Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 16) โดย มานัส


บทที่ 16

ร้านอาหารสไตล์ยุโรปแห่งนี้ถึงแม้จะเป็นที่นิยมผู้คนในสังคม แต่อรทัยก็เชื่อว่าไม่น่าที่จะ นิยม ถึงขนาดเป็นศูนย์กลางให้เธอได้มาเจอคนที่รู้จักถึงสองคนโดยบังเอิญในวันนี้
 
คนแรกที่พบนั้นสวนออกไปตอนที่เธอกำลังเดินเข้ามา เขาเป็นคนที่เธอรังเกียจอย่างยิ่งยวด
 
“ว่าไงอร” ดวงหน้าผยองของเทวัญไม่น่ามองเอาเสียเลย “ท่าจะสุขสบายซินะ ได้ข่าวว่าเป็นใหญ่เป็นโตนี่”
 
“ข่าวผิดมังค่ะ อรก็ยังเป็นของอรนี่แหละค่ะ เจียมเนื้อเจียมตัว”
 
“ก็ดี แต่หัดคิดบ้างนะว่าคนที่รวยคือไอ้ณุ เวลาทำงานให้มันงกๆๆ น่ะ อย่าลืมคิดถึงข้อนี้ อย่ามัวแต่เป็นแต่ขี้ข้าให้มันจิกใช้…”
 
อรทัยจำได้ว่าเธอยกมือไหว้ลาลวกๆ แล้วรีบเดินเข้ามาในร้าน นึกดีใจที่บุรุษที่เธอนัดไว้นั้นยังมาไม่ถึง เพราะแม้ว่าเขาคนนั้นจะใจเย็นอย่างไรแต่ก็ไม่สามารถ ‘ทน’ กับคนที่เธอเพิ่งไหว้ลาด้วยกิริยาไม่งามคนนั้นได้
 
และเมื่อลงนั่งที่โต๊ะแล้ว อีกคนที่เดินเข้ามาทักทำให้หญิงสาวต้องนึกเพียงครู่
 
“สวัสดีค่ะพี่อร…แป้งไงคะ พี่อรจำได้ไหม” คำแนะนำนั้นเป็นไปทันที
 
“อ๋อ” คราวนี้อรทัยยิ้มกว้าง “แป้งที่เป็นเพื่อนมนต์ใช่ไหมจ๊ะ”
 
“ใช่ค่ะ” ปิยะรัตน์พยักหน้า
 
“ไม่ได้เจอแป้งหลายปี ตั้งแต่ที่มนต์ไปเรียนแลกเปลี่ยนตอนปีสามแล้วแป้งกับเพื่อนๆ ก็ตามไปเยี่ยมกัน ว่าแต่มนต์มาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ”
 
“เออ…” สีหน้าของปิยะรัตน์เปลี่ยนไป “แป้งไม่ได้เจอมนต์เลยค่ะ”
 
ข่าวการหายตัวของมณิกานต์เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นถูกปิด มีเพียงไม่กี่คนที่รู้
 
“เห็นว่ากลับมาจากเมืองนอกแล้วนี่ เมื่อเดือนก่อนโน้นพี่อธิป…ยังเจอเจอมนต์เลย”
 
“ค่ะ”
 
ท่าทางของปิยะรัตน์…ผิดปรกติจนอรทัยสังเกตได้
 
‘ดูคนอย่าดูเพียงเปลือกนอก ต้องดูให้ลึก ให้รอบคอบ สังเกตท่าที กิริยา พิจารณาแววตา น้ำเสียง และคำพูด’ นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นเจ้านายเช่นชิษณุมักเตือน
 
“เอาอย่างนี้นะจ๊ะ พี่ให้ไลน์และเบอร์ติดต่อของพี่ไว้กับแป้งก็แล้วกัน มีอะไรก็ติดต่อหาพี่ได้ ยังไงก็ฝากให้แป้งบอกมนต์ด้วยนะว่าพี่คิดถึง”
 
สองสาวแลกเบอร์ แลกไลน์ แล้วสนทนากันอีกครู่ก่อนปิยะรัตน์จะขอตัวกลับไปที่โต๊ะ ปล่อยให้อรทัยอยู่กับความทรงจำจากอดีต
 
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน รู้สึกว่าเพิ่งไม่กี่ปีมานี่เองที่เจอมณิกานต์ ผู้ซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศไทย พร้อมด้วยเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมมิได้ขาด ทำให้คนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเช่นอรทัยพลอยสนุกไปกับกลุ่มรุ่นน้อง
 
มาตอนนี้เวลาสุขและสนุกของวัยเรียนหมดไปนานแล้ว เหลือเพียงภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบของหน้าที่การงาน
 
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทว่าความคิดทั้งหมดจางหายไปเมื่อเห็นชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา อรทัยส่งยิ้มหวานแกมสงสาร
 
ดูแล้วเขาเหนื่อยกว่าเธออีก จนหญิงสาวต้องแซว
 
“พี่นินทร์เข้าเฝ้านานจังนะคะวันนี้…”
 

 
เสียงโทรศัพท์มือถือทำให้เทวัญก้มดู เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาจึงรับสายพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
 
“ว่าไง…ตัดสินใจได้หรือยัง”
 
“คำตอบขึ้นอยู่กับค่าตอบแทนที่ผมจะได้ และต้องเป็นค่าตอบแทนที่งามพอตัวสำหรับการช่วยคุณ…” เสียงจากอีกสายเต็มไปด้วยชั้นเชิง “สำหรับการหักหลังเจ้านายของผม”
 
“มันก็มาลงที่ไอ้เรื่องนี้แหละ” เทวัญกระแทกเสียงดูแคลน “อยากได้เท่าไหร่”
 
“สิบล้านบาทต้องเข้าบัญชีภายในวันพรุ่งนี้ และภายในสองวันคุณต้องทำสัญญาเป็นเขียนให้ชัดเจนเพื่อรับประกันว่าเมื่อคุณได้อำนาจควบคุมและเข้าไปบริหารงานแทนคุณชิษณุแล้ว คุณจะยกตำแหน่งกรรมการบริษัทให้ผม พร้อมทั้งโอนเงินให้ผม…ค่าปรึกษาอีกสามสิบล้านบาท”
 
“สี่สิบล้าน ไม่มากไปหน่อยเหรอ”
 
“เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ผมต้องเจอในการหักหลังคุณชิษณุ และผลตอบแทนที่คุณจะได้รับเมื่อคุณกุมทุกอย่างแล้ว…มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ” ผู้ที่อยู่ปลายสายนิ่งไปครู่ก่อนที่จะเอ่ยอย่างรู้เท่าทัน “คุณไม่มีทางเลือกนะคุณเทวัญ หนอนตัวนี้ราคาแพงเสียด้วยซิ”
 
“ผมจะเจอคุณได้ไง” น้ำเสียงบอกความจำใจมากกว่าพอใจ “อยากคุยรายละเอียด”
 
“โอนเงินมาให้ก่อน ตามเลขบัญชีนี้” เขาบอกหมายเลขและข้อมูลบัญชี “แล้วผมจะแจ้งคุณไปอีกที ไม่ต้องห่วง ผมไปเจอคุณแน่…งานใหญ่แบบนี้ ไม่เจอผู้ว่าจ้างก็ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับผม”
 
นั่นทำให้เทวัญถอนหายใจด้วยความกังวลและลังเล หลังวางสายแล้ว
 
การลงทุนครั้งนี้…หนัก แต่ถ้าอยากชนะมันก็ต้องเสี่ยง การเดิมพันครั้งนี้เขาพร้อมทุ่มสุดตัว เพราะในเมื่อเข้าทางพริมานั้นลำบากเหลือเกิน ยิ่งตอนนี้มีบอดี้การ์ดตามอารักขาพริมาทุกฝีก้าว ไม่เปิดทางให้เขาเข้าประชิดตัวได้อีก
 
ชิษณุมีมนต์มัดใจพริมา แต่ไร้สิ้นมนต์ขลังที่จะมัดใจลูกน้องของตัวเอง
 
เงินเท่านั้นคือพระเจ้า…ไม่ใช่ชิษณุ
 
เงินซื้อคน ซื้อใจ ซื้อทุกอย่าง
 
และเงินจะซื้อโอกาสให้เขาก้าวขึ้นมาอยู่เหนือศัตรู!
 
 

อาการลุกลี้ลุกลน ผลุบนั่งผลุบยืนของหญิงสาวย่อมเป็นเป้าสายตาของหลายคนในล็อบบี้โรงแรม และเมื่ออดรนทนไม่ได้ ธิดาจึงเรียกพนักงานที่กำลังบริการลูกค้าโต๊ะข้างๆ
 
“ไปถามหน่อยซิว่าพี่ณุจะกลับมาเมื่อไหร่ มีใครรู้บ้างไหมเนี่ย”
 
“คือ…” คนที่ถูกสั่งลังเล เพราะเรื่องนี้นอกเหนือจากภาระหน้าที่ตามตำแหน่งและที่สำคัญ…มันเรื่องของเจ้านาย
 
“คือ…คืออยู่นั่นแหละ!” ธิดากระแทกเสียงตวาด “ฉันจะฟ้องพี่ณุให้ไล่แกออก    โง่นัก ไม่ได้เรื่อง”
 
หญิงสาวมองไปยังบริเวณโถงลิฟต์ อยากจะเดินไปตรงนั้นอีกครั้ง แต่…กี่ครั้งแล้วที่เธอพยายามจะเข้าไปในลิฟต์
 
กี่ครั้งแล้วที่เธอโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันออกมา
 
พลันธิดาชะงักเมื่อเห็น…ผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาภายในโรงแรม
 
ภาพข่าวของชิษณุที่เธอเห็นอยู่บ่อยครั้ง มักจะมีสตรีผู้นี้เคียงข้าง ธิดามองไม่ละสายตา เห็นว่าคนๆ นั้นตรงไปยังโถงลิฟต์ โดยพนักงานที่ประจำอยู่กดเรียกลิฟต์ให้อย่างรู้หน้าที่
 
“หนอย…” หญิงสาวอุทาน ลุกขึ้นสาวเท้าตามไป
 
“จะไปไหนครับ” พนักงานที่ประจำอยู่หน้าลิฟต์ถามอย่างสุภาพ ถึงแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว
 
“ฉันจะขึ้นไปข้างบน” ธิดาจัดแจงกดเรียกลิฟต์เอง
 
“เชิญรอข้างล่างดีกว่าครับ คุณชิษณุยังไม่กลับเข้ามา”
 
“นี่…” หญิงสาวเท้าเอวมองเอาเรื่อง “มันธุระอะไรของแก! มายุ่งอะไร ฉันจะรอตรงไหนมันก็เรื่องของฉัน รู้มั๊ยฉันเป็นใคร ฉันจะฟ้องพี่ณุ ฟ้องคุณยาย”
 
ธิดารีบก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยสารทันทีที่ประตูเปิดออก เธอจึงไม่เห็นการแจ้งผ่านวิทยุสื่อสารของพนักงานรักษาความปลอดภัย
 
และเมื่อขึ้นมาข้างบนชั้นพิเศษที่จัดเป็นห้องพักของชิษณุ หญิงสาวจึงพบว่ามีเจ้าหน้าที่อีกสามคนยืนรออยู่แล้ว
 
“ไม่มีคำสั่งจากนาย ผมให้คุณเข้ามาไม่ได้ครับ เชิญลงไปข้างล่างครับ”
 
“พวกแกทำเกินไปแล้ว!” เสียงตวาดดัง ธิดาก้าวฉับไปยังประตูกระจกที่กั้นบริเวณโถงลิฟต์และส่วนที่พัก “รู้ไหมฉันเป็นใคร ป้าสะใภ้ของฉันเป็นลูกสาวคนโตของคุณหญิงกรองแก้ว เจ้าของโรงแรมนี้ แกรู้ไว้ด้วย! และที่สำคัญ ฉันเป็นแฟนพี่ณุ” เธอสาวเท้าฉับไปเปิดประตูกระจก หากพบว่าไม่สามารถเปิดได้เพราะไม่มีบัตรคีย์การ์ด “เปิดประตูเดี๋ยวนี้! นี่เป็นคำสั่ง”
 
“ขอโทษครับ พวกผมไม่สามารถทำให้ได้ เชิญคุณไปรอด้านล่าง”
 
“ผู้หญิงที่ขึ้นมาเมื่อกี้ยังเข้าไปได้ พวกแกเห็นฉันเป็นอะไร”
 
“เชิญคุณลงไปรอข้างล่างครับ” คนที่ทำหน้าที่ ‘กัน’ ต้องทวนประโยคเดิมอย่างใจเย็น
 
“ไม่ไป! คอยดูนะฉันจะฟ้องพี่ณุ ฟ้องคุณป้าให้จัดการพวกแก” 
 
“อะไรกัน…” เสียงของหญิงสาวที่เปิดประตูกระจกจากด้านใน ทำให้เสียงเอะอะเงียบไป  
 
“ฉันมารอพี่ณุ”
 
“อย่ารอเลย” รอยยิ้มของพริมาประกาศชัยชนะ สายตาที่มองอีกฝ่ายดูแคลน  “อีกนานกว่าณุจะกลับ”
 
“เธอจะรู้อะไร”
 
“ต้องรู้ซิ” พริมากดลิฟต์อย่างใจเย็นพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ “เพราะณุเพิ่งโทรฯ มาขอให้ฉันออกไปกินข้าวข้างนอก แทนที่จะเดทกันข้างบนนี้ตามแผนเดิม”
 
“มือถือของพี่ณุติดต่อไม่ได้ เธอจะคุยกับเขาได้ไง” เสียงนั้นแผดดัง
 
“ความสำคัญต่างกัน กับเธอ…เขาคงตั้งใจไม่รับสาย ทางที่ดีเธอกลับไปเถอะ อย่ามาสร้างความลำบากใจให้คนแถวนี้เลย”
 
ว่าแล้วพริมาก็ก้าวเข้าลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออก โดยไม่วายฉายรอยยิ้มแห่งชัยชนะให้อีกฝ่าย
 

 
มือที่เตรียมเคาะประตูห้องชะงักเมื่อเสียงจากหีบเพลงแว่วมา มันเป็นเสียงที่เขาได้ยินเป็นประจำตั้งแต่วันที่มณิกานต์หิ้วมันกลับมาอย่างทะนุถนอมจาก ‘บ้านซ่องโจร’
 
‘แปลกนะคะพี่หมอ’ รอยยิ้มหวานจับปลายอ่อนโยน หลังจากที่รถยนต์เคลื่อนออกจากประตูรั้วของอาณาเขตกว้างเมื่อหลายวันก่อน ‘มนต์เคยมีหีบเพลงอันหนึ่งที่ได้มานานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ไปอยู่อเมริกากับคุณแม่และคุณลุง แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ใช้มัน มนต์ก็เลยเอาไปให้แป้งประมูลในงานการกุศล แต่ตอนนี้มันก็กลับมาอยู่กับมนต์อีกครั้ง’
 
‘ของที่เป็นของเรา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องเป็นของเรา’
 
‘คงจริงอย่างที่พี่หมอว่าค่ะ’ มณิกานต์กอดถุงนั้นไว้แน่นตลอดทาง ‘แต่ที่แปลกไปกว่านั้น พี่หมอเชื่อไหมว่า คนที่ให้ในทั้งสองครั้งเป็นคนๆ เดียวกัน เพียงแต่ต่างเวลาต่างสถานที่เท่านั้น’
 
คราวนี้ชนินทร์หันมองอีกฝ่าย…ครุ่นคิดและเป็นกังวล เพราะเขาไม่อยากเชื่อ
 
คนอย่างชิษณุสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่องาน…เพื่อ…การชำระหนี้แค้น
 
สามารถทำให้ความเป็นไปไม่ได้นั้นเป็นไปได้
 
จริงเป็นเท็จ…เท็จเป็นจริง
 
หัวใจของชิษณุมิได้มีไว้เพื่อรัก
 
ทว่าหัวใจของคนที่เคยบอบช้ำเพราะการทรยศเช่นมณิกานต์ก็มิได้มีไว้เพื่อเจ็บอีกครั้ง
 
ในตอนนั้น ชนินทร์ได้แต่ถอนหายใจ เปรยความเป็นจริงที่เขารับรู้
 
‘รู้สึกว่าคุณมนต์จะลดอคติที่มีกับใครบางคนเสียแล้วซิ’
 
ชายหนุ่มจำได้ว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ จะมีก็แค่รอยยิ้มกับแววตาคล้ายรำลึกถึงใครบางคนอย่างมีความสุข ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ใครสักคนนั้นย่อมคงอยู่ ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานั้น คนๆ นั้นจะไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็ตาม
 
และอีกหลายวันต่อมาจนถึงวันนี้ เขาก็ยังได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากหีบเพลงนั่น หากเมื่อเห็นหน้าเจ้าของ ชนินทร์จึงพบว่ารอยยิ้มที่มักเป็นประกาย บัดนี้แลดูเจือจาง
 
“วันนี้พี่หมอเข้ากรุงเทพฯ ใช่ไหมคะ” คำถามจากหญิงสาวที่นั่งอีกฝั่งโต๊ะกินข้าวทำให้ชนินทร์พยักหน้า “เข้าบ่อยจังนะคะช่วงนี้”
 
เมื่อก่อนคุณหมอหนุ่มจะเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพฯ สัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์ครั้ง แต่ระยะหลังเขาเริ่มเข้าไปถี่ขึ้น  
 
“ครับ วันนี้อาจกลับมาดึกหน่อย”
 
“คนใกล้แต่งงานก็มักยุ่งอย่างนี้” หญิงสาวหรี่ตาล้อ
 
“ไม่ใกล้เท่าไหร่หรอก อีกพักใหญ่แน่ะ ว่าแต่คุณมนต์ไม่ไปที่บ้านโน้นจริงๆ เหรอ”
 
เป็นที่รู้กันว่า ‘บ้านโน้น’ หมายถึงที่ไหน
 
“ไม่ล่ะค่ะ ไปทีไรรู้สึกว่าไปเป็นภาระให้ป้าโฉมทุกที”
 
“ป้าแกไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก คุณมนต์คิดมากไปเอง” ชนินทร์มองประหนึ่งดุจพี่ชายมองน้องสาวหัวรั้น “หรือว่าคิดถึงใครหรือเปล่า จึงไม่อยากไป”
 
คราวนี้อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “โธ่…จะคิดถึงใครได้ล่ะคะ พี่หมอก็”
 
“เอาเถอะ ถ้าได้เจอเขาคนนั้น ผมจะบอกให้เขารีบกลับมาก็แล้วกัน” ชนินทร์รู้เท่าทัน “แต่ไม่รู้ว่าจะได้เจอหรือเปล่านะ รายนั้นงานเขาเยอะ”
 
“ช่างเขาเถอะค่า”
 
งานราษฎร์และงานหลวงของชิษณุนั้นมีมากมาย…ทำไมเธอจะไม่เห็นข่าวสังคมที่ลงรูปเขาโดยมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนเคียงข้าง…ยัยพริก!
 
มณิกานต์นิ่งไป ใช้ความคิดเพราะ…หลายเรื่อง จนเธอตัดสินใจถาม “พี่หมอคะ มันถึงเวลาหรือยังที่มนต์ควรต้อง…กลับ”
 
“คำตอบนี้คุณมนต์น่าจะรู้ดีกว่าผม” ชนินทร์นิ่งไปเพียงครู่ “แต่แน่ใจแล้วหรือว่าพร้อมแล้ว”
 
และแววตาลังเลของมณิกานต์ย่อมเป็นคำตอบ ทว่าความไม่พร้อมมิใช่เพราะเรื่อง ‘เก่า’ ที่พาเธอหลบหนีมาถึงที่นี่
 
ในเวลานี้ ถ้าไม่พร้อม ก็เพราะเรื่องใหม่
 
บ่วง…ใยที่กำลังรัดแน่นขึ้น
 
‘คุณณุใช้เสน่ห์แบบผิดๆ’ ชนินทร์ได้แต่ค่อนในใจบ่อยครั้ง
 
หากไม่มีสักครั้งที่เขากล้าพูดต่อหน้าชิษณุ ไม่ว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเคยเกิดขึ้นมากี่ครั้งแล้วก็ตาม
 
เพราะบาดแผลและความอาฆาตแค้นมันมากล้น ฝังลึกในหัวใจ ยามหลับฤาตื่นก็ยังมีแต่บ่วงแค้นไม่เว้นวาย
 
 

ร่างสูงในสูทสีเข้มเดินเข้ามาในห้องรับรองของออฟฟิศส่วนตัว รอยยิ้มที่ฉายให้ผู้ที่นั่งรอนั้นเปี่ยมด้วยความเป็นมิตรและจริงใจที่แท้จริง…มิใช่เพราะหน้ากาก
 
“ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่นินทร์ต้องรอ เดี๋ยวอรก็ประชุมเสร็จแล้วครับ”
 
“ไม่เป็นไรครับ ผมทราบว่าอรเขางานยุ่ง” ชนินทร์บอกอย่างเข้าใจ
 
อรทัยเป็นเด็กปั้นของชิษณุ เธอเก่ง แกร่ง และขยัน บ้างาน…ไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย
 
“คงจะแค่ช่วงนี้ที่หนักหน่อย” ชิษณุทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟารับรอง เอนหลังไขว่ห้างสบาย “พี่นินทร์มาก็ดี ผมมีเอกสารที่อยากให้พี่นินทร์ช่วยเซ็นครับ”
 
ชิษณุกดโทรศัพท์ภายในไปยังเลขาฯ ที่ใช้เวลาไม่นานในการนำเอกสารที่ต้องการเข้ามา และแทนที่จะลงมือเซ็นทันทีอย่างเช่นเคย คุณหมอหนุ่มกลับอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง พยายามเข้าใจทุกประโยคของการเข้าไปเป็นผู้ทำธุรกรรมทางหลักทรัพย์ของ…หุ้นตัวนั้น!
 
“ผมขอคุยกับคุณณุสักครู่ได้ไหมครับ”
 
คราวนี้บุรุษในสูทสีเข้มมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
 
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชนินทร์จะแสดงทีท่าเช่นนี้ สิ่งที่ชิษณุอยากให้ทำ คุณหมอหนุ่มจะทำตามเสมอโดยไม่มีคำถามหรือความลังเล
 
“เดี๋ยวผมเอาเอกสารไปให้เอง” เขาหันไปบอกผู้เป็นเลขาฯ ที่เดินออกไปอย่างรู้หน้าที่
 
แววตาคมราวจิ้งจอกร้ายมองผู้ที่เปรียบเสมือนพี่ชายอย่างพิจารณา มิยอมให้ทุกอริยาบทของอีกฝ่ายคลาดสายตา
 
“ผมรอฟังอยู่ครับ” ใบหน้านั้นยังคงมีรอยยิ้ม…หน้ากาก
 
หากชนินทร์รู้…รอยยิ้มระคนสงสัยนั่นเป็นของคนขี้ระแวง เขาจึงต้องไตร่ตรองและเรียบเรียงคำพูดก่อนจะเอ่ยช้าๆ
 
“คุณณุแน่ใจแล้วหรือเรื่องการช้อนเก็บหุ้นของบริษัทนี้”
 
บริษัทนี้…บริษัทของดิลกที่โตมาจากการ…ล้ม ของชิษณุ
 
“พี่นินทร์กำลังไม่ไว้ใจการตัดสินใจและการทำงานของผม?” นั่นเป็นคำแปลของจากคำถามที่ถูกยิงใส่ 
 
“คุณณุก็ทราบดีว่าผมเคารพการตัดสินใจของคุณณุเสมอ ที่ผ่านมาผมไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการทำงานของคุณณุ ผมพอใจในหน้าที่และฐานะของผู้ช่วยเหลือคุณณุ ผมเพียงแต่ไม่ทราบว่าคุณณุกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ ผมหวังว่าคุณณุจะเข้าใจว่าการกระทำของคุณณุนั้นอาจส่งผลกระทบถึงใครบางคนที่เขาไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีความผิดใดๆ เลย”
 
“ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไร รู้ถึงผลพลอยได้และผลกระทบของการทำงานของผม  ตัวเลขทุกตัวผมดีดออกมาแล้ว”
 
“สำหรับคุณณุ?”
 
“สำหรับงาน”
 
“งานของคุณณุสำคัญเสมอ มาก่อนทุกอย่างเสมอ”
 
“คนที่เคยทำร้ายผม มันต้องชดใช้” นั่นคือคำยืนยันที่หนักแน่น
 
“ครับ” ชนินทร์เซ็นเอกสารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นเอกสารชุดนั้นให้ผู้ที่นั่งเอนหลังไขว่ห้างราวไม่ทุกข์ร้อนใดๆ “ผมอยากให้คุณณุทราบไว้นะครับว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาชีวิตอันใหญ่หลวง คงจะเสียใจมากถ้ารู้ความจริงว่าเธอคือหมากตัวหนึ่งในกระดานที่รอให้คุณณุจับเดินอย่างเลือดเย็นเท่านั้น”
 
“ไม่ใช่ปัญหาของผม”
 
“ครับ” ชนินทร์ประสานตากับอีกฝ่าย “ปัญหาของคุณณุคือการแก้แค้นที่ยังไม่สำเร็จ”
 
“มันเป็นหน้าที่ ไม่ใช่ปัญหา”
 
“แล้วคุณณุแน่ใจเหรอครับว่า เมื่อทำหน้าที่สำเร็จแล้ว คุณณุจะมีความสุข”
 
“แล้วพี่นินทร์คิดว่าอย่างไร”
 
“ผมช่วยคุณณุได้ทุกอย่างครับ แต่ผมไม่อยากมีส่วนในการทำร้ายจิตใจของผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่เจ็บช้ำมามากพอแล้วจากคนที่เธอรัก” ชนินทร์เน้นทุกถ้อยคำราวต้องการให้อีกฝ่ายได้ยินให้ชัดเจน “เธอไม่มีความผิดอะไร ไม่รู้เรื่องความรักความแค้นของใคร และเธอมีหัวใจของคนที่มีเลือดเนื้อมีความรู้สึก…หัวใจคนนะครับคุณณุ หัวใจของผู้หญิงคนหนึ่ง…ไม่ใช่หมากในกระดาน”
 
คราวนี้ชิษณุกลั้วหัวเราะ “ผมแค่ต้องการสิ่งที่เคยเป็นของผมคืน ไม่ได้อยากทำร้ายใคร ถ้าใครคนนั้นไม่ทำผมก่อน พี่นินทร์จะสงสารใครก็ตามแต่ ผมไม่สน แต่อย่าทำให้การทำงานของผมมีปัญหา”
 
แววตาเย็นชาแฝงความหมายไว้อย่างดี ชนินทร์รู้ว่าประโยคหลังนั้นเตือนเขาด้วย
 
การทรยศ…เป็นสิ่งที่ชิษณุรังเกียจที่สุด
 
คนทรยศ…ไม่เคยได้รับการอภัย
 
หน้าที่ของเขาคือช่วยเหลือและดูแลชิษณุ
 
‘นินทร์อย่าทิ้งน้องนะ น้องมีตัวคนเดียว ต้องช่วยดูแลน้องแทนพ่อด้วย’ ลมหายใจสุดท้ายของบิดายังไม่วายห่วงลูกชายคนเดียวของผู้เป็นนายที่ล่วงลับไปนานแล้ว
 
‘น้องน่าสงสารนะนินนท์…ต้องช่วยน้อง!’
 
ชนินทร์ไม่เคยทิ้ง ‘น้อง’
 
หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดทรยศหรือทำอะไรที่ขัดต่อความต้องการของชิษณุ  แม้ว่ามันจะขัดต่อจิตสำนึกของเขาก็ตาม
 
หน้าที่ของเขาคือ…ทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
 
ช่วยเหลืออย่างเต็มที่…แม้ไม่เต็มใจนัก
 
‘มันทำกับคุณณุอย่างกับไม่ใช่ลูกใช่หลาน ถึงกับจะฆ่ากันให้ตาย หัวใจมันทำด้วยอะไรกัน’
 
ใช่…หัวใจ…ทำด้วยอะไร!
 
“ผู้หญิงดีๆ สักคนไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ นะครับ คนที่ทำให้เรามีความสุขไม่ได้ผ่านมาบ่อยครั้งในชีวิต ถ้าคุณณุเจอ ผมอยากให้คุณณุคว้าเอาไว้ เพราะผมไม่อยากให้คุณณุต้องเสียความสุขตรงนั้นไป”
 
ความห่วงในฐานะพี่นั้นยังมีอย่างล้นปรี่
 
ความหวังดีที่ชนินทร์มีต่อทุกคนนั้นท่วมท้น โดยเพราะกับบุรุษในสูทสีเข้มที่นั่งหน้านิ่ง เก็บทุกความรู้สึก
 
และแล้วความเงียบภายในห้องก็ถูกทำงายด้วยเสียงเคาะประตู ที่เปิดออกทันทีเมื่อผู้เป็นเจ้าของสถานที่อนุญาต
 
“ณุ จะไปหรือยัง…” เสียงใสบอกความดีใจเช่นทุกครั้งที่อยู่กับผู้เป็นที่รัก โดยที่เจ้าตัวไม่วายหันมาทักแขกที่นั่งอยู่ด้วย “อ้อ…พี่นินทร์ ไม่เจอกันตั้งนาน มารออรเหรอคะ”
 
“ครับ…สวัสดีครับคุณพริม”
 
“นี่ไงครับพี่นินทร์” ชิษณุลุกขึ้น เอื้อมมือไปหาหญิงสาวที่เดินเข้ามาสู่อ้อมกอด “ผู้หญิงดีๆ คนนั้นที่เข้ามาในชีวิตของผม”
 
“ครับ…” ชนินทร์พยักหน้า “ผมหวังว่าคุณณุจะไม่ลืมว่ามีใครอีกคนรอคุณณุอยู่ที่บ้านนะครับ”
 
“ใครหรือคะ” พริมาอดไม่ได้ที่จะถาม
 
“ป้าโฉมบ่นถึงผมอีกตามเคย” สายตาเยือกเย็นไร้แววยิ้มเช่นมุมปาก กำลังจับยังผู้ที่เป็นดั่งพี่ชาย “เอาไว้ผมว่างๆ แล้วค่อยกลับไปก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อนนะครับพี่นินทร์”
 
ชนินทร์มองตามร่างของชายหนุ่มในสูทสีเข้มที่ไม่ลืมหยิบเอกสารสำคัญนั้นไปด้วย
 
ใช่…เขาแอบหวังลึกๆ ว่ามณิกานต์จะลดความแข็งกร้าวของชิษณุได้
 
ลดแรงอาฆาต ลดความชิงชังในหัวใจ
 
หรือเขาคาดคะเนผิดไป เพราะหญิงสาวผู้นั้นก็อาจเป็นหมากในกระดานที่ชิษณุใช้ในการเดิมพัน
 
จิ้งจอกร้ายอย่างชิษณุไม่เคยปล่อยเหยื่อคนไหนให้หลุดมือ ก่อนที่เขาจะรีดประโยชน์ในทุกลมหายใจ
 
 
 
===========================================================
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
 
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
 
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
 
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====


 


Create Date : 24 ธันวาคม 2562
Last Update : 24 ธันวาคม 2562 17:04:40 น. 0 comments
Counter : 638 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.