รูปถ่ายที่ถือไว้ถูกคว่ำลง
 
“จวนแล้วค่ะ นี่ป้าทำข้าวผัดปู คุณณุจะรับประทานที่นี่เลยไหมคะ”
 
ทว่าไม่มีคำตอบในทันที แววตาคมปิดลงเพียงครู่ หากแล้วชายหนุ่มก็ลุกพรวด “ป้าจัดใส่กล่องให้ผมสองที่พร้อมของหวานด้วยนะครับ ผมจะไปข้างนอก เดี๋ยวขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
 
บทจะเร็ว ก็รวดเร็วเกินคาด ไม่ต่างจากการสาวเท้าพุ่งออกจากห้อง
 
โฉมฉายเดินตามมาช้าๆ ด้วยความคิดบางอย่าง แล้วสั่งเด็กรับใช้ที่ยืนรอรออยู่ด้านนอก
 
“ไปบอกให้เขาเตรียมรถให้คุณณุด้วย”
 
แม้จะสั่ง แต่หญิงชรายังคงคิด แววตาคนแก่ดูไม่ผิดเป็นแน่…คุณณุของป้า
 
และความคิดก็พาโฉมฉายเดินกลับเข้ามาในห้องนั้นอีกครั้ง รู้ทั้งรู้ว่าชิษณุไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในห้องทำงาน แต่ผู้เป็นแม่บ้านก้าวไปที่โต๊ะทำงาน ด้วยความคาดคิดว่าภาพที่ชายหนุ่มเพิ่งถืออยู่เป็นภาพของคนที่เธอคิดว่าควรจะเป็น
 
เพียงแต่หญิงสาวที่โอบชิษณุไว้ในภาพถ่ายนั้นไม่ใช่ญาติสาวของคุณหมอชนินทร์ ผู้ที่เธอคิดว่า…ควรเป็น
 
สตรีผมสั้นเก๋ไก๋ในภาพดูสวยติดตา และการแต่งตัวดู ‘เปรี้ยว’ มาดมั่น
 
ผู้หญิงคนนี้ชิษณุเคยพามาที่บ้านสองสามครั้ง แต่นานมาแล้ว
 
‘พริมครับ’ เขาแนะนำอย่างนั้น
 
โฉมฉายถอนหายใจ หรือว่าสายตาคนแก่จะดูผิดไปแล้วจริงๆ แต่อย่างว่า จะมีสักกี่คนที่ ‘อ่าน’ ชิษณุออก แม้แต่เธอที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กก็ยังไม่สามารถเดาความคิดของเขาได้เลย
 
  
เสียงแตรรถที่คุ้นเคยดังก้องไม่ยอมหยุด ทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้ แดดยามเที่ยงวันจับอยู่ที่ผิวขาวนวลละเอียด ของคนที่บ่นพึมพรำกับตัวเอง
 
“เช้าไป เที่ยงมา”
 
เมื่อลงมาด้านล่างตอนเช้าของวันนี้ มณิกานต์ก็ไม่พบเขาแล้ว จะมีก็ชนินทร์ที่เพิ่งกลับมาและกำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน
 
‘คุณณุเพิ่งกลับไปครับ คงเมื่อยแย่ นอนกับพื้นได้ยังไงทั้งคืน’ น้ำเสียงมีแววขบขันอยู่ในที
 
ทว่าคนฟังได้แต่เก็บความเป็นห่วงไว้ในใจ…มาดจัด ดูคุณหนู อยู่บนความพรั่งพร้อม มีคนห้อมล้อมขนาดนั้น ต้องมานอนกับพื้นทั้งคืน เขาทนได้อย่างไรกัน หลับสบายหรือเปล่า
 
จนตอนนี้ที่ผ่านไปเพียงครึ่งวัน ชิษณุก็กลับมาอีก
 
“อย่าบอกนะว่าคุณกินข้าวแล้ว” คนที่ลงมาจากรถทักด้วยน้ำเสียงปรกติ พร้อมรอยยิ้มเช่นเคย “ผมไม่ได้หอบท้องเปล่ามาอย่างเดียวนะ ยังมีของอร่อยๆ ติดมือมาด้วย”
 
“กำลังจะอุ่นกับข้าวพอดี” หญิงสาวฝืนยิ้ม รู้สึกว่าหัวใจของเธอมันเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
 
“ไม่ต้องอุ่นหรอกครับ กินนี่ดีกว่า” เขาชูถุงใบใหญ่ที่ใส่กล่องพลาสติกสารพัดไว้ “จากครัวป้าโฉม เชลล์ไม่ต้องชวน แต่ผมกำลังชวนให้คุณมาชิม รับรองว่าอร่อย กำลังร้อนๆ  ถ้ามีไวน์ขาวแช่เย็นๆ ด้วยนะจะทำให้รสชาตอาหารอร่อยยิ่งขึ้น”
 
“ทีหลังไม่ต้องเอามาหรอก พาฉันไปกินข้าวแทบทุกวัน แล้วยังหอบมาให้อีก…เกรงใจน่ะ ไม่อยากให้คุณเสียเวลา”
 
“ถ้าเสียเวลาผมก็คงไม่ทำ เว้นแต่คุณไม่ชอบเท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นก็บอก ผมก็เกรงใจคุณเหมือนกันที่มารบกวนบ่อยๆ”
 
แววตาคมนั้นใสซื่อเหลือเกินจนหญิงสาวต้องเมินหน้าหนี เธอรีบเดินเข้าไปในบ้าน รู้ทั้งรู้ว่าเขาตามหลังมา อยู่ใกล้ๆ นี่เอง
 
จากเหตุการณ์เมื่อคืน มีคำถามมากมาย
 
คำถามที่เธอก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเอง
 
มณิกานต์รู้สึกเพียงแต่ว่า…หัวใจเธอเต้นแรงกับความรู้สึก
 
ผู้ชายคนนี้น่ากลัว!
 
 
 
 
 
===========================================================
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
 

 




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2562
2 comments
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2562 15:07:41 น.
Counter : 750 Pageviews.

 

ซับซ้อนหนอ ใจคุณณุ

 

โดย: คนอ่านนิยาย IP: 27.254.241.116 21 พฤศจิกายน 2562 7:59:07 น.  

 

มากๆ ค่ะ

 

โดย: Sentimentally Smooth 4 ธันวาคม 2562 19:05:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.