Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2563
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
 
14 กุมภาพันธ์ 2563
 
All Blogs
 
คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 23) โดย มานัส

 
บทที่ 23

จากเด็กที่พรั่งพร้อมด้วยความรัก ความอบอุ่น และการใช้ชีวิตที่แสนสบายทั้งที่…บ้าน และที่โรงเรียนประจำในต่างแดน ทว่าความสุข ความสดใสของวัยเด็กพลันสูญสิ้นเมื่อทั้งพ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
 
เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตพรากทุกอย่างไป ไม่มีวันกลับคืน
 
และเมื่อสินีเข้ามาเป็นผู้ปกครองตามพินัยกรรม เขาก็ต้องออกจากโรงเรียนประจำชื่อดังในสหรัฐฯ ลาจากเพื่อนสนิทที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ย้ายเข้าโรงเรียนรัฐบาลเพียงเพราะสินีต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ชิษณุไม่เคยใส่ใจเพราะโรงเรียนสำหรับเขาก็คือที่ให้เรียน ขอให้ได้ความรู้ มีครูที่ดี มีเพื่อนที่ดีก็พอแล้ว และเขาก็มี
 
ทว่าการอยู่กับผู้เป็นป้าและลุงเขยนั้นล้วนมีแต่เรื่องที่ทำให้คับแค้นใจแสนสาหัส และยิ่งหนักขึ้นเมื่อเทวัญและธิดาเข้ามาอยู่ร่วมชายคา
 
แต่ชิษณุอดทน อดกลั้น ด้วยหวังว่า…เดี๋ยวก็ดี ดีขึ้น
 
ผ่านไปหลายปี การกระทำและวาจา และการจำกัดหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งการกินอยู่ เสื้อผ้า ข้าวของ และอีกสารพัด จนถึงขั้นที่ชิษณุต้องสมัครเพื่อขอสิทธิ์อาหารฟรีของโรงเรียน ข้าวกลางวันที่โรงเรียน พออิ่ม แต่ข้าวที่…..บ้านของสินิ ไม่เคยอิ่ม อดมื้อกินมื้อ ที่ได้กินก็ของเหลือ
 
จะกินเต็มที่เพราะน้ำใจจากคุณตาบ้านเยื้องๆ และเงินเก็บในการหางานทำ ทั้งเป็นผู้ช่วยคุณตา และการทำงานในร้านค้าระแวกนั้น
 
ที่หนักหนาสาหัสนัก ก็เมื่อจำทนเห็นทรัพย์สมบัติที่ผู้เป็นพ่อสร้างมาถูกทยอยขายออกไปด้วยเหตุผลว่า
 
‘ต้องใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูส่งเสียนายณุ‘ นั่นคือข้ออ้างของสินีเมื่อมีคำถามจากหลายคนที่เมืองไทย
 
หากในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม เพราะชิษณุในฐานะเจ้าของสิทธิ์ตามพินัยกรรมไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากตรงนั้นเลย
 
เงินมากมายถูกนำไปปรนเปรอครอบครัวผู้เป็นป้าและวงศาคณาญาติของลุงเขย ให้ใช้ชีวิตที่หรูหราสุขสบายกับบ้านหลังใหญ่และรถยนต์ราคาแพงเกือบสิบคัน รวมทั้งการท่องเที่ยวทุกเดือน บางเดือนหลายครั้ง ที่สำคัญการท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักสิ้นสุด ณ บ่อนชื่อดัง
 
เด็กหนุ่มได้แต่มองมรดกที่เป็นของเขาอย่างชอบธรรมถูกถลุงไปโดยไม่เคยได้รับผลประโยชน์เลย
 
สิ่งที่ได้รับคือว่าไร้เมตตา ความทนทุกข์สารพัด
 
สิ่งที่พ่อของเขาสร้างมานั้นมลายหายไปกับบ่อนพนันและการใช้ชีวิตไร้สาระท่ามกลางความหรูหราของครอบครัวผู้ที่ควรดูแลเขา
 
ชีวิตของเด็กชายก้าวสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างอ้างว้างเพียงลำพังในต่างแดน
 
บ้าน…ที่มิใช่บ้าน
 
ครอบครัวดั่งศัตรูแปลกหน้า
 
เขาสัมผัสเพียงความริษยาชิงชังจากญาติสนิทที่ควรเป็นที่พึ่งเมื่อเขาไร้พ่อและแม่แล้ว เด็กชายกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รองรับความโหดร้ายและเห็นแก่ตัวของ…ครอบครัว
 
ความรู้สึกกลัว…ระแวงระวัง
 
ความเจ็บปวด…เดี่ยวดาย และชีวิตที่มีเพียงลำพังคนเดียว อ้างว้าง
 
อดทน…อดทนไว้ สักวันต้องเป็นของเรา
 
ทนกับ…ความโหดร้ายที่เขาไม่มีทางสู้กับมัน
 
สู้กับ…ความตายที่เคยเยือนเพียงแค่เอื้อมมือ ลมหายใจช่างมีค่านัก
 
ลมหายใจที่จวนดับสิ้นกลางฤดูหนาวในวันที่หิมะตกครั้งแรกของฤดู ร่างของเขานอนจมกองเลือดไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน
 
ภาพของหิมะสีขาวค่อยๆ ซับเลือดของเขาจนกลายเป็นสีแดง
 
ภาพนั้นซับไปในความทรงจำ หลอกหลอนหลังจากนั้นทั้งในยามหลับและยามตื่น เฉดเช่นลมหายใจบอบบางเฮือกสุดท้ายก่อนจะหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งความรู้สึกทั้งหมดมลายหายไป
 
เขาหลับไป…หลับจนต้องฉุดตัวเอง ตื่น!
 
ตื่นมาเพื่อรอวันของเขา
 
เขาท่องไว้เสมอ…ไม่ว่าเวลาจะล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม
 
‘ถ้าไม่อดทนก็จะไม่สามารถ…เอาคืน ถ้าไม่ตื่นก็จะไม่มีวันของเรา’
 
‘ถ้าไม่ตื่น…แล้วใครจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เรา’
 
ท่องเพื่อให้ตนเอง…อดทนเมื่อผู้เป็นป้าและลุงเขยด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย
 
อดทนตอนเทวัญขับรถสปอร์ตคันหรูที่ได้มาจากเงินมรดกของเขา พุ่งเข้าหมายชนให้ถึงตาย
 
อดทนเมื่อถูกรุมทำร้ายร่างกายแสนสาหัส นอนรอความตายกลางหิมะเย็นเยือกด้วยลมหายใจรวยระริน
 
อดทนเพียงลำพังอย่างเดียวดายบนเตียงโรงพยาบาล ต่อสู้ระหว่างความเป็นความตาย
 
เขาท่องให้ตัวเองอดทนสู้…มาถึงวันนี้แล้ว ชิษณุ จำเป็นต้องทนใคร หน้าไหนอีกหรือ
 
 
“มรดกที่คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ต้องถูกละลายไปกับบ่อนพนัน และการใช้ชีวิตไร้สาระ ผมไม่อยากให้คุณยายต้องสูญเสีย…เสียทั้งเงินและชื่อเสียง” ร่างสูงที่หันเข้ากำแพงห้องหันมาช้าๆ ดวงตาผ่อนความอาฆาตแค้น ทิ้งไว้เพียงความจริงจัง เอาจริง…หน้ากาก เพราะใจเขายังแค้นยิ่งนัก “ผมแค่เรียนให้ทราบ คนที่ตัดสินใจคือคุณยาย ไม่ใช่ผม แต่ถ้าจะให้ช่วยอะไร ผมก็พร้อม เรามันครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน”
 
“ไอ้ณุ ไอ้หมาลอบกัด มึง…มึงแอบสืบเรื่องของกู” เทวัญหมดความอดทนไปนานแล้ว “มึงหลอกใช้อีธิดา!”
 
“ไม่ต้องแอบและไม่ต้องหลอกใช้ใคร เพราะเรื่องชั่วๆ ของนายมันเป็นเรื่องให้คนเขานินทาหัวเราะเยาะกันมานาน นายไม่รู้เลยหรือ”
 
“กูน่าจะกระทืบมึงให้ตายคาตีน ไอ้ณุ! กูไม่น่าปล่อยมึงไว้เลย” เขาสะบัดแขนของเฉลิมที่จับอยู่ ตรงเข้าไปหาศัตรูคู่อาฆาตที่ยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน หากช้ากว่านทีและพรรคพวกอีกสามปรี่เข้าไปอย่างเร็ว
 
เสียงหวีดร้อง ชุลมุนจากภายในห้องฉุดให้โฉมฉายและมณิกานต์ที่นั่งอยู่ด้านนอกต้องรีบลุกตามเข้าไป และทั้งสองพลันหยุดทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
 
นทีล๊อคตัวเทวัญไว้แน่น โดยมีลูกน้องอีกสามคนยืนระวังกันไว้อีกด้าน และชายฉกรรจ์อีกสี่คนยืนคุมเชิงที่สินีและเฉลิมอย่างเงียบๆ ในขณะที่ชิษณุยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือไพล่หลังมองภาพตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน
 
เขาดูเยือกเย็น…เลือดเย็น แม้เมื่อกล่าว
 
“ยังไม่ลดสันดานชอบความรุนแรงนะเทวัญ ต้องขอบใจไอ้สันดานดิบนี้ของนายที่ส่งฉันไปนอนรอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือนและทำให้ฉันคิดได้ว่า โลกนี้มันไม่มีที่สำหรับคนอ่อนแอ”
 
…หรือคนใจอ่อน จนชิษณุย้ำบอกกับตัวเองว่า…No more tears now; I will think upon revenge[1]
 
การเอาคืน…มันใช้เวลา
 
การจัดการกับคนที่เขาตราว่าเป็นศัตรู มันไม่ง่ายหากก็มิได้ยากเย็น
 
ทั้งเล่ห์ ทั้งกล ทั้งเสแสร้ง ทั้งจริงใจ โดยทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย
 
ทว่ามโนธรรมที่ไม่เป็นธรรม…ช่างมัน!
 
เพราะรสชาติของชัยชนะมันหอมหวาน…
 
“ณุ นี่มันอะไรกันลูก…” คุณหญิงกรองแก้วเริ่มหน้ามืด เมื่อภาพรอบตัวหมุนสลับสีขาวดำ “เรื่องโรงพยาบาลเกี่ยวอะไรกับเทวัญ”
 
“ผมเคยบอกแล้วว่าไม่อยากรื้อฟื้น แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้…” เพียงแต่ว่าคนพูดย่อมรู้ การ ‘รื้อฟื้น’ อยู่ในแผนการสำหรับคืนนี้ด้วย
 
“บอกไปเถอะณุ” รพีพรซึ่งรู้เรื่องดีทุกอย่างพยักหน้า
 
ก็เพราะเหตุนี้บังคับห้เธอเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลานชายคนเดียวในทุกเรื่อง จนเธอใจกล้าพอที่จะขัดใจพี่สาว
 
ผู้เป็นน้าไม่อาจลืมสภาพบอบช้ำของชิษณุที่นอนหมดสติพร้อมร่างกายที่เจ็บอย่างแสนสาหัสได้เลย
“คุณยายคงจำได้เมื่อหลายปีก่อนผมต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนไอ้โม่งมันรุมซ้อมสี่ต่อหนึ่งฟาดด้วยไม้…ผมเกือบตายบนกองหิมะ” คนพูดพยายามกลบอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่กับความทรงจำ “ไอ้โม่งก็คือเทวัญและเพื่อนอีกสามคน”
 
บรรยากาศในห้องที่เงียบกริบนั้นเย็นเยือก
 
โฉมฉายซับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความรู้สึกร้าวราญ เธอยังจำได้ดีเมื่อคราวได้รับข่าวจากรพีพรที่รีบบินไป
 
ในตอนนั้นทุกคนที่เมืองไทยล้วนคิดว่าเป็นความเคราะห์ร้ายของหนุ่มน้อยที่โดนอันธพาลทำร้ายเมื่อเดินกลับบ้านหลังเลิกจากงานพิเศษในเวลาย่ำค่ำที่หิมะยังคงตกต่อเนื่อง แต่มาวันนี้ความจริงที่จำต้องรับรู้นั้นเจ็บปวดนัก และคนที่ร้าวราญที่สุดคงไม่พ้นคุณหญิงที่เป็นยายและมารดาของสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
 
“โชคดีที่ผมดวงแข็ง ถ้ามีคนไปพบผมช้ากว่านั้น ป่านนี้ผมคงตายสมใจใคร หลายคนไปแล้ว” ร่างสูงเข้าไปโอบผู้เป็นยายที่นั่งนิ่ง “ถ้าตอนนั้นผมตายไปมรดกของผมที่คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ให้ก็จะไปอยู่กับใครเล่า คนเราพอมีถุงเงิน ถุงทอง แหล่งขุมทรัพย์ให้ล้วงก็ไม่อยากให้ใครมาปิดถุงใบนั้น”
 
“ไอ้ณุ! ใส่ร้ายกันหน้าด้านๆ ถ้าจริง ตำรวจทางโน้นไม่ปล่อยไว้หรอก” เฉลิมที่มักใจเย็นพลันตวาดขึ้นแต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะหนึ่งในชายฉกรรจ์รีบปิดทางไม่ให้เขาขยับไปไหน
 
“มึงใส่ร้ายกู มึงโกหก” เทวัญพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกล็อคตัวของนที หากก็ไม่สำเร็จ “ไอ้ณุ…มึงใส่ร้ายกู มึงมีหลักฐานมั๊ย”
 
“นายอยากได้หลักฐานแบบไหนล่ะ ฉันไม่กล่าวหาใครลอยๆ หากไม่มั่นใจ” แววตาท้าทายเอาเรื่อง เอาจริง “จะเอาหลักฐานพยานจากเพื่อนนาย จากธิดา หรือจากคำพูดของนายเอง ฉันมีให้หมด”
 
เพียงแค่นี้ก็ทำให้อีกฝ่ายชะงักในบัดดล ธิดาเป็นเครื่องมือของชิษณุอย่างง่ายดาย เหมือนที่เทวัญเคยหวาดหวั่น มันต้องมีความลับอะไรสักอย่างที่น้องสาวจอมร่านของเขาคาบเอาไปเปิดเผย เพียงแต่ว่า สิ่งที่กรีดหัวใจของเขา…
 
“คำพูดที่นายบอกโจแอน หลักฐานที่โจแอนเอามาให้ฉัน ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผู้หญิงคนนั้นมอบให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะหันเดินจากมาอย่างถาวร”
 
“ทำไม ทำไม ทำกับหลาน…สินี” ผู้เป็นแม่มองบุตรสาวคนโตอย่างผิดหวัง “แกจะให้ฉันหัวใจสลายไปถึงไหน แค่เอาของของหลานมาก็แย่พอแล้ว นี่ยังจะเอาชีวิตเขาด้วย หัวใจแกทำด้วยอะไร…นี่มันหลานนะ ต่อให้มันตายลูกของแกก็ไม่ฟื้นขึ้นมา ทำไมไม่รู้จักแยกแยะ…ทำไม?”
 
“ใจจริงผมไม่อยากบอกคุณยาย เพราะบางเรื่องเอารื้อฟื้นก็ไม่มีประโยชน์ อดีตผ่านไปนานแล้ว” ชิษณุโกหกแม้เมื่อคุกเข่าลงหน้าผู้เป็นยาย “แต่มาถึงขั้นนี้ ผมคิดว่าไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องปิดบังกันต่อไป แต่ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์ในวันนั้นที่ทำให้ผมเห็นความโหดร้ายและความใจแคบของคน ดังนั้นไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมไม่สามารถทำงานกับคนที่จ้องจะทำร้ายผม ที่หมายมาดจะฆ่าผมได้ครับ คุณยายคงเข้าใจ”
 
ในวัยแปดสิบกว่าปีคุณหญิงกรองแก้วนั้นแข็งแรงมากทั้งร่างกายและจิตใจ เธอผ่านเหตุการณ์หลายอย่างในชีวิต แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอก็หนีไม่พ้นการที่คนในครอบครัวต้องมาหมาดมาดถึงชีวิตกันเพียงเพราะเงิน
 
วันนี้ถือว่าไม่แสนสาหัสหากเทียบกับครั้งแรก…เมื่อก่อนโน้น
 
ครั้งนี้เป็นการตกลงกันภายในครอบครัวไม่ต้องถึงศาลและทางการเหมือนเช่น…เมื่อก่อนโน้น
 
ผู้เป็นยายมองหลานชายอย่างพินิจพิจารณา พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะ…อ่าน
 
อ่านให้ทะลุถึงก้นบึ้งของหัวใจ
 
ใจของเจ้า…จมลึกกับความแค้นมานานแสนนาน
 
เจ็บปวด…แค่ไหนกันหนอ
 
คับแค้นใจ…มากเทียวหรือ
 
มือย่นที่อุ้มชูทั้งลูกๆ ทั้งหลาน ของหญิงชราลูบเบาๆ บนใบหน้าคมคาย มีหรือที่คุณหญิงจะไม่เห็นแววตาแข็งกระด้างของหลานชายที่ซุกซ่อนไฟอาฆาตไว้ภายใน
 
ชิษณุมีฉลาดและเก่ง มีความอดทนเป็นเลิศ เปี่ยมด้วยชั้นเชิง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เขาก้าวขึ้นมาสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คุณหญิงรู้ดีว่าฝ่ายสินีไม่มีทางรับมือผู้เป็นหลานได้เลย
 
ต่อให้เทวัญเข้าไป ช่วยบริหาร แต่ไม่ยากเลยที่ชิษณุจะเขี่ยลูกบุญธรรมของสินีให้กระเด็นออกพ้นทางได้
 
ปัญหาสำหรับชิษณุไม่ได้อยู่กับการที่เทวัญจะเข้าไปบริหาร หากอยู่ที่หุ้นในกงสีที่สินีถือ บวกกับส่วนที่เป็นของคุณหญิงเองที่อาจตกทอดเป็นมรดกไปถึงสินีต่างหาก
 
“คุณแม่…” สินีสะอื้น “คุณแม่เข้าข้างหลานรักของคุณแม่ แล้วสินีล่ะ ที่สินีเคยเสียไป สินีเสียลูกของสินีไป มีใครเห็นใจไหม”
 
“ทุกคนเขาก็เห็นใจแกทั้งนั้น” คุณหญิงเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกปวดร้าว “ที่พ่อนายณุมอบลูกของเขาให้แกดูแลก็เพื่อทดแทนสิ่งที่แกเสียไป แต่แกมันตาบอดใจบอด แกมันไม่รู้จักปลง ไม่รู้จักยอมรับความจริง ไม่รู้จักให้อภัย เรื่องมันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว ทำไม…ทำไมถึงไม่หยุดกันเสียที”
 
คุณหญิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่บัดนี้อยู่ในความเงียบอีกครั้ง
 
เพราะคนที่ต้อง…หยุด มิใช่แค่สินีคนเดียว
 
“มีอะไรอีกไหมณุ บอกคุณยายไปเถอะ” รพีพรพยักหน้าบอกกับหลานที่บัดนี้ขยับนั่งลงข้างๆ คุณหญิงกรองแก้ว
 
“ถ้ายังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป เรื่องมันก็จะยุ่งยากไม่มีวันจบสิ้นกันเสียที” น้ำเสียงจริงจังทอดลงได้อย่างอ่อนโยน “ผมจึงอยากขอความกรุณาจากคุณยาย”
 
“ว่ามา”
 
“หลายปีที่ผ่านมา ผมดูแลกิจการหลายอย่างโดยมีคุณยายเป็นผู้ช่วยเหลือให้ความเมตตาแก่ผมยามเมื่อผมขัดสน ยกเว้นเสียแต่โรงงานน้ำตาล ส่วนที่เหลือผมเคยและยังต้องอาศัยและพิ่งคุณยายในเรื่องของเงินลงทุน”
 
“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ว่าที่แกได้ดีวันนี้ก็เพราะเงินของแม่ฉัน แล้วนี่จะมากำเริบอะไรอีก” ถึงน้ำตายังคลอเบ้าแต่เสียงที่แผดดังก็ยังสามารถถูกกลั่นออกมาได้
 
“หยุดเสียทีสินี! ให้หลานพูดให้จบ” น้อยครั้งนักที่คุณหญิงจะขึ้นเสียงดัง
 
“แต่ที่ผมต้องสูญเสียทุกอย่างครั้งโน้นมันไม่ใช่เพราะคุณป้าหรือครับ คุณป้าใช้ความอาฆาตในอดีตมาลงที่ผม ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้เรื่องเลย” สีหน้าและคำพูดที่เรียบเฉยไม่อาจปกปิดดวงตาที่เย็นชา “คุณป้าถลุงมรดกของผม ขายสมบัติของผมเพื่อความสุขของตนเองทั้งในบ่อนและนอกบ่อน เท่านั้นยังไม่พอ คุณป้ายังรู้เห็นเป็นใจให้เทวัญกับเพื่อนมันทำร้ายผมเกือบตาย ผมนอนที่โรงพยาบาล มีมรดกกองโตแต่ไม่มีปัญญาที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ถ้าคราวนั้นไม่ได้ทั้งอธิปและเดวิดช่วยติดต่อน้าพร ป่านนี้ถ้าไม่ตายผมก็คงกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคนไปแล้ว”
 
คุณหญิงกรองแก้วมองไปทางบุตรสาวคนเล็กคล้ายจะถาม 
 
“ตอนนั้นพรไม่กล้าบอกคุณแม่ถึงอาการของนายณุว่าสาหัสแค่ไหน ตอนที่พรไปถึงนายณุก็ยังไม่รู้สึกตัว อาการเป็นตายเท่ากัน”
 
“โธ่ คุณณุ…” โฉมฉายที่ยืนเงียบอุทานเบาๆ พลางยึดแขนของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเอาไว้
 
“มาถึงจุดนี้ ผมจำต้องปกป้องตนเองครับ ผมไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง”
 
“จะพูดอ้อมค้อมทำไม มีอะไรก็พูดมา เสียเวลา” สินีกราดบ่น “ร้องขอความเป็นธรรมอะไรกัน ทีฉันยังไม่มาร้องป่าวๆ เลย”
 
หากชิษณุไม่สนใจผู้เป็นป้า เขาหันกลับมาทางคุณหญิงกรองแก้ว “ข้อเสนอที่ผมเคยคุยกับคุณยาย เรื่องให้คุณยายพิจารณาซื้อหุ้นในกงสีในส่วนที่เป็นของคุณป้าคืนมาไม่ทราบว่าคุณยายมีความเห็นอย่างไร”
 
“ฉันไม่ขาย!” ผู้เป็นป้ายืนยันด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
 
“มันเป็นสิทธิ์ของป้าเขานะลูก” คุณหญิงมองผู้เป็นหลาน
 
ถึงอย่างไรส่วนกงสีก็ยังมีเงินปันผลให้บุตรสาวคนโตได้ใช้จ่าย คุณหญิงกรองแก้วไม่สามารถตัดความห่วงใยในตัวลูกได้
 
“ผมเข้าใจว่าคุณยายเป็นห่วง เกรงว่าต่อไปคุณป้าจะลำบาก” รอยยิ้มบนใบหน้าอย่างรู้เท่าทันนั้นเหมือนชายหนุ่มที่กำลังอารมณ์ดี “ถ้าเช่นนั้นผมขอเปลี่ยนข้อเสนอใหม่ครับ”
 
การเจรจาย่อมมีแผนสำรองเตรียมไว้เสมอ ชิษณุเข้าสมรภูมิรบด้วยความพร้อมทุกครั้ง
 
คุณหญิงกรองแก้วก็ต้องได้รับบทเรียน…ต้องชดใช้เช่นกัน
 
“ไอ้ณุมึงพูดมา อย่ามัวอ้อมค้อม” เทวัญพยายามสะบัดจากแขนที่ล๊อคตัวเขาไว้แน่น “นทีมึงปล่อยกู”
 
หากคนที่โดนสั่งกลับเฉย เพราะคนที่สั่งเขาได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
“ปล่อยมันครับ พี่นที”
 
เพียงเท่านั้นแขนที่ล็อคไว้ก็ถอดออกอย่างเร็วดันเทวัญถลาไปข้างหน้า เขาหันตวาดมองคนตัวใหญ่ผมสั้นเกรียนอย่างอาฆาต
 
“ไอ้นที ไอ้สุนัขรับใช้!”
 
“สงบสติเสียทีเทวัญ” คุณหญิงกรองแก้วเสียงแข็งเย็นชา
 
“ป้าโฉมกับคุณมนต์กลับไปพักผ่อนก่อน ผมยังต้องคุยอีกยาว” เขาไม่สบตากับมณิกานต์ หากแต่พยักหน้าเป็นเชิงสั่งชายฉกรรจ์อีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้พาทั้งสองสาวออกไป
 
ร่างสูงของคนที่มั่นใจในตัวเองและสถานการณ์ตรงหน้าพิงพนักเก้าอี้อย่างใจเย็น ท่วงท่ารอบคอบเยือกเย็นด้วยชั้นเชิงนั้นเห็นได้บ่อยยามเขาเจรจาธุรกิจ ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะใช้กิริยา ท่าทางและสีหน้าเช่นนี้กับ…เรื่องภายในครอบครัว
 
ใช่…ครั้งนี้เป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ เรื่องผลประโยชน์ เป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ
 
“เอาล่ะครับ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” รอยยิ้มเลือดเย็นดูน่ากลัวนัก “สถานะของคุณป้าในตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าเปราะบาง ฝ่ายที่คุณป้าเป็นหนี้เขาอยู่ ทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ บริษัทหลักทรัพย์ และที่บ่อน การกลับมาของคุณลุงและคุณป้าก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สามารถตามตัว สมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย ผมมั่นใจว่าไม่เกินสองวันนี้ ต้องมีสักฝ่ายที่จะตามมาจนเจอตัวคุณลุงคุณป้าแน่นอน”
 
“แกขู่ฉันเหรอ กล้าแว้งกัดฉัน ไอ้เนรคุณ! ”
 
“ฟังผมพูดให้จบก่อน” ชิษณุโบกมือราวรำคาญ “รัฐบาล หรือบริษัทหลักทรัพย์เจอตัว…นั่นไม่น่ากลัว แต่บ่อน…มาเฟีย” เขาเว้นวรรคยาวอย่างรู้จังหวะ “ไม่ว่าผมหรือใครก็คงช่วยไม่ไหว หนี้หลายล้าน ไหนจะดอกเบี้ยไหนจะเงินต้น เขาไม่ปล่อย หรอกครับ และถ้าเจอตัว…ผมมั่นใจว่าพวกเขาเรียกคืนเกินต้นและดอกแน่นอน”
 
“ณุมีวิธีแก้อย่างนั้นหรือ” คุณหญิงกรองแก้วถามด้วยความว้าวุ่นวิตก
 
“ผมยินดีช่วยไกล่เกลี่ย ออกรับหน้าให้ พร้อมทั้งรับหนี้ทั้งต้นและดอกทั้งหมดแทนคุณป้าและครอบครัว”
 
ข้อเสนอแสนง่ายทำให้ผู้ที่ได้ยิน…ตกใจ ไม่แน่ใจ
 
จำนวนเงินทั้งหมดมิใช่น้อยเลย
 
“พูดง่ายๆ คือ ภาระหนี้ของคุณป้า ณ เวลานี้ ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการ คุณป้าไม่ต้องหลบหนี สามารถไปไหนมาไหนได้สบาย ทั้งในและนอกประเทศ คุณยายก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณป้า ถ้าไม่เช่นนั้น…เกิดอะไรขึ้นกับคุณป้าและครอบครัวผมรับประกันไม่ได้ และไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น”
 
คุณหญิงกรองแก้วถึงจะมีหน้ามีตา มีฐานะในสังคม มีสมบัติเงินทองมากมาย แต่ก็ไปในด้านขาวของกฎหมาย
 
“มึงต้องการสิ่งตอบแทนใช่มั๊ย”
 
“นายก็รู้ดีอยู่แล้วว่าของดีและฟรีไม่มีในโลก” ชายหนุ่มหันไปทางผู้เป็นยาย “ผมมีเงื่อนไข และการรับเงื่อนไขของผมหมายถึงทุกคนในที่นี้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องปัญหาที่เราพูดมาข้างต้นอีกต่อไป แต่การไม่ยอมรับก็หมายความว่าผมไม่รับรู้และไม่รับประกันถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้น”
 
“อย่างนี้มันมักมือชกนี่หว่า” เฉลิมผู้ที่นิ่งเงียบอดไม่ได้ที่จะพูด “จะต่างอะไรกับการแบล็คเมล์”
 
“ผมปรารถนาดี แต่ถ้าใครแปลความหมายเป็นอย่างอื่นก็ช่วยไม่ได้” ใบหน้าคมคายเคลือบรอยยิ้มจางๆ
 
“ณุอยากให้ยายทำอย่างไร”
 
อยาก…เพราะคุณหญิงกรองแก้วหรือใครคนไหนไม่มีทางเลือกอื่น
 
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับชิษณุ อนาคตและชีวิตของสินีและครอบครัวอยู่ที่ชิษณุ
 
“ผมอยากให้คุณยายขายหุ้นทั้งหมดที่คุณยายถือตรงในทุกบริษัทของผม รวมถึงหุ้นในเครือในโรงแรมให้ผม ส่วนที่กงสีถือผมจะไม่แตะต้อง”
 
ภายในห้องเงียบกริบ คุณหญิงกรองแก้วมองหน้าหลานชาย
 
“และแน่นอนจะต้องเป็นราคาที่เหมาะสม…กับค่าเหนื่อยของผมทั้งในอดีตและปัจจุบัน” ชิษณุเน้นคำว่า…ของผม ชัดเจน
“ไอ้ณุ…มึงมันเลวระยำ มึงจะฮุบทุกอย่าง”
 
“พวกนายมีหน้าที่รับรู้อย่างเดียว คนที่มีสิทธิ์พูดก็คือคุณยายเท่านั้น” เสียงนั้นเฉียบขาด ท่วงท่าเป็นของคนที่ถือไพ่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง “และส่วนกงสีที่คุณยายถือ บวกเงินสด ทรัพย์สิน ที่ดิน อาคาร ก็คืออสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของคุณยายจะต้องนำเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของคุณยาย คุณน้า และผม เป็นการตัดสินใจร่วมกัน…สามคนเท่านั้น”
 
“แกจะตัดฉันจากมรดกที่เป็นของฉัน”
 
“ไม่ต่างกับที่คุณป้าเคยตัดผมออกจากมรดกของผม” เขาสวนกลับทันที “แต่ผมมีความปราณี ไม่ใจร้ายเหมือนคุณป้าหรอกครับ คุณป้ายังถือหุ้นในกงสีเหมือนเดิม มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้น เพียงแต่ว่ามันจะสิ้นสุดทันทีเมื่อคุณป้าเสียชีวิต ไม่มีการโอนต่อไปยังทายาทคนไหนทั้งสิ้น”
 
“ไอ้ณุ แกมัน….” สินีรู้สึกแน่นหน้าอก
 
“ผมหวังดีนะครับ” เขาหันไปทางคุณหญิงกรองแก้วที่นั่งนิ่ง “ว่าอย่างไรครับคุณยาย”
 
ดวงตาของหญิงชราสงบนิ่ง คนเป็นแม่ของบุตรสาวคนโตและเป็นยายของหลานชายคนเดียวเมื่อได้รับรู้ถึงรอยร้าวระหว่างลูกหลานย่อมรู้สึกถึงหัวใจที่แตกสลาย
 
กรรมใดใครก่อ            ริเริ่ม
กรรมหนอก่อเติม         ชดใช้
กรรมสานพูนเพิ่ม         ไม่สิ้นนา
กรรมตามฝังใจ            เผาไหม้ชีวีฯ
 
 
หลายปีที่ผ่านมาคุณหญิงทุ่มเทเงินทองและความรักแก่หลานชายคนเดียวด้วยความหวังที่จะดับไฟอาฆาตในใจเขา
 
‘เงินทองมันของนอกกายลูกเอ๋ย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ณุยังสร้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ ณุของยายเก่ง และณุมียายอยู่ทั้งคน’
 
เพียงแต่สิ่งที่หญิงชราไม่เคยรู้มาก่อน…ลมหายใจของคนที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด!
 
ไฟแค้นนี้สาหัสยิ่งนัก เงินทอง อำนาจ บารมี หรือความสำเร็จ ก็ไร้ค่า เมื่อเทียบกับการล้างแค้น
 
การสะสางหนี้แค้นเท่านั้นที่จะดับไฟอาฆาตอันแรงกล้าของชิษณุ และยิ่งสินีและครอบครัวยังไม่ละทิ้งนิสัยเดิม มีแต่ความโลภ ความเหลวไหลที่เพิ่มพูน
 
หนี้ชีวิต…ถ้าไม่ดับด้วยการกลบไฟแค้น  มันก็ต้องดับ…ด้วยลมหายใจของชีวิต
 
ชิษณุเมินมองไปทางอื่นหลบสายตาของผู้เป็นยาย เขาจะใจอ่อนไม่ได้ คุณหญิงกรองแก้วต้องได้รับบทเรียนราคาแพงเช่นกัน
 
“พรมีอะไรขัดข้องไหม” ถึงจะรู้คำตอบของบุตรสาวคนเล็กดี แต่คุณหญิงก็ต้องถาม
 
“ไม่มีค่ะคุณแม่ พรเห็นด้วยกับณุทุกอย่างค่ะ”
 
“เราก็เข้าข้างหลานรักเสมอ”
 
“ก็ตั้งแต่เห็นหลานนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลค่ะ” รพีพรกดสะอื้นไว้ไม่อยู่ เธอไม่เข้มแข็งเหมือนมารดา
 
“คุณยายอย่ายอมนะ” เทวัญลุกขึ้นค้าน
 
“สินีไม่ยอมนะคะคุณแม่”
 
“แกยังมีสิทธิ์อีกหรือ” น้ำเสียงแข็งกร้าวของมารดาทำให้สินีชะงัก “ฉันให้สิทธิ์ของแกที่แค่เงินปันผลจากกงสี นอกนั้นให้หลานมันไปเถอะ”
 
“ถ้าคุณยายกับคุณน้าไม่ขัดข้อง ก็ตกลงตามนี้” เขาพยักหน้าไปทางนทีที่เดินออกไปเพียงอึดใจ ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมสารินและทีมทนายความทั้งของเขาเองและของ…คุณหญิงกรองแก้ว “ผมรบกวนคุณอาสารินอธิบายเรื่องราคาและข้อตกลงต่างๆ ราคา…อาจจะต่ำไปเสียหน่อยแต่มันก็เป็นค่าความเสี่ยงของผมด้วย”
 
ข่าวดีจากสงครามที่กรุงเทพฯ ชิษณุรู้ตั้งแต่เมื่อบ่าย ที่เหลือเขาก็แค่ถ่วงเวลาให้สารินเคลื่อนพลขึ้นมาเท่านั้น
 
ชายหนุ่มปล่อยให้…ทีมของเขาทำหน้าที่ไป ไม่สนใจสายตาอาฆาตมาดร้ายของกลุ่มคนที่เขาชิงชังซึ่งนั่งเงียบอยู่อีกมุมห้องภายใต้การยืนคุมเชิงของคนของเขา 
 
ในเวลานี้ หากสัญญาและการโอนหุ้นไม่เสร็จ ไม่ว่าใครก็ออกไปจากห้องนี้ไม่ได้!
 
 
 
===========================================================
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
 
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
 
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
 
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
ReadAWrite : manas.readawrite.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
 
  
 
[1] Mary Stuart (ค.ศ. 1542–87), ราชินีแห่ง สก็อตแลนด์



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2563 0:02:39 น. 0 comments
Counter : 671 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.