✎ เรื่องของตรงนั้น..ที่ชั้นใน..ที่ผู้หญิงควรรู้

อย่าเพิ่งงงว่าเรากำลังจะพูดถึงอะไรนะคะ แต่บอก เป็นนัยๆ แบบนี้คุณผู้หญิงก็คงเดากันได้...

เราเชื่อว่าคุณผู้หญิงทุกคนคงเคยสังเกตตัวเองบ้าง ว่าระหว่างวันของคุณนั้นอาจเจอร่องรอยบางอย่าง เปื้อนเปรอะบนกางเกงชั้นใน ที่บางคนเรียกว่า ระดูขาว นั่นเอง บางคนอาจสงสัยว่าเจ้ารอย ที่เห็นนั้นมันเป็นเรื่องปกติหรือไม่กันแน่ ครั้นจะ เอ่ยปากถามใครบางทีก็ไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ หรือจะไปถามคุณหมอก็อาจรู้สึกว่ายังไม่ใช่เรื่อง คอขาดบาดตายขนาดนั้น...อาจจะรบกวนเวลาของ คนไข้คนอื่นเสียเปล่าๆ (ข้อสำคัญคือไม่กล้าถามซะด้วย ...อายหมอ) ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ต้องขอบอกว่ายังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่สงสัย เช่นเดียวกัน ดังนั้นคราวนี้เราจะมาบอกเล่าเก้าสิบ ถึงเรื่องนี้กันค่ะ

ตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงไม่ว่าจะยังสาวหรือสูงอายุทุกคนที่ถึงวัยมีประจำเดือนจะต้องมีระดูขาว หรือของเหลวที่ไหลมาจากช่องคลอด เป็นผลให้เกิดรอยเปื้อนเปรอะบนกางเกงชั้นในหรือแผ่นอนามัย จนสังเกตเห็นได้ แม้ยังไม่ถึงเวลาของรอบประจำเดือนก็ตาม ขณะที่ บางวันก็แห้งสะอาด ไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนใหญ่ลักษณะเป็นมูกใสๆ ไม่มีกลิ่น ปริมาณน้อย ซึ่งหยดมาจากคอมดลูกหรือผนังช่องคลอด ลักษณะนี้อาจเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาระหว่างรอบประจำเดือน อย่างเช่น ช่วงตกไข่ (ช่วงกลางๆ รอบเดือน) ลักษณะมูกอาจจะใสมากเนื่องจากการผลิตมูกมากขึ้น หรือคนที่รับประทานยาคุมกำเนิด กำลังตั้งครรภ์ หรือขณะเผชิญสิ่งเร้าทางเพศก็มีผลต่อลักษณะและปริมาณของสิ่งที่ร่างกายขับออกมาทางช่องคลอดได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น ภาวะวัยทอง หรือระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง ก็มีผลให้ร่างกายขับมูกที่ว่านี้ออกมาน้อยลงด้วย

ปกติแล้วช่องคลอดของผู้หญิงจะมีการทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติ การที่ปล่อยมูกสีใสหรือขุ่นเล็กน้อยออกมาก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำความสะอาดนั่นเอง ถือว่าเป็นเรื่องปกติของร่างกายที่สมบูรณ์ แต่หากมูกที่ร่างกายขับออกมาทางช่องคลอดเป็นผลจาก ความผิดปกติของร่างกายล่ะก็ จะมีลักษณะที่เปลี่ยนไป เช่น สี กลิ่น ผิดไปจากปกติ เช่น เป็นสีขาวขุ่นข้น สีอมเขียว อมเหลือง อมเทา หรือมีมูกเลือดเจือปน หรือมีกลิ่นเหม็น ซึ่งบางทีอาจเกิดพร้อมเป็นผื่นแดง เจ็บ แสบ หรือคัน

ปัจจัยหลักๆ ที่เป็นสาเหตุของอาการระคายเคืองรอบๆ ช่องคลอด และทำให้ของเหลวที่ขับออกมานั้นเปลี่ยนสี กลิ่น ปริมาณ รวมทั้ง ความเหนียวข้นนั้น ได้แก่ การติดเชื้อโรคต่างๆ นั่นเอง อาทิ ยีสต์ และเชื้อรา หากติดเชื้อยีสต์ มูกที่ออกมามักจะมีลักษณะเป็นก้อนหนา สีขาวขุ่นข้น จนดูคล้ายกับชีสสด อาจเกิดคู่กับการที่บริเวณช่องคลอด และปากช่องคลอดบวมแดง หากเป็นมากและไม่ได้รักษาจะทำให้คัน และแสบร้อนบริเวณอวัยวะเพศได้

ส่วนเชื้อรานั้น ปกติบริเวณช่องคลอดเราจะมีราบางชนิดอาศัยอยู่ในปริมาณพอดีๆ ซึ่งไม่ทำให้เกิดอการผิดปกติอะไร เช่น เชื้อ Candida albicans หากเมื่อไรเชื้อรานี้เติบโตแพร่กระจายมากเกินปกติ ซึ่งมักเกิดระหว่างการตั้งครรภ์ หลังการกินยาประเภทแอนตี้ไบโอติกส์ กินยาคุมกำเนิด เป็นโรคเบาหวาน หรือเกิดความอับชื้น ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคันและเป็นผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อรานี้มีโอกาสติดต่อกันได้ระหว่างคู่

นอกจากยีสต์หรือราแล้ว ในช่องคลอดเรายังเป็นที่อาศัยของเชื้อแบคทีเรียบางตัวด้วยเช่นกัน หากมีปริมาณมากเกินก็จะทำให้เกิดอาการผิดปกติ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น Lactobacillus, Gardnerella และ Peptostreptococcus แบคทีเรียมักพบในคนที่เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ คนที่มีเพศสัมพันธ์แบบเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือคนที่ใช้ห่วงคุมกำเนิด ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นคือ อาจจะพบมูกหรือเมือก ที่ไหลจากช่องคลอดเป็นสีขุ่นเหลือง มีกลิ่นคาวปลา มีอาการคัน แสบร้อนเวลาปัสสาวะ หรือเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสามารถรักษา ให้หายได้โดยใช้ยาประเภทแอนตี้ไบโอติคส์ โดยควรปรึกษาแพทย์ เชื้ออีกอย่างที่พบได้คือ ทริคอมโมนาส (Trichomonas) เป็นเชื้อปรสิตชนิดหนึ่ง หากติดเชื้อนี้จะสังเกตได้จากมูกที่หลั่งทาง ช่องคลอดจะออกเป็นลักษณะฟองสีเขียวอ่อนๆ เกิดอาการคัน และ เจ็บบริเวณนั้น บางครั้งอาจมีกลิ่นเหม็น แต่ไม่เสมอไป และเนื่องจากเชื้อทริคอมโมนาสนั้นเป็นปรสิตที่สามารถอาศัยในต่อมลูกหมากของผู้ชายได้ด้วย ดังนั้นคู่นอนของคุณผู้หญิงจึงควรหาทางป้องกันการติดเชื้อด้วย ซึ่งควรปรึกษาแพทย์

นอกจากนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจเป็นสาเหตุของอาการคัน เจ็บบริเวณอวัยวะเพศ และมีเมือกหรือของเหลวหลั่งออกมาจาก ช่องคลอดได้ ซึ่งแบคทีเรียและไวรัสบางตัวก็อาจแพร่ไปถึงผู้อื่นได้อีกด้วยวิธีอื่น เช่น เชื้อ HIV หรือไวรัสตับอักเสบ ที่สามารถติดต่อทางการให้เลือด ให้นมลูก หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ดังนั้นทางที่ดีเมื่อรู้ตัวว่ามีอาการเตือนต่างๆ จึงควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที

หากคุณผู้หญิงที่สังเกตเห็นร่องรอยของระดูขาวผิดปกติ นอกจากควรไปปรึกษาแพทย์แล้ว ก็ควรดูแลตัวเองดังนี้

     • ใช้ยาจนหมดตามแพทย์สั่ง
     • หลีกเลี่ยงความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น โดยไม่สวมกางเกงรัดแน่นเกินไป หรือใช้กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายธรรมชาติที่จะระบายความอับชื้นได้ดีกว่ากางเกงที่ทำจากวัสดุใยสังเคราะห์
     • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์ น้ำหอม แป้ง สบู่ที่มีน้ำหอมมาก หรือมีสารเคมีเจือปน
     • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยที่ผสมน้ำหอม
     • หลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ ที่ผสมน้ำหอมแรงๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นสาเหตุของการระคายเคือง
     • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหยุดยา เพื่อป้องกัน การติดต่อไปยังคู่นอน และป้องกันการระคายเคืองแทรกซ้อน
     • หากใช้ยาไปสักระยะแล้วอาการต่างๆ ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์อีกครั้ง และเว้นการทายาบริเวณช่องคลอดก่อนพบแพทย์ประมาณ 48 ชั่วโมง
     • สำหรับคนที่อยู่ในช่วงก่อนหมดประจำเดือน หรือหลังหมดประจำเดือนแล้ว อาจทำให้ผนังช่องคลอดบางลงและแห้ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บ แสบ หรือคันเวลามีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเดิม กรณีนี้อาจปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนเสริมเอสโตรเจน และวิธีปฏิบัติตัวที่เหมาะสม

เพื่อสุขภาพของตัวเราเอง อย่ามัวอายเมื่อสังเกตเห็นอาการ ผิดปกติที่ ตรงนั้น ของ ชั้นใน นะคะ ใกล้หมอไว้ปลอดภัย กว่าค่ะ




» ที่มา : yourhealthyguide.


ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

✎ เส้นเลือดขอด โรคฮิตของคุณผู้หญิง







Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 24 เมษายน 2553 11:14:09 น.
Counter : 628 Pageviews.

0 comments

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
เมษายน 2553

 
 
 
 
1
2
3
5
6
10
11
12
13
14
18
19
21
22
27
28
29
30
 
 
All Blog