✎ การแต่ง รูปดวงตา
**//การแต่งหน้า รูปตาชิด//**

ลักษณะ



ระยะห่างระหว่างดวงตาทั้งสองข้างแคบกว่าความยาวของดวงตาข้างหนึ่ง



เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ทาที่ทาตาสีเข้มที่มุมด้านนอกของดวงตาจากขอบตาถึงโหนกคิ้ว สีเข้มที่สุดควรอยู่บริเวณที่ขอบตา และเกลี่ยให้กลมกลืนไปจนถึงโหนกคิ้ว
    3. ใช้ดินสอเขียบขอบตาเขียนขอบตาด้านบนและด้านล่าง สำหรับด้านบนให้ยกปลายหางตาขึ้น เส้นบริเวณมุมหัวตาด้านในจะต้องเรียวบางและค่อยๆหนาขึ้นที่มุมตาด้านนอก
    4. ปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่ขนตาด้านนอกเพื่อเน้นให้เด่นกว่ามุมหัวตาด้านใน





**//การแต่งหน้า รูปตาห่าง//**

ลักษณะ




ระยะห่างระหว่าดวงตาทั้งสองข้างกว้างกว่าความยาวของดวงตาข้างหนึ่ง และสันจมูกแลดูกว้าง



เทคนิค




    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาถึงคิ้ว
    2. ทาครีมรองพื้นสีเข้มทีีมุมหัวตาด้านในจากขอบตาถึงโหนกคิ้ว สีเข้มที่สุดควรอยู่ที่บริเวณขอบตา และเกลี่ยให้กลมกลืนไปจนถึงโหนกคิ้ว
    3. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนขอบตาด้านบนและด้านล่าง เส้นบริเวณมุมหัวตาด้านในจะต้ิองหนาและค่อยๆ บางลงตรงมุมตาด้านนอก
    4. ปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่หัวตาด้านในเพื่อเน้นให้เด่นกว่ามุมตาด้านนอก





**//การแต่งหน้า รูปตาลึก//**

ลักษณะ



ดวงตาแลดูเล็กและลึก



เทคนิค


    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ทาที่ทาตาสีกลางบริเวณรอยพับของเปลือกตาไปจนถึงโหนกคิ้ว และเกลี่ยให้เรียบ
    3. ใช้ดินสอเขียบขอบตาสีกลางเขียนขอบตาด้านบน โดยเริ่มจากมุมหัวตาด้านในไปจนถึงมุมตาด้านนอก
    4. เขียนขอบตาด้านล่างและเกลี่ยให้เรียบ
    5. ปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่ขนตาด้านนอก





**//การแต่งหน้า รูปตาห้อย**//

ลักษณะ



    1. รอยพับบริเวณเปลือกตาแลดูไม่ชัด
    2. บริเวณใต้คิ้วดูมีเนื้อมากและห้วยย้อยลงมา



เทคนิค



    1. หลีกเลี่ยงการใช้ที่ทาตาเฉดสีมุก
    2. เกลี่ยที่ทางตาสีอ่อน (สีด้าน) จากขอบตาจนถึงคิ้ว
    3. ทาที่ทาตาสีกลางบริเวณที่มีเนื้อห้อยลงมาและเกลี่ยไปจนถึงโหนกคิ้ว
    4. เขียนเส้นบางๆ ที่ขอบตาด้านล่างเพื่อเบนความสนใจจากบริเวณเปลือกตาด้านบน และเกลี่ยให้เรียบ
    5. ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





**//รูปตาอูม//**

ลักษณะ



    1. ดวงตาแลดูโดนเด่นเกินใบหน้า
    2. เห็นเปลือกตาเด่นชัด



เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีกลาง (สีด้าน) จากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ทาที่ทาตาสีเข้มกว่าตามขอบตาด้านบน และค่อยๆ เกลี่ยไปตามมุมตาด้านนอก
    3. ทาที่ทาตาสีเดียวกันนี้ที่ขอบตาด้านล่าง
    4. เกลี่ยสีเข้มกว่าที่เปลือกตาเพื่อทำให้แลดูเล็กลง โดยเริ่มจากด้านล่างของชั้นตาธรรมชาติ ไม่ควรเริ่มที่ชั้นตาพอดี
    5. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนที่ขอบตาด้านบนและค่อยๆ วาดเส้นหนาขึ้นเรื่อยๆ ที่มุมตาด้านนอก
    6. เขียนขอบตาด้านล่างและเกลี่ยให้เรียบ
    7. ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





**//รูปตาเล็ก//**

ลักษณะ



>ดวงตาแลดูเล็กเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ บนใบหน้า

เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว เลือกเฉดสีที่อ่อนกว่าสีผิวเล็กน้อย
    2. ทาที่ทาตาสีกลางบริเวณชั้นตา เกลี่ยขึ้นไปจนถึงโหนกคิ้ว
    3. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนขอบตาด้านบนเรื่อยไปจนถึงขอบตาด้านนอก
    4. เขียนขอบตาล่างด้วยสีกลางเป็นเส้นบางๆ และเกลี่ยให้เรียบ
ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





**//การแต่งหน้า รูปตาแบบชาวตะวันออก//**

ลักษณะ



    1. ดวงตาแลดูแบนเรียบไม่มีชั้นตา
    2. มองเห็นชั้นตาเพียงเล็กน้อยหรือไม่เห็นเลย



เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ใช้นิ้วลูปที่เปลือกตาเพื่อหาแนวชั้นตา
    3. ทาที่ทาตาสีเข้มบริเวณดังกล่าว โดยเริ่มจากมุมหัวตาด้านในปัดไปทางด้านข้างของสันจมูก และเกลี่ยไปทางมุมตาด้านนอก ซึ่งจะช่วยให้เห็นชั้นตาชัดขึ้น
    4. เกลี่ยให้กลมกลืนไปจนถึงโหนกคิ้ว
    5. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนที่ขอบตาด้านบนและด้านล่าง ระวังอย่าให้เส้นทั้งสองมาบรรจบกันที่มุมตาด้านนอก
    6. ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





**//การแต่งหน้า รูปตาโปน**//

ลักษณะ



ดวงตาแลดูโปนบริเวณกระบอกตา

เทคนิค



    1. ห้ามใช้ที่ทาตาสีสดใสที่เป็นสีอ่อนเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ดวงตาแลดูเด่นยิ่งขึ้น ควรใช้สีด้านแทน
    2. เกลี่ยที่ทาตาสีกลางจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    3. ทาที่ทาตาสีเข้มบริเวณขอบตาด้านบน แรเงาไปตามแนวขอบตาเพื่อไม่ใช้เกิดเส้นคมชัดขึ้นมา
    4. ทาที่ทาตาสีเข้มบริเวณเปลือกตาทั้งหมด
    5. ทาทีทาตาสีอ่อนกว่าบริเวณใต้คิ้ว และเกลี่ยให้เรียบ
    6.ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





**//การแต่งหน้า รูปตากลม**//

ลักษณะ



ดวงตาแลดูกลมโตเกินขนาด

เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีกลางจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. เพื่อลดความกลมโตของดวงตา ให้ทาขอบตาด้านล่างด้วยที่ทาตาสีกลาง หรือสีเข้ม และค่อยๆ เกลี่ยขึ้นด้านบน
    3. ทาที่ทาตาสีกลางบริเวณเปลือกตา โดยเริ่มจากบริเวณ 1/3 ของมุมตาด้านนอก ค่อยๆ ทแยงมุมขึ้นข้างบนและเกลี่ยเข้าข้างใน เกลี่ยให้กลมกลืนบริเวณโหนกคิ้ว
    4. เกลี่ยให้กลมกลืนไปจนถึงโหนกคิ้ว
    5.ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนที่ขอบตาด้านบน ค่อยๆ ทแยงมุมขึ้นไปจนถึงมุมตาด้านนอก
    6. เขียนขอบตาด้านล่างและเกลี่ยให้เรียบ
    7.ปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 บริเวณมุมตาด้านนอก





**//การแต่งหน้า รูปตาย้อย//**

ลักษณะ



มุมตาด้านนอกห้อยย้อยลงมา



เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนขอบตาด้านบน ค่อยๆ ทแยงมุมขึ้นข้างบนจนถึงมุมตาด้านนอก
    3. จากเส้นนี้ให้ทาที่ทาตาสีเข้มบริเวณชั้นตา โดยเริ่มจากมุมตาด้านนอก เกลี่ยขึ้นข้างบนและเกลี่ยเข้าข้างในประมาณ 3/4 ของดวงตา
    . ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนขอบตาด้านล่างเป็นเส้นบางๆ และเกลี่ยให้เรียบ
    5. ปัดมาสคาร่า และปัดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ที่หัวตา




**//การแต่งหน้า รูปตาแบบเม็ดอัลมอนด์//**

ลักษณะ



ดวงตามีสัดส่วนสมดุลและหางตาเฉียงขึ้น

เทคนิค



    1. เกลี่ยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
    2. ทาที่ทาตาสีกลางถึงสีเข้มบริเวณชั้นตา เกลี่ยขึ้นไปจนถึงโหนกคิ้ว
    3. ทาที่ทาตาสีอ่อนกว่าตรงกลางเปลือกตา
    4. ใช้ดินสอเขียนขอบตาเขียนขอบตาด้านบนเพื่อให้ขนตาแลดูหนาขึ้น
    5. เขียนขอบตาด้านล่างและเกลี่ยให้เรียบ
    6. ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง





» ที่มา : ecarddesignanimation



บทความที่เกี่ยวข้อง

✎ เทคนิคการแต่งหน้า
✎ การแต่งหน้าขั้นพื้นฐาน













Create Date : 22 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 เมษายน 2553 14:05:22 น.
Counter : 854 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
สิงหาคม 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
17
18
20
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog