Group Blog
 
 
กันยายน 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 กันยายน 2562
 
All Blogs
 
คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 3) โดย มานัส


บทที่ 3
 
อธิปอยากจะคิดว่าตาฝาด หรืออาจเพราะ…อาการมึน จากการเข้าพบผู้เป็นนายใหญ่ เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง
 
มันกี่ปีแล้วหนอที่พบกันครั้งสุดท้าย
 
เขาจำวันเดือนปีไม่ได้ แต่เขาจำมณิกานต์ได้เสมอ
 
“น้องมนต์!”
 
เสียงเรียกทำให้หญิงสาวที่นั่งเพียงลำพังในล๊อบบี้ของโรงแรมหันมา ใบหน้านวลฉายประกายสดใสพร้อยรอยยิ้มคุ้นเคยที่ชัดเจนเมื่อเขาเดินเข้าไปหา
 
“พี่อธิป!” การทักพร้อมยกมือไหว้ รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกระจ่างชวนมอง“ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีไหมคะ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้เป็นอาเสี่ยก่อสร้างไปแล้วนี่”  
 
“โธ่…พี่แค่คนคุมงาน ลูกจ้างเขาเท่านั้น” เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมใหญ่ข้างหญิงสาว “ว่าแต่น้องมนต์เป็นไงบ้าง สองเดือนก่อนเห็นลงข่าวไฮโซตอนคุณดิลกเปิดตัวอภิมหาคอนโด”
 
น้ำเสียงและท่าทางของชายหนุ่มทำให้มณิกานต์หัวเราะตาหยีชอบใจ “มนต์สบายดีค่ะ แต่แหม…พี่อธิปน่าจะมาทำงานกับคุณพ่อของมนต์นะคะ ไปช่วยงานคนอื่นเสียนี่”
 
“ไม่ไหวหรอก บริษัทของคุณดิลกน่ะระดับยักษ์ใหญ่ คนเก่งๆ เยอะจะตาย บริษัทพี่ไม่ใหญ่ไม่โต ส่วนมากรับงานต่างจังหวัด ทำถนน สร้างอาคาร ทำงานก่อสร้างเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไปอะไรเทือกเนี๊ย”
 
การพูดไหลคล่อง ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่มณิกานต์รู้จักตั้งแต่เมื่อไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่อเมริกาอยู่ โดยที่อธิปเป็นพี่ชายของเพื่อนรุ่นพี่ ที่แม้แต่ในตอนนี้หญิงสาวก็ยังระลึกถึงอยู่เสมอ
 
“แล้วพี่อรล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง มนต์ยังไม่มีโอกาสได้เจอเลย” นัยน์ตาหวานเป็นประกายทำให้คนที่มองไม่อาจละสายตาไปได้
 
“รายนั้นเขาทำบัญชีการเงินให้กับบริษัทผลไม้กระป๋อง โอ๊ย! ตำแหน่งชีใหญ่โต เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ มีความสุขดี ทั้งเรื่องงานและเรื่องหัวใจ” รอยยิ้มของชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างสันทัดชัดเจน แม้เมื่อถาม “ว่าแต่น้องมนต์เถอะแต่งตัวซะสวยเชียว จะไปงานราตรีที่ไหนที่ไหนเนี่ย”
 
มณิกานต์สวยด้วยความสดชื่นในชุดเดรสสีโอด์โรส ผมยาวดำขลับเกล้าขึ้นเผยให้เห็นลำคอขาวนวลละเอียดที่ประดับด้วยสร้อยเพชรเส้นงาม ใบหน้าแต่งเข้มหากไม่ดูหนาเหนอะหนะ แต่กลับเน้นดวงตาหวานคู่นั้นให้เปล่งประกาย จึงไม่น่าแปลกใจที่คนเดินผ่านไปมาในล๊อบบี้ของโรงแรมจะเหลียวหลังมอง
 
ดวงเอย…ดวงยิหวา                          งามอย่างนางฟ้ากระยาหงัน
นวลละอองผ่องพักตร์ผิวพรรณ         ดั่งบุหลันทรงกลดหมดมลทิน[1]   
 
“งานของสมาคมสตรีค่ะ เขาให้มนต์นำของมาร่วมประมูลในคืนนี้ นี่กำลังรอเพื่อนอยู่ จะได้เข้าไปในงานด้วยกัน แล้วพี่อธิปล่ะคะ มาหาใครเอ่ย หรือมากับใคร” ดวงตาสวยของหญิงสาวแกล้งหรี่ลงเชิงหยอก “แอบนัดสาวคนไหนเหรอ”
 
“ไม่มีหรอกจ้ะสาว…มีแต่อีตาบอสสุดโหด นี่เพิ่งเสร็จประชุมเสร็จ บอสพูดไม่กี่คำ สั่งงานปรื๊ดเสร็จ แต่พี่ต้องถ่อสังขารมาจากไซท์งานต่างจังหวัด”
 
“โธ่…น่าสงสาร”
 
“ชีวิตลูกจ้างก็อย่างนี้ แต่อย่างพี่ก็ดีไปอย่าง วันๆ พอทำงานเสร็จแล้ว ก็เสร็จไป ไม่ต้องหายใจเป็นงานทั้งยามตื่นและยามหลับเหมือนเจ้านาย”
 
คำบอกนี้ทำให้หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเธอเองก็ได้รับผลกระทบจากความ ‘บ้างาน’ ของคนใกล้ตัวจนเสียน้ำตามาหลายครั้ง     
 
ทั้งบิดาของเธอและทั้งเขตต์ผู้เป็นคนรัก ล้วนต่างเป็นเช่นนี้ทั้งคู่
 
“คนแบบนี้คงไม่ค่อยมีความสุขในชีวิต และพลอยทำให้คนใกล้ตัวไม่มีความสุขไปด้วย” เสียงของมณิกานต์เรียบ ทิ้งความขมขื่นไว้จางๆ
 
พวกที่สุขกับงานแต่ทุกข์กับเรื่องส่วนตัวจะมีความสุขจริงหรือ อย่างน้อยเธอก็ไม่มีความสุขเลย
 
 
 
 
ของที่นำมาประมูลเพื่อการกุศลในงานคืนนี้มีหลากหลายอย่าง ตั้งแต่ตุ๊กตาหมีน่ารักราคาไม่แพงไปจนถึงสร้อยเพชรเม็ดงามราคานับล้านบาท แต่ไม่ว่าสิ่งไหนก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากชิษณุได้
 
ของมีค่า…มีราคา
 
ของมีค่า…ทว่าไร้ราคา
 
ของมีราคา…แต่ไร้ค่า
 
ทั้งชีวิตของเขาได้พบพานผ่านมาหมด
 
แต่ก็ยังไม่มีสิ่งไหนที่มีค่าสำหรับเขา
 
การเดินดูของที่ถูกนำมาประมูลนั้นราวว่า…สนใจ หากมันก็คือการแสดงตามมารยาทสังคมเท่านั้น เพราะงานนี้จัดในโรงแรมที่ผู้เป็นยายของเขาเป็นเจ้าของ และแม้เขาจะไม่มีส่วนบริหารโดยตรงแต่ผู้บริหารและบุคลากรหลักก็ล้วนเป็นคนของเขา ต่างถูกเลือกและถูกวางตัวมาอย่างดี
 
ร่างในสูทสีเข้มตัดมาอย่างดี เดินเข้าไปหากลุ่มบรรดาคุณหญิงคุณนายที่เป็นเจ้าภาพ รอยยิ้มละมุนพร้อมน้ำเสียงทุ้มบนใบหน้าคม ทำให้หลายคนมองเขาอย่างสนใจ และผู้ใหญ่ที่เห็นก็มักเอ็นดู
 
หากน้อยครั้งนักที่ชิษณุจะสนใจ…ใคร หรือ อะไร
 
เว้นแต่ในวินาทีนี้ หลังจากที่เขาก้าวออกมาจากกลุ่มคุณหญิงคุณนายแล้ว  ทำนองเสียงสิบแปดคีย์ดังมาจากหีบเพลงรูปไข่ที่มีไข่มุกเทียมรายล้อมซ่อนตุ๊กตาเต้นระบำไว้ด้านใน ทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก หันไปมองหีบเพลงตัวนั้น
 
...Swan Lake…ดังอย่างแผ่วเบามาจากหีบเพลง
 
ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามา ทำให้ดวงหน้าเคร่งอ่อนลง…หากก็เพียงชั่วครู่
 
สายตาคมกริบปรากฏแววสั่นสะท้าน…หากก็เพียงเสี้ยววินาที
 
พลันทุกอย่างเป็นปรกติ แม้กระทั่งความรู้สึก
 
“ให้คุณโชติกาประมูลหีบเพลงนั่นมาให้ได้” คำสั่งกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมนั้นเฉียบ ดวงตายังจับอยู่ที่ตุ๊กตาเริงระบำ
 
และแม้จะพยายยามกลบ แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจก็ยังคงตามมาหลอน
 
ชิษณุช่ำชองในการปรับสีหน้าและอารมณ์ของตัวเอง ถนัดในการสวมหน้ากากสังคม รอยยิ้มที่ฉายเมื่อทักทายกับผู้คนที่พบปะระหว่างการเดินออกมาจากงานนั้นราวว่าเปิดเผยจริงใจ หากในดวงใจของเขาไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย
 
ทุกอย่างเพราะหน้าที่ และเพื่อผลประโยชน์!
 
นั่นคือสิ่งที่ทุกลมหายใจ และการก้าวเดินของเขายึดไว้เป็นเป้าหมาย
 
หากพลันชิษณุก็หยุดกึก เมื่อร่างของหญิงสาวในเดรสสีโอด์โรสที่เดินสวนมาแล้วชนเข้ากับร่างของเขา
 
“นี่…” เธอผู้นั้นเตรียมขึ้นเสียง หากก็ชะงักไป
 
“ขอโทษ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มแสดงความอาทรพร้อมแววตาที่บ่งบอกว่า ‘ขอโทษ’ จริงๆ
 
มือใหญ่แตะตรงข้อศอกของอีกฝ่ายอย่างสุภาพ แล้วจึงคลายออก
 
“ค่ะ” มณิกานต์กระแอมเสียงในลำคอ พยายามสะกดรอยยิ้ม ชายตามองเพื่อนที่ยืนตาค้างอยู่ข้างๆ แต่ก็เห็นหรอกว่าร่างสูงโค้งศีรษะให้เพียงนิด ก่อนจะเดินจากไป
 
“ฉันน่าจะสลับข้างกับแก” ปิยะรัตน์ที่ยังคงอ้าปากค้างบีบแขนเพื่อน เหลียวหลังมองตามเขาไป “โอย…”
 
“แกคงโถมตัวพุ่งเข้าซบเขาเลยมั๊ง” มณิกานต์หัวเราะคิก
 
“พูดไปโน่น ว่าแต่ช่วงนี้ดวงแกท่าจะชนกับเขานะ เมื่อวันก่อนก็เซไปซบกลางผับ คราวหลังก็พุ่งเข้าชนเขาเลยนะยะ แบบนางเอกชนพระเอกในละคร ชนกันไปชนกันมาแล้วพระเอกก็มารักกับเพื่อนนางเอก” คนที่วาดฝันเรื่องราวสาธยายยืดยาว คิกคัก  “แต่เมื่อกี้เหมือนเขาตะลึงตึงๆ ตอนมองแกว่ะ มองตาใสเป็นประกายปิ๊งป๊างเชียว”
 
“จินตนาการเข้าไป” คนโดนแซวส่ายหน้าอย่างขบขัน
 
“คนหล่อๆ มีไว้ให้เราๆ จินตนาการ ไม่ได้ในความจริง ก็ขอให้ได้ในความฝันย่ะ” ปิยะรัตน์ยังคงหัวเราะคิก หากแล้วรีบหุบปากทันที “โน่นคุณแม่ควักมืออัญเชิญแล้ว ไปรับคำเทศนากันก่อนดีกว่า ในโทษฐานที่เรามาช้า”
 
“แกย่ะ…แกคนเดียว ฉันรอแกจนเสียเงินค่าดริ๊งไปสองแก้ว แพงหูฉีกจริงๆ น้ำเมาของไอ้โรงแรมนี้”
 
 
 
 
ใบหน้าคมคายที่ทำให้คนอื่นหลงใหล  มักดูเย็นชาและน่ากลัวเมื่อเวลาที่ไม่ต้องใส่หน้ากาก แววตาแข็งกร้าว ผนวกกับริมฝีปากที่แย้มเพียงแสดงความสะใจ ทำให้คนที่เห็นเย็นวูบถึงสันหลัง
 
นทีย่อมรู้ ความอาฆาตพยาบาทที่ฟูมฟักด้วยไฟแค้น ทำให้หัวใจของผู้เป็นเจ้านายเย็นเยือกน่ากลัว พร้อมจะโค่น จะทำลายศัตรูคู่อาฆาตได้ทุกเมื่อ
 
“โคแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน แต่หญ้า…ก็ให้ข้อมูลกับเรามากเหลือเกิน” ชิษณุปิดแฟ้มที่อยู่ในมือ น้ำเสียงเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ เช่นเคย  ท่วงท่านิ่งเกินที่ลูกน้องคนสนิทจะคาดเดาความคิดได้ “ดาราคนนั้นอยากได้ความสบาย คิดแต่เรื่องเงิน เรื่องราคา เงิน…ที่ได้ทั้งจากทางเราและทางโน้น แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองเป็นแค่เครื่องมือที่ใกล้จะหมดค่ากับเราแล้ว”
 
“ตอนนี้ข่าวคนแก่ควงดาราสาวอายุคราวลูกกำลังเป็นที่สนใจครับ”
 
“ข่าว…สามารถลดความเชื่อถือในตัวบุคคลได้” เขาพูดราวว่ากำลังคุยเรื่องธุรกิจทั่วไป “ผู้ชายแก่ๆ ที่เคยล้มเหลวในชีวิตครอบครัวเพราะเรื่องชู้สาวมาแล้ว ตอนนี้มาหลงเสน่ห์ดาราสาวที่เป็นข่าวฉาวไม่เว้นวัน ห่วงแต่เรื่องบนเตียง ทั้งๆ ที่บริษัทของตัวเองมีปัญหา ตอนประชุมผู้ถือหุ้นคงสนุกพิลึก”
 
“เป็นนิสัยที่แก้ยากครับ แม้แต่ลูกสาวของเขาก็ยังรับเรื่องนี้ไม่ได้ ถึงกับเคยยื่นคำขาดห้ามเอาผู้หญิงอื่นเข้าบ้าน”
 
“เขาเลี้ยงลูกด้วยเงินไม่ใช่เหรอ คงคิดว่าเงินเนรมิตทุกอย่างได้ ผมคงเป็นคนแปลก” เสียงนั้นมีแววหยันในที “เพราะสำหรับผมเงินเป็นแค่เครื่องมือ ก็เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้น มีมูลค่าแต่…ไร้ค่า”
 
ชิษณุย่อมรู้ว่าผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วน หวัง ในตัวเขา
 
บางคนต้องการเงิน บางคนหวังความสุขสบาย
 
บางคนชื่นชอบหน้าตาบุคลิก บางคนหลงใหลในชื่อเสียง
 
แต่ก็มีบางคนปรารถนา…ที่จะรัก
 
หากคนใจแข็งและเลือดเย็นอย่างเขาไม่ใช่ของง่ายในการ ‘จับ’ หัวใจของเขามีความแค้นมากกว่าความรัก เขามีความเห็นแก่ตัวมากกว่าความอาทรสงสาร
 
ดวงตาแข็งกร้าวที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ แลดูน่ากลัวยิ่งนัก
 
ไม่ต่างจากหัวใจที่แข็งและเย็นชา…ลมหายใจของเขาอยู่ด้วยความแค้น ไม่เคยอยู่เพื่อความรัก
  
 
 
 
มณิกานต์พลิกเปิดนิตยสารฉบับใหม่ที่อยู่ในมือไปมา ไม่สนใจคอลัมน์ที่ปรากฏ จนกระทั่งผู้เป็นพ่อเดินลงมาข้างล่าง หญิงสาวจึงลุกขึ้นไปเกาะแขนประจบ
 
“ทำไมตื่นแต่เช้าเชียว เมื่อคืนกลับดึกไม่ใช่เหรอ” ดิลกโอบลูกสาวคนเดียวด้วยความเอ็นดู “ว่าแต่มาอ้อน อยากได้อะไรหรือเปล่า เอาไว้ค่อยบอกพ่อนะ นี่พ่อนัดกับก๊วนไว้”
 
ว่าแล้วเขาก็รีบเดินออกจากบ้านไป ด้วยรอยยิ้มที่ประจักษ์ชัดเต็มใบหน้า
 
รอยยิ้มที่ไม่ใช่เพราะได้เห็นหน้าลูกสาวคนเดียว หรือเพราะก๊วนกอฟท์ที่เขากำลังไปออกรอบด้วย แต่เพราะ…นัดที่เขาเสนอไปด้วยราคาเอนวีไอพีแพงลิบ และดาราสาวคนนั้นก็ตกลงรับนัดเขาอีกครั้งเช่นกัน
 
การเดินออกไปของผู้เป็นพ่อ ทำให้มณิกานต์ถอนหายใจดัง ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเบื่อหน่าย การทักทายสั้นๆ เร็วๆ นั้นเป็นปรกติวิสัยของบิดาที่เธอไม่เคยทำใจให้เคยชินได้ชินเลย
 
หญิงสาวก่อนตัดสินใจกดหมายเลขโทรศัพท์หาเขตต์
 
ทว่า…ไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนเช่นหลายครั้งของหลายวันที่ผ่านมา
 
เขตต์อยู่ไหน?
 
และด้วยความรู้สึกเคว้ง มือเรียวพลันกดปุ่มโทรศัพท์ดูชื่อที่มีบันทึกไว้อย่างเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเห็นชื่อหนึ่ง…ชนินทร์
 
 
 
 
ดิลกเดินกลับเข้ามาในคลับเฮาส์หลังเสร็จการออกรอบครบทั้งสิบแปดหลุม  พรรคพวกในก๊วนต่างสั่งเครื่องดื่มกันเรียบร้อย มีเพียงเขาที่ยังคงกำโทรศัพท์ไว้แน่น เพราะข่าวที่เพิ่งได้รับนั้นไม่ดีเลย
 
งานประมูลก่อสร้างอาคารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่นั้น มีม้ามืดชนะการประมูลไป
 
นี่ไม่ใช่โครงการแรกที่เขาประมูลแพ้บริษัทนั่น!
 
เอลฟ่า คอนสตรั๊กชั่น
 
ความพ่ายแพ้ที่ตอกย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หมายถึงรายได้ที่หดหาย และศักดิ์ศรีที่ถูกหยาม
 
‘เอลฟ่า’ บริษัทคู่แข่งที่น่ากลัวมี ชิษณุ เป็นเจ้าของ
 
โลกนี้ช่างเล่นตลกได้อย่างน่าเกลียด
 
สายตาของดิลกจับอยู่ที่โต๊ะของ…เด็ก…คนนั้น
 
“มาออกรอบเหมือนกันหรือคุณชิษณุ” การทักเป็นปรกติตามมารยาทสังคม
 
“ผมมาไดรฟ์เฉยๆ ไม่ได้ออกรอบครับ”
 
“ช่วงนี้ดูคุณน่าจะยุ่ง เห็นว่าจับอยู่หลายโครงการ” ดิลกนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม “ยินดีด้วย งานของคุณเหมือนจะไปได้สวย ทั้งโรงแรม โรงงาน แล้วก็ก่อสร้าง เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามอง ถ้าตอนผมอายุเท่าคุณ แล้วทำได้ถึงขนาดนี้ ผมจะถือว่าผมมาถึงจุดยืนที่สูงสุดในชีวิตแล้ว” คำพูดประโยคนี้ดูมีความหมายนัก
 
“แต่ผมกลับไม่อยากอยู่ที่สูงครับ เพราะยิ่งสูงมันก็จะยิ่งเจ็บเมื่อคราวถึงขาลง”
 
“จริงซินะ” ดิลกฝืนหัวเราะ “อ้อเกือบลืม…ขอแสดงความยินดีด้วยเรื่องที่บริษัทเอลฟ่าของคุณสามารถชนะประมูลโครงการคอนโดนั่นได้”
 
“ผมต้องขอบคุณคุณอามากกว่าที่ออมมือให้” รอยยิ้มเย็นเยือกตกแต่งด้วยหน้ากากทางธุรกิจ “บริษัทของผมจึงแจ้งเกิดได้”
 
“รู้สึกว่าสองสามปีนี้ บริษัทของคุณเริ่มเข้ามาประมูลงานใหญ่แล้วนี่ ที่จริงถ้าไม่เจอพิษฟองสบู่เสียก่อน บริษัทของเราก็อาจได้ร่วมมือกันนะ”
 
“ครับ แต่ผมก็ดีใจที่บริษัทเก่าของคุณพ่อได้ควบรวมกับบริษัทของคุณอา ถ้าไม่มีคุณอา มันอาจจะไม่รุ่งเรือง ใหญ่โตเช่นนี้ ไม่แน่…วันหน้าผมอาจจะขอเอาเอลฟ่าเข้าไปรวมด้วยนะครับ” แววตาระยับทีเล่นทีจริง
 
“ผมจะรอ” บุรุษผู้สูงวัยกว่าหัวเราะเชิงทีเล่นทีจริงเช่นกัน
 
ทว่าดวงตาที่ร่วงโรยตามวัยนั้นจับนิ่งที่อีกฝ่าย บ่งบอกเป็นนัยว่า เขาไม่มีทางที่จะให้วันนั้นมาถึงแน่นอน!
 
 
 
 
รถสปอร์ตคันงามแล่นออกจากสนามกอล์ฟได้พักใหญ่แล้ว แต่ความคิดของชายหนุ่มก็ยังคงไหลแล่น คิดแต่เรื่องงาน คิดแผนการก้าวต่อไปในเกมส์ธุรกิจ
 
“คิ้วขมวดเชียว คิดอะไรอีกแล้ว”
 
เสียงใสจากคนข้างๆ ทำให้ชิษณุคลี่ยิ้ม เขาไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายทันที ทำเพียงละมือจากพวงมาลัยรถยนต์เพื่อกุมมือเล็ก
 
“คิดถึงพริม” คนพูดรู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง “คิดถึงชื่อเสียงของพริม ไม่อยากให้ใครมองว่าผมได้งานเพราะว่าความสัมพันธ์ของเรา”
 
“ก็ไม่ใช่นี่ พริมแค่เกริ่น แนะนำบริษัทของณุให้คุณอา แต่ราคาที่เสนอนั่นก็มาจากคนของณุ ยุติธรรมทุกอย่าง”
 
ทว่าชิษณุรู้ดีอยู่แก่ใจกว่า เป็นเพราะความสนิทสนมกับพริมาและคำแนะนำของเธอ ทำให้เขาได้โครงการนี้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องตัดราคามาก และรับกำไรเห็นๆ เฉดเช่นเดียวกับโครงการใหญ่น้อยของรัฐบาลที่เขาได้มาจนล้นมือ
 
“อย่าพยายามช่วยผมนักเลย ผมห่วงชื่อเสียงของพริม”
 
“พริมรักณุ”
 
ความจริงจากพริมาที่เขาได้ยินจนชิน หากในเวลานี้มันทำให้ชายหนุ่มต้องหักรถเข้าจอดริมทาง ดวงตาจริงจังมองหญิงสาว มือลูบที่แก้มนวล
 
เขาเชื่อในความรักของพริมา เพียงแต่ว่าเขาไม่มีความรักให้เธอ
 
เกือบรักแต่ไม่รัก
 
และต่อให้รัก…แต่ไม่สามารถให้เป็นที่รัก
 
ไม่สามารถเป็นที่สุดของหัวใจได้
 
เขารู้จักพริมาตั้งแต่เมื่อตอนที่เธออยู่ปีหนึ่ง และเขาอยู่ปีสามของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ด้วยความเหงาบวกกับความต้องการใครสักคนของเขาและเธอ ทำให้ความสัมพันธ์กลายสภาพเป็นมากกว่าเพื่อน
 
แต่ได้คบกันเฉดเช่นนั้นไม่นาน ชิษณุก็รู้ว่า เรา คงไปไม่รอด
 
พริมาเป็นคุณหนูมาจากครอบครัวที่มีฐานะและอิทธิพล เธอถูกตามใจจากทุกคนและคาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป  
 
พริมาเรียนน้อย เน้นหนักเรื่องเที่ยวและการใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ส่วนเขาเองก็ไม่คิดจะรักใครอีกแล้ว
 
ไม่คิดจะรักใครมากกว่าความแค้นและเป้าหมายที่วางไว้
 
ความอาฆาตแค้นบังคับให้เขาเลือกที่จะรักตัวเอง เพราะรู้ดีว่าความรักที่มีให้คนอื่นมันอาจจะทำให้ใจเขา…อ่อน
 
อ่อนโยน…อ่อนแอ
 
เช่นใจของพริมาที่…อ่อน ให้เขาเสมอ
 
ตัดเขาไม่ขาดเสียที
 
“พริมเคยรักณุมากแค่ไหน ก็ยังคงรักเหมือนเดิม” เสียงที่ทอดละมุนบ่งบอกถึงความรู้สึกในหัวใจ หญิงสาวไล่นิ้วลูบไล้แนวคางของเขา
 
“พริมมีทางเลือก…ว่าจะเป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ ถ้าพริมยังทนต่อไปได้ หรือยุติมันเสียที ผมไม่อยากให้พริมต้องผิดหวังและเสียเวลาอยู่อย่างนี้ อย่าให้คนที่ไม่มีหัวใจเช่นผมทำให้พริมไม่มีความสุขเลย”  
 
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พริมาได้ยินคำพูดแบบนี้จากเขา  และไม่ใช่ครั้งแรกที่อ้อมแขนของเขารัดเธอแน่นด้วยความรู้สึก…อาทร
 
ทว่าเธอเฝ้าวิงวอนว่าสักวันอ้อมแขนนี้จะถ่ายทอดความรักที่มาจากหัวใจ
 
รักเดียว…รักที่มั่นคง ไม่ใช่เพียงแค่แสดงความอาทรและเห็นใจ
 
แต่หญิงสาวรู้ดี หัวใจของชิษณุไม่มีความรัก หัวใจของเขามีแต่ความชิงชังและความแค้นที่รอวันเอาคืนเท่านั้น
 
 
 
===========================================================
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
 
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
 
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
 
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
 
 
[1] จากบทละครเรื่อง “อิเหนา” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย






 


Create Date : 19 กันยายน 2562
Last Update : 19 กันยายน 2562 20:19:51 น. 0 comments
Counter : 698 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.