✎ อันตราย วุ้นในลูกตาเสื่อม จากการใช้คอมพ์
วุ้นในลูกตาเสื่อม ( Vlireous degeneration )


เตือนคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย ไม่ว่าจะใช้เล่นเกมส์ หรือใช้ว่าทำงานลองอ่านดูนะคะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย ตอนนี้ประเทศไทยมีคนเป็นโรค"วุ้นในลูกตาเสื่อม" ถึง 14 ล้านคน แล้วคะจากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ ?? นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไวคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองก็เป็นจะมากขนาดไหน


อาการ


คือ จะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากไย่ ลอยไปลอยมา เหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดก็ต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ( ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่ ?)


สาเหตุของโรคนี้


คือ การใช้สายตามากเกินไป ( เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่าง เจียรไนเพชรพลอย ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละถามว่าทำไม คนเล่น เนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก ? ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต , เล่นเกมส์ , อ่านไดอารี่ ,อ่านบทความ , อ่านหนังสือ หรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาเสียได้ทั้งสิ้น เพราะว่าถ้าอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ ระยะห่างระหว่าง ลูกตากับ ตัหนังสือจะคงที่ แน่นอน เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัดทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอน กล้ามเนื้อและประสาทตา จึงทำงานค่อน ข้างคงที่ แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกันเหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่ชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมี ความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป และจอ LCD เราก้อต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือมันไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือนอยู่บนแผ่นกระดาษ การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน ) บวกกับ ลักษณะการอ่านหน้าหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้าน ข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้ หรือไม่ก็ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์ หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ มันไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษที่แขนกับคอ จะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กันแต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้างหรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (สังเกตุดู) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะลูกตาจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้นบางทีต้องก้มเพื่อมองนิ้วว่ากดตำแหน่งบนแป้มพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จจะปวดตามากๆๆ อย่างเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลา การเปิดโปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือดำ พื้นสีขาว ) สีพื้นที่ สว่างขาวจ้า นี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆเพราะจ้องจอสีขาว



ข้อมูลนี้เป็น FW mail นะคะ เลยไม่รู้จะให้เครดิตใคร ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดี ๆที่เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะได้ระวังและถนอมในการใช้สายตาในครั้งต่อไป











Create Date : 15 ธันวาคม 2550
Last Update : 25 เมษายน 2553 11:52:17 น.
Counter : 543 Pageviews.

19 comments
  
อูย..น่าจัวจังเพื่อน
แล้วจะหายไปไหนจ๊ะเนี้ย..อย่านานมากน่ะ
รออยู่ ทูกวัน
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:9:11:53 น.
  

น่ากลัวนะ..
สงสัยต้องดูแลตัวเองดีดี.

น้องสาวก็ดูแลตัวเองหละ.
โดย: พิจักษณา วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:9:38:39 น.
  

โอ !! พี่ทำงานเยอะเลยหิวจนตาลาย

อ่านเป็น วุ้นในลูกตาลเชื่อม

แฮะๆๆ

โดย: ห่วงใย วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:1:58:20 น.
  
แอบขำตัวเอง...หลังจากอ่านข้อความคุณธรรมค่ะ

แต่สงสัยนางจะยังไม่ตื่นดี
อ่านเป็น...วุ้นในลูกตาลเชื่อม...เหมือนกัน

โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:5:32:55 น.
  
หญิงไล...

ปลิวเปิดบล็อกแล้ว
ไปหาปลิวได้แล้วเน้อ หุๆๆ

ส่วนวุ้นเนี่ย กินได้ป่าว อิอิ
..แลบลิ้น..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:8:55:36 น.
  
โหยยย
โรคนี้นี่ผมเป็นเต็มๆเลย บ่อยครั้งผมมองเห็นหยอกไย่ลอยไปลอยมาตลอดเลย
แถมผมชอบไปเล่นกับมัน(?) ด้วยการกรอกตาไปทางซ้ายทีขวาที แล้วพวกมันก็จะไหล่ตามไปด้วย(สนุกดี)
ตอนแรกนึกว่ามันคือฝุ่นผงเล็กจิ๋วที่ติดอยู่บนลูกกะตาไม่มีพิษภัยอะไร...ที่ไหนได้...

แต่คงยังไม่เป็นถึงขั้นหนัก เพราะยังอ่านหัวบล็อกว่า “วุ้นในลูกตาเสื่อม” อยู่
(ไม่ได้เป็นลูกตาลในน้ำเชื่อมแต่อย่างใด 555+)
โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:15:37:35 น.
  
มาส่งความคิดถึง ให้ ถึงหญิงไลนะ... ขยันทำงานแบบนี้ โบนัสงามแน่เลย ฮิ ๆ ๆ

คืนนี้พี่คอยเจ้า
(กิติคุณ เชียรสงค์ี)

คืนนั้นมีเธอซบอิงอกฉัน
ออเซาะอ้อนคำรำพัน
เสกสรรอ้อนคำเอ่ยคำปลอบใจ
จวบจนฟ้าสางสว่างไปแว่วเสียงสำเนียงนกไพร
กล่อมให้นวลน้องนิทรา
มีรักเคียงใจฤทัยสุขสันต์
ชวนชี้ให้ชมดวงจันทร์คืนนั้นสุขล้ำอุรา
แจ่มจันทร์นั้นงามอร่างตา
ข้าชมภิรมย์น้องข้า
ขวัญสุดาหนุนตักแทนหมอน
คืนนี้คืนนั้นผิดกันไกล
ข้า ปล่าวเปลี่ยวใจ
ใครพาน้องข้าจากจร
โกรธแค้นเคืองใครใยตัดรอน
เคยรักเคยวอนรำพันหรือใจเจ้านั้นเป็นอื่น
คืนนี้มองจันทร์ไม่งามผ่องใส
คนรักกันเพียงดวงใจ
เคยหมายมั่นไว้ยั่งยืน
ข้าคอยขวัญตาทุกค่ำคืน
ข้านอนฝันยังสะอื้น
ทุกวันคืนครวญคร่ำคอยหา

คืนนี้พี่คอยเจ้า-ก...
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:8:45:46 น.
  
คิดถึงเพื่อน
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:11:45:11 น.
  
อ้าว...หายไปไหนนี่
แขกเหรื่อมากันเต็มบ้าน
ไม่มาต้อนรับล่ะ
ได้ไง...

โดย: สดายุ... วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:12:12:43 น.
  
ขอบคุณค่ะ...น่ากลัวจิงนะ
โดย: โลมาน้อยน่ารัก วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:13:35:04 น.
  


คุณไลฯ ฝน

คิดถึงจังค่ะ เป็นไงบ้าง คุณไลน่ารักจัง นำข้อมูลดีดีมาฝากเพื่อนๆ นะคะ ขอบคุณมาก

สงสัยจะต้องเช็คอาการของตัวนกเองแล้วค่ะ ว่าเข้าข่ายจะเป็นโรคนี้หรือเปล่า เวลาอยู่หน้าคอมพ์นานๆ จะปวดตาเหมือนกันนะคะ

ขอแซวพี่ธรรมหน่อยนะคะ ..ทำงานเยอะหรือเล่นคอมพ์จนตาลายกันแน่คะ พี่ธรรม ถึหิวซะขนาดอ่านผิดเลย อิอิ อ้าว คุณนาง ก็เป็นไปกับพี่ธรรมด้วยเหรอเนี่ย..ขำ..

โดย: Nok_Noah วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:15:05:17 น.
  
โรคนี้น่ากลัวนะเนี่ย...
ดีจ้าหญิงไล...
เดือนเอง(หรือจาเรียกเดียร์ก็ได้) ยินดีที่รู้จักเช่นกัน
ไว้เดียร์จะมาเม้นท์หน้าบล็อคให้นะ
ที่เดียร์ชอบไปอ่านกลอนก็เลยไปเม้นท์ไว้ที่หน้านั้นอย่างเดียว..โทดทีน๊า
ช่วงที่เพิ่งเริ่มทำงานพิเศษก็ดูยุ่งเหยิง
ยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเท่าไหร่
พอเริ่มจะปรับตัวได้ก็ถึงช่วงใกล้สอบอีก
ช่วงนี้ชีวิตดูวุ่นๆพิลึกไงไม่รู้
เดียร์คงจะไม่อัพบล็อคหลายอาทิตย์
แต่ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่จะแวะมาทักนะ
โดย: ดุจเดือน วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:17:43:05 น.
  
ทำไงดีน้องไล...พี่เห็นจุดดำเป็นเงารางๆเวลามองผนังสีขาวแล้วอ่ะ.....


มีวิธีป้องกันหรือแก้ไขมั้ย...ชักหวาดๆ...ไม่อยากผ่าตัด..กลัว
โดย: big-lor วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:14:58:21 น.
  
หญิงไลขวัญใจสาวปลิว...

เจ้าของบ้านหนีไปแล้ว
ไปกินวุ้นลูกตาลเชื่อม
แหงเลย ฮ่า ๆ ๆ

คิดถึง... ไม่รู้คืนนี้จะงาน
ยุ่งไหม... ถ้ายุ่งก็ไม่ต้อง
ห่วงสาวปลิวนะ พักผ่อน
เยอะ ๆ เข้าใจ๋?

..ยิ้ม..
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:16:24:05 น.
  



.....Merry Christmas ครับ.....
โดย: doctorbird วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:22:16:03 น.
  
ก๊อกๆ หญิงไล...

นางทานวุ้นหมดแล้วนะ

พร้อมจะอ่านตอนต่อไปของน้ำหวานแล้ว
มาไวๆ นะคะ

โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:7:09:32 น.
  
คิดถึงเพื่อนอ่ะ...
โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:9:08:16 น.
  
ตื่นแล้วมารายงานตัวด้วยนะ
รอฟังผลอยู่อะ...
อิอิ

เอาความสุขมาส่งด้วย
รับไปซะ

myspace comments
Myspace Comments @ GiveMeLip.com
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:10:33:08 น.
  
Glitter น่ารักๆ มีอีกเพียบ

Glitter น่ารักๆ มีอีกเพียบ

หนูไล เป็นแบบไหนจ๊ะ หวังว่าคงไม่เป็นอย่างหนักน่ะ
แม่น้องรันเองก็พยายามลดเวลาในการเล่นเน็ตให้น้อยลง
บางทีก็เปิดไว้แล้วเตร่ไปทำงานบ้าน
พยายามไม่นั้งหน้าคอมฯนานหน่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่น่าตกใจนี้จ๊ะ
ขอให้มีความสุขมากๆน่ะ

โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:15:22:33 น.

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog