✎ การเก็บรักษายา


ในแง่ของการดูแลรักษาคนที่คุณรัก และตัวคุณเองนั้น ทุกคนยอมรับว่า นอกจากการไปพบแพทย์ เพื่อให้ได้การตรวจวินิจฉัย ให้ถูกต้องกับโรคที่ตนเองเป็นแล้ว การใช้ยาให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แพทย์ผู้ดูแลจะสั่งยาต่างๆ ที่เหมาะสม และเลือกขนาดยาที่ถูกต้องให้ ซึ่งขั้นตอนต่อไป คือ การที่ผู้ป่วยจะต้องทานยาตามที่แพทย์สั่ง แต่ก็จะมีเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญ และ บางครั้งอาจเป็นสิ่งที่ ทำให้เกิดการรักษาที่ไม่ได้ผล หรือ มีผลข้างเคียงจากการรักษาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนั้น คือ “การเก็บรักษายา”

เนื่องจากยาในปัจจุบันนั้น มักจะมีราคาสูง ทำให้หลายคน พยายามเก็บยาไว้ใช้ให้นานที่สุด จึงอยากแนะนำวิธีเก็บรักษายาให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ของคุณเองและคนที่คุณรัก การเก็บรักษายา อย่างถูกต้อง เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่สำคัญต่อการรักษาคุณภาพยา ให้คงอยู่ตามมาตรฐาน ตั้งแต่บริษัทผู้ผลิต โรงพยาบาล คลินิก หรือ ร้านขายยา จนกระทั่งถึงผู้ป่วย สิ่งที่มีผลต่อคุณภาพของยา โดยทั่วไปได้แก่ ความร้อน, ความชื้น, และ แสง


ข้อควรปฏิบัติในการเก็บรักษายา


    1. อ่านสลากยาให้ครบถ้วน รวมทั้งคำแนะนำการเก็บรักษายา
    2. กรณียาทั่วไป ที่ไม่ระบุการเก็บรักษาเป็นพิเศษ ให้เก็บยาที่อุณหภูมิห้องบริเวณที่ไม่ร้อน และ ไม่มีแสงแดดส่อง ห้ามทิ้งยา ไว้ในรถยนต์ เพราะ เมื่อจอดกลางแดด แม้เพียงไม่นานอุณหภูมิในรถจะร้อนมาก ทำให้ยาเสื่อมได้ง่าย และ ควรเก็บในที่ที่เด็กหยิบยาเองไม่ได้
    3. กรณียาที่ระบุว่าให้เก็บยาไว้ในตู้เย็น ห้ามแช่แข็ง หมายถึงให้เก็บในตู้เย็นช่องปกติ ไม่ควรเก็บที่ชั้นใกล้ช่องแช่แข็ง เพราะ มีความเย็นจัดจนทำให้เป็นน้ำแข็งได้ หรือเก็บที่ประตูตู้เย็น เพราะอุณหภูมิอาจไม่เย็นพอ จากการที่มีการเปิด ปิด ประตูตู้เย็น บ่อยๆ
    4. ยาที่บรรจุ ในขวดสีชา หมายถึงยาที่ต้องป้องกันไม่ให้ถูกแสง ไม่ควรเปลี่ยนภาชนะบรรจุยา ไปเป็นแบบใสหรือ ขาว เพราะจะทำให้ยาเสื่อมได้จากแสง
    5. ยาที่ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นควรใส่สารกันชื้น (มักเห็นเป็นซองเล็กๆ ภายในมีเม็ดกันชื้นอยู่สอดอยู่ในขวดยา) ไว้ตลอดเวลา และ ปิดภาชนะบรรจุให้แน่น
    6. ควรเก็บยาไว้ในภาชนะบรรจุเดิมซึ่งมีสลากระบุชื่อยาและ วันที่ได้รับยานั้น จะทำให้สามารถพิจารณาระยะเวลาที่ควรเก็บยาที่เหลือนั้นได้


ควรเก็บยาที่เหลือไว้นานเท่าใด ?


    1. ยาปฏิชีวนะที่ต้องผสมน้ำ และเก็บในตู้เย็น มีอายุ ของยา 7-14 วัน หลังจากผสมน้ำและ เก็บในตู้เย็น หลังจากนั้น ประสิทธิภาพของยาจะลดลงอย่างมาก ทำให้การรักษาไม่ได้ผล
    2. ยาน้ำทั่วไป หลังจากเปิดขวด แล้วควรเก็บไว้ ไม่เกิน 6 เดือน หรือ ตามกำหนดวันหมดอายุอันใดอันหนึ่งที่มาถึงก่อน และพิจารณาลักษณะภายนอก ของยาประกอบด้วย เช่น ดูขุ่น ผิดปกติ หรือมีการตกตระกอน หรือ สีเปลี่ยนไป ถ้าไม่แน่ใจควรทิ้งไปจะดีกว่า
    3. ยาเม็ดที่ไม่ได้บรรจุใน Foil ควรเก็บ ไว้ไม่เกิน 6-12 เดือน โดยพิจารณา ลักษณะภายนอกของยาประกอบด้วย เช่น เม็ดร่วน แตกหัก หรือ สีเปลี่ยนไป ควรทิ้งยาที่พบนั้น
    4. ยาเม็ด ที่บรรจุ Foil สามารถเก็บ ไว้ได้ ถึงวันหมดอายุของยา
    5. ยาใช้ภายนอก เช่น ครีมต่างๆ ควรเก็บไว้ ไม่เกิน 6 เดือน หรือ ตามกำหนดวันหมดอายุอันใดอันหนึ่งที่มาถึงก่อน และพิจารณาลักษณะภายนอกของยาประกอบด้วย
    6.ยาหยอดตา, ยาป้ายตา ที่เปิดใช้แล้ว ควรเก็บ ไว้ไม่เกิน 30 วัน หลังจาก เปิดใช้


“โปรดระลึกไว้เสมอว่า ยาที่เสื่อมสภาพนั้น อาจมีอันตรายต่อสุขภาพของท่าน หรือคนที่คุณรักได้มากและบางครั้ง การเก็บรักษายาที่ไม่ถูกต้องทำให้ยาเสื่อมก่อนถึงวันหมดอายุได้ จึงควรเอาใจใส่ เรื่อง การเก็บรักษายาที่ได้รับมา และ ทานยาตามที่แพทย์สั่งเสมอ เมื่อมีปัญหาอย่างไรควรปรึกษาแพทย์

“ยานั้นมีคุณอนันต์ แต่ ก็อาจมีโทษมหันต์ ถ้าใช้ยาไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะยาที่เสื่อมสภาพ หรือ ยาหมดอายุ”

ส่วนท่านที่ชอบซื้อยาทานเอง โดยรักษาตามคำบอกของเพื่อน หรือญาติ ที่อาจจะมีอาการคล้ายกัน นั้น ก็อยากจะขอให้ระมัดระวัง เนื่องจากยาที่ใช้อาจจะไม่ตรงกับโรคที่เป็น หรือใช้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง หรืออาจจะมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่แต่ละคน อาจจะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากการดำเนินโรคที่ต่างกัน รวมทั้งประวัติการแพ้ยา ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน จึงอยากขอให้ปรึกษาแพทย์ จะดีกว่าการพยายามรักษาเองครับ




» ที่มา : คลินิกเด็ก













Create Date : 13 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 เมษายน 2553 15:00:59 น.
Counter : 410 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
สิงหาคม 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
14
15
17
18
20
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog