Group Blog
 
 
กันยายน 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 กันยายน 2562
 
All Blogs
 

คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 4) โดย มานัส


บทที่ 4
 
อาหารสามอย่างที่สั่งไว้ถูกยกมาวางบนโต๊ะ และมณิกานต์ก็ไม่รีรอที่จะตัก จนเพื่อนร่วมโต๊ะมองอย่างขบขัน
 
“แกมันออกจะสวย แต่พอหิวขึ้นมานี่…น่ากลัวว่ะ อย่างกับปอบ”
 
“หิวจะตายอยู่แล้ว คนก็ไม่เยอะแต่ทำไมอาหารมาช้าจัง” คนที่หิวบ่นก่อนตักอาหารเข้าปากอีกคำ พลางชำเลืองมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้าม “ไม่กินละแป้ง เดี๋ยวฉันก็ล่อหมดซะเลยนิ”
 
หากปิยะรัตน์ยังคงนิ่ง…เงียบ ผิดปรกติ คล้ายกำลังเตรียมคำพูดบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจถาม
 
“หมู่นี้เจอเขตต์บ่อยไหม”
 
“ก็เจอบ้าง เขายุ่งจะตาย ช่วงนี้ต้องทำเคสใหญ่ๆ”
 
“เคสใหญ่ๆ หรือมีคนใหม่กันแน่” ปิยะรัตน์ถามตรงๆ
 
“ขอให้มีเวลาเห๊อะ” รอยยิ้มสดใสไร้ความกังวลใดๆ “แค่นี้ก็กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวัน คุยกันทีไรก็อยู่กับที่บริษัททั้งปี”
 
“นี่” ปิยะรัตน์มองเพื่อนอย่างชั่งใจ “ถ้าบอกอะไร แกอย่าโกรธนะ”
 
“จะบอกว่าเขตต์มีกิ๊กล่ะซิ” คนพูดยิ้มตาหยี “ฉันได้ยินจนเบื่อแล้ว”
 
“ก็ผึ้ง…”
 
“ที่ไปเจอเขตต์ที่หัวหินใช่มั๊ย เขตต์เขาไปกับพี่ที่บริษัท และตอนที่ผึ้งบอกว่าเจอน่ะ เขตต์ยังไม่ตื่นเลย ยัยผึ้งตาฝาด แหม…ก็รู้ๆ กันอยู่ว่านังนี่สายตาสั้นจะตาย”
 
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนบอกว่าพบเขตต์อยู่กับผู้หญิงอื่น” ปิยะรัตน์ไม่คลายความวิตก “แล้วแกไม่รู้สึกอะไรเหรอ คนรักกันมันต้องให้เวลากันมากกว่านี้ ใช่…งานก็สำคัญ แต่อะไรมันจะทำกันทีทั้งวันทั้งคืนเชียววะ”
 
คำบอกของเพื่อนทำให้มณิกานต์นิ่งด้วยความคิด เธอคบกับเขตต์มาหลายปี ตั้งแต่เรียนปริญญาโทด้วยกันที่อเมริกา จนเขตต์เรียนจบก่อนแล้วกลับมาเมืองไทยล่วงหน้าเกือบปี
 
ถ้าจะถามว่าเชื่อใจเขาหรือไม่ มณิกานต์ก็ต้องบอกว่า ‘เชื่อ’ ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเตือนเรื่องความซื่อสัตย์ของเขตต์ เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน หรือเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เธอต้องระแวงจนหึงหวง
 
จะรักแล้วก็ต้องเชื่อใจ ไว้ใจ…นี่เป็นพื้นฐานของความรักไม่ใช่หรือ
 
 
 
พริมายกแขนหนาที่ก่ายกอดของชายหนุ่มให้พ้นร่างของเธอ เขายังคงหลับสนิทในเวลาเที่ยงคืน
 
ผู้ชายคนนี้ ดูดี คมคาย แต่ก็ไม่ดีเท่าชิษณุ
 
ไม่ว่าผู้ชายคนอื่น…คนไหน ก็ไม่มีใครเหมือนชิษณุ
 
ไม่เก่งเท่า ไม่มีใครเทียบเขาได้สักคน
 
หญิงสาวเปิดไฟหัวเตียง หยิบเสื้อคลุมบางมาสวม เดินออกมาด้านนอก
 
ไฟในบริเวณห้องรับแขกถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่หัวค่ำ ร่างระหงก้าวไปหยุดหน้าตู้โชว์ตัวใหญ่ มือเล็กทาเล็บสีแดงเปิดลิ้นชัก หยิบเช็คมูลค่าเป็นเลขถึงเจ็ดหลักออกมา
 
‘ใส่ชื่อลูกไปเถอะ’ พ่อของเธอบอก
 
เช็คที่ชิษณุ เป็นคนออกผ่านตัวแทนและบริษัทที่ตั้งอยู่ในอีกประเทศนั้นจึงมีชื่อของพริมา
 
หญิงสาวหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด สูบมันเข้าลึก เดินกลับมาในห้องนอน มองคนที่หลับสนิท เธอเขย่าตัวเรียกเขา เมื่อนั้นเขาจึงลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มหยาดเยิ้มราวยังไม่สร่างจากฤทธิ์เหล้า
 
“ผมค้างได้มั๊ย” เขาออดอ้อน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
 
“ไม่ได้” เธอทอดเสียงลงนิดเดียว ทว่าสายตาไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลง จนอีกฝ่ายยอมลุกขึ้นแต่งตัว
 
“สูบบุหรี่ก่อนนอนด้วยเหรอ” เขาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายคีบมวนบุหรี่ที่หว่างนิ้ว
 
แต่หญิงสาวยักไหล่ไม่ใส่ใจ เพราะคิด…ถ้าเป็นชิษณุล่ะก็ เขาต้องหยิบบุหรี่ไปดับทิ้ง
 
‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’ เสียงเข้มดุ
 
บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่กับเธอในความเป็นจริงนั้นแต่งตัวเสร็จแล้ว
 
“ผมไปก่อนนะพริม พรุ่งนี้ผมไปรับกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะจ๊ะ”
 
พริมาพยักหน้า ดับบุหรี่มวนนั้นลง แล้วเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู
 
คนที่จะต้องจากไปในคืนนี้สวมกอดร่างบอบบาง
 
ความสวยด้วยเสน่ห์เย้ายวนของพริมาสามารถมัดใจผู้ชายหลายคน จะมีก็เพียงคนๆ เดียวเท่านั้นที่ไม่มีอะไรมัดหัวใจของเขาได้เลย
 
“อย่า”
 
เสียงกระด้างปราม ทำให้ชายหนุ่มต้องปลดมืออย่างอาวรณ์
 
“เจอกันพรุ่งนี้…ผมรักพริมนะ”
 
พริมาพยักหน้า ก่อนปิดประตู เดินกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียง
 
ผู้ชายหลายคน…รักเธอ แต่เธอไม่เคยรักใครนอกจากชิษณุเพียงคนเดียว
 
‘ณุรักพริมมั๊ย’
 
สิบกว่าปีแล้วที่เธอแอบหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่าง…เรา จะเปลี่ยน แต่มันก็เป็นแค่เพียงความหวัง
 
พริมารักชิษณุ เพราะเขาคือรักแรกที่เธอ…รักอย่างจริงจังและจริงใจ  เพียงแต่ว่า ยามดึกในคืนที่หิมะตกหนักเมื่อหลายปีมาแล้ว เธอเคยถาม ‘ณุรักพริมมั๊ย’
 
‘ไม่’ เขาตอบทันที
 
‘ทำไม? พริมไม่ดีตรงไหน จนถึงวันนี้ก็ยังรักไม่ได้’ น้ำเสียงคาดคั้นสั่นไหว
 
ทว่าสีหน้าของเขายังเป็นปรกติ ‘ผมมีหลายอย่างที่ต้องทำ ผมยังไม่พร้อมที่จะรักใคร ความรักสำหรับผมคือตัวถ่วง งานของผมสำคัญกว่า’
 
‘สำคัญกว่าทุกสิ่ง?’
 
‘ใช่’ เสียงหนักมั่นใจในคำตอบ
 
‘งั้นพริมจะช่วยณุ ช่วยงานณุ พริมอยากช่วย…เพราะพริมรักณุ’
 
‘แค่พริมเข้าใจผม ก็พอแล้ว’ ในตอนนั้นเขากอดเธอแน่นให้ไออุ่น
 
‘แล้วณุจะโกรธไหมถ้าพริมมีคนอื่น’
 
‘ไม่’ เขาตอบโดยไม่ใช้เวลาตริตรองแม้เสี้ยววินาที ‘ผมจะดีใจถ้ารู้ว่ามีคนที่รักพริมได้มากกว่าที่พริมรักผม ผมอยากเห็นพริมมีความสุข’ 
 
เขาไม่รัก ไม่หวง หากยังห่วง กระแสไออุ่นของความเป็นห่วงนั้นอ่อนโยน ทว่าไม่ได้ให้ความหวังใดๆ เพิ่มขึ้นมาเลย
ลามะลิลา…ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน
พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา
ชายหนุ่มไม่รักไม่เหลียว
รักเขาข้างเดียวชอกช้ำอุราฯ
 
 
 
การประชุมนัดใหญ่ครั้งนี้สำคัญนักเพราะนอกจากสารินและนที ผู้เป็นมือขวามือซ้ายแล้ว ก็ยังมีคฑาผู้ที่ชิษณุให้บริหารบริษัทแอลฟ่า รวมถึงมีผู้จัดการกองทุนของเดวิดในประเทศไทยเข้าประชุมอีกด้วย
 
“คุณพริมารออยู่ค่ะ” โชติการายงานเมื่อผู้เป็นนายออกมาจากห้องประชุม
 
นั่นทำให้ชิษณุเดินไปยังห้องรับแขกทันที ใบหน้าของเขาไม่มีแสดงความเหนื่อยของคนที่เพิ่งผ่านการประชุมเครียดนานหลายชั่วโมง
 
“ขอโทษที่ให้พริมต้องรอ”
 
หญิงสาวปิดนิตยสารในมือ ยิ้มมองเขา “ไม่เป็นไร พริมเพิ่งมาถึง แล้วนี่ณุเสร็จงานหรือยัง พริมหิวแล้ว”
 
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือใหญ่ปัดปอยผมสั้นของหญิงสาวทัดหู
 
“นี่ขนาดคุณโชติกาประเคนขนมให้เพียบ” เขามองจานของหวานที่วางอยู่บนโต๊ะ “กินเก่งแต่ไม่อ้วน สงสัยพยาธิในท้องคงจะตัวใหญ่มากๆ”
 
“ณุเลี้ยงไหวหรือเปล่าเหอะ”
 
“เคยมีไม่ไหวเหรอ”
 
ดูท่าเขาจะอารมณ์ดี…การประชุมที่เพิ่งเสร็จสิ้นคงมีอะไรดีเป็นแน่!
 
“เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน ขอเวลาผมเก็บของเดี๋ยวเดียวนะ” เขาพาหญิงสาวเข้าไปในห้องทำงาน
 
บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีตัวหนามีเอกสารและแฟ้มวางอยู่ แต่ใช้เวลาเพียงครู่เขาก็เก็บทุกอย่างเข้าที่ได้เรียบร้อย
 
“ขอตอบอีเมลก่อนนะ ใช้เวลาไม่นานหรอก” เขาบอก
 
พริมาพยักหน้า มองด้วยสายตาอ่อนโยน ชินเสียแล้วกับภาระหน้าที่ของเขาที่มากมายเหลือเกิน
 
สำหรับผู้ชายหลายคน พริมาต้องมาก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับชิษณุนั้นงานมาก่อนทุกสิ่งเสมอ
 
งานคือลมหายใจของเขา!
 
“อย่าเพิ่งโมโหหิวล่ะ” เขาเงยหน้า ยิ้มให้อย่างเอาใจ “อ้อ…เช็คของคุณพ่อพริมนั้นยังไม่ขึ้นเงินอีกเหรอ หลายอาทิตย์แล้วนะ”
 
“เพิ่งเอาเข้าเมื่อเช้า” รอยยิ้มของเธอฉาบเสน่ห์เหลือร้าย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็ต้องละลาย แต่ชิษณุ…แค่เพียงปิดกระเป๋าเอกสารอย่างใจเย็น
 
“สงสัยมื้อนี้ผมจะมีเจ้ามือซะแล้ว” เขากล่าวแล้วเดินมาโอบเอวอีกฝ่าย
 
“ได้ซิ! ณุอยากกินอะไรล่ะ”
 
เสียงประจบเอาใจของหญิงสาวลากเอาความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามา แต่เพราะความเคยชินชิษณุจึงปัดมันออกไป
 
ต้องมีวันหนึ่งที่เขาจะสามารถ ‘รัก’ ได้ แต่ไม่ใช่วันนี้
 
หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นของเขา ไม่มีที่เพื่อ…รัก
 
“ผมตามใจพริม ให้พริมเลือก”
 
“ถ้าตามใจจริงๆ งั้นคืนนี้ณุอยู่กับพริมได้ไหม” พริมาเป็นตรงเช่นนี้เสมอ เธอต้องการอยู่กับเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
 
“ผมยังมีงานต้องสะสาง เอาไว้เป็นวันอื่นดีกว่า คืนนี้ผมขอไปส่งพริมที่คอนโดก็แล้วกัน”
 
“ณุ” เธออยากจะอ้อนวอนเขา
 
หากพริมารู้ สำหรับชิษณุ…งานต้องมาก่อนอีกเช่นเคย หญิงสาวถอนหายใจยาว จำใจเดินตามร่างสูงที่นำลิ่วออกไปแล้ว
 
 
 
ปิยะรัตน์กุมมือเย็นเฉียบของเพื่อนรักไว้แน่นจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก
 
“มนต์!” เสียงร้องขัดใจเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนกดปุ่มปิด แทนที่จะเดินออกไป
 
“บางทีเขาอาจจะติดธุระจริงๆ ก็ได้” มณิกานต์หาข้ออ้าง
 
“แล้วทำไมต้องโกหกแกวะ ซ้ำปิดมือถือด้วย” ปิยะรัตน์กดเปิดประตูลิฟต์ ลากเพื่อนออกมาด้านนอก “บอกว่าอยู่ออฟฟิศ แต่ที่บริษัทบอกว่ากลับไปตั้งแต่ทุ่มนึง เป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว ไอ้ที่โกหกว่าไปกับบริษัท…อยู่ที่บริษัท แต่หายหัวไปไหนไม่รู้”
 
“อาจจะยังไม่กลับมั้ง เพิ่งสี่ทุ่มเอง”
 
“แกมีกุญแจก็เปิดเข้าไปคอยก่อนซิ”
 
“ถึงมีกุญแจห้องเขา แต่ฉันไม่เคยใช้นี่”
 
“ก็ใช้ซะ” เพื่อนสาวตวาด แล้วแบมือ “เอามาหรือเปล่า”
 
มณิกานต์เอามา เธอพกมันติดตัวไว้ตลอด แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยถือวิสาสะใช้ หากในวันนี้หญิงสาวยื่นมันให้ปิยะรัตน์ที่เดินนำไปยังห้องพักของเขตต์
 
“ถ้าไม่อยู่ เราก็รอ แต่ถ้าอยู่ก็คุยไปเลย ให้มันรู้เรื่อง แกจะได้สบายใจ” ปิยะรัตน์สั่งเสร็จสรรพจึงจัดแจงไขเปิดระตู
 
ไฟในบริเวณห้องด้านนอกสว่างจ้า บนโต๊ะอาหารที่คั้นกลางระหว่างห้องรับแขกกับครัว มีไวน์เปิดทิ้งไว้  เสียงเพลงแว่วมาจากห้องนอน
 
สองสาวจูงกันไปที่หน้าห้อง มือของมณิกานต์ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อบีบอีกฝ่ายแน่นขึ้น เมื่อเธอค่อยๆ ใช้มืออีกข้างผลักประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้
 
ไฟสลัวจากโต๊ะข้างเตียงบวกกับแสงสว่างด้านนอกทำให้หญิงสาวทั้งสองเห็นภาพตรงหน้า
 
เขตต์กับผู้หญิงอีกคน!
 
และช่วงจังหวะที่เขตต์พลิกตัว มันทำให้คนที่อยู่หน้าประตูเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเจน
 
เสียงกรีดร้องระคนด้วยความเสียใจของมณิกานต์ ทำให้ชายหญิงคู่นั้นสะดุ้งหันมา
 
“ศลิษา! เธอ…เธอทำอะไร” ปิยะรัตน์เองแทบช๊อค เสียงติดอยู่ในลำคอ การเค้นแต่ละคำแสนยากเย็น แขนประคองร่างของมณิกานต์ รีบพาออกมาด้านนอก ไม่สนใจเสียงเรียกของเขตต์
 
ใครจะคิดเล่าว่า คนรักจะทรยศ ซ้ำร้ายเพื่อนสนิทมาหักหลัง ไม่ต้องเดาปิยะรัตน์ก็รู้ ใจที่บอบช้ำของมณิกานต์คงร้าวราญสลายทั้งหัวใจ
 
“มนต์…แป้ง!”
 
เสียงนั่นทำให้ปิยะรัตน์ขยะแขยง หยดน้ำที่ร่วงบนแขนทำให้ต้องกอดเพื่อนไว้แน่น รับรู้ถึงเสียงสะอื้นเบาๆ ของเพื่อนรัก
 
“ร้องเถอะมนต์ ร้องเสียวันนี้ ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้มันอีก” ปิยะรัตน์ปลอบ “โลกนี้ยังมีคนดีๆ มีคนที่ห่วงแก รักแกอยู่หลายคน”
 
เพียงแต่มณิกานต์เงียบ จะมีก็เสียงสะอื้น ร่างอรชรเดินเซ  รู้สึกว่าโลกทั้งโลกหมุนเคว้ง มือสั่นเอื้อมเปิดประตูรถสปอร์ตแล้วเข้านั่งประจำที่คนขับ
 
“ฉันขับให้ดีกว่าไหม” ปิยะรัตน์อาสาเมื่อเห็นสภาพเพื่อน
 
“ไม่เป็นไร” คำบอกนั้นขัดกับเสียงสะอื้นยาวที่มากับการยืนยัน “ไหว”
 
และเมื่อรถกระชากตัวอย่างแรง ปิยะรัตน์ก็รู้ทันทีว่าคิดผิดที่ตามใจเพื่อน
 
แรงอารมณ์บวกกับความแรงของเครื่องยนต์ ทำให้รถสปอร์ตกลายเป็นพาหนะอันน่ากลัวเมื่อความเร็วเพิ่มมากขึ้นเมื่อเลี้ยวเข้าถนนหลัก
 
คนขับไม่สนใจเมื่อไฟเหลืองเปลี่ยนเป็นไฟแดง การฝ่าผืนกฎจราจรทำให้รถอีกคันที่กำลังออกตัวเพราะสัญญาณไฟเขียวต้องเบรคกระทันหัน
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยถามคนที่นั่งข้างๆ
 
“ไม่ค่ะ แล้วณุล่ะ” พริมาจับแขนเขาไว้
 
“โชคดีที่ไม่มีรถหลังและเราก็ออกตัวช้า” เขาบอกอย่างโล่งใจ ก่อนบ่นอย่างหัวเสีย “ไม่รู้จะรีบไปไหนนัก ไม่ห่วงชิวิตบ้างหรือไง”
 
และเมื่อถึงที่หมายแล้ว ชิษณุก็เดินขึ้นไปส่งหญิงสาวถึงที่ห้องพักเช่นเคย
 
“ฝันดีครับ”
 
น้ำเสียงทอดลงละมุน ทำให้พริมาเอื้อมมือไปยึดต้นแขนเขาไว้ “ณุ…” รู้ว่ายากนักที่เขาจะใจอ่อน แต่เธอก็ยังถาม “ค้างกับพริมได้ไหม”
 
“เอาไว้วันหลัง” เสียงนั้นราบเรียบ
 
“วันหลังทุกที พริมเบื่อที่จะฟังแล้ว!” เมื่อไม่ได้ดังใจ พริมาก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กเกเรเอาแต่ใจคนหนึ่ง “งาน! งานที่ต้องไปนอนกับอีนางเอกนั่น หรือไม่ก็ไปกับผู้หญิงที่ให้ผลประโยชน์ใช่มั๊ย” น้ำเสียงสั่นแผดด้วยอารมณ์และความน้อยใจ  “แล้วพริมล่ะ ณุได้จากพริมไปเท่าไหร่ ผลประโยชน์มากมายที่พริมให้ณุ แต่ณุไม่เคยให้เวลาพริมเลย”
 
“พูดอะไร!” นัยน์ตาวาวเป็นประกายกระด้างด้วยความโกรธทำให้อีกฝ่ายหวั่น  “พริมพูดอะไร เห็นผมเป็นตัวอะไร”
 
“แล้วณุล่ะเห็นพริมเป็นอะไร พอต้องการก็มา พอไม่ต้องการก็หมางเมิน ณุรู้ไหมว่าพริมรู้สึกยังไงเวลาที่ณุอยู่กับผู้หญิงอื่น!” เสียงสั่นทอดสะอื้น พริมาใช้นิ้วปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ “พริมก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักณุ จะกี่ปีก็รักเหมือนเดิม ได้แต่รอว่าเมื่อไรณุจะมีหัวใจพอที่จะรักพริมบ้าง ให้ความสำคัญกับพริมบ้าง เพราะพริมไม่อยากเป็นเหมือนผู้หญิงพวกนั้นของณุ ที่พอหมดคุณค่า หมดความต้องการ ก็จบกันไป”
 
“ผมจะถือว่าคืนนี้พริมดื่มมากไป” ชิษณุบอกเสียงเรียบ หันเดินมาที่ประตูห้อง  พร้อมจะก้าวออกไปทุกเมื่อ
 
“พริมรักณุ…” แม้เสียงนั่นเบา แต่พริมารู้ว่าเขาได้ยิน
 
ทว่าประตูไม้บานหนาของห้องพักหรูที่ถูกกระชากเปิดก็พลันปิดลงอย่างแรง   ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง
 
 
 
แม้สองวันที่ผ่านมามีทั้งปิยะรัตน์และเพื่อนคนอื่นๆ คอยปลอบและให้กำลังใจ แต่จิตใจของมณิกานต์ก็ยังไม่ดีขึ้น การถูกทรยศจากคนรักก็ขมขื่นอยู่แล้ว แต่นี่มีเพื่อนสนิทเป็นมือที่สาม มันทำให้ความเจ็บช้ำนั้นทวีคูณเหลือคณา
 
เขตต์กับศลิษา…ช่างทำกันได้!
 
ผู้หญิงที่เคยมีแต่ความสมหวังบริบูรณ์อย่างมณิกานต์ เพิ่งรู้รสความเจ็บปวดจากการทรยศก็คราวนี้
 
เธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ใบหน้าเซียวซูบและดวงตาบวมนั้นบ่งบอกสภาวะจิตใจอันชอกช้ำ เสียใจ
 
“รู้ตอนนี้ดีกว่าให้พวกมันสวมเขาต่อไป” มณิกานต์ฝืนยิ้มบอกเพื่อนๆ “ขอบใจนะแป้ง ผึ้งด้วย ฉันกวนพวกแกมามากแล้ว ฉันกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวคุณพ่อจะเป็นห่วง”
 
“อยู่ที่บ้านฉันต่อดีกว่ามั๊ย” ปิยะรัตน์บอกเพราะรู้
 
กลับไปบ้าน แล้วใครจะดูแล
 
หากมณิกานต์ยืนยัน จนเพื่อนๆ ต้อง…ปล่อย
 
“ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเข้มแข็งพอ”
 
แม้เป็นเช่นนั้น แต่ระหว่างทาง เสียงสะอื้นก็ยังคงครางเบาๆ จนรถสปอร์ตคันงามเลี้ยวเข้ามาภายในรั้วบ้านหลังใหญ่
 
“ทำไมคุณมนต์หลับเร็วจังคะ” แม่บ้านวัยกลางคนรีบวิ่งออกมาด้วยท่าทางตกใจมากกว่าเป็นห่วง “คิดว่าจะไม่อยู่ทั้งอาทิตย์เสียอีกค่ะ”
 
“มนต์แค่ไปค้างบ้านเพื่อนสองสามวัน” มณิกานต์พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น แม้เมื่อถาม “คุณพ่อตื่นหรือยังจ๊ะ”
 
“ยัง…ยังค่ะ” แม่บ้านลังเล ไม่สบตาผู้เป็นนายที่เดินเข้ามาข้างใน
 
รองเท้าลำลองของเธอไม่อยู่บนชั้นวาง หญิงสาวจึงใช้อีกคู่ที่มีเผื่อไว้สำหรับแขกที่มาเยือน
 
ท่าทางของเด็กรับใช้อีกสองคนนั้นแปลก หากมณิกานต์ไม่ใส่ใจ เธอเดินขึ้นไปยังห้องนอน ปิดประตูตามหลัง แล้วทิ้งตัวบนเตียงใหญ่
 
เสียงสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ค่อยๆ ดังออกมา ความเสียใจนั้นมาก พอๆ กับความเจ็บปวด และความเสียดายวันเวลาและความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ทั้งสองคนนั่น
 
รสชาติของการถูกหักหลังมันปวดร้าวอย่างนี้เอง
 
ทำไม? เพราะอะไร? และอีกหลายคำถามแล่นเข้ามาโดยไร้คำตอบใดๆ
 
ความอ่อนแรงทั้งกายและใจทำให้หญิงสาวเผลอหลับ จนเสียงแหลมที่ไม่คุ้นดังมาจากข้างนอก และไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลง เธอจึงลุกไปเปิดประตูห้องด้วยความสงสัย
 
“ทำไมต้องรีบ เมื่อวานยังตื่นกันเกือบเที่ยง” เสียงนั่นแสดงความไม่พอใจ
 
ภาพที่เห็นทำให้มณิกานต์กรีดร้องดัง กลบเสียงของคนที่กำลังบ่นด้วยจริต ทำให้ดิลกผละออกจากร่างอรชรของดาราสาวคนดังแล้วรีบไปหาลูกสาว
 
“คุณพ่ออย่าแตะต้องตัวมนต์!” หญิงสาวปัดมือของผู้เป็นพ่อ “นี่มันอะไร?”
 
ภาพชุดคลุมของผู้เป็นบิดาและดาราสาวที่เธอเคยเจอในงานเปิดตัวโครงการคอนโดเมื่อหลายเดือนที่แล้วนั้นเป็นคำอธิบายในตัวมันดีที่สุด 
 
“เคยสัญญาอะไรไว้กับมนต์คุณพ่อลืมหมดแล้วเหรอ …คุณพ่อเอาผู้หญิงแบบนี้เข้ามานอนกกในบ้าน มันเกินไป!”
 
“คือ…”
 
“คุณพ่อห่วงมนต์บ้างไหม ว่ามนต์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร รู้บ้างไหมว่าเกิดอะไรขึ้น มนต์ต้องเจออะไรบ้าง ว่ามนต์เจ็บปวดแค่ไหน”
 
เสียงสะอื้นบอบช้ำของลูกสาวผู้เป็นที่รัก ทำให้นักธุรกิจใหญ่แทบเข่าอ่อน แม้เมื่อก้าวเดินเข้าไปหาลูกสาวคนเดียว แต่มณิกานต์พลันหันกลับเข้าห้อง กระชากประตูปิด ลงกลอนอย่างเร็ว
 
“มนต์เกลียดคุณพ่อ เกลียดๆๆๆ” เธอแผดเสียง ไม่สนใจการคาะที่ดังรัว
 
หญิงสาวซบหน้าลงกับหมอน ต่อให้ร้องไห้อย่างบอบช้ำแค่ไหน แต่น้ำตาไม่เหลือที่จะไหลอีกแล้ว
 
เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ ‘ครอบครัว’ ยังอบอุ่นสมบูรณ์…ในค่ำวันหนึ่งที่เธอและมารดากลับมาบ้าน ก็พบว่ามีผู้หญิงอีกคนอยู่กับบิดาของเธอ หลังจากนั้น ความสุขในครอบครัวก็มลายหายไป ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
 
ในชีวิตที่พ่อไปทา งแม่ไปทาง ส่วนเธอก็อยู่ระหว่างกลาง ถึงแม้จะรับรู้ถึงความรักแต่ความสุขพังทลายหมดสิ้นเพราะมือที่สาม เพราะความมักมาก ไม่รู้จักพอ
 
“คุณแม่…” ในที่สุดมณิกานต์ตัดสินใจกดโทรศัพท์
 
แต่คำตอบจากปลายสายนั้นดับความหวังของหญิงสาวจนหมดสิ้น
 
“คุณมณีรัตน์ไปสหรัฐฯ สองเดือนค่ะ…”
 
มณิกานต์ไม่รอฟังจนจบ เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง
 
คุณพ่อ…มีผู้หญิงควงไม่ซ้ำหน้า
 
คุณแม่…มักเดินทางไปโน่นนี่ กับบรรดาเพื่อนๆ จนหลายทีมณิกานต์ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่า ไปเมื่อไหร่
 
ถึงจะเคยประกาศกร้าวไปอย่างมั่นใจ ‘กลัวอะไร ยังมีเขตต์’
 
แต่ครั้งนี้…มันว้าเหว่ เพราะเธอไม่เหลือใครเลย
 
เสียงเอะอะจากข้างนอกเริ่มดังอีกครั้ง
 
หญิงสาวคว้ากระเป๋าถือและกุญแจรถ ร่างอรชรวิ่งออกจากบ้านหลังนี้ที่เธอรู้สึกรังเกียจ
 
เสียงเรียกของบิดาไม่สามารถดึงให้เธอหันกลับ มณิกาณต์รู้เพียงว่าต้องไปให้พ้น…ไปให้ไกลให้เร็วที่สุด
 
 
 
===========================================================
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
 
ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====


 




 

Create Date : 30 กันยายน 2562
0 comments
Last Update : 30 กันยายน 2562 15:04:11 น.
Counter : 912 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.