Bloggang.com : weblog for you and your gang
Welcome __ to __ LadyGonkrua
Talk To Friends
International Cuisine
International Light & Snacks
Thai Cuisine
Thai Light & Snacks
Thai Dessert
Pastry & Sweet
Bakery Bread & Dough
Guru Recipe
Dining Out
Travel around Thailand
Travel around the World
Various Design
Good to Know
Herb & Spice
Stock & Sauce
Content & Guestbook
สังคมแห่งสติ....
....สังคมแห่งสติ....
ผ่านเรื่องราวที่จำต้องจดบันทึกไว้อีกครั้ง...อาจหาเหตุและผล หาความจริงไม่ได้เหมือนเช่นเคย...เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านมาและผ่านไป อีกสักกี่ชั่วกัปชั่วกัลป์ มนุษยชาติก็ยังคงไว้ซึ่งกิเลสตัณหา เพียงเพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร จนไม่อาจหลุดพ้นจากสังสารวัฏนี้ไปได้...ต่อให้ย้อนกลับไปยุคโบราณนานแค่ไหน วัฏจักรแห่งความอยากก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการของความอยากจนเกิดการแก่งแย่ง อาจแลดูแปลกแตกต่างกันไปตามยุคตามสมัย หากแต่ผลสรุปแทบจะไม่แตกต่างกันเลย...
อันที่จริง...หากศึกษากันตามประวัติศาสตร์แล้ว ก็จะเห็นว่าเผ่าพันธ์มนุษย์ล้วนแล้ว ต่างก็มาจากถิ่นกำเนิดเดียวกัน แต่ด้วยเหตุของการอพยพเคลื่อนย้าย จึงทำให้แบ่งแยกออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน ลงหลักปักฐานตามถิ่นต่างๆ และด้วยความจำเป็นในการใช้ชีวิตจึงทำให้มนุษย์จำต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมตามที่ตนอาศัยอยู่ จึงได้ก่อกำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเรียกกันหลากหลายอย่างในปัจจุบันนี้...จะด้วยเหตุผลที่ต้องการดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ ต้องการปกป้องถิ่นอาศัย หรือการดำรงไว้ซึ่งความเชื่อทางลัทธิ ศาสนา หรือจะอะไรก็ตาม ที่มนุษย์รู้สึกว่าถูกคุกคาม ถูกบังคับ ถูกริดรอน ก็จะต้องเกิดการต่อสู้ ขัดขืน ขัดขวาง แย่งชิงหาผู้แพ้ หาผู้ชนะอยู่ร่ำไป...โดยอาจหลงลืมถึงรากเหง้าของเผ่าพันธุ์ดั่งเดิม...ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายรุก ใครจะเป็นฝ่ายรับ สรุปสุดท้ายก็ล้วนเกิดจากกิเลสตัณหาแห่งความอยากแทบทั้งสิ้น...ไม่มีข้อยกเว้น...ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาเดียวกัน หรือว่าจะต่างเชื้อชาติต่างศาสนา สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ...ดั่งที่เกิดขึ้นอยู่แทบจะทั่วทุกมุมโลกในตอนนี้...
หากมนุษยชาติทั้งหลาย...จะหันมาใช้สติกันให้มากกว่านี้กันอีกสักหน่อย ใช้เวลาไตร่ตรองให้มากกว่านี้กันอีกสักนิด หันกลับมามองถึงหลักความเป็นจริงแท้ของชีวิตกันให้มากกว่านี้...โดยส่วนตัว...ไม่อาจเข้าใจในหลักธรรมของศาสนาใดๆ ได้อย่างลึกซึ้ง หากแต่โดยพื้นฐานทางความเชื่อของทุกศาสนา ก็ล้วนบ่มเพาะไว้ซึ่งความดีงาม ความเอื้ออาทรเพื่อการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติทั้งหลายอย่างไม่แบ่งแยกเป็นแน่แท้...และ...การลด ละ เลิก ซึ่งความอยากในกิเลสตัณหาลงเสียบ้าง ก็คงจะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันด้วยความสุข ความสงบมากกว่านี้...หรือ...ก็เพื่อความโล่ง ความเบาที่จิตของผู้ปฏิบัติเอง...เพราะ...ผลสรุปสุดท้ายแห่งชีวิตที่มีร่างนี้ กายนี้ จิตนี้ ที่คอยปรุงแต่งความอยากมาบำรุงบำเรออย่างไม่วันเติมเต็ม เพราะเกิด ดับอยู่ตลอดเวลา... หากไม่ตามดู รู้ไม่ทัน ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฏนี้ไปได้...ร่างกายที่รอวันเสื่อมสลาย แต่จิตที่ยังคงยึดมั่นถือมั่น ปล่อยไม่ลงวางไม่เป็น การเวียนว่ายก็คงต้องดำรงอยู่ต่อไป...
แต่...แน่ใจแล้วหรือว่า...ความสุขที่เราต้องการ มีอยู่จริง ถ้าคิดว่าจริง จะอยู่กับเรานานสักแค่ไหน กับความทุกข์ที่เราไม่ต้องการ จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเรางั้นหรือ...ร่างกายที่สะสมไว้แต่ของเน่าเหม็น จะคงรูปไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ และจิตที่ไม่เคยได้พักผ่อนเลย จะไม่มีวันอ่อนล้ากระนั้นหรือ...มนุษย์เราอาจจะคุ้นเคยอยู่กับการพักผ่อนร่างกาย กินให้อร่อย กินให้อิ่ม นอนให้หลับ นอนให้สบาย ที่สวยงามหรูหราแค่ไหนก็ได้...แต่...เคยคิดที่จะพักผ่อนจิตกันบ้างไม๊...แค่การปล่อยวาง หยุดคิด หยุดฟุ้ง หยุดอยาก หรืออย่างน้อยก็อยู่อย่างประมาณตน อย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น ดั่งคำที่ท่านพุทธทาสภิขุสอนไว้ว่า...
อันความจริง ตัวกู มิได้มี แต่พอเผลอ มันก็มี โผล่มาได้
พอหายเผลอ ตัวกู ก็หายไป หมด ตัวกู เสียได้ เป็นเรื่องดี
สหายเอ๋ย จงถอน ซึ่ง ตัวกู และถอนทั้ง ตัวสู อย่างเต็มที่
มีกันแต่ ปัญญา และ ปราณี หน้าที่ใคร ทำได้ดี เท่านี้เอยฯ
หรือจะเป็นคำอย่างที่เยอรมันสอนที่ว่า...
Mein und ist nicht mein bei den zweiten wird es auch so sein den dritten tragt man auch heraus darum frage ich wem gehört das haus. แปลโดยรวมประมาณว่า...ไม่ว่าฉัน หรือใครก็ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้อย่างแท้จริง...
นี่อาจเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งที่ว่า...ไม่ว่าชาติไหนหรือภาษาใด ต่างก็มีความเข้าใจในบทสรุปของชีวิตไม่ต่างกันเลย...การไม่ยึดมั่นถือมั่น ความเป็นของเรา บ้านของเรา ตัวของเรา เป็นเรื่องที่มิได้สอนให้ปล่อยปละละเลยต่อสิ่งที่เป็นอยู่ หากแต่อยู่อย่างเข้าใจในความเป็นไปอย่างไม่ยึดติด โดยมีกรรมคือการกระทำทั้งดีและชั่วเป็นเครื่องชักพา จะกระทำโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระลึกไว้อยู่เสมอก็คือความไม่ประมาท ฉะนั้น...การเป็นอยู่อย่างมีสติ จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติมิใช่หรือ...ยังไม่ต้องเชื่อ...เพราะตามหลักศาสนาพุทธ ไม่ได้สอนให้ใครเชื่อ...จึงขออนุญาตยกหลักกาลามสูตรมาไว้ตรงนี้...และโดยส่วนตัวเห็นว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ การใช้ชีวิตในยามนี้อีกด้วย...
กาลามสูตร
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
ตัวอย่าง
อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า ข่าวว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 232
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 13
พระพุทธเจ้าสอนอะไร แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย โดย ร.ศ.ชูศักดิ์ ทิพย์เกษร และคณะ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2547 หน้า 15-17
คิดอย่างเป็นระบบ และ เทคนิคการแก้ปัญหา ผู้แต่ง ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สำนักพิมพ์ อริยชน จำกัด หน้า 190-191
ขอบคุณข้อความ หลักกาลามสูตร จาก : //www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm
ขอบคุณรูปจาก google
Create Date : 07 มิถุนายน 2553
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 21:03:57 น.
Counter : 645 Pageviews.
0 comments
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
LadyGonkrua
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
LadyGonkrua
(สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย. ©.)
หิริโอตัปปะ
Welcome
to
LadyGonkrua
อะ_ อ่ะ_อย่าเพิ่งวางใจ
โปรดใช้วิจารณญาณ
ในการรับชม
และขอได้โปรด
ชิมก่อนปรุง
LadyGonkrua
น้อมรับทุกความคิดเห็น
ขอบคุณทุกกำลังใจ
ไม่เคยมาดมั่นว่าถูกและดี
แต่สิ่งที่มี คือความตั้งใจ
และหลงใหลในสิ่งที่ทำ
พร้อมปรับปรุงในสิ่งที่พลาด
เพราะไม่ได้เป็นปราชญ์อย่างใครๆ
หากแต่ ใฝ่ฝันที่จะทำดี
เพื่อตอบแทนทุกความดีที่เคยได้รับ
...จากโลกใบใหญ่...ใบนี้...
What's new in
LadyGonkrua
Find me on
...หลวงพระบาง...
...คมธรรม คำสอน...
...ร้อยเรื่องเล่า...
...Rhyme or Reason...
Krua Thai
by
LadyGonkrua
...เที่ยวล่อง ท่องธรรม...
...Contemplation...
Since April 2nd 2009
Please do not change this code for a perfect fonctionality of your counter
hobbies
free counter
New Comments
Group Blog
สนทนาประสาเพื่อน
Talk To Friends
อาหารนานาชาติ
International Cuisine
อาหารว่างนานาชาติ
International Light & Snacks
อาหารไทย
Thai Cuisine
อาหารว่างไทย
Thai Light & Snacks
ของหวานไทย
Thai Dessert
ขนมอบและของหวาน
Pastry & Sweet
Bakery
Bread & Dough
ร้อยล้านตำรับ
Guru Recipe
อร่อยนอกบ้าน
Dining Out
ท่องเที่ยวไทย แบบคนต่างถิ่น
Travel around Thailand
ท่องต่างแดน แบบคนต่างด้าว
Travel around the World
หลากสไตล์ หลาย อารมณ์
Various Design
สาระชวนรู้
Good to Know
Herb & Spice
Stock & Sauce
Content & Guestbook
Geheimnis
<<
มิถุนายน 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
7 มิถุนายน 2553
สังคมแห่งสติ....
All Blog
วาเลนไทน์
วันเดือนเคลื่อนคล้อย
ยามฝนพรำ
สังคม สังกะตัง สังฆะ
ศึกษาธรรม เพื่อทำใจ
เรื่องบ้าๆ
สายพันธ์ุมนุษย์
อาหารการกิน-เฟสเฟคเฟะ-จิตวิทยาหมู่
อย่างไรดี.?
Rhyme or Reason
ยิ่งสูง ยิ่งสั่น
Algorithm
กระพี้ หรือ แก่น
เอาตัวรอด
นายไข่เจียว
เสมือนแท้
มะพร้าวนาฬิเกร์
มื้อนี้...นานาชาติ
คมธรรม คำสอน
พิจารณา และ ไตร่ตรอง
ข้อความถึงหลาน...
.....เวียนว่าย.....
สังคมแห่งสติ....
O M J = Oh! Mae Jao .
คนแก่อยากเล่า...
รากหญ้า รากแก้ว หรือว่า รากเหง้า...
รสชาติของชีวิต.....
การเดินทาง ประสบการณ์และความเห็น
ความห่วงใย...จากใจถึงทุกคน...
ก้าวหน้า หรือ ถอยหลัง
จารีบปายหนาย..จารีบปายหนาย..
ครบรอบ 1 เดือน .
ข้อคิดจากมด....
ยินดีต้อนรับ...น้าค้า...
Friends Blog
ป้ามด
Webmaster - BlogGang
[Add LadyGonkrua's blog to your weblog]
Link
LadyGonkrua
Martha Stewart
มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.