Group Blog
 
<<
กันยายน 2563
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 กันยายน 2563
 
All Blogs
 
คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 30) โดย มานัส

บทที่ 30

ร่างระหงยืนนิ่งอยู่ปลายเตียงผู้ป่วย ดวงตาที่มักเป็นประกายสดใสเวลาที่มองเขา บัดนี้มีแต่รอยแข็งกร้าวเพราะความผิดหวังสุดหัวใจ
 
“ที่คุณพริมาพูด…” แต่ละคำสะกดออกมาช้าๆ “มันจริงใช่ไหม”
 
หากคนที่ถูกถามนิ่งเงียบ หลับตาเอนศีรษะลง
 
“ตอบซิ คุณชิษณุ!” เสียงสะทกสะท้าน ทว่าความเงียบจากคนที่อยู่บนเตียงไม่ต่างอะไรกับการยอมรับ “ฉันน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าคนอย่างคุณต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร คุณรู้ว่าฉันชอบ ไม่ชอบอะไร คุณใช้ข้อมูลที่คุณสืบมาทำให้ฉันตายใจ” น้ำเสียงกระแทกบ่งบอกถึงความผิดหวัง “คุณหลอกฉัน…”
 
“ไม่มีญาติคนไหนของพี่นินทร์ที่ผมไม่รู้จัก”  
 
“คุณเห็นฉันเป็นเครื่องมือของคุณ…” เสียงสะอื้นร้าวราญ หญิงสาวอ่อนแรงทั้งตัวและหัวใจ “เพื่อให้คุณทำร้ายคุณพ่อ”
 
“ถ้ามีทางเลือกอื่น ผมจะเลือกที่ไม่ทำร้ายใครโดยเฉพาะคุณ มนต์จ๋า…คุณไม่ใช่เครื่องมือของใครทั้งนั้น”
 
“คำพูดของคุณสวยงามเสมอ แต่จิตใจของคุณมันน่ากลัวเหลือเกิน”
 
“ผมเคยบอกแล้วไงว่ามีบางสิ่งที่เพราะหน้าที่บังคับ ผมจึงต้องทำ แต่ผมไม่เคยต้องการจะทำให้มนต์จ๋าของผมเสียใจเลย”
 
“หน้าที่? หน้าที่ของคุณ มันสำคัญมาก สำคัญมากกว่าฉัน สำคัญพอที่จะให้คุณทำร้ายแม้กระทั่งญาติๆ ของคุณ และทำร้ายพ่อของฉัน! หน้าที่…ที่ทำให้คุณต้อง…ต้องนอนกับฉัน ใช่ไหมคุณชิษณุ! คุณตอบซิ ตอบ!”
 
หัวใจที่กำลังสลายเป็นผงธุลียอมรับอย่างเจ็บช้ำว่า เธอเป็นเครื่องมือของเขาไม่ต่างจากพริมาหรือใครคนอื่นเลย
 
คนๆ นี้ไร้หัวใจ ผู้ชายคนนี้น่ากลัว เธอน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว แต่ความรัก ที่รักจนหลงทำให้…ตาบอด
 
ความรักทำให้เธออยู่ที่นี่ต่อ…เพียงเพื่อได้ใกล้เขา
 
ความรักทำให้ไม่เคยคำนึงถึงการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างเขากับบิดาของเธอ
 
ความรักทำให้เธอมิอยาก…กลับ เพียงเพราะกลัวว่าเขาอาจผิดหวังหากเป็นเธอเป็นเหมือนบรรดาผู้หญิงในแวดวงที่เขาคุ้นเคย
 
หากตอนนี้…เขาทำให้เธอผิดหวัง!
 
“เพื่อให้คุณเย้ยพ่อของฉันว่าคุณได้ทั้งบริษัทได้ทั้งตัวของฉันไปแล้ว ใช่ไหม!”
 
หากคนที่ถูกคาดคั้นกลับนิ่งเงียบไป เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย
 
“ทำไมไม่ตอบ!” คำถามมีแต่ความร้าวราญ
 
“ในตอนนี้ คุณเป็นสิ่งเดียวที่มีความสำคัญกับผมที่สุด…เชื่อผมนะมนต์จ๋า”
 
“ฉันไม่เชื่อคุณอีกแล้ว!” น้ำเสียงสั่นเครือสวนทันที นิ้วเรียวปาดน้ำตาของตนเองอย่างรวดเร็ว
 
“คุณต้องเชื่อ…และต้องรู้ว่าหลายวันมานี้ผมพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
 
“สำหรับคุณเองเสียมากกว่า”
 
“ผมรู้ว่าสักวัน วันนี้ต้องมาถึง เพียงแต่ผมไม่สามารถเดาได้ว่าหลังจากวันนี้แล้ว มันจะเป็นเช่นไร เรา…จะเป็นอย่างไร” เขาหายใจเข้าลึก ก่อนจะผ่อนออกเพื่อซื้อเวลารวบรวมคำพูด “ทุกครั้งที่คุณมาเยี่ยม ผมต้องแกล้งหลับ เพราะผมไม่อยากตื่นมาแล้วพบว่า นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้อยู่กับคุณ ได้เห็นมนต์จ๋า ผมอยากให้พอลืมตาขึ้นมาแล้ว ผมมีทางออกสำหรับเราสองคน”
 
“หลับต่อไปเถอะ!” เสียงนั้นดุจดังคนเหนื่อยล้า “เพราะคุณและฉันต่างรู้ดีว่ามันไม่มีทางออกสำหรับเรา” หญิงสาวซับน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินช้าๆ มือเรียวที่จับลูกปิดประตูนั้นสั่น ดั่งเช่นร่างระหงของเธอยามถอนสะอื้น ก่อนเปิดประตูเดินออกไป
 
…อย่าไว้ใจมนุษย์                                  มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด                   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
 
เธอทิ้งให้…คนเจ็บ…ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ
 
ท่วงท่าช้า มิใช่เพราะอาการเจ็บจากบาดแผลที่ควรมี!
 
แผลของเขามิได้อยู่ที่ร่างกาย!
 
ชิษณุเดาได้ถึงผลลัพท์นี้เมื่อตัดสินใจใช้คนของตัวเองลั่นไกปืน แทนที่จะจัดการตามกฎหมายกับข่าวการปองร้ายหมายฆ่าของเทวัญ
 
ต่อให้จับเทวัญด้วยหลักฐานต่างๆ แต่โทษที่เทวัญจะได้รับนั้นจะสักเท่าไร
 
ติดคุก…ถึงสามปีไหม
 
จะติดคุก…หรือเปล่า
 
กฎหมายไทยให้โอกาสคนทำผิด โดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบ แผลชีวิตที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ
 
และชิษณุจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อ เป็นคนที่โดนเทวัญทำร้าย…อีกครั้ง
 
‘ยิงครั้งเดียวได้ผลหลายต่อ ต่อแรกให้ไอ้เทวัญหลงคิดไปว่าสามารถจัดการกับผมได้ อีกต่อก็เอาผิดมันเรื่องจ้างวาน และปัดมันไปให้พ้นทางของผมเสียที และต่อสุดท้ายก็เขย่าหุ้นของคุณดิลกได้ช่วงที่เขาขึ้นชื่อเป็นผู้ต้องสงสัย ให้เราทำกำไรได้ซักรอบก่อนกว้านซื้อเพื่อถือยาว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่ลองก็ไม่ได้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม’
 
เขาเคยบอกกับชนินทร์อย่างมั่นใจด้วยความเชื่อมั่นในแผนการของตน
 
‘คุณณุไม่คิดหรือว่ามันเสี่ยง มีโอกาสพลาด’
 
‘เสี่ยงมากผลตอบแทนก็สูงมาก ที่สำคัญ เราลงมือเองมันเสี่ยงน้อยกว่าให้ไอ้เทวัญชิงลงมือ และผมก็มั่นใจว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดความผิดพลาดนั้นน้อย ผมเชื่อในฝีมือพี่นที’ สำหรับเขาแล้ว เหตุการณ์ที่อยู่ใต้แผนของเขาย่อมปลอดภัยกว่าที่จะรอให้มันเกิดขึ้นเอง
 
เขาห่วงเพียงให้แผนเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
 
ห่วงที่จะชนะ
 
หากเขาละเลยที่จะห่วงและมองเห็น…
 
‘แล้วคุณมนต์…’
 
‘ต้องมีทางออกอยู่แล้ว พี่นินทร์อย่าห่วงเลย ผมจัดการได้’
 
ในตอนนั้นชิษณุมั่นใจว่าสามารถเหนี่ยวรั้งผู้หญิงคนนั้นไว้ด้วยพันธนาการที่แน่นหนาของห้วงความรักและฤทธิ์พิศวาส…
 
เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งที่มณิกานต์ลังเลแค่คิดที่จะ ‘กลับ’ เขาก็ใช้ความอ่อนหวานของความรักรั้งเธอไว้ให้อยู่ได้เสมอ
 
หากวันนี้เขาคาดการณ์ผิดไป เขาเดิมพันชีวิตและหัวใจของตัวเอง แลกกับชัยชนะที่ไม่เกี่ยงเรื่องวิธี
 
ชิษณุเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพันธนาการนั้นกำลังมัดใครกัน!
 
 
ถึงแม้จะได้รับการยืนยันว่าหลานชายคนเดียวปลอดภัย แต่รพีพรยังอดเป็นห่วงไม่ได้  เธอเดินมายังที่ผู้เป็นมารดานั่งคอยคำตอบอยย่างใจจดใจจ่อ
 
“ว่าอย่างไร จริงหรือเปล่าเรื่องที่เขาลือกัน” คุณหญิงกรองแก้วถามเสียงสั่น
 
“นายณุปลอดภัยค่ะคุณแม่ มีการยิงแต่โชคดีที่ใส่เสื้อกันกระสุนไว้”
 
“พุทโธ่…ใครนะมันช่างทำได้”
 
รพีพรมองมารดาอย่างชั่งใจ ก่อนจะตอบด้วยความระมัดระวัง “ตำรวจสงสัยว่าเป็นเทวัญค่ะ”
 
“อะไร!”
 
“ทางโน้นไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากค่ะ บอกว่ามีหลักฐานมัดตัว แต่อยากให้เงียบไว้ก่อน ไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่โต กลัวจะกระทบกับคุณแม่ด้วย”
 
“จนป่านนี้จะมาห่วงอะไรฉัน ชีวิตของหลานฉันสำคัญกว่า”  
 
เมื่อก่อนถึงจะรู้ในสิ่งที่ลูกสาวคนโตได้กระทำกับหลานชาย หากด้วยความรักลูกและไม่เห็นด้วยกับวิธีการตัดสินด้วยศาลที่หลานชายเป็นคนเริ่ม ทำให้คุณหญิงเอนเอียงช่วยเหลือฝ่ายบุตรสาวมาตลอด ถึงแม้จะสนับสนุนหลานชายในด้านธุรกิจก็ตาม
 
“เขาคงคิดว่าถ้าณุไม่อยู่ก็จะหมดคนขัดขวาง เพราะณุเป็นหลานคนเดียวซึ่งจะได้ส่วนที่เป็นทั้งของพรและของคุณแม่” รพีพรบอกความรู้สึกให้ผู้เป็นมารดารับรู้ “ตอนนี้พรไม่หวังอะไรมาก แค่ขอให้คนพวกนั้นไม่สามารถทำร้ายหลานของพรได้อีกค่ะ”
 
“คนพวกนั้น…” คุณหญิงทบทวนคำพูดของบุตรสาวคนเล็กอย่างเหนื่อยล้า “เธอรวมพี่สาวของเธอด้วยใช่ไหม”
 
“พรไม่อยากเห็นหลานต้องนอนในสภาพอย่างนั้นอีกแล้วค่ะ” คำตอบแม้ไม่ตรงคำถาม แต่เป็นที่เข้าใจกันระหว่างสองแม่ลูก
 
คุณหญิงเข้าใจความรู้สึกของบุตรสาวได้ดี รพีพรไม่ได้แต่งงาน เมื่อมีหลานชายคนนี้เธอจึงรักเหมือนลูก และย่อมเจ็บปวดเมื่อเห็นหลานต้องทนทรมานทั้งกายและใจ รพีพรได้รับรู้ถึงกระทั่งการเปลี่ยนไปของหลานชายจากคนที่เคยสดใสอ่อนโยน  กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่ผูกพยาบาทและเลือดเย็น
 
“แล้วเธอคิดว่าฉันอยากเห็นหรือ…”
 
 
หมายเลขที่แสดงบนจอมือถือทำให้สีหน้าของเทวัญเปลี่ยนไป เขาเดินออกมาคุยนอกบ้าน เลี่ยงไม่ให้คนอื่นได้ยิน
 
“อะไรวะ พวกมึงทำงานพลาดยังหน้าด้านโทรฯ มาหากูอีก” ชายหนุ่มระเบิดอารมณ์เต็มที่ เพราะยังไม่ทันได้ลงมือ มือปืนชุดสองที่เขาสำรองเอาไว้เพื่อเก็บศัตรูก็โดนอีกฝ่ายตามล่าเสียก่อน
 
“ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ ที่โรง’บาลฯ ทั้งข้างนอกข้างในคนของมันเต็มไปหมด พวกผมไปดูลาดเลาหลายครั้ง ยากที่จะลงมือ”
 
“พวกมึงไร้สมองเอง ทีหลังไม่ต้องติดต่อมา”
 
“ตอนนี้พวกผมกำลังหนี” คนถูกว่าจ้างเริ่มลนลาน “มันตั้งค่าหัวพวกผมด้วย”
 
หนีตำรวจยังพอทำเนา แต่การหนีนักล่านอกกฎหมายที่มีความช่ำชองเหนือกว่า คนที่ถูกตามล่าย่อมหวาดกลัว
 
“พวกมึงคิดบ้าไปเอง อีกอย่างพวกมึงก็ยังไม่ได้ลงมือแล้วมันจะทำอะไรได้ ทีหลังไม่ต้องติดต่อหากูอีก”
 
“เงินที่คุณให้มาก็ใช้ไปหมดแล้ว” อีกฝ่ายรีบแจ้ง
 
“เรื่องของพวกมึง! ทีหลังไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก ไม่อย่างนั้นกูจะลากพวกมึงเข้าคุกเอง” เทวัญรีบกดปิดมือถือทันที
 
ถึงจะโกรธและกลัวแต่เทวัญก็อุ่นใจที่อย่างน้อยเรื่องยังสาวไม่ถึงตัวเขา ไม่มีพยานหลักฐาน…จะกลัวทำไม
 
ตอนนี้นิ่งเฉยเสียเป็นการดีที่สุด
 
 
สายตาของมณีรัตน์จับอยู่ที่บุรุษร่างสูงในสูทสีเข้มทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดคอ ความโดดเด่นของชายหนุ่มคนนี้เจิดจ้าชัดเจนตั้งแต่ที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารของโรงแรม
 
“ขอบคุณที่มาพบผมถึงที่” ชิษณุทักหลังจากไหว้ผู้ที่อาวุโสที่นั่งรออยู่แล้ว
 
“ดิฉันแค่อยากเจอคุณชิษณุที่ใครๆ เขาพูดถึงค่ะ”
 
“หวังว่าผมไม่ได้ทำให้ผิดหวัง”
 
“ไม่…” มณีรัตน์มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา “แต่ใครคนอื่นจะผิดหวังไหม มันก็อีกเรื่อง คุณคงไม่ใส่ใจ”
 
เสียงหัวเราะในลำคอยังคงไว้เช่น ‘มาด’ หากผู้สูงวัยกว่ารู้ว่าเขากำลังกลบความรู้สึกที่เพราะอัตตา…จำต้องซ่อน
 
“ผมใส่ใจเรื่องความสำเร็จของงาน…ของเป้าหมายมากกว่า ผมไม่ชอบความผิดหวัง”
 
“มีด้วยหรือคะที่คุณชิษณุจะทำอะไรไม่สำเร็จ หรือมีอะไรที่จะทำให้คุณผิดหวัง หมดหวังได้ แต่ลูกของดิฉัน…ผิดหวังและเสียใจมาก”
 
“ผมทราบ” เขาพยักหน้าช้าๆ “แต่คุณก็คงรู้ว่า ในตอนนี้คุณไม่มีทางเลือก ส่วนผม…ผมสามารถเลือกได้”
 
“ดิฉันรู้…ถึงยอมมาพบคุณ”
 
“และ…มนต์” เสียงของเขาพร่าไปเพียงนิดหากก็พยายามกลบด้วยการกระแอมในลำคอ “ต้องไม่รู้เรื่องนี้”
 
“คุณเป็นคนที่ใจร้ายมากนะคุณชิษณุ”
 
“บางอย่างถึงไม่อยากทำ แต่มันจำเป็นที่จะต้องทำ” ชายหนุ่มเท้าแขนบนโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หรือว่าคุณมีวิธีการอื่นที่ดีกว่านี้ ถ้ามี ผมยินดีรับฟัง แต่ถ้าไม่…คุณก็ต้องยอมรับวิธีของผม เพราะงานนี้…สำคัญมาก”
 
“ลูกของดิฉันก็สำคัญ”
 
“นั่นน่ะซิ…ดังนั้นคุณไม่มีทางเลือก” แววตาเป็นประกายจ้าจริงจัง “ไม่เช่นนั้นคงต้องมี…ใคร สูญเสียมากกว่านี้ คุณจะยอมเหรอ”
 
“แล้วคุณล่ะ ยอมที่จะเสียยัยมนต์หรือเปล่า”
 
การย้อนของมณีรัตน์ทำให้อีกฝ่ายนิ่ง ก่อนที่เขาจะตอบด้วยน้ำเสียงปรกติ
 
“บางทีการลำดับความสำคัญก็จำเป็น ผมมั่นใจในตัวเองและผมก็เลือดเย็นพอควร เพื่อให้ได้มาในบางอย่าง ผมอาจจำเป็นต้องยอมเสียบางสิ่งไป”
 
“คุณเป็นคนที่น่ากลัว”
 
“สำหรับศัตรู…ใช่” เขายอมรับ
 
“พ่อของลูกสาวดิฉันก็คือศัตรูของคุณ”
 
“ครับ” ริมฝีปากของเขาเผยอยิ้ม หากแววตามิได้บ่งบอกเช่นนั้นเลย “ดังนั้นเรื่องที่เราจะคุยกันวันนี้…จะมีคนรับรู้เพียงไม่กี่คน คุณคงเข้าใจ”
 
“ค่ะ” คนที่สูงวัยกว่าพยักหน้า “ดิฉันหวังว่าพอเรื่อง…จบ คนอื่นๆ จะเข้าใจการกระทำของคุณ”
 
“ผมก็หวังเช่นนั้น”
 
และทั้งคู่ย่อมรู้ดีว่า…คนอื่นๆ นั้นคือ ‘ใคร’
 
 
เสียงรถของบิดาที่เข้าเทียบจอดทำให้หญิงสาวที่คุยโทรศัพท์ข้างในบ้านรีบวางสาย
 
ร่างระหงที่เคยเซียวซูบเพราะความเจ็บช้ำของคนหัวใจแหลกสลายเมื่อหลายเดือนก่อน บัดนี้เริ่มมีน้ำมีนวลจวนปรกติ เธอเดินไปรับผู้เป็นบิดาแล้วคล้องแขนอย่างเอาใจ
 
“คุณพ่อกลับเร็วจังวันนี้”
 
“แค่ไปกินข้าว คุยธุระแป๊ปเดียว เอ้านี่”
 
ดิลกยื่นถุงให้บุตรสาวที่พอเห็นชื่อโรงแรมที่พิมพ์เด่นบนถุงก็ไม่ยอมรับมา
 
“คุณพ่อไปที่นั่นทำไม” มณิกานต์ไม่ยอมแม้แต่จะเอ่ยชื่อทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนๆ นั้น “ไปทำไม…น่าจะเผามันทิ้งซะด้วยไอ้โรงแรมนั่น”
 
“ก็เขานัดคุยเรื่องงานที่นั่น จะปฎิเสธมันก็ดูไม่ดี นี่มีพวกเค้กและทาร์ตที่ลูกชอบ” ผู้เป็นบิดาบอกพลางส่งถุงไปให้แม่บ้านเมื่อเห็นว่าบุตรสาวไม่มีทีท่าจะรับไป
 
“ของอ้วนๆ ทั้งนั้น” คนที่เคยชอบกลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดี “เลี่ยนจะตาย มนต์กินไม่ลง”
 
เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาช่วยให้พอรักษาใจได้บ้าง นั่นอาจเป็นเพราะสุขภาพของผู้เป็นบิดาที่ดีขึ้น และความเข้าใจระหว่างสองพ่อลูกที่เกิดขึ้น
 
และเพราะความจริงว่า ใครจะรักเราจริงเท่าพ่อแม่…นั้นไม่มี
 
‘ต่อให้คุณพ่อไม่มีอะไรเลย…ไม่มีใคร แต่คุณพ่อก็ยังมีมนต์’
 
การกลับมาทำให้มณิกานต์รับรู้ถึงสถานะทางธุรกิจที่สั่นคลอนของบิดา รวมทั้งความทุกข์สาหัสทางใจ
 
‘มนต์จะไม่หนี…มนต์จะสู้’
 
เธอพร้อมจะต่อสู้กับ…เขา
 
ผู้ชายคนนั้นไม่มีหัวใจ ไร้ความเมตตา ไม่มีความรักให้ใครนอกจากให้ความอาฆาตพยาบาทของตัวเอง
 
ชิษณุแก้แค้นทุกคนได้ แม้แต่กับผู้เป็นยาย เขาก็ยังไม่เว้น…ไม่ปราณี
 
แล้วนับประสาอะไรกับเธอที่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งในชีวิตเขา…ที่ลุ่มหลงไปกับฤทธิ์ความรักจอมปลอมของเขา
 
…ฉันเกลียดจิ้งจอกอย่างคุณ!
 
 
ซุ้มดอกไม้หน้างานถูกจัดมาอย่างประณีตแลดูตระการตาสำหรับให้คู่บ่าวสาวได้ถ่ายรูปกับแขกที่มาร่วมงาน
 
“พี่หมอ…” มณิกานต์มองคู่บ่าวสาวด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส “ยิ้มไม่หุบเลยนะคะเนี่ย”
 
“ขอให้ยิ้มอย่างนี้ไปตลอดเถ๊อะ” เจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวสีขาวตัดเย็บเข้ารูปหัวเราะ พลางแตะมือของหญิงสาวผู้เป็นแขกของงานดึงเบาๆ ให้มายืนอยู่ตรงกลางเพื่อถ่ายรูป
 
ประกายความงามที่กระจ่างชัดยิ่งขึ้นด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้ใบหน้าละมุนของมณิกานต์ดูโดดเด่น ในวันนี้เธอคงเป็นรองก็แค่เจ้าสาวของงานที่รั้งแขนหญิงสาวไว้ให้ยืนอยู่ที่เดิม
 
“เดี๋ยวจ้ะมนต์ เจ้านายของพี่มาพอดีเลย”
 
คำบอกนี้ทำให้มณิกานต์ชายตาเพียงแวบเดียวไปยังร่างของชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงมา เธอเห็นเขาทักทายแขกคนอื่นๆ หากเพียงอึดใจเขาก็เดินเข้ามาหยุดคุยกับแขกอีกคู่ที่กำลังรอถ่ายรูปกับบ่าวสาว
 
เธอชำเลืองมองอย่างเสียไม่ได้ ในเวลาเพียงสี่เดือนกว่าก็ดูเหมือนว่าเขาแปลกตาไป หรือว่าผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับเธอเสียแล้ว
 
เขาดูซูบลงมากจากที่เห็นครั้งสุดท้าย และถึงแม้ว่าใบคมคายนั้นจะประทับด้วยรอยยิ้มละไมฉาบเสน่ห์ แต่รอยยิ้มสำหรับคนที่เคยคุ้นนั้นดูฝืน
 
…หน้ากากสังคม
 
“มนต์ขอตัวค่ะ” เธอฝืนยิ้มให้ตามมารยาท
 
เมื่อเป็นเช่นนั้น อรทัยที่แม้อยากจะเหนี่ยวตัวไว้ก็จำต้อง…ปล่อยเมื่อเห็นว่าเจ้าบ่าวของเธอมองมาเป็นเชิงห้าม
 
“สงสารคุณมนต์” ชนินทร์สรุป
 
หากหญิงสาวส่ายหน้า ความเป็นลูกน้องของชิษณุยังมีอยู่เต็มเปี่ยม “สงสารพี่ณุมากกว่า”
 
“คุณณุทำตัวเองทั้งนั้น…” เขาเคยเตือน…น้อง แต่ความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของชิษณุนั้นมีอาณุภาพมากกว่าเหตุผลและมากกว่ากระทั่งความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
 
หลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงพยาบาล…ชิษณุดำเนินชีวิตด้วยกลไกของหน้าที่และงานเท่านั้น เหมือนเช่นที่เคยเป็นมาหลายสิบปี
 
ให้พยายามซ่อนความรู้สึกภายใต้หน้ากากที่เย็นชา เยือกเย็นแค่ไหน แต่คนสนิทเช่นชนินทร์ย่อมรู้
 
ชิษณุเจ็บปวด!
 
 
พนักงานของโรงแรมทุกคนรู้ว่าผู้เป็นนาย…ชอบ ไม่ชอบอะไร หรือแม้แต่กระทั่ง…ใคร! ถาดสีเงินขัดเอี่ยมอ่องที่ถูกนำมาให้เขาโดยเฉพาะจึงมีแต่เครื่องดื่มหลากหลายที่เขาชอบ ให้เลือกหยิบ หากชิษณุเลือกที่จะโบกมือเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธ
 
ดวงตาคมราวจิ้งจอกมองไปรอบๆ งานด้วยนิสัยของคนช่างสังเกต ช่างระวังที่ติดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมาแสนนาน
 
“คุณหญิงมาถึงสักครู่แล้วครับ ตอนนี้ท่านนั่งที่โต๊ะวีไอพีกับคุณรพีพรครับ” พนักงานในสูทสีกรมท่ารายงาน
 
แม้ว่างานจะจัดแบบค๊อกเทลมีซุ้มอาหารหลากหลายและโต๊ะยาวหลายตัว สำหรับวางอาหารรสเลิศ มีโต๊ะกลมเล็กจัดไว้หลายตำเหน่งเพื่อให้แขกในงานสลับใช้ โดยที่บรรดาแขกผู้ใหญ่นั้นถูกจัดให้นั่งยังโต๊ะด้านในของงาน ส่วนคุณหญิงกรองแก้วซึ่งเป็นทั้งเจ้าของสถานที่และประธานของงานก็ได้มีการเตรียมโต๊ะพิเศษพร้อมพนักงานบริการที่ดูแลพร้อมครัน
 
รอยยิ้มจากใบหน้าคมคายบวกกับท่วงท่ากิริยาทำให้เขาดูมีเสน่ห์เป็นที่จับตามอง ชิษณุหยุดสนทนาตามมารยาทกับคนรู้จักหรือที่อยากรู้จักเขาเป็นบางช่วง คุยสั้นๆ แล้วปลีกตัวออกมาอย่างแสนง่าย เพื่อเดินไปหาร่างระหงในเดรสสีฟ้าที่อ่อน
 
มณิกานต์เห็นเขาทว่าเธอเลือกที่จะไม่…หนี ดวงตาเป็นประกายที่เหลือบมองเขาเพียงเสี้ยววินาทีแลดูว่างเปล่าหรือฉายแววสะทกสะท้านแต่อย่างใด
 
“ไม่น่ารีบหนีเข้ามาในงานก่อนเลย น่าจะรอกันหน่อย” รอยยิ้มของเขาสดใสเฉดเช่นชิษณุที่เคยพาเธอเดินเล่นในสวนกว้างที่มีกลิ่นกรุ่นของดอกชมนาดตามติดไปเกือบทุกมุม
 
“ไม่มีหน้าที่ที่ต้องรอ”
 
“คร้าบบบ” เสียงนั้นลากยาว ชิษณุไม่ละสายตาจากดวงหน้านวลนั่น “แต่อย่างน้อยผมจะได้เข้ามาในงานเป็นเพื่อนคุณ”
 
“แล้วไง” มณิกานต์กระแทกเสียงเอาเรื่อง “ไม่ต้องการเพื่อนอย่างคุณ”
 
“รู้แหละ” เขายังคงยิ้มเช่นเดิม “แต่ก็ห่วงอยู่ดี และหวงด้วย ยิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้บ้านของคุณหัวกระไดไม่แห้ง ยังดีที่ผมทำแต่งานเลยไม่ต้องมาทรมานเรื่องของมนต์สะกดของผมมากนัก”
 
“งานที่เกี่ยวกับการเล่นงานคุณพ่อของฉันใช่มั๊ย หรือว่าเป็นการเล่นงานใครอีกล่ะ หรือว่าไปนอนกับคนโน้นคนนี้เพื่อผลประโยชน์!”
 
“เอาล่ะ…เอาล่ะ ผมมันไม่ดีเอง คุณจะด่าจะว่ายังไงก็ได้ แต่เอาไว้วันหลังนะ”
 
“ไม่มีวันหลัง!” เมื่อรู้สึกตัวน้ำเสียงนั่นจึงเบาลง “ฉันกรวดน้ำให้คนเลวๆ อย่างคุณไปแล้ว”
 
“กรวดน้ำให้ แล้วคุณลืมผมได้เหรอ” หางเสียงยอกของเขาทอดลงอย่างขบขัน แววตาเจ้าเล่ห์นั่นอ่อนโยนนัก “แล้วนี่มันงานแต่งนะคู๊ณ มาพูดเรื่องกรวดน้งกวดน้ำอะไร”
 
คำบอกของเขาทำให้หญิงสาวเตรียมที่จะสวนกลับแต่ก็ไม่ทัน เมื่อเขารีบพูดต่อ
 
“นี่อธิปไปไหนนะ? สงสัยคงวุ่นอยู่กับงานในฐานะเจ้าภาพคงมาดูแลไม่ได้ซินะ หรือว่าดูแลกันมาก่อนหน้านี้แล้ว…”
 
การบอกนั้นให้อีกฝ่ายรู้ว่าความสนิทสนมระหว่างมณิกานต์และอธิปที่เพิ่มมากขึ้นเป็นสิ่งที่เขา…รู้
 
“ไม่ได้ต้องการให้ใครดูแล ฉันอยากอยู่คนเดียว” ทุกคำเน้นชัด
 
“เสียดายที่ตอนนี้มีคนอีกไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคนอยู่ในห้องเดียวกับคุณด้วย อดอยู่คนเดียวเลยไหมล่ะ” เขายิ้มนัยน์ตาเป็นประกายท้าทาย หากก็ทอดเสียงอ่อนลง “กินอะไรหรือยัง วันนี้มีอาหารอร่อยหลายอย่างนะ ของหวานมีทั้งเค้ก ทั้งทาร์ต และทองหยิบทองหยอด ฝอยทองด้วย”
 
การหลอกล่อด้วยน้ำเสียงแบบนี้ไม่ต่างจากครั้งตอนที่อยู่ ‘ที่โน่น’
 
“ไม่หิว! ไม่อยากกิน!” คำตอบห้วนเหมือนกับหางเสียงที่ตวัดอย่างเสียไม่ได้
 
“ชิมนิดหนึ่งก็ยังดีน๊า รู้ไหมทองหยอด ทองหยิบนี่ฝีมือป้าโฉมนะ ทำเองกับมือเพิ่งส่งมาถึงโรงแรมเมื่อบ่ายนี่เอง”
 
“แล้วป้าโฉมล่ะ” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวถามอย่างสนใจ เพราะตั้งแต่เข้ามาในงาน เธอก็ยังไม่เห็นหญิงชราที่คุ้นเคย
 
“แกไม่ค่อยจะสบาย ทั้งดินฟ้าอากาศ ทั้งอายุ และทั้งเรื่องสารพัดของผม” ทว่าคนฟังนึกค่อน…น่าจะเป็นเพราะเรื่องหลังล้วนๆ เสียมากกว่า คนไร้หัวใจผู้นี้ทำร้ายคนทุกคนที่รักเขา “ป้าโฉมฝากความคิดถึงมาถึงคุณด้วย บ่นเหมือนกันว่าไม่มีลูกมือคนโปรดแล้ว คนอื่นทำอะไรก็ไม่ถูกใจเลยสักอย่าง” 
 
มณิกานต์เผลอยิ้มให้กับคำบอกนั่น หากเมื่อรู้สึกตัวรอยยิ้มจึงพลันจางหายจากใบหน้านวล ทำให้อีกฝ่ายลอบถอนหายใจก่อนบอก
 
“มนต์จ๋า…คุณยายของผมเป็นประธานของงานนี้ และตอนนี้ก็อยู่ทางด้านโน้นกับคุณน้าของผม…ถ้าไม่รังเกียจ ผมก็ขอเชิญ”
 
“ตามมารยาทฉันต้องไปใช่มั๊ย” สายตาของมณิกานต์ปราดมองเขา “แต่ฉันรังเกียจคุณมากๆ และจะดีใจมากที่คุณจะไปไกลๆ เดินห่างๆ ไม่ต้องเข้าใกล้”
 
“มนต์จ๋า…” เขากระซิบ
 
“ไม่ต้องมามนต์จ๋า จะอ้วก” หญิงสาวสวนทันที เพียงแต่อีกฝ่ายมิใส่ใจ
 
“ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ให้มนต์จ๋าหนีผมไปไหนเด็ดขาด แต่ตอนนี้ไปหาคุณยายกับคุณน้ากันก่อนนะจ๊ะ” เขาผายมือเป็นการเชิญพร้อมเดินนำ หากชะลอฝีเท้าและหยุดเป็นระยะพอให้อีกฝ่ายก้าวมาเดินเคียงข้าง
 
ตลอดทางเขาจะหยุดทักทายคนที่รู้จัก โดยไม่ลืมที่จะแนะนำเธอ
 
“คุณมณิกานต์…” ชิษณุจะบอกสั้นๆ ตามมารยาทเมื่อทำการแนะนำโดยไม่ขยายความเพิ่มเติม
 
บางช่วงเขาก็จะแตะเบาๆ ที่มือหรือข้อศอกของเธออย่างสุภาพ นำมาจนถึงโต๊ะสำหรับประธานของงานที่รายล้อมด้วยพนักงานเสริฟ์และกลุ่มผู้…ดูแล เพื่อกันคนที่ไม่พึงประสงค์ออกไป
 
คุณหญิงกรองแก้วบัดนี้ดูชราและอ่อนล้าไปมาก ต่างจากที่ได้เจอเมื่อคราวขึ้นไปเชียงใหม่เมื่อหลายเดือนก่อน
 
เวลาที่ผ่านไปยังไม่ถึงปี แต่ก็เพิ่มร่องรอยของความอ่อนล้าของหญิงชราได้ชัดเจน
 
ผลจากการแก้แค้นของคนไร้หัวใจ!
 
 
 
 
==========================================================
 
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
 
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
 
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
 
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
ReadAWrite : manas.readawrite.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====

*สุนทรภู่ “พระอภัยมณี”


 


Create Date : 06 กันยายน 2563
Last Update : 6 กันยายน 2563 16:55:41 น. 2 comments
Counter : 585 Pageviews.

 
จะจบแบบไหนนะ ชิษณุจะลดความแค้นลงได้ไหม อยากให้มณท้องจัง อยากรู้ว่าชิษณุจะรู้สึกอย่างไร


โดย: คนอ่านนิยาย IP: 27.254.241.116 วันที่: 7 กันยายน 2563 เวลา:9:58:38 น.  

 
อันนี้ต้องดูกันต่อไปค่ะ

แต่เรื่องนี้จะลงให้อ่านเว้น 5 บทสุดท้ายนะคะ...


โดย: Sentimentally Smooth วันที่: 9 กันยายน 2563 เวลา:0:02:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.