|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
|
|
|
|
|
|
|
คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 23) โดย มานัส
บทที่ 23
จากเด็กที่พรั่งพร้อมด้วยความรัก ความอบอุ่น และการใช้ชีวิตที่แสนสบายทั้งที่…บ้าน และที่โรงเรียนประจำในต่างแดน ทว่าความสุข ความสดใสของวัยเด็กพลันสูญสิ้นเมื่อทั้งพ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตพรากทุกอย่างไป ไม่มีวันกลับคืน และเมื่อสินีเข้ามาเป็นผู้ปกครองตามพินัยกรรม เขาก็ต้องออกจากโรงเรียนประจำชื่อดังในสหรัฐฯ ลาจากเพื่อนสนิทที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ย้ายเข้าโรงเรียนรัฐบาลเพียงเพราะสินีต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ชิษณุไม่เคยใส่ใจเพราะโรงเรียนสำหรับเขาก็คือที่ให้เรียน ขอให้ได้ความรู้ มีครูที่ดี มีเพื่อนที่ดีก็พอแล้ว และเขาก็มี ทว่าการอยู่กับผู้เป็นป้าและลุงเขยนั้นล้วนมีแต่เรื่องที่ทำให้คับแค้นใจแสนสาหัส และยิ่งหนักขึ้นเมื่อเทวัญและธิดาเข้ามาอยู่ร่วมชายคา แต่ชิษณุอดทน อดกลั้น ด้วยหวังว่า…เดี๋ยวก็ดี ดีขึ้น ผ่านไปหลายปี การกระทำและวาจา และการจำกัดหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งการกินอยู่ เสื้อผ้า ข้าวของ และอีกสารพัด จนถึงขั้นที่ชิษณุต้องสมัครเพื่อขอสิทธิ์อาหารฟรีของโรงเรียน ข้าวกลางวันที่โรงเรียน พออิ่ม แต่ข้าวที่…..บ้านของสินิ ไม่เคยอิ่ม อดมื้อกินมื้อ ที่ได้กินก็ของเหลือ จะกินเต็มที่เพราะน้ำใจจากคุณตาบ้านเยื้องๆ และเงินเก็บในการหางานทำ ทั้งเป็นผู้ช่วยคุณตา และการทำงานในร้านค้าระแวกนั้น ที่หนักหนาสาหัสนัก ก็เมื่อจำทนเห็นทรัพย์สมบัติที่ผู้เป็นพ่อสร้างมาถูกทยอยขายออกไปด้วยเหตุผลว่า ‘ต้องใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูส่งเสียนายณุ‘ นั่นคือข้ออ้างของสินีเมื่อมีคำถามจากหลายคนที่เมืองไทย หากในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม เพราะชิษณุในฐานะเจ้าของสิทธิ์ตามพินัยกรรมไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากตรงนั้นเลย เงินมากมายถูกนำไปปรนเปรอครอบครัวผู้เป็นป้าและวงศาคณาญาติของลุงเขย ให้ใช้ชีวิตที่หรูหราสุขสบายกับบ้านหลังใหญ่และรถยนต์ราคาแพงเกือบสิบคัน รวมทั้งการท่องเที่ยวทุกเดือน บางเดือนหลายครั้ง ที่สำคัญการท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักสิ้นสุด ณ บ่อนชื่อดัง เด็กหนุ่มได้แต่มองมรดกที่เป็นของเขาอย่างชอบธรรมถูกถลุงไปโดยไม่เคยได้รับผลประโยชน์เลย สิ่งที่ได้รับคือว่าไร้เมตตา ความทนทุกข์สารพัด สิ่งที่พ่อของเขาสร้างมานั้นมลายหายไปกับบ่อนพนันและการใช้ชีวิตไร้สาระท่ามกลางความหรูหราของครอบครัวผู้ที่ควรดูแลเขา ชีวิตของเด็กชายก้าวสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างอ้างว้างเพียงลำพังในต่างแดน บ้าน…ที่มิใช่บ้าน ครอบครัวดั่งศัตรูแปลกหน้า เขาสัมผัสเพียงความริษยาชิงชังจากญาติสนิทที่ควรเป็นที่พึ่งเมื่อเขาไร้พ่อและแม่แล้ว เด็กชายกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รองรับความโหดร้ายและเห็นแก่ตัวของ…ครอบครัว ความรู้สึกกลัว…ระแวงระวัง ความเจ็บปวด…เดี่ยวดาย และชีวิตที่มีเพียงลำพังคนเดียว อ้างว้าง อดทน…อดทนไว้ สักวันต้องเป็นของเรา ทนกับ…ความโหดร้ายที่เขาไม่มีทางสู้กับมัน สู้กับ…ความตายที่เคยเยือนเพียงแค่เอื้อมมือ ลมหายใจช่างมีค่านัก ลมหายใจที่จวนดับสิ้นกลางฤดูหนาวในวันที่หิมะตกครั้งแรกของฤดู ร่างของเขานอนจมกองเลือดไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน ภาพของหิมะสีขาวค่อยๆ ซับเลือดของเขาจนกลายเป็นสีแดง ภาพนั้นซับไปในความทรงจำ หลอกหลอนหลังจากนั้นทั้งในยามหลับและยามตื่น เฉดเช่นลมหายใจบอบบางเฮือกสุดท้ายก่อนจะหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งความรู้สึกทั้งหมดมลายหายไป เขาหลับไป…หลับจนต้องฉุดตัวเอง ตื่น! ตื่นมาเพื่อรอวันของเขา เขาท่องไว้เสมอ…ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ‘ถ้าไม่อดทนก็จะไม่สามารถ…เอาคืน ถ้าไม่ตื่นก็จะไม่มีวันของเรา’ ‘ถ้าไม่ตื่น…แล้วใครจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เรา’ ท่องเพื่อให้ตนเอง…อดทนเมื่อผู้เป็นป้าและลุงเขยด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย อดทนตอนเทวัญขับรถสปอร์ตคันหรูที่ได้มาจากเงินมรดกของเขา พุ่งเข้าหมายชนให้ถึงตาย อดทนเมื่อถูกรุมทำร้ายร่างกายแสนสาหัส นอนรอความตายกลางหิมะเย็นเยือกด้วยลมหายใจรวยระริน อดทนเพียงลำพังอย่างเดียวดายบนเตียงโรงพยาบาล ต่อสู้ระหว่างความเป็นความตาย เขาท่องให้ตัวเองอดทนสู้…มาถึงวันนี้แล้ว ชิษณุ จำเป็นต้องทนใคร หน้าไหนอีกหรือ “มรดกที่คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ต้องถูกละลายไปกับบ่อนพนัน และการใช้ชีวิตไร้สาระ ผมไม่อยากให้คุณยายต้องสูญเสีย…เสียทั้งเงินและชื่อเสียง” ร่างสูงที่หันเข้ากำแพงห้องหันมาช้าๆ ดวงตาผ่อนความอาฆาตแค้น ทิ้งไว้เพียงความจริงจัง เอาจริง…หน้ากาก เพราะใจเขายังแค้นยิ่งนัก “ผมแค่เรียนให้ทราบ คนที่ตัดสินใจคือคุณยาย ไม่ใช่ผม แต่ถ้าจะให้ช่วยอะไร ผมก็พร้อม เรามันครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน” “ไอ้ณุ ไอ้หมาลอบกัด มึง…มึงแอบสืบเรื่องของกู” เทวัญหมดความอดทนไปนานแล้ว “มึงหลอกใช้อีธิดา!” “ไม่ต้องแอบและไม่ต้องหลอกใช้ใคร เพราะเรื่องชั่วๆ ของนายมันเป็นเรื่องให้คนเขานินทาหัวเราะเยาะกันมานาน นายไม่รู้เลยหรือ” “กูน่าจะกระทืบมึงให้ตายคาตีน ไอ้ณุ! กูไม่น่าปล่อยมึงไว้เลย” เขาสะบัดแขนของเฉลิมที่จับอยู่ ตรงเข้าไปหาศัตรูคู่อาฆาตที่ยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน หากช้ากว่านทีและพรรคพวกอีกสามปรี่เข้าไปอย่างเร็ว เสียงหวีดร้อง ชุลมุนจากภายในห้องฉุดให้โฉมฉายและมณิกานต์ที่นั่งอยู่ด้านนอกต้องรีบลุกตามเข้าไป และทั้งสองพลันหยุดทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า นทีล๊อคตัวเทวัญไว้แน่น โดยมีลูกน้องอีกสามคนยืนระวังกันไว้อีกด้าน และชายฉกรรจ์อีกสี่คนยืนคุมเชิงที่สินีและเฉลิมอย่างเงียบๆ ในขณะที่ชิษณุยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือไพล่หลังมองภาพตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาดูเยือกเย็น…เลือดเย็น แม้เมื่อกล่าว “ยังไม่ลดสันดานชอบความรุนแรงนะเทวัญ ต้องขอบใจไอ้สันดานดิบนี้ของนายที่ส่งฉันไปนอนรอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือนและทำให้ฉันคิดได้ว่า โลกนี้มันไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอ” …หรือคนใจอ่อน จนชิษณุย้ำบอกกับตัวเองว่า…No more tears now; I will think upon revenge[1] การเอาคืน…มันใช้เวลา การจัดการกับคนที่เขาตราว่าเป็นศัตรู มันไม่ง่ายหากก็มิได้ยากเย็น ทั้งเล่ห์ ทั้งกล ทั้งเสแสร้ง ทั้งจริงใจ โดยทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ทว่ามโนธรรมที่ไม่เป็นธรรม…ช่างมัน! เพราะรสชาติของชัยชนะมันหอมหวาน… “ณุ นี่มันอะไรกันลูก…” คุณหญิงกรองแก้วเริ่มหน้ามืด เมื่อภาพรอบตัวหมุนสลับสีขาวดำ “เรื่องโรงพยาบาลเกี่ยวอะไรกับเทวัญ” “ผมเคยบอกแล้วว่าไม่อยากรื้อฟื้น แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้…” เพียงแต่ว่าคนพูดย่อมรู้ การ ‘รื้อฟื้น’ อยู่ในแผนการสำหรับคืนนี้ด้วย “บอกไปเถอะณุ” รพีพรซึ่งรู้เรื่องดีทุกอย่างพยักหน้า ก็เพราะเหตุนี้บังคับห้เธอเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลานชายคนเดียวในทุกเรื่อง จนเธอใจกล้าพอที่จะขัดใจพี่สาว ผู้เป็นน้าไม่อาจลืมสภาพบอบช้ำของชิษณุที่นอนหมดสติพร้อมร่างกายที่เจ็บอย่างแสนสาหัสได้เลย “คุณยายคงจำได้เมื่อหลายปีก่อนผมต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนไอ้โม่งมันรุมซ้อมสี่ต่อหนึ่งฟาดด้วยไม้…ผมเกือบตายบนกองหิมะ” คนพูดพยายามกลบอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่กับความทรงจำ “ไอ้โม่งก็คือเทวัญและเพื่อนอีกสามคน” บรรยากาศในห้องที่เงียบกริบนั้นเย็นเยือก โฉมฉายซับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความรู้สึกร้าวราญ เธอยังจำได้ดีเมื่อคราวได้รับข่าวจากรพีพรที่รีบบินไป ในตอนนั้นทุกคนที่เมืองไทยล้วนคิดว่าเป็นความเคราะห์ร้ายของหนุ่มน้อยที่โดนอันธพาลทำร้ายเมื่อเดินกลับบ้านหลังเลิกจากงานพิเศษในเวลาย่ำค่ำที่หิมะยังคงตกต่อเนื่อง แต่มาวันนี้ความจริงที่จำต้องรับรู้นั้นเจ็บปวดนัก และคนที่ร้าวราญที่สุดคงไม่พ้นคุณหญิงที่เป็นยายและมารดาของสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง “โชคดีที่ผมดวงแข็ง ถ้ามีคนไปพบผมช้ากว่านั้น ป่านนี้ผมคงตายสมใจใคร หลายคนไปแล้ว” ร่างสูงเข้าไปโอบผู้เป็นยายที่นั่งนิ่ง “ถ้าตอนนั้นผมตายไปมรดกของผมที่คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ให้ก็จะไปอยู่กับใครเล่า คนเราพอมีถุงเงิน ถุงทอง แหล่งขุมทรัพย์ให้ล้วงก็ไม่อยากให้ใครมาปิดถุงใบนั้น” “ไอ้ณุ! ใส่ร้ายกันหน้าด้านๆ ถ้าจริง ตำรวจทางโน้นไม่ปล่อยไว้หรอก” เฉลิมที่มักใจเย็นพลันตวาดขึ้นแต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะหนึ่งในชายฉกรรจ์รีบปิดทางไม่ให้เขาขยับไปไหน “มึงใส่ร้ายกู มึงโกหก” เทวัญพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกล็อคตัวของนที หากก็ไม่สำเร็จ “ไอ้ณุ…มึงใส่ร้ายกู มึงมีหลักฐานมั๊ย” “นายอยากได้หลักฐานแบบไหนล่ะ ฉันไม่กล่าวหาใครลอยๆ หากไม่มั่นใจ” แววตาท้าทายเอาเรื่อง เอาจริง “จะเอาหลักฐานพยานจากเพื่อนนาย จากธิดา หรือจากคำพูดของนายเอง ฉันมีให้หมด” เพียงแค่นี้ก็ทำให้อีกฝ่ายชะงักในบัดดล ธิดาเป็นเครื่องมือของชิษณุอย่างง่ายดาย เหมือนที่เทวัญเคยหวาดหวั่น มันต้องมีความลับอะไรสักอย่างที่น้องสาวจอมร่านของเขาคาบเอาไปเปิดเผย เพียงแต่ว่า สิ่งที่กรีดหัวใจของเขา… “คำพูดที่นายบอกโจแอน หลักฐานที่โจแอนเอามาให้ฉัน ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผู้หญิงคนนั้นมอบให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะหันเดินจากมาอย่างถาวร” “ทำไม ทำไม ทำกับหลาน…สินี” ผู้เป็นแม่มองบุตรสาวคนโตอย่างผิดหวัง “แกจะให้ฉันหัวใจสลายไปถึงไหน แค่เอาของของหลานมาก็แย่พอแล้ว นี่ยังจะเอาชีวิตเขาด้วย หัวใจแกทำด้วยอะไร…นี่มันหลานนะ ต่อให้มันตายลูกของแกก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ทำไมไม่รู้จักแยกแยะ…ทำไม?” “ใจจริงผมไม่อยากบอกคุณยาย เพราะบางเรื่องเอารื้อฟื้นก็ไม่มีประโยชน์ อดีตผ่านไปนานแล้ว” ชิษณุโกหกแม้เมื่อคุกเข่าลงหน้าผู้เป็นยาย “แต่มาถึงขั้นนี้ ผมคิดว่าไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องปิดบังกันต่อไป แต่ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ในวันนั้นที่ทำให้ผมเห็นความโหดร้ายและความใจแคบของคน ดังนั้นไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมไม่สามารถทำงานกับคนที่จ้องจะทำร้ายผม ที่หมายมาดจะฆ่าผมได้ครับ คุณยายคงเข้าใจ” ในวัยแปดสิบกว่าปีคุณหญิงกรองแก้วนั้นแข็งแรงมากทั้งร่างกายและจิตใจ เธอผ่านเหตุการณ์หลายอย่างในชีวิต แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอก็หนีไม่พ้นการที่คนในครอบครัวต้องมาหมาดมาดถึงชีวิตกันเพียงเพราะเงิน วันนี้ถือว่าไม่แสนสาหัสหากเทียบกับครั้งแรก…เมื่อก่อนโน้น ครั้งนี้เป็นการตกลงกันภายในครอบครัวไม่ต้องถึงศาลและทางการเหมือนเช่น…เมื่อก่อนโน้น ผู้เป็นยายมองหลานชายอย่างพินิจพิจารณา พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะ…อ่าน อ่านให้ทะลุถึงก้นบึ้งของหัวใจ ใจของเจ้า…จมลึกกับความแค้นมานานแสนนาน เจ็บปวด…แค่ไหนกันหนอ คับแค้นใจ…มากเทียวหรือ มือย่นที่อุ้มชูทั้งลูกๆ ทั้งหลาน ของหญิงชราลูบเบาๆ บนใบหน้าคมคาย มีหรือที่คุณหญิงจะไม่เห็นแววตาแข็งกระด้างของหลานชายที่ซุกซ่อนไฟอาฆาตไว้ภายใน ชิษณุมีฉลาดและเก่ง มีความอดทนเป็นเลิศ เปี่ยมด้วยชั้นเชิง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เขาก้าวขึ้นมาสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คุณหญิงรู้ดีว่าฝ่ายสินีไม่มีทางรับมือผู้เป็นหลานได้เลย ต่อให้เทวัญเข้าไป ช่วยบริหาร แต่ไม่ยากเลยที่ชิษณุจะเขี่ยลูกบุญธรรมของสินีให้กระเด็นออกพ้นทางได้ ปัญหาสำหรับชิษณุไม่ได้อยู่กับการที่เทวัญจะเข้าไปบริหาร หากอยู่ที่หุ้นในกงสีที่สินีถือ บวกกับส่วนที่เป็นของคุณหญิงเองที่อาจตกทอดเป็นมรดกไปถึงสินีต่างหาก “คุณแม่…” สินีสะอื้น “คุณแม่เข้าข้างหลานรักของคุณแม่ แล้วสินีล่ะ ที่สินีเคยเสียไป สินีเสียลูกของสินีไป มีใครเห็นใจไหม” “ทุกคนเขาก็เห็นใจแกทั้งนั้น” คุณหญิงเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกปวดร้าว “ที่พ่อนายณุมอบลูกของเขาให้แกดูแลก็เพื่อทดแทนสิ่งที่แกเสียไป แต่แกมันตาบอดใจบอด แกมันไม่รู้จักปลง ไม่รู้จักยอมรับความจริง ไม่รู้จักให้อภัย เรื่องมันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไม…ทำไมถึงไม่หยุดกันเสียที” คุณหญิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่บัดนี้อยู่ในความเงียบอีกครั้ง เพราะคนที่ต้อง…หยุด มิใช่แค่สินีคนเดียว “มีอะไรอีกไหมณุ บอกคุณยายไปเถอะ” รพีพรพยักหน้าบอกกับหลานที่บัดนี้ขยับนั่งลงข้างๆ คุณหญิงกรองแก้ว “ถ้ายังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป เรื่องมันก็จะยุ่งยากไม่มีวันจบสิ้นกันเสียที” น้ำเสียงจริงจังทอดลงได้อย่างอ่อนโยน “ผมจึงอยากขอความกรุณาจากคุณยาย” “ว่ามา” “หลายปีที่ผ่านมา ผมดูแลกิจการหลายอย่างโดยมีคุณยายเป็นผู้ช่วยเหลือให้ความเมตตาแก่ผมยามเมื่อผมขัดสน ยกเว้นเสียแต่โรงงานน้ำตาล ส่วนที่เหลือผมเคยและยังต้องอาศัยและพิ่งคุณยายในเรื่องของเงินลงทุน” “รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ว่าที่แกได้ดีวันนี้ก็เพราะเงินของแม่ฉัน แล้วนี่จะมากำเริบอะไรอีก” ถึงน้ำตายังคลอเบ้าแต่เสียงที่แผดดังก็ยังสามารถถูกกลั่นออกมาได้ “หยุดเสียทีสินี! ให้หลานพูดให้จบ” น้อยครั้งนักที่คุณหญิงจะขึ้นเสียงดัง “แต่ที่ผมต้องสูญเสียทุกอย่างครั้งโน้นมันไม่ใช่เพราะคุณป้าหรือครับ คุณป้าใช้ความอาฆาตในอดีตมาลงที่ผม ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้เรื่องเลย” สีหน้าและคำพูดที่เรียบเฉยไม่อาจปกปิดดวงตาที่เย็นชา “คุณป้าถลุงมรดกของผม ขายสมบัติของผมเพื่อความสุขของตนเองทั้งในบ่อนและนอกบ่อน เท่านั้นยังไม่พอ คุณป้ายังรู้เห็นเป็นใจให้เทวัญกับเพื่อนมันทำร้ายผมเกือบตาย ผมนอนที่โรงพยาบาล มีมรดกกองโตแต่ไม่มีปัญญาที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ถ้าคราวนั้นไม่ได้ทั้งอธิปและเดวิดช่วยติดต่อน้าพร ป่านนี้ถ้าไม่ตายผมก็คงกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคนไปแล้ว” คุณหญิงกรองแก้วมองไปทางบุตรสาวคนเล็กคล้ายจะถาม “ตอนนั้นพรไม่กล้าบอกคุณแม่ถึงอาการของนายณุว่าสาหัสแค่ไหน ตอนที่พรไปถึงนายณุก็ยังไม่รู้สึกตัว อาการเป็นตายเท่ากัน” “โธ่ คุณณุ…” โฉมฉายที่ยืนเงียบอุทานเบาๆ พลางยึดแขนของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเอาไว้ “มาถึงจุดนี้ ผมจำต้องปกป้องตนเองครับ ผมไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง” “จะพูดอ้อมค้อมทำไม มีอะไรก็พูดมา เสียเวลา” สินีกราดบ่น “ร้องขอความเป็นธรรมอะไรกัน ทีฉันยังไม่มาร้องป่าวๆ เลย” หากชิษณุไม่สนใจผู้เป็นป้า เขาหันกลับมาทางคุณหญิงกรองแก้ว “ข้อเสนอที่ผมเคยคุยกับคุณยาย เรื่องให้คุณยายพิจารณาซื้อหุ้นในกงสีในส่วนที่เป็นของคุณป้าคืนมาไม่ทราบว่าคุณยายมีความเห็นอย่างไร” “ฉันไม่ขาย!” ผู้เป็นป้ายืนยันด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “มันเป็นสิทธิ์ของป้าเขานะลูก” คุณหญิงมองผู้เป็นหลาน ถึงอย่างไรส่วนกงสีก็ยังมีเงินปันผลให้บุตรสาวคนโตได้ใช้จ่าย คุณหญิงกรองแก้วไม่สามารถตัดความห่วงใยในตัวลูกได้ “ผมเข้าใจว่าคุณยายเป็นห่วง เกรงว่าต่อไปคุณป้าจะลำบาก” รอยยิ้มบนใบหน้าอย่างรู้เท่าทันนั้นเหมือนชายหนุ่มที่กำลังอารมณ์ดี “ถ้าเช่นนั้นผมขอเปลี่ยนข้อเสนอใหม่ครับ” การเจรจาย่อมมีแผนสำรองเตรียมไว้เสมอ ชิษณุเข้าสมรภูมิรบด้วยความพร้อมทุกครั้ง คุณหญิงกรองแก้วก็ต้องได้รับบทเรียน…ต้องชดใช้เช่นกัน “ไอ้ณุมึงพูดมา อย่ามัวอ้อมค้อม” เทวัญพยายามสะบัดจากแขนที่ล๊อคตัวเขาไว้แน่น “นทีมึงปล่อยกู” หากคนที่โดนสั่งกลับเฉย เพราะคนที่สั่งเขาได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยมันครับ พี่นที” เพียงเท่านั้นแขนที่ล็อคไว้ก็ถอดออกอย่างเร็วดันเทวัญถลาไปข้างหน้า เขาหันตวาดมองคนตัวใหญ่ผมสั้นเกรียนอย่างอาฆาต “ไอ้นที ไอ้สุนัขรับใช้!” “สงบสติเสียทีเทวัญ” คุณหญิงกรองแก้วเสียงแข็งเย็นชา “ป้าโฉมกับคุณมนต์กลับไปพักผ่อนก่อน ผมยังต้องคุยอีกยาว” เขาไม่สบตากับมณิกานต์ หากแต่พยักหน้าเป็นเชิงสั่งชายฉกรรจ์อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้พาทั้งสองสาวออกไป ร่างสูงของคนที่มั่นใจในตัวเองและสถานการณ์ตรงหน้าพิงพนักเก้าอี้อย่างใจเย็น ท่วงท่ารอบคอบเยือกเย็นด้วยชั้นเชิงนั้นเห็นได้บ่อยยามเขาเจรจาธุรกิจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะใช้กิริยา ท่าทางและสีหน้าเช่นนี้กับ…เรื่องภายในครอบครัว ใช่…ครั้งนี้เป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ เรื่องผลประโยชน์ เป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ “เอาล่ะครับ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” รอยยิ้มเลือดเย็นดูน่ากลัวนัก “สถานะของคุณป้าในตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเปราะบาง ฝ่ายที่คุณป้าเป็นหนี้เขาอยู่ ทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ บริษัทหลักทรัพย์ และที่บ่อน การกลับมาของคุณลุงและคุณป้าก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถตามตัว สมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย ผมมั่นใจว่าไม่เกินสองวันนี้ ต้องมีสักฝ่ายที่จะตามมาจนเจอตัวคุณลุงคุณป้าแน่นอน” “แกขู่ฉันเหรอ กล้าแว้งกัดฉัน ไอ้เนรคุณ! ” “ฟังผมพูดให้จบก่อน” ชิษณุโบกมือราวรำคาญ “รัฐบาล หรือบริษัทหลักทรัพย์เจอตัว…นั่นไม่น่ากลัว แต่บ่อน…มาเฟีย” เขาเว้นวรรคยาวอย่างรู้จังหวะ “ไม่ว่าผมหรือใครก็คงช่วยไม่ไหว หนี้หลายล้าน ไหนจะดอกเบี้ยไหนจะเงินต้น เขาไม่ปล่อย หรอกครับ และถ้าเจอตัว…ผมมั่นใจว่าพวกเขาเรียกคืนเกินต้นและดอกแน่นอน” “ณุมีวิธีแก้อย่างนั้นหรือ” คุณหญิงกรองแก้วถามด้วยความว้าวุ่นวิตก “ผมยินดีช่วยไกล่เกลี่ย ออกรับหน้าให้ พร้อมทั้งรับหนี้ทั้งต้นและดอกทั้งหมดแทนคุณป้าและครอบครัว” ข้อเสนอแสนง่ายทำให้ผู้ที่ได้ยิน…ตกใจ ไม่แน่ใจ จำนวนเงินทั้งหมดมิใช่น้อยเลย “พูดง่ายๆ คือ ภาระหนี้ของคุณป้า ณ เวลานี้ ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการ คุณป้าไม่ต้องหลบหนี สามารถไปไหนมาไหนได้สบาย ทั้งในและนอกประเทศ คุณยายก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณป้า ถ้าไม่เช่นนั้น…เกิดอะไรขึ้นกับคุณป้าและครอบครัวผมรับประกันไม่ได้ และไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น” คุณหญิงกรองแก้วถึงจะมีหน้ามีตา มีฐานะในสังคม มีสมบัติเงินทองมากมาย แต่ก็ไปในด้านขาวของกฎหมาย “มึงต้องการสิ่งตอบแทนใช่มั๊ย” “นายก็รู้ดีอยู่แล้วว่าของดีและฟรีไม่มีในโลก” ชายหนุ่มหันไปทางผู้เป็นยาย “ผมมีเงื่อนไข และการรับเงื่อนไขของผมหมายถึงทุกคนในที่นี้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องปัญหาที่เราพูดมาข้างต้นอีกต่อไป แต่การไม่ยอมรับก็หมายความว่าผมไม่รับรู้และไม่รับประกันถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้น” “อย่างนี้มันมักมือชกนี่หว่า” เฉลิมผู้ที่นิ่งเงียบอดไม่ได้ที่จะพูด “จะต่างอะไรกับการแบล็คเมล์” “ผมปรารถนาดี แต่ถ้าใครแปลความหมายเป็นอย่างอื่นก็ช่วยไม่ได้” ใบหน้าคมคายเคลือบรอยยิ้มจางๆ “ณุอยากให้ยายทำอย่างไร” อยาก…เพราะคุณหญิงกรองแก้วหรือใครคนไหนไม่มีทางเลือกอื่น ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับชิษณุ อนาคตและชีวิตของสินีและครอบครัวอยู่ที่ชิษณุ “ผมอยากให้คุณยายขายหุ้นทั้งหมดที่คุณยายถือตรงในทุกบริษัทของผม รวมถึงหุ้นในเครือในโรงแรมให้ผม ส่วนที่กงสีถือผมจะไม่แตะต้อง” ภายในห้องเงียบกริบ คุณหญิงกรองแก้วมองหน้าหลานชาย “และแน่นอนจะต้องเป็นราคาที่เหมาะสม…กับค่าเหนื่อยของผมทั้งในอดีตและปัจจุบัน” ชิษณุเน้นคำว่า…ของผม ชัดเจน “ไอ้ณุ…มึงมันเลวระยำ มึงจะฮุบทุกอย่าง” “พวกนายมีหน้าที่รับรู้อย่างเดียว คนที่มีสิทธิ์พูดก็คือคุณยายเท่านั้น” เสียงนั้นเฉียบขาด ท่วงท่าเป็นของคนที่ถือไพ่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง “และส่วนกงสีที่คุณยายถือ บวกเงินสด ทรัพย์สิน ที่ดิน อาคาร ก็คืออสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของคุณยายจะต้องนำเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของคุณยาย คุณน้า และผม เป็นการตัดสินใจร่วมกัน…สามคนเท่านั้น” “แกจะตัดฉันจากมรดกที่เป็นของฉัน” “ไม่ต่างกับที่คุณป้าเคยตัดผมออกจากมรดกของผม” เขาสวนกลับทันที “แต่ผมมีความปราณี ไม่ใจร้ายเหมือนคุณป้าหรอกครับ คุณป้ายังถือหุ้นในกงสีเหมือนเดิม มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้น เพียงแต่ว่ามันจะสิ้นสุดทันทีเมื่อคุณป้าเสียชีวิต ไม่มีการโอนต่อไปยังทายาทคนไหนทั้งสิ้น” “ไอ้ณุ แกมัน….” สินีรู้สึกแน่นหน้าอก “ผมหวังดีนะครับ” เขาหันไปทางคุณหญิงกรองแก้วที่นั่งนิ่ง “ว่าอย่างไรครับคุณยาย” ดวงตาของหญิงชราสงบนิ่ง คนเป็นแม่ของบุตรสาวคนโตและเป็นยายของหลานชายคนเดียวเมื่อได้รับรู้ถึงรอยร้าวระหว่างลูกหลานย่อมรู้สึกถึงหัวใจที่แตกสลาย กรรมใดใครก่อ ริเริ่ม กรรมหนอก่อเติม ชดใช้ กรรมสานพูนเพิ่ม ไม่สิ้นนา กรรมตามฝังใจ เผาไหม้ชีวีฯ หลายปีที่ผ่านมาคุณหญิงทุ่มเทเงินทองและความรักแก่หลานชายคนเดียวด้วยความหวังที่จะดับไฟอาฆาตในใจเขา ‘เงินทองมันของนอกกายลูกเอ๋ย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ณุยังสร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ ณุของยายเก่ง และณุมียายอยู่ทั้งคน’ เพียงแต่สิ่งที่หญิงชราไม่เคยรู้มาก่อน…ลมหายใจของคนที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด! ไฟแค้นนี้สาหัสยิ่งนัก เงินทอง อำนาจ บารมี หรือความสำเร็จ ก็ไร้ค่า เมื่อเทียบกับการล้างแค้น การสะสางหนี้แค้นเท่านั้นที่จะดับไฟอาฆาตอันแรงกล้าของชิษณุ และยิ่งสินีและครอบครัวยังไม่ละทิ้งนิสัยเดิม มีแต่ความโลภ ความเหลวไหลที่เพิ่มพูน หนี้ชีวิต…ถ้าไม่ดับด้วยการกลบไฟแค้น มันก็ต้องดับ…ด้วยลมหายใจของชีวิต ชิษณุเมินมองไปทางอื่นหลบสายตาของผู้เป็นยาย เขาจะใจอ่อนไม่ได้ คุณหญิงกรองแก้วต้องได้รับบทเรียนราคาแพงเช่นกัน “พรมีอะไรขัดข้องไหม” ถึงจะรู้คำตอบของบุตรสาวคนเล็กดี แต่คุณหญิงก็ต้องถาม “ไม่มีค่ะคุณแม่ พรเห็นด้วยกับณุทุกอย่างค่ะ” “เราก็เข้าข้างหลานรักเสมอ” “ก็ตั้งแต่เห็นหลานนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลค่ะ” รพีพรกดสะอื้นไว้ไม่อยู่ เธอไม่เข้มแข็งเหมือนมารดา “คุณยายอย่ายอมนะ” เทวัญลุกขึ้นค้าน “สินีไม่ยอมนะคะคุณแม่” “แกยังมีสิทธิ์อีกหรือ” น้ำเสียงแข็งกร้าวของมารดาทำให้สินีชะงัก “ฉันให้สิทธิ์ของแกที่แค่เงินปันผลจากกงสี นอกนั้นให้หลานมันไปเถอะ” “ถ้าคุณยายกับคุณน้าไม่ขัดข้อง ก็ตกลงตามนี้” เขาพยักหน้าไปทางนทีที่เดินออกไปเพียงอึดใจ ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมสารินและทีมทนายความทั้งของเขาเองและของ…คุณหญิงกรองแก้ว “ผมรบกวนคุณอาสารินอธิบายเรื่องราคาและข้อตกลงต่างๆ ราคา…อาจจะต่ำไปเสียหน่อยแต่มันก็เป็นค่าความเสี่ยงของผมด้วย” ข่าวดีจากสงครามที่กรุงเทพฯ ชิษณุรู้ตั้งแต่เมื่อบ่าย ที่เหลือเขาก็แค่ถ่วงเวลาให้สารินเคลื่อนพลขึ้นมาเท่านั้น ชายหนุ่มปล่อยให้…ทีมของเขาทำหน้าที่ไป ไม่สนใจสายตาอาฆาตมาดร้ายของกลุ่มคนที่เขาชิงชังซึ่งนั่งเงียบอยู่อีกมุมห้องภายใต้การยืนคุมเชิงของคนของเขา ในเวลานี้ หากสัญญาและการโอนหุ้นไม่เสร็จ ไม่ว่าใครก็ออกไปจากห้องนี้ไม่ได้! =========================================================== WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING =========================================================== = นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์ = นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ = และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ = ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ : มานัส Facebook : www.facebook.com/manasauthor Blog : literature.bloggang.com ReadAWrite : manas.readawrite.com
ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน
=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
[1] Mary Stuart (ค.ศ. 1542–87), ราชินีแห่ง สก็อตแลนด์
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2563 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2563 0:02:39 น. |
|
0 comments
|
Counter : 671 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]
|
ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว
บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"
หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
|
|
|
|
|
|
|