Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
..Memory In Love: บทที่19..


**************************************
Memory In Love: ด้วยรักและความทรงจำ
บทที่ 19 .........................อ้อมกอดแห่งรัก

**************************************








Create Date : 09 เมษายน 2550
Last Update : 9 เมษายน 2550 15:10:56 น. 12 comments
Counter : 438 Pageviews.

 
หญิงสาวร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม.....เธอจะทำอย่างไรดี ถ้าหากหนูน้อยเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ

พิษณุมองหญิงสาวในอ้อมกอด......เค้าได้รับรู้ถึงความรักที่พาสนามีให้กับเด็กน้อยกุ้งกั้ง.......ชายหนุ่มเองก็ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย หัวใจของคนเป็นแม่คงเจ็บปวดอย่างมาก

ชายหนุ่มคงทำได้แต่ปลอบใจเธอ เค้ายกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ


“ปลาผิดเอง.....ปลาไม่ดูแลกุ้งกั้งให้ดี” พาสนาเพ้อพร่ำโทษตัวเองออกมา

“.......” จะพูดไปชายหนุ่มเองก็รู้สึกผิดไม่ต่างกัน เค้ารับหน้าที่ดูแลเด็กหญิงตัวน้อย แต่เพราะด้วยความเผลอเลอ มัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองจนลืมสนใจเด็กหญิง ถึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

“ไม่เอานะปลา อย่าว่าตัวเองอย่างนั้นซิ” พิษณุบอกกับพาสนาน้ำเสียงอ่อนโยน

“พี่ณุ.........ปลาไม่ได้สนใจกุ้งกั้ง ปลามัวแต่.......” หญิงสาวร้องบอกชายหนุ่มทั้งที่น้ำตายังคงนองหน้า

“ปลา.........” พิษณุรู้สึกเจ็บปวดใจแทนผู้หญิงที่เค้ารัก ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่น

“กุ้งกั้ง....” หญิงสาวเรียกชื่อเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“กุ้งกั้งต้องปลอดภัย ทำใจดีๆ ไว้นะปลา” ชายหนุ่มพร่ำบอกเธอเพื่อให้เธอคลายกังวล

“แต่พี่ณุ....” พาสนาเงยหน้ามองชายหนุ่ม

“เชื่อพี่นะ กุ้งกั้งเป็นเด็กดี.......ยังไงกุ้งกั้งก็ต้องปลอดภัย” ชายหนุ่มยิ้มให้กับเธอ พร้อมกับใช้มือของเค้าปาดน้ำตาให้เธอ

หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า เธอเห็นดวงตาที่เชื่อมั่นของอีกฝ่าย มันทำให้เธอรู้สึกชื้นใจ และเชื่อในสิ่งที่เค้าบอกกับเธอ......

พิษณุพาพาสนามานั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน.........ชายหนุ่มจับมือของเธอเอาไว้ และบีบเบาๆ

พาสนานั่งลงที่เก้าอี้.......สองตาของเธอจ้องมองไปที่ห้องฉุกเฉิน........แม้ว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกเป็นกังวลกับอาการของหนูน้อยที่อยู่ในนั้น แต่เธอก็รู้สึกเบาใจมากขึ้นเมื่อมีกำลังใจอยู่ข้างๆ


เวลาผ่านไปได้สักพัก.........นายแม่ตะวันก็รีบเดินทางจนมาถึงโรงพยาบาล

“ปลา..........กุ้งกั้งเป็นยังไงบ้าง” นายแม่ตะวันเดินตรงมาหาพาสนาที่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินกับพิษณุ

หญิงสาวหันมองนายแม่ตะวัน แล้วน้ำตาของเธอที่เพิ่งเหิดแห้งไปก็ไหลออกมาอีก…….

“นายแม่.............ปลาขอโทษ” พาสนารีบเข้าไปร้องขอโทษนายแม่ตะวันยกใหญ่

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ปลา” นายแม่ตะวันมีอาการร้อนรนใจไม่น้อย เธอซักถามลูกสาวถึงอาการของหลานสาว

“ปลาขอโทษ....ปลาผิดเองที่ดูแลกุ้งกั้งไม่ดี” พาสนากล่าวน้ำเสียงสะอื้น

“ปลา หลานเป็นยังไงบ้าง บอกแม่มาเดี๋ยวนี้” นายแม่ตะวันไม่ได้สนใจคำขอโทษจากหญิงสาว แต่กลับร้องถามอาการของหนูน้อยในห้องฉุกเฉิน

“น้องกุ้งกั้งสำลักน้ำครับ.........คุณหมอกำลังดูอาการอยู่” พิษณุตอบแทนพาสนา

“โธ่........กุ้งกั้งหลานย่า” นายแม่ตะวันแทบจะเป็นลม เธอทรุดนั่งลงกับเก้าอี้เมื่อได้ยินคำของชายหนุ่ม

“นายแม่....” พาสนารีบเข้ามาจับตัวนายแม่ตะวันเอาไว้

“ปลา.....” หญิงวัยกลางคนหันมองดูลูกสาวของเธอด้วยแววตาผิดหวัง

“นายแม่ปลาผิดไปแล้ว ปลาขอโทษ ปลาไม่ดีเอง” พาสนาร้องบอกกับนายแม่ตะวันที่เธอดูแลเด็กน้อยได้ไม่ดีจนเกิดเรื่องขึ้น

“ทำไมหึลูก.........ทำไมแค่ดูแลหลาน ทำไมทำไม่ได้” นายแม่ตะวันตัดพ้อลูกสาวของเธอ

“นายแม่.....ปลาขอโทษ” พาสนาได้แต่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดเธอไม่อาจโต้เถียงอะไรได้อีก

“คอยดูนะปลา ถ้ากุ้งกั้งเป็นอะไรไป แม่จะไม่ให้อภัยปลาเลย” นายแม่ตะวันกล่าวด้วยความโกรธ จนทำให้พาสนารู้สึกชาวูบไปทั้งตัว

“คุณแม่ครับ...” พิษณุที่นั่งอยู่ด้วย ต้องตกใจไม่น้อยที่นายแม่ตะวันมีอาการโกรธถึงขนาดนี้

“คุณณุไม่ต้องพูดเลย......” นายแม่ตะวันหันมาพูดกับพิษณุเสียงเรียบ

เมื่อโดนหญิงวัยกลางคน พูดห้ามไว้ ชายหนุ่มถึงกลับสะอึกและนิ่งไปทันที..


“คอยดูนะปลา ถ้าหลานเป็นอะไรไป....” นายแม่ตะวันหันมาพูดกับพาสนาด้วยสีหน้าโกรธ

พาสนาได้แต่นั่งเงียบ น้ำตาของเธอยังคงไหลไม่หยุด

พิษณุได้แต่นั่งฟังเงียบ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น.........ทำไมนายแม่ตะวันถึงโกรธ และต่อว่าพาสนาถึงขนาดนั้น ทั้งๆ ที่พาสนาเป็นแม่ของน้องกุ้งกั้งแท้ๆ แต่ดูเหมือนนายแม่ตะวันพูดเหมือนพาสนาไม่ใช่แม่ของเด็กน้อย


“ตะวัน ใจเย็นๆ ซิ.......มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน” ป้าพิมที่เพิ่งเดินเข้ามาพูดขึ้น เธอพอจะได้ยินสิ่งที่นายแม่ตะวันพูด กับพาสนาเมื่อสักครู่อยู่บ้าง

“พิม เธอไม่ต้องพูดเลย.....ดูมันซิ ให้ดูแลหลานนิดเดียว มันยังทำหลานตกน้ำตกท่าได้” นายแม่ตะวันหันไปพูดน้ำเสียงตัดพ้อกับป้าพิม

“ตะวัน.....” ป้าพิมพูดปรามนายแม่ตะวันที่ออกมาการโกรธจนเกือบควบคุมไม่อยู่ แล้วหญิงวัยกลางคนก็หันมองไปที่พาสนา ซึ่งนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่

“ถึงยังไง ปลาก็เป็นอากุ้งกั้งนะ………..ปลามันก็รักหลานไม่แพ้กันหรอก” ป้าพิมบอกกับนายแม่ตะวันด้วยน้ำเสียงปลอบใจ

“รักหลานหรอ.........รักยังไงให้หลานเป็นแบบนี้” นายแม่ตะวันยังคงโวยวายไม่หยุด

“ตะวัน...” ป้าพิมร้องปรามนายแม่ตะวันอีกครั้ง

เธอหันมองไปที่พิษณุที่นั่งทำหน้าเอ๋อ ด้วยความงุนงง........

“ป้ารบกวนคุณณุพาหนูปลาออกไปก่อนได้มั้ยคะ” ป้าพิมบอกับพิษณุ

“หนูปลา ออกไปก่อนนะ ตอนนี้นายแม่กำลังเครียด” ป้าพิมหันไปบอกกับพาสนาอีกคน

“แต่ป้าพิม...” พาสนาอยากจะอยู่ตรงนี้ แต่หญิงสาวก็ต้องจนใจ เพราะถ้าขืนเธอยังนั่งอยู่ตรงนี้ นายแม่ตะวันคงจะโกรธเพิ่มขึ้นไปอีก ในเวลาแบบนี้เธอควรเลี่ยงออกไปจะดีกว่า

พิษณุลุกขึ้น แล้วพาพาสนาเดินออกไปจากจุดนั้นก่อน....


“ดูมันซิพิม.....กลับมาได้ไม่กี่วัน ก็ทำหลานปางตาย” เสียงนายแม่ตะวันยังคงดังให้ได้ยิน คำพูดของนายแม่ตะวันทำเอาพาสนารู้สึกเจ็บไปถึงหัวใจ

“ปลา....” พิษณุจับไหล่หญิงสาวเอาไว้ แต่เหมือนเธอไม่ได้สนใจเค้าเลย.......เธอวิ่งออกไปจากตรงนั้นด้วยความน้อยใจ

ชายหนุ่มรีบวิ่งตามพาสนาออกไปนอกโรงพยาบาล...........

พาสนาวิ่งออกมาหยุดยืนตรงลานจอดรถ เธอเองก็เป็นห่วงกุ้งกั้งไม่น้อย และก็รู้ว่านายแม่ตะวันต้องโกรธเธอมากด้วยเช่นกัน แต่เธอก็ไม่คิดว่ามารดาของเธอจะโกรธเธอถึงขนาดนี้

พิษณุเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ ชายหนุ่มยืนมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ แต่เค้าก็รู้สึกห่วงไม่น้อย

“ปลา......” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวน้ำเสียงแผ่วเบา

“ปลารู้.........ปลาดูแลกุ้งกั้งไม่ดี.......” พาสนาพูดออกมาน้ำเสียงสะอื้น

“แม้ว่ากุ้งกั้งจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของปลา แต่ปลาก็รักแกนะ.........” พาสนาพร่ำพูดออกมาด้วยความอึดอัดใจ

คำพูดของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มยืนอึ้งไปพักใหญ่ นี่หูของเค้าไม่ได้ฝาดไปใช่มั้ย เค้าได้ยินถูกแล้วใช่มั้ย.........

“ปลารักพี่ปูยังไง ปลาก็รักกุ้งกั้งอย่างนั้น........แต่ทำไมนายแม่พูดเหมือนปลาไม่รักหลานเลย” พาสนายังคงระบายความน้อยใจออกมาเรื่อยๆ

“ปลารู้ว่ากุ้งกั้งเปรียบเหมือนตัวแทนพี่ปูสำหรับนายแม่ แต่...........สำหรับปลา กุ้งกั้งเป็นยิ่งกว่าหลาน แกเป็นลูกสาวปลา.......พี่ณุได้ยินมั้ย แกเป็นลูกสาวปลา” พาสนาหันมาร้องถามชายหนุ่มด้วยน้ำตาที่นองหน้า

พิษณุจ้องใบหน้าหญิงสาวแล้วให้อดสงสารเธอไม่ได้.........

“ปลา.........” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เค้าเดินเข้าไปหาเธอ แล้วดึงเธอมากอดเอาไว้แน่น

“กุ้งกั้งต้องปลอดภัย เชื่อพี่นะ..........หลานต้องปลอดภัย” ชายหนุ่มบอกกับเธอน้ำเสียงอ่อนโยน

“พี่ณุ.......” พาสนาเองก็กอดชายหนุ่มเอาไว้ เธอซบหน้าลงกับเค้า ไม่ว่าเวลาไหน ผู้ชายคนนี้ก็จะให้ความเข้าใจในตัวเธอเสมอมา




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:15:23:02 น.  

 
“เรามีกันสองคนพี่น้อง....มีพี่ปู แล้วก็ปลา” พาสนาเริ่มเล่าเรื่องของเธอที่ชายหนุ่มไม่เคยได้รับรู้มาก่อนให้เค้าฟัง ที่เก้าอี้ยาวของสนามหญ้าด้านหลังของโรงพยาบาล

“นายแม่เลี้ยงพวกเราแบบต่อสู้ชีวิต ไม่เคยสอนให้อ่อนแอ......” พิษณุฟังเรื่องราวของหญิงสาวอย่างตั้งใจ

“ปลาเป็นอะไรหลายต่อหลายอย่างเพราะพี่ปู......พี่ปูสอนปลาหลายเรื่อง ที่ปลากินเหล้าเก่งก็เพราะพี่ปูนี่ล่ะ” พาสนาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มบางๆ

“แต่พี่ปูค่อนข้างเกเร ไม่ค่อยเชื่อฟังนายแม่สักเท่าไหร่.......แต่นายแม่ก็รักพี่ปูมาก รักมากกว่าปลาด้วยซ้ำไป...” หญิงสาวพูดด้วยแววตาเศร้าลงอีกครั้ง

ชายหนุ่มเอื้อมมือของเค้ากุมมือของเธอเอาไว้.....

“มีช่วงหนึ่ง พี่ปูดูแปลกไป ทำตัวดีขึ้น เชื่อฟังนายแม่มากขึ้น จนพวกเราสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรกัน แล้วจู่ๆ พี่ปูก็พาพี่อิมมาไหว้นายแม่ ในฐานะลูกสะใภ้ นายแม่ตกใจมากเพราะตอนนั้นพี่ปูเรียนมหาลัยปีสุดท้ายแล้ว.......” พาสนาบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่แววตาเศร้า

“นายแม่โกรธมากที่พี่ปูทำแบบนี้ ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรงมาก นายแม่ออกปากไล่พี่ปู พี่ปูก็โกรธที่นายแม่ไม่ยอมรับพี่อิม พี่ปูเลยขับรถออกไปทั้งๆ ที่อารมณ์ยังร้อนอยู่.....แล้ว..............แล้ว....” พาสนาหยุดการเล่าเรื่องลง หญิงสาวมีสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาทันที น้ำตาหยดใสเออคลอเบ้าตาของเธอ

“พี่ปู..........พี่ปูก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ พี่อิมที่อยู่ในรถด้วยก็บาดเจ็บทั้งๆ ที่ท้องแก่มากแล้ว” น้ำเสียงพาสนาเริ่มสั่นเครือ

“พี่ปู พี่ปูตายคาที่ ส่วนพี่อิมหลังจากหมอช่วยทำคลอดน้องกุ้งกั้งสำเร็จก็........ตาย” พาสนาเล่าเรื่องราวทั้งน้ำตา พิษณุบีบมือของหญิงสาวเบาๆ อย่างเห็นใจ

“นายแม่เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สองชีวิตที่จากไป แลกกับหนึ่งชีวิตที่ได้มา นายแม่จึงรักกุ้งกั้งมาก........ปลาก็รักหลานนะพี่ณุ ปลารักกุ้งกั้งมาก ปลาตั้งใจไว้ตั้งแต่วันนั้นแล้วว่า ปลาจะเป็นแม่ให้กุ้งกั้งเอง อย่างน้อยหลานจะได้ไม่คิดว่าตัวเองขาดทั้งพ่อ และแม่” พาสนาเล่าทุกอย่างให้พิษณุฟังทั้งน้ำตา

“ปลา.........พี่เข้าใจทั้งปลา และนายแม่นะ” พิษณุพูดกับเธอน้ำเสียงอ่อนโยน

“ปลารู้.......ปลารู้ว่านายแม่เสียใจมากแค่ไหน ทุกวันนี้นายแม่รัก และดูแลกุ้งกั้งอย่างดีที่สุด เพื่อชดเชยกับสิ่งที่ทำพลาดลงไป.....ปลาไม่โกรธนายแม่หรอก ถ้านายแม่จะโมโหปลาแบบนี้ ปลาโกรธตัวเองมากกว่าที่ไม่สามารถดูแล ปกป้องกุ้งกั้งได้.....ปลาทำให้หลานเป็นแบบนี้” พาสนาพรั่งพรูคำพูดต่างๆ ออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจ

“ปลา ไม่เอาซิอย่าโทษตัวเองแบบนั้น” พิษณุบอกกับหญิงสาวอย่างเข้าใจเธอ

“พี่ณุ.......ถ้ากุ้งกั้งเป็นอะไรไป ปลาจะทำยังไงดี ปลาจะทำยังไง” หญิงสาวร้องถามชายหนุ่มข้างๆ ด้วยความรู้สึกเป็นกังวลสุดๆ

“น้องกุ้งกั้งต้องไม่เป็นอะไรนะ..........พี่ปูต้องช่วยน้องกุ้งกั้งให้ปลอดภัย” พิษณุโอบหญิงสาวเอาไว้ พร้อมกับพูดปลอบใจเธอ

“ขอแค่กุ้งกั้งปลอดภัย จะให้ปลาทำอะไร ปลาก็ยอม” หญิงสาวเอนกายซบไหล่ชายหนุ่ม พร้อมกับร้องไห้ออกมา

พิษณุรู้สึกสงสารหญิงสาวข้างๆ เหลือเกิน.......หากเค้าช่วยแบ่งรับความทุกข์ของเธอได้ เค้าพร้อมที่จะทำ แต่ชายหนุ่มคงทำได้แค่ปลอบใจเธอ และให้กำลังใจเธอ

“กุ้งกั้งเป็นเด็กดี กุ้งกั้งต้องปลอดภัย” พิษณุบอกกับพาสนาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

.....หญิงสาวไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เธอได้แต่ภาวนาขอให้หลานสาวของเธอปลอดภัย
.
.
.
เมื่อพาสนาได้ระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นตันใจออกมาจนรู้สึกดีขึ้น เธอและพิษณุก็กลับเข้ามาในโรงพยาบาลอีกครั้ง

นายแม่ตะวันยังคงนั่งร้องไห้อยู่กับป้าพิม.....

หญิงสาวมองไปที่ห้องฉุกเฉิน...คุณหมอยังไม่ยอมออกมาบอกอาการของหนูน้อยวัย 5 ขวบ

พิษณุที่อยู่ข้างๆ ได้จับมือหญิงสาวเอาไว้แน่นเพื่อให้เธอรู้ว่า เธอยังมีเค้าอยู่ข้างๆ อีกคน..........พาสนาหันมองหน้าชายหนุ่ม เค้ายิ้มให้เธอเพื่อเป็นกำลังใจ

“นายแม่...” พาสนาเรียกมารดาของเธอ

“........ปลา” นายแม่ตะวันดูเหมือนจะลดอาการโมโหลงบ้างแล้ว แต่ยังมีความโศกเศร้าอยู่

“นายแม่...น้องกุ้งกั้งต้องปลอดภัย น้องกุ้งกั้งต้องไม่เป็นอะไร” พาสนานั่งลงข้างๆ นายแม่ตะวัน

“ปลา.......แม่........” นายแม่ตะวันจ้องมองลูกสาวคนเดียวของเธอ หญิงวัยกลางคนกอดลูกสาวเอาไว้แนบแน่น

“แม่ขอโทษนะที่ว่าปลาแรงๆ ไปแบบนั้น” นายแม่ตะวันบอกกับลูกสาวเมื่อเธอรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่ได้ต่อว่าพาสนารุนแรงไป

“ไม่เป็นไรค่ะนายแม่ ปลาเข้าใจนายแม่ดี” พาสนายิ้มให้มารดาด้วยความเข้าใจ

“ปลา แม่ขอโทษ....แม่แค่กลัว แม่กลัวจะต้องเสียกุ้งกั้งไปอีกคน” หญิงวัยกลางคนพร่ำบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่น

“ปลาก็กลัวค่ะนายแม่” พาสนากอดมารดาเอาไว้เช่นกัน เธอเข้าใจความรู้สึกของมารดาเป็นอย่างดี

ภาพสองแม่ลูกกอดกัน ร้องไห้ด้วยกัน ทำเอาคนที่เห็นต้องรู้สึกน้ำตาซึมตามไปด้วย

คุณหมอในห้องฉุกเฉินได้เดินออกมา และเดินตรงมาหานายแม่ตะวัน กับพาสนา

“คนไหนเป็นญาติของเด็กผู้หญิงที่จมน้ำครับ” คุณหมอถามขึ้น

“ดิฉันค่ะ คุณหมอ” นายแม่ตะวันรีบปาดน้ำตาที่หน้า แล้วหันไปตอบคุณหมออย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้หลานดิฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” นายแม่ตะวันแสดงออกการร้อนใจจนเห็นได้ชัด

“สบายใจได้แล้วครับ ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว” คุณหมอบอกกับนายแม่ตะวันด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“น้องกุ้งกั้งปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะหมอ” พาสนาเองก็รีบร้องถามด้วยความดีใจ

“ครับ...ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว” คุณหมอพยักหน้าตอบ

“นายแม่คะ กุ้งกั้งปลอดภัยแล้ว” พาสนาบอกกับนายแม่ตะวัน

หญิงวัยกลางคนยิ้มออกมาอย่างดีใจ น้ำตาของผู้เป็นย่ายังไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ขอบคุณมาก” นายแม่ตะวันกล่าวกับคุณหมอด้วยความดีใจ

“ครับๆ รออีกสักครู่นะครับ เดี๋ยวเราจะให้เข้าไปเยี่ยม” คุณหมอพูดน้ำเสียงนุ่ม

“ค่ะ....ค่ะ....” นายแม่ตะวันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา

“หลานปลอดภัยแล้วนะตะวัน” ป้าพิมเองก็ดีใจไม่แพ้กัน

“อืมมม....” นายแม่ตะวันพยักหน้าให้ป้าพิมอย่างโล่งอก



โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:15:31:38 น.  

 
ในห้องฉุกเฉิน เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบ กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง โดยมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ มากมายเต็มตัวไปหมด

พาสนาหยุดยืนอยู่ห่างๆ หญิงสาวมองไปที่เด็กน้อยด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ...........นายแม่ตะวัน เข้าไปยืนข้างๆ เตียงกับป้าพิม หญิงวัยกลางคนมองดูหลานสาวพร้อมทั้งน้ำตา

พิษณุยืนอยู่ไม่ไกลจากพาสนามากนัก......เค้ามองมาที่เธอ เค้ารู้ดีว่าในเวลานี้เธอรู้สึกเช่นไร คงไม่ต่างกับที่เค้ารู้สึกในวันนั้น วันที่พาสนากำลังนอนอยู่ในช่วงความเป็นความตายที่รีสอร์ทหลังจากตกลงไปในน้ำตก

“กุ้งกั้ง.....กุ้งกั้งได้ยินเสียงย่ามั้ยลูก” นายแม่ตะวันร้องเรียกหลานสาวน้ำเสียงแผ่วเบาทั้งที่น้ำตาของเธอยังคงไหลอยู่

เด็กน้อยนอนหลับนิ่ง........

“กุ้งกั้ง ตื่นมาคุยกับย่าซิลูก” นายแม่ตะวันทรุดลงกับเตียงที่เด็กน้อยนอนอยู่ หัวใจของคนเป็นย่าแทบจะแตกสลายลงเสียให้ได้ เมื่อมาเห็นหลานสาวอยู่ในสภาพนี้

“นายแม่คะ” พาสนารีบเดินเข้าไปหามารดา....ในเวลานี้เธอก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้นายแม่ตะวัน แต่หากเธออ่อนแออีกคนทุกอย่างคงแย่แน่ๆ

“นายแม่ใจเย็นๆ นะคะ ยังไงกุ้งกั้งก็ปลอดภัยแล้ว” พาสนาบอกกับมารดาน้ำเสียงอ่อนโยน

“ปลา......แม่สงสารหลานเหลือเกิน” นายแม่ตะวันหันมาบอกลูกสาวของเธอ

“นายแม่...” พาสนามองมารดาด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ เธอเข้าใจดีว่าตอนนี้มารดาของเธอรู้สึกเช่นไร

“ใจเย็นๆ นะคะนายแม่ พรุ่งนี้ยายหนูก็จะลุกขึ้นมาเต้นโหยงเหยงได้แล้วละค่ะ” พาสนาพูดให้กำลังใจนายแม่ตะวันด้วยรอยยิ้ม

“จริงๆ นะปลา จริงๆ นะ” นายแม่ตะวันมองหน้าลูกสาวอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“จริงซิคะ........น้องกุ้งกั้งเป็นเด็กดี แกต้องอยู่กับนายแม่อีกนาน” พาสนายิ้มให้มารดา

“ใช่....กุ้งกั้งเป็นเด็กดี....” นายแม่ตะวันพยักหน้ารับ

“เด็กดีของย่า....” นายแม่ตะวันหันมองไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเตียง

“ป้าพิม ปลาว่าวันนี้พานายแม่กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมน้องกุ้งกั้งใหม่” พาสนาบอกกับป้าพิมที่ยืนอยู่ข้างๆ นายแม่ตะวัน

“จ๊ะ” ป้าพิมพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ พยุงนายแม่ตะวันขึ้นมา

“นายแม่คะ นายแม่กลับไปพักผ่อนนะ ทางนี้ปลาจะดูให้เอง แล้วพรุ่งนี้นายแม่ก็ค่อยมารับกุ้งกั้งกลับบ้านนะคะ” พาสนาพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ กับนายแม่ตะวัน

นายแม่ตะวันมองหน้าลูกสาวของเธอ หญิงวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง.......

“ฝากดูหลานด้วยนะปลา...” นายแม่ตะวันฝากดูแลน้องกุ้งกั้ง ก่อนจะยอมเดินไปกับป้าพิม

พาสนามองมารดาที่เดินกลับไป. เมื่อมารดาเดินไปจนลับตา หญิงสาวเองกลับแทบล้มลงแทน เธอหันมองไปทางหลานสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง หัวใจของเธอมันแสนเจ็บปวด

“ปลา...” พิษณุรีบเข้ามาประคองพาสนาเอาไว้...

“พี่ณุ....ปลา.....ปลา.....” พาสนารู้สึกตัวเองแทบหมดแรงลงตรงนี้ เมื่อสักครู่เธอทำเป็นไม่รู้สึกอะไร เพราะอยากให้นายแม่ตะวันสบายใจ แต่จริงๆ ภายในใจของเธอเอง มันอ่อนแอเหลือเกิน

“กุ้งกั้งไม่เป็นอะไรหรอก หลานแค่นอนหลับเอง” พิษณุพูดให้กำลังใจพาสนา

หญิงสาวมองไปที่เครื่องตรวจจับคลื่นหัวใจที่มันกำลังเต้นตามจังหวะหัวใจของเด็กน้อย


ติ๊ด............. ติ๊ด................ติ๊ด......


เครื่องเดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“ปลาสงสารหลานเหลือเกิน......ถ้าปลาระวังมากกว่านี้เรื่องก็คงไม่เกิด กุ้งกั้งก็คงไม่.......” พาสนาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอรู้สึกสงสารเด็กน้อยจับใจ

“เรื่องมันเกิดไปแล้วปลา........มาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์” พิษณุพูดปลอบหญิงสาว

“จริงๆ พี่ก็ผิดเอง พี่น่าจะดูกุ้งกั้งให้ดีๆ พี่ไม่น่า.........” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เค้าเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ปล่อยให้เด็กหญิงคลาดสายตา

“พี่ณุ........” พาสนาหันมองหน้าชายหนุ่ม เธอเองก็ไม่อยากให้เค้าโทษตัวเองแบบนี้

“ต้องเข้มแข็งเอาไว้นะปลา....ถ้าปลาเป็นอะไรไปอีกคน นายแม่ตะวันจะทำยังไง” พิษณุบอกกับพาสนาเพื่อให้เธอเข้มแข็งเอาไว้

“อืมม......ปลาจะไม่อ่อนแอ ปลาจะเข้มแข็ง” พาสนาพยักหน้ารับ เธอหันกลับไปมองเด็กน้อยบนเตียงอีกครั้ง.....
.
.
.
พาสนาและพิษณุออกมานั่งรอดูอาการของกุ้งกั้งที่เก้าอี้ส่วนนอกห้องฉุกเฉิน.......

ตอนนี้คุณหมอต้องเอาตัวเด็กน้อยไว้ในห้องนี้ก่อน เพื่อเป็นการดูแลอย่างใกล้ชิด หากไม่มีอะไรผิดปรกติ พรุ่งนี้กุ้งกั้งก็จะถูกย้ายไปพักที่ห้องพักคนป่วยใน และถ้าเด็กน้อยแข็งแรงดีก็จะได้กลับบ้าน...

พิษณุมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เค้ารู้ดีว่าตอนนี้พาสนาเหนื่อยอ่อนเต็มทน.....เพราะวันนี้ทั้งวันเธอต้องเจอเรื่องหนักๆ มาเยอะ.......ชายหนุ่มยกแขนขึ้น แล้วโอบเธอเอาไว้

พาสนามองชายหนุ่มข้างๆ ในเวลาแบบนี้แม้เธอจะรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องของหนูน้อยกุ้งกั้ง แต่เธอก็ยังอุ่นใจที่อย่างน้อยก็มีคนอยู่เคียงข้างเธอ เค้าไม่เคยทอดทิ้งให้เธอรู้สึกเดียวดายเลย

หญิงสาวเอนกายเข้าหาชายหนุ่ม เธอเอาศีรษะของเธอพิงกับไหล่ของเค้า..........

“นอนพักสักนิดเถอะนะ........ปลาเหนื่อยมามากแล้ว” พิษณุบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงอ่อนโยน

“อืมมม” พาสนาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง

พิษณุมองหญิงสาวที่นอนหลับกับไหล่ของเค้าด้วยรอยยิ้ม.......

“พี่ณุ....” พาสนาเรียกชายหนุ่มน้ำเสียงนิ่ง

“หืมมม” พิษณุขานรับ

“ขอบคุณมากนะ...........ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนปลา” แม้ว่าดวงตาของเธอจะปิดสนิท แต่เธอก็ยังคงพูดขอบคุณในน้ำใจของเค้า

“อืมม....ไม่เป็นไร ก็พี่บอกแล้วไงว่า สำหรับปลา ต่อให้พี่เหนื่อย พี่ลำบากแค่ไหน พี่ก็ทนได้” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวข้างๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ขอบคุณ.....” พาสนากล่าวขอบคุณอีกครั้ง เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

พิษณุเองก็รู้สึกมีความสุขกับการได้ทำเพื่อเธอคนนี้ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม..........

ชายหนุ่มเอนศีรษะของเค้าแนบกับศีรษะของพาสนาอย่างแผ่วเบา........มืออีกข้างที่ว่างเปล่าอยู่ของเค้าก็ได้เอื้อมมาจับมือของเธอเอาไว้แนบแน่น

สองมือประสานกันเอาไว้อย่างอบอุ่นใจ

ในเวลาแบบนี้........คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ใช้ใจสื่อใจด้วยกัน.........

ชายหนุ่มหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า.........




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:15:39:41 น.  

 
เด็กหญิงตัวน้อยนอนอยู่ในห้องฉุกเฉินนานหลายชั่วโมง.....

คุณหมอมาตรวจดูอาการเป็นระยะๆ จนแน่ใจแล้วว่าเด็กหญิงตัวน้อยปลอดภัยแน่นอน จึงได้ย้ายให้เด็กน้อยไปนอนที่ห้องพักพิเศษ

“คุณคะ......คุณคะ....” เสียงนางพยาบาลดังขึ้น จนทำเอาพาสนา และพิษณุลืมตาตื่น

“คุณพยาบาล” พาสนามองเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวมายืนเรียกเธอ เธอจึงรีบขานตอบ

“ตอนนี้เราย้ายน้องกุ้งกั้งไปห้องพิเศษ 198 แล้วนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ไปนอนพักที่ห้องนั้นได้เลยนะคะ” นางพยาบาลพูดจบก็ยิ้มหวานให้พาสนาและพิษณุ

“เอออ........” พาสนาได้ฟังคำพูดของนางพยาบาลก็ต้องรู้สึกอึ้งทันที แต่แล้วหญิงสาวก็เพิ่งนึกได้ว่าเธอยังอยู่ในอ้อมแขนของพิษณุอยู่

“มะ...ไม่...” หญิงสาวรีบลุกออกจากอ้อมแขนของพิษณุ และทำท่าจะอธิบายให้นางพยาบาลฟังว่ากำลังเข้าใจผิด

“ขอบคุณครับคุณพยาบาล” พิษณุรีบลุกขึ้นมาขอบคุณนางพยาบาลด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น

“ไม่เป็นไรค่ะ” นางพยาบาลส่งยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินจากไป

พาสนาขมวดคิ้วยุ่ง แล้วหันมองมาทางชายหนุ่ม........

“ว่าไงคะ คุณแม่” พิษณุยิ้มกว้างทำหน้าเป็น

“หึ้ยยยย........” หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดที่โดนเข้าใจผิด และไม่สามารถอธิบายได้ทัน....เธอสะบัดหน้าใส่เค้าก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปยังห้อง 198 ตามที่นางพยาบาลได้บอกเอาไว้

“อ้าวแม่ รอพ่อด้วยซิ...” พิษณุร้องเรียกด้วยสีหน้าที่ยิ้มกว้าง

พาสนาหันมองมาทางชายหนุ่มอีกครั้งด้วยสีหน้ายุ่ง เธอรู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน

พิษณุรีบวิ่งตามเธอมาติดๆ ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ.......


“แหม พอหลานสบายดีก็งอนพี่ต่อเลยนะ” พิษณุเดินบ่นตามหลัง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมหยุดรอเค้า

“ใครงอน” พาสนาหันมาขมวดคิ้วใส่

“ก็ใครล่ะ เดินตุบป่องๆ อยู่เนี่ยะ” พิษณุแกล้งพูดแซว

“ก็ใครใช้ให้พูดแบบนั้นล่ะ” พาสนายังคงทำตาเขียวใส่ชายหนุ่ม

“โธ่....ฝึกไว้ก่อนไงคะ เอาไว้เราก็จะมีลูกของเรากันอยู่ดี” พิษณุพูดสีหน้ายิ้มๆ

“บ้า............ใครไปมีลูกกับพี่......” พาสนาตะหวาดเสียงเขียว แต่หน้าของเธอกลับเป็นสีแดงจัด

“ไม่บ้าล่ะ.......พี่รักปลา พี่ก็อยากมีลูกกับปลาซิ เอาน่ารักๆ แบบกุ้งกั้งนี่ละ” พิษณุพูดสีหน้ายิ้มๆ

“บ้า.........พูดบ้าๆ” พาสนาใช้สองมือผลักอกชายหนุ่มด้วยอาการโมโห และอายสุดๆ

“แนะ....ว่าพี่บ้า แล้วทำไมหน้าแดงละ” ชายหนุ่มยังไม่เลิกพูดแหย่หญิงสาว

“พี่ณุ.......” พาสนายกมือขึ้นสูงทำท่าจะทุบใส่เค้าถ้ายังขืนพูดแบบนี้กับเธออีก

“จ้า ยอมแล้วๆ ดุจัง” พิษณุยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ เมื่อเห็นว่าพาสนาท่าทางจะเอาจริงถ้าเค้าไม่เลิกพูด

“ฮืมมมม” พาสนาทำตาดุใส่ชายหนุ่ม……..แต่เมื่อเห็นว่าเค้าทำท่ายอมเธอแล้วหญิงสาวจึงลดมือลง และก้าวเดินไปตามทางต่อ

“ดุมากๆ ระวังลูกไม่รักนะ” พิษณุไม่วายยังคงพูดแหย่เธออีกจนได้

“พี่ณุ........” พาสนาหันควับกลับมาอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือทุบใส่ชายหนุ่มหลายที

“โอ้ยยยยย...........พี่เจ็บนะ” พิษณุยกมือป้องรับหมัดจากหญิงสาว พร้อมกับร้องออกมา

“ดีเอาให้ตายไปเลย ปากดีนัก” หญิงสาวทำท่าแยกเขี้ยวใส่เค้า หลังจากทุบเข้าไปหลายที

“โธ่........ก็ปากดีกับปลาคนเดียวเอง” พิษณุพูดน้ำเสียงอ้อน

“เชอะ..........” พาสนาเบ้ปากใส่ชายหนุ่ม

“เชอะอะไร หึ” พิษณุร้องถาม

“ทีเมื่อก่อนละทำไม่ยอมพูด เดี๋ยวนี้พูดเก่งจังนะ” พาสนามองค้อนๆ ใส่ชายหนุ่ม

“ก็เมื่อก่อนพี่ไม่รู้ ไม่แน่ใจนิว่าปลาคิดยังไงกับพี่ แต่ตอนนี้พี่รู้แล้ว.........” พิษณุตอบยิ้มๆ

“ทำไม ปลาคิดยังไง” พาสนาทำตาดุใส่ชายหนุ่มอีกครั้ง

“ก็ปลารักพี่ไง” พิษณุพูดสีหน้ายิ้มๆ

“แหวะ.........ปลาไม่ได้รักพี่” พาสนาเถียงเสียงแข็ง

“ปลาโกหก........ปลารักพี่” พิษณุยังคงพูดสีหน้ายิ้มๆ

“ไม่ได้โกหก.......ปลาไม่ได้รักพี่” พาสนายังคงปฏิเสธ

“แล้วปลารักใคร” พิษณุถามกลับ

“ปลารักกุ้งกั้ง” พาสนาตอบจบก็เปิดประตูห้องเข้าไปหาหนูน้อยในห้อง 198

“ปากแข็งจริงๆ” ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความอ่อนใจ.....แล้วเค้าก็เดินเข้าไปในห้อง 198 ตามพาสนา


หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพัก เธอมองไปที่เด็กน้อยที่ยังนอนหลับอยู่

ตอนนี้ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไรเยอะแยะเหมือนตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้ว แต่ยังคงมือเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจ และสายอ๊อคซิเจนอยู่.....

พาสนาเดินเข้าไปยืนข้างๆ เตียง.........เธอจับมือของหนูน้อยขึ้นมากุมไว้

“กุ้งกั้ง แม่ปลารักกุ้งกั้งนะคะ” พาสนาบอกกับหนูน้อยน้ำเสียงอ่อนโยน

พิษณุเดินเข้ามายืนข้างๆ เตียง ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว......เค้ามองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยเช่นกัน

“กุ้งกั้งเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด.......กุ้งกั้งต้องตื่นขึ้นมาเล่นกับลุงณุ กับแม่ปลานะคะ” ชายหนุ่มเอื้อมมือของเค้าลูบผมเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู

พาสนาเงยหน้ามองพิษณุที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม...........ชายหนุ่มเองก็มองมาที่เธอเช่นกัน

“กุ้งกั้งไม่เป็นอะไรแล้ว สบายใจได้แล้วนะ” พิษณุบอกกับหญิงสาวพร้อมยิ้มให้เธอ

“อืมม...” พาสนายิ้มตอบ แล้วมองกลับไปที่เด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้ง



โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:15:47:05 น.  

 
พาสนานั่งอยู่ข้างเตียงเฝ้ารอคอยการตื่นขึ้นมาของเด็กน้อย....

พิษณุนั่งอยู่ที่โซฟามุมห้อง....ชายหนุ่มเลือกเอนหลังพักสักครู่......

“มะ.......แม่.......ป.....ล......า.....” เสียงน้อยดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

พาสนาที่นั่งเฝ้าอยู่ รีบขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ

“กุ้งกั้ง.....กุ้งกั้งว่าไงลูก” พาสนาร้องถามหนูน้อยอย่างตื่นเต้น

“แม่....ปล........า.....ข........า.......” หนูน้อยยังคงส่งเสียงออกมาขาดๆ หายๆ

“แม่ปลาอยู่นี่แล้วค่ะลูก” พาสนากุมมือเด็กน้อยไว้แน่น

“แม่.....ปลา.....” เด็กหญิงตัวน้อย ลืมตามองพาสนาพร้อมกับยิ้มออกมา

“กุ้งกั้ง........กุ้งกั้งขอแม่” พาสนายิ้มดีใจที่เด็กหญิงตัวน้อยลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอรีบกอดน้องกุ้งกั้งไว้แน่นด้วยความดีใจ

พิษณุที่เคลิ้มหลับไปได้สักครู่ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา..........ชายหนุ่มเห็นเด็กน้อยฟื้นจากนิทราก็ยิ้มดีใจแล้วรีบเข้ามายืนใกล้ๆ

“กุ้งกั้งไม่เป็นอะไรแล้วนะลูก.....หนูไม่เป็นอะไรแล้ว” พาสนาบอกกับเด็กน้อยน้ำเสียงสะอื้น

“แม่ปลาขา..........กุ้งกั้งกลัวจังเลย” เด็กหญิงตัวน้อยบอกกับพาสนาน้ำเสียงอ้อน

“ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ แม่ปลาอยู่นี่แล้ว” พาสนาจ้องหน้าเด็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน

“แม่ปลาขา.....กุ้งกั้งเห็นพ่อปูด้วยค่ะ” เด็กน้อยร้องบอกกับพาสนา

“พ่อปูบอกว่า ให้กุ้งกั้งเป็นเด็กดี อย่าดื้อ อย่าซน ให้เชื่อแม่ปลา ให้เชื่อนายแม่ค่ะ” หนูน้อยเล่าควาฝันให้พาสนาฟัง

“จ๊ะ.....จ๊ะ....” พาสนาพยักหน้ารับฟัง เธอยิ้มให้หนูน้อยทั้งน้ำตา

“แม่ปลาร้องไห้ทำไมคะ.....แม่ปลาอย่าร้องไห้นะคะ” หนูน้อยยกมือขึ้นจับแก้มพาสนาเอาไว้

“แม่ปลาดีใจไงคะ แม่ปลาร้องไห้เพราะดีใจ ดีใจที่กุ้งกั้งไม่เป็นอะไร” พาสนาบอกกับเด็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม

“แม่ปลาอย่าร้องไห้นะคะ........นายแม่บอกว่าคนเก่งต้องไม่ร้องไห้” น้องกุ้งกั้งบอกกับพาสนา

“ค่ะ แม่ปลาจะไม่ร้องไห้แล้ว....” พาสนาฟังคำพูดจากเด็กน้อยแล้วให้อดยิ้มไม่ได้ เธอยกมือของเธอปาดน้ำตาที่แก้มออกตามคำบอกของแม่หนูน้อยกุ้งกั้ง

“แม่ปลาของน้องกุ้งกั้งเก่งจัง” เด็กหญิงยิ้มให้พาสนาเมื่อเห็นว่าเธอหยุดร้องไห้แล้ว

“จ๊ะ....น้องกุ้งกั้งก็เป็นคนเก่งนะคะ” พาสนามองเด็กน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน และเอ็นดู

“คนเก่งนอนพักเยอะๆ ดีกว่านะคะ........พรุ่งนี้จะได้มีแรงวิ่งเล่นกับลุงณุไงคะ” พิษณุเห็นว่าน้องกุ้งกั้งยังไม่แข็งแรงนัก จึงอยากให้เด็กหญิงพักผ่อนมากๆ

“ลุงณุ....” เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มกว้างเมื่อเห็นพิษณุอยู่ใกล้ๆ

“ลุงณุอยู่กับกุ้งกั้งนะคะ” เด็กหญิงตัวน้อยพูดน้ำเสียงอ้อน

“ค่ะ.......ลุงณุจะอยู่ข้างๆ น้องกุ้งกั้งนะคะ” พิษณุยิ้มให้เด็กหญิงตัวน้อย ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆ เตียงฝั่งตรงข้ามกับพาสนา

“สัญญานะคะ” เด็กน้อยยกนิ้วก้อยขึ้นมา

“สัญญาค่ะ” พิษณุรับเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กหญิงตัวน้อย แล้วชายหนุ่มก็กุมมือน้อยๆ เอาไว้

น้องกุ้งกั้งหันมองซ้ายก็มีพิษณุ มองขวาก็มีพาสนา เด็กน้อยรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก....รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้น

“ดีใจจัง น้องกุ้งกั้งมีทั้งแม่ปลา มีทั้งลุงณุเลย” เด็กน้อยพูดออกมาด้วยความซื่อ

“นอนนะคะคนดี....” พาสนาบอกกับเด็กหญิงตัวน้อยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ค่ะแม่ปลา” เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้ารับ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ช่างเป็นการนอนที่แสนสุขเหลือเกิน

สองมือของหนูน้อยมีผู้ใหญ่สองคนกุมเอาไว้ มอบความอบอุ่นภายในใจให้แก่เธอ

พาสนา และพิษณุจ้องมองใบหน้าของหนูน้อยที่เต็มไปด้วยความสุข...........
.
.
.
.
เช้านี้นายแม่ตะวันรีบตื่นขึ้นแต่เช้า และมุ่งตรงมายังโรงพยาบาล...

เมื่อรู้ว่าหลานสาวของท่านปลอดภัยดี และได้ย้ายไปอยู่ห้องพักพิเศษ หญิงวัยกลางคนถึงกลับยิ้มกว้างอย่างโล่งออก

เมื่อเดินเข้ามาในห้องพัก 198 นายแม่ตะวันก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตู.....

สิ่งที่ท่านเห็นคือ เด็กน้อยที่นอนยิ้มอย่างมีความสุข ทางข้างขวามีพาสนาที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ และด้านซ้ายมีพิษณุที่หลับอยู่เช่นกัน

นายแม่ตะวันเห็นบางอย่างที่ได้ขาดหายไป ได้กลับคืนมา........หัวใจของหญิงวัยกลางคนรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ท่านรู้ดีว่าในเวลานี้เด็กน้อยคงมีความสุขอย่างที่สุด

“อืมม....นายแม่” พาสนาลืมตาขึ้นก็เห็นนายแม่ตะวันที่ยืนยิ้มอยู่ตรงประตู

“มานานแล้วหรือยังคะ” พาสนายกมือขยี้ตาของเธอเบาๆ พร้อมกับบิดตัวไปมาเพื่อไล่อาการอ่อนล้า

“เพิ่งมาถึงนี่ล่ะ.....นี่ได้นอนกันบ้างรึป่าวหึ” นายแม่ตะวันเดินเข้ามายืนใกล้ๆ พาสนา

“ก็นอนบ้างตื่นบ้างค่ะ” พาสนาตอบ

“แม่ว่าปลากับคุณณุ กลับไปนอนบ้านกันก่อนดีมั้ย แล้วบ่ายๆ ค่อยมาใหม่” นายแม่ตะวันบอกกับลูกสาว

“แล้ว...” พาสนาหันกลับไปมองเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียง

“แม่ดูให้เอง....ปลากลับไปนอนให้สบายดีกว่านะลูก ดูซิคุณณุเลยพลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วยเลย” นายแม่ตะวันมองไปทางพิษณุที่ทำท่างัวเงียตื่นขึ้น

“อ้าว นายแม่ อรุณสวัสดิ์ครับ” พิษณุเงยหน้ามาเห็นนายแม่ตะวัน ก็รีบยกมือสวัสดียามเช้า

“จ๊ะ....” นายแม่รับไหว้พร้อมยิ้มให้

“แม่ว่า พวกเราสองคนกลับไปนอนบ้านก่อนเถอะนะ แล้วบ่ายๆ ค่อยมาใหม่” นายแม่ตะวันบอกกับพิษณุอย่างที่บอกกับพาสนาไปเมื่อสักครู่

“เอออ...” พิษณุเองก็หันมองไปทางหนูน้อยที่หลับสนิทอยู่

“ไปเถอะ....เดี๋ยวกุ้งกั้งตื่นมาแม่บอกเองว่าให้ทั้งคู่กลับไปอาบน้ำก่อน” นายแม่ตะวันบอกสีหน้ายิ้มๆ

“ถ้าอย่างนั้น.....” พาสนาครุ่นคิดสักครู่

“ปลากลับไปอาบน้ำ แล้วจะมาใหม่นะคะ” พาสนาตัดสินใจ

“ไปนอนเถอะลูก.......นะ ถ้าปลาป่วยไปอีกคนแม่คงไม่สบายใจ” นายแม่ตะวันยกมือจับมือลูกสาว

“เออออ........ค่ะก็ได้” พาสนาจนใจยอมทำตามคำสั่งนายแม่ตะวัน

“ดีแล้วจ๊ะ...” นายแม่ตะวันยิ้มอย่างเมตตา

“อืม คุณณุ แม่ขอบคุณมากนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนปลาตลอดทั้งคืน” นายแม่ตะวันหันไปพูดขอบคุณพิษณุ

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” พิษณุยิ้มรับ

“........” นายแม่ตะวันมองชายหนุ่มพร้อมกับยิ้มอย่างชื่นชมในน้ำใจของเค้า

“งั้นปลาไปก่อนนะคะนายแม่” พาสนากล่าวลานายแม่ตะวัน

“จ๊ะ....” นายแม่ตะวันยิ้มให้ลูกสาว

“ผมกลับก่อนนะครับ แล้วบ่ายๆ จะรีบมาใหม่” พิษณุกล่าวลานายแม่ตะวันเช่นกัน

“จ๊ะ” นายแม่ตะวันยิ้มให้พิษณุ

แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องเพื่อเดินทางกลับไร่องุ่นทานตะวัน ตามคำสั่งของนายแม่ตะวัน

นายแม่ตะวันมองตามคนทั้งสองแล้วพาให้อดยิ้มออกมาไม่ได้

“หนูกำลังจะได้ครอบครัวที่อบอุ่นแล้วนะ กุ้งกั้ง” นายแม่ตะวันหันมาพูดกับหลานสาวที่หลับสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:16:04:57 น.  

 
เมื่อกลับถึงบ้าน พาสนาก็เดินตรงไปยังห้องของเธอ ในเวลานี้เธอดูจะมีอาการเหนื่อยล้าเต็มทน.....

“ปลา...” พิษณุเดินตามเธอมาติดๆ

“อารายย......” พาสนาลากเสียงยาว ก่อนที่จะหันมองไปยังชายหนุ่มที่ร้องเรียกเธอ

พิษณุเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว พร้อมด้วยสายตาที่มองเธออย่างลึกซึ้ง.......พาสนาจ้องมองสายตาของอีกฝ่ายก็ให้รู้สึกหวั่นไหวพิกล เธอไม่อยากสบตาแบบนี้เลย เพราะมันทำให้เธอแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่เสียทุกครั้งที่ต้องสบตา

“นอนหลับฝันดีนะคะ” ชายหนุ่มกระซิบบอกกับหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มหวาน

“เอออ.........อืม” พาสนารู้สึกเหมือนหน้าตัวเองกำลังร้อนฉ่าขึ้นมาเสียดื้อๆ.....เธอพยักหน้ารับก่อนจะรีบหันไปเปิดประตูห้อง

พิษณุยืนมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม........

“พี่ณุก็ไปนอนได้แล้ว” พาสนาไม่วายหันมาทำพูดเสียงเข้มใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะปิดประตูห้องของเธอ

เมื่อประตูห้องของหญิงสาวปิดลง....

พาสนายังคงยืนอยู่ที่ประตูนั้น เธอรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบบนใบหน้าของเธอ เสียงหัวใจที่เต้นแรง

“..........บ้าจริง” หญิงสาวบ่นออกมาเบาๆ แต่ก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเธอ


พิษณุยังคงยืนยิ้มกับบานประตูหน้าห้องของพาสนา ชายหนุ่มเพิ่งคิดได้เดี๋ยวนี้นี่เองว่า เค้ามัวแต่ไปเสียเวลากับการเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไปเสียนาน......

การได้บอกให้เธอรับรู้ การที่ได้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ มันเป็นอะไรที่เรียกความสุขจริงๆ ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เค้าจะบอกกับเธอ จะพูดกับเธอ เค้าจะบอกกับเธอว่าเค้ารักเธอมากเพียงใด

การที่ทำให้คนที่รัก ได้รับรู้ว่าเรารักเธอมากแค่ไหน มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสุขใจอย่างที่สุด….
.
.
.
พาสนาจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะล้มตัวลงนอน..........

แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างทำให้เธอรีบหันมองไปที่ประตูห้องน้ำทันที


"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด........"


เสียงกรีดร้องดังลั่นบ้าน.....

พิษณุที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำเช่นกัน รีบวิ่งออกมาดู

“ปลา..........” ชายหนุ่มใช้มือทุบประตูห้องของพาสนา

“ช่วยด้วย.......ช่วยด้วย.....” เสียงร้องของพาสนาดังมาจากในห้อง

“ปลา........เปิดประตูซิ ปลา” พิษณุรู้สึกร้อนใจอย่างมาก ชายหนุ่มทุบประตูร้องเรียกเธอไม่หยุด

“พี่ณุ ช่วยปลาด้วย............พี่ณุ............” เสียงหญิงสาวในห้องยังคงร้องออกมา

“ปลาเปิดประตูซิ ปลา” พิษณุเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพาสนา เค้าได้แต่ทุบประตูร้องเรียกเธอ

“พี่ณุ...............พี่ณุ.............” พาสนายังคงตะโกนเรียกพิษณุน้ำเสียงแสดงอาการหวาดกลัวอย่างมาก

ชายหนุ่มรู้สึกทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เค้าถอยหลังออกมาจากประตู แล้วรวบรวมแรงทั้งหมดของเค้า วิ่งเข้ากระแทกประตูห้องทันที


ผลัก..!!!!!!!!!!!!~


บานประตูโดนแรงกระแทก จนเปิดออก


ภายในห้อง พาสนายืนอยู่บนเตียงนอน ด้วยท่าทางที่ตกใจกลัวอะไรสักอย่าง อย่างสุดขีด

“ปลา.....” พิษณุรีบเดินเข้าไปหาหญิงสาว แล้วเค้าก็มองไปรอบๆ ห้อง

“พี่ณุ” พาสนาร้องเรียกชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่กึ่งตกใจ กึ่งดีใจระคนกัน

“มีอะไร....เกิดอะไรขึ้น” พิษณุร้องถามอีกฝ่าย

“ตรงนั้นอ่ะ.............ตรงนั้น.........” พาสนาชี้มือไปที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเล็ก มือของเธอสั่นเทา

“ไหน มีอะไร....” พิษณุเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วก้มมองไปรอบๆ เพื่อค้นหาว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น จนทำให้พาสนาตกใจกลัวได้ขนาดนี้

“มันมี...หนูอยู่อ่ะ พี่ณุ “ พาสนาร้องบอกชายหนุ่ม

“หะ...............หนู” พิษณุหันมองกลับมาทางหญิงสาว สีหน้าชายหนุ่มมันแสดงอาการแปลกใจอย่างที่สุด

“อืมมม หนูตัวใหญ่มากเลยนะ” พาสนาพยักหน้าให้เค้า

“หนูนี่นะ” พิษณุมองสาวห้าวมาดเท่ห์ ที่ยืนตัวสั่นเพราะความกลัว หนู

“ทำไมอ่ะ ก็มันน่าเกลียด สกปรก มีฟันแหลมๆ สองซี่ น่าเกลียดจะตายไป” พาสนาโต้กลับเมื่อเห็นชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาตำหนิ

“จ๊ะๆ” พิษณุพยักหน้ารับแบบเข้าใจ

“พี่ณุไล่มันไปที.....ไม่งั้นปลานอนไม่ได้แน่ๆ” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม

“เฮ้ออออออออ....” พิษณุถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มลงไปยกกองหนังสือของกุ้งกั้งขึ้นมาวางบนโต๊ะ

แล้วชายหนุ่มก็เห็นเจ้าหนูตัวเล็กจิ๋วขดตัวอยู่ตรงนั้น......เค้าพยายามจับมัน แต่มันก็วิ่งหนีไปอีกมุมหนึ่งของห้อง

พาสนามองเห็นเจ้าหนูตัวน้อย เธอก็แผดเสียงร้องโวยวายออกมาอีก จนพิษณุรู้สึแสบแก้วหูไปหมด

“นั่นไง มันออกมาแล้ว พี่ณุ พี่ณุ..................” เสียงพาสนาร้องด้วยความตกใจ ผสมกับความตื่นเต้น

“ปลาๆ........” ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาวที่ยืนเต้นตัวสั่นอยู่บนเตียงนอน

“หืมมม” พาสนามองมายังชายหนุ่มด้วยสีหน้าบู้บี้ เหยเก

“พี่ว่าปลาไปรอที่ห้องพี่ก่อนดีกว่านะ.........เดี๋ยวพี่ไล่ได้แล้ว พี่จะไปตาม” พิษณุเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้กับพาสนา

“เอออ.....” พาสนายังคงลังเลอยู่

“ไปเถอะ…..เดี๋ยวพี่ไล่ได้แล้วจะไปตาม” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาว

“อืมม...” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องของเธอ แล้วไปอยู่ที่ห้องของพิษณุ

เมื่อพาสนาออกไปจากห้องแล้ว พิษณุก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเค้าก็ก้มหาเจ้าหนูตัวแสบเพื่อจัดการจับออกไปทิ้งข้างนอก

แล้วพิษณุก็ต้องวุ่นวายกับการจับหนูอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็สามารถจับเจ้าหนูตัวน้อยได้สำเร็จ และเอาไปทิ้งไกลๆ บ้าน



“ปลา........พี่เอาหนูไปทิ้งให้แล้วนะ” พิษณุเดินยิ้มเข้ามาในห้องพักของเค้าเพื่อรายงานผลการจับหนูให้หญิงสาวทราบ แต่เมื่อเค้าเข้ามาในห้อง ก็พบว่า พาสนาได้นอนหลับไปแล้ว..........

ด้วยความอ่อนล้า ทำให้พาสนาเผลอนอนหลับไปขณะที่รอพิษณุจับหนูให้เธอ ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆ หญิงสาวที่กำลังนอนหลับนิ่งอยู่บนเตียงนอน

ดวงตาของเค้าจ้องมองมาที่เธอ ภาพหญิงสาวแสนดื้อ ใจแข็ง ปากแข็ง ที่กำลังหลับอยู่นี้ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาบางๆ เค้านั่งลงบนเตียงข้างๆ เธอ...

มือแกร่งของเค้าค่อยๆ สัมผัสกับแก้มใสของเธออย่างแผ่วเบา

พาสนาสะดุ้งตื่นขึ้น เธอลืมตามาเห็นพิษณุที่กำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก หญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง



โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:16:13:42 น.  

 
หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้าของเธอ....พาสนาทำท่าจะลุกหนี แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดท่าทีของเธอลง เมื่อพิษณุไม่ยอมให้เธอลุกหนีไป

ชายหนุ่มใช้แขนของเค้าวางคล่อมตัวเธอเอาไว้

พาสนารู้สึกไม่ชอบใจนัก เธอหันมองหน้าเค้า แต่เธอก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เมื่อต้องสบกับสายตาอันหวานซึ้งของอีกฝ่าย.....

ดวงตาของชายหนุ่มมันกำลังพร่ำบอกว่า รัก เธอมากมายเหลือเกิน หญิงสาวรู้สึกสะท้านไปถึงหัวใจ........แต่มันเป็นความรู้สึกหวั่นไหว ความรู้สึกประหลาดที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

เหมือนเธอกำลังตกอยู่ในมนต์สะกดบางอย่าง ที่เธอไม่อาจฝืนได้.....ทุกอย่างดูเหมือนกำลังหยุดเคลื่อนไหว โลกทั้งใบมันกำลังหยุดนิ่ง มีเพียงเค้าและเธอสองคนเท่านั้นในเวลานี้

ลมหายใจอุ่นๆ จากชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นทุกที..........ผิวหน้าสีขาวใสกำลังกลายเป็นสีแดงจัดขึ้นเรื่อยๆ

หญิงสาวรู้สึกเหมือนลมหายใจของเธอกำลังขาดช่วง มันหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังโน้มใบหน้าของเค้าเข้าใกล้เธอเต็มทน....

“พี่.......ณ.........” พาสนาเอ่ยชื่อชายหนุ่มออกมาเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของเธอ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกปิดมิดด้วยริมฝีปากบางสวย

หญิงสาวรู้สึกไหวหวั่นกับสัมผัสที่ได้รับ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ.........ตัวเบาราวปุยนุ่น..........ทุกอย่างดูเบาบางไปหมดสิ้น สิ่งที่เธอรับรู้ได้ตอนนี้คือความรู้สึกที่อ่อนโยน และนุ่มนวลที่ได้รับจากชายหนุ่มคนนี้

ดวงตาของเธอปิดลง เธอกำลังรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เรียนรู้กับความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ.....

พิษณุเองก็บรรจงจูบหญิงสาวอย่างอ่อนโยน........เค้าส่งมอบความรู้สึกภายในใจมอบให้กับเธออย่างนุ่มนวล ทุกความรู้สึกที่เค้ามี มันกำลังถูกถ่ายทอดให้กับหญิงสาวคนนี้ คนที่เค้ารักสุดหัวใจ

ทุกอย่างรอบข้างดูจะหยุดการทำงาน...........คงเหลือเพียงสองคนที่กำลังสื่อภาษาหัวใจมอบให้กันและกัน..........

พิษณุค่อยๆ ถอนริมฝีปากของเค้าออกมาอย่างช้าๆ.........ดวงตาของชายหนุ่มยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยของพาสนา

หญิงสาวลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด......เธอรู้สึกว่าเมื่อสักครู่ เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกอย่างดูเบาบาง และล่องลอย

แต่มาในเวลานี้เธอกลับรู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว........ใจเต้นสั่นไม่เป็นจังหวะ เลือดในกายของเธอมันกำลังวิ่งไหลเวียนสับสนไปหมด

พิษณุโอบร่างของหญิงสาวเอาไว้แนบแน่น.........พาสนาอยากจะผลักเค้าออกเสียเหลือเกิน แต่ทำไมเหมือนมือไม้ของเธอมันอ่อนยวบยาบไปเสียหมด แม้แต่แรงจะผลักเค้ายังไม่มี

ชายหนุ่มจ้องใบหน้าสวยด้วยรอยยิ้มหวานละไม........

พาสนาทำได้แค่หลบสายตาของเค้าเท่านั้น

“ปลาจ๋า....” น้ำเสียงชายหนุ่มออดอ้อนร้องเรียกพาสนาในอ้อมกอด

“......” หญิงสาวไม่อาจตอบอะไรเค้าได้ เธอรู้สึกอาย และหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูก

“พี่รักปลานะ......รักมากด้วยรู้มั้ย” ชายหนุ่มกระซิบบอกรักหญิงสาวน้ำเสียงหวานที่ข้างๆ หู แล้วจมูกโด่งซุกซนก็ไม่ยอมอยู่เฉยให้เสียโอกาส.....มันเข้ามาใกล้นวลแก้มของเธอและคอยวนเวียนไปมา

“พี่ณุ...ปล่อยปลาเถอะ” หญิงสาวรู้สึกแทบทนไม่ได้กับน้ำเสียงและสัมผัสของชายหนุ่ม เธอพยายามฝืนใจตัวเองให้มากที่สุด

“เมื่อไหร่จะยกโทษให้พี่เสียที หึ” พิษณุไม่ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ แต่เค้ากลับถามเธอกลับ

“ปล่อยปลาซิ” พาสนาเองก็ไม่ยอมตอบคำถามของเค้าเช่นกัน เธอได้แต่พร่ำร้องขอให้เค้าปล่อยเธอให้เป็นอิสระ

“ไม่.....จนกว่าปลาจะยกโทษให้พี่ก่อน” พิษณุรู้ว่าตัวเองเป็นต่อในเวลานี้จึงยืนข้อเสนอออกมา

“คนขี้โกง......” พาสนาขมวดคิ้วต่อว่าเค้า เพราะในเวลานี้เธอเองก็ไม่อาจจะทำอะไรเค้าได้

“หึ.....พี่ทำเพราะรักปลาต่างหาก” พิษณุส่ายหน้าเบาๆ บอกกับหญิงสาว

“ปล่อยปลานะ......” พาสนาพยายามจะดิ้นหนี แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะชายหนุ่มกับกอดเธอเอาไว้แน่น

“อย่าดิ้นซิ.....” พิษณุบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงอ้อน

“ก็ปล่อยปลาซิ” หญิงสาวเองก็ร้องงอแง ไม่แพ้กัน

แล้วเมื่อคนหนึ่งดิ้นหนี อีกคนก็กอดไว้ไม่ยอมปล่อย.........ไปๆ มาๆ ทั้งคู่ก็ล้มลงบนที่นอนนั้น

“โอ๊ะ....” พาสนาร้องออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองล้มลงไปนอนอยู่บนอกของชายหนุ่ม

“ปล่อยปลานะ....” พาสนาร้องออกมาน้ำเสียงอ้อน สีหน้าแดงจัด

“ไม่ปล่อย” พิษณุนอนยิ้มชอบใจ สองมือของเค้ากอดเธอเอาไว้แน่น

พาสนาดิ้นได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องยอมหยุดดิ้นลง เพราะไม่ว่าเธอจะดิ้นหนียังไง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

“คนเจ้าเล่ห์ ขี้โกง” หญิงสาวบ่นออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“หึหึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงในลำคออย่างสุขใจ

“ปลา....” พิษณุเรียกหญิงสาวอีกครั้ง

“อะไร” พาสนาตอบกลับน้ำเสียงแข็ง

“พี่มีอะไรจะให้ปลาฟังด้วยล่ะ” พิษณุพูดสีหน้ายิ้ม

“ไม่อยากฟัง...” พาสนาโต้กลับสีหน้าบูด

“แต่พี่ก็อยากจะให้ฟังอยู่ดี” ชายหนุ่มยิ้มหวานให้กับเธอ

“เชอะ....” พาสนาทำเสียงหมั่นไส้ออกมา

“ฮะอึ้ม......ฮะอึ้ม....” ชายหนุ่มทำเสียงกระแอมในลำคอก่อนที่จะเริ่มร้องเพลงให้หญิงสาวในอ้อมกอดของเค้าฟัง


"วันนั้นฉันไม่เคยได้ถาม ว่าใจฉันมันคิดกับเธอเช่นไร

เธอเองก็ยังมองข้ามฉันไป แล้วเหตุใดจึงอยากเจอทุกวัน "




เมื่อพิษณุเริ่มร้องเพลงนี้ออกมา พาสนาที่ทำท่ายุกยิกในอ้อมกอดของเค้านั้น ได้หยุดดิ้นลง.....


"ฉันเลยถามหัวใจฉันดู ก็เลยรู้ที่มันตอบกลับมา

ว่าใจ มันเรียกเธอที่รัก มันไม่หยุดรักเธอ

เวลาขาดเธอ เหงาใจจนทนไม่ไหว"




หญิงสาวนอนนิ่งฟังเพลงนี้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอเก็บมันไว้ในใจ ความรู้สึกนี้เธอไม่เคยลืมมัน…….พาสนาหลับตาลงเธอฟังเพลงนี้อย่างเงียบๆ



"ก็ใจ มันรักเธอกว่าใคร มันต้องเหนื่อยแทบตาย

ที่ต้องเก็บรักให้อยู่ลึกๆ ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน "




พิษณุรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจฟังเค้าร้องเพลงนี้......ชายหนุ่มพยายามถ่ายทอดในสิ่งที่เค้าเก็บเอาไว้นานแสนนานให้หญิงสาวได้รับรู้ ได้เข้าใจมัน


"วันนี้คงจะยังไม่สาย ที่จะใช้เวลาบอกเธอทุกคำ

ฉันหวังจะเปลี่ยนแปลงเรื่องทุกอย่าง นับจากนี้ฉันจะทำเพื่อเธอ "




ในเวลานี้....หญิงสาวได้รับรู้ถึงความรักที่มันเต็มเปี่ยมจนแทบล้นทะลักจากชายหนุ่มได้ดี.....รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ พร้อมกับความรู้สึกตื้นตันใจ....จนน้ำตาหยดใส เริ่มออกมาคลอเบ้าตาของเธอ มันกำลังจะไหลออกมา


"เพราะฉันถามว่าใจรักใคร ก็ได้รู้ที่มันตอบกลับมา

ว่าใจ มันเรียกเธอที่รัก มันไม่หยุดรักเธอ

เวลาขาดเธอ เหงาใจจนทนไม่ไหว

ก็ใจ มันรักเธอกว่าใคร มันต้องเหนื่อยแทบตาย

ที่ต้องเก็บรักให้อยู่ลึกๆ ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน "




พิษณุรู้ดีถึงความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามี และอยากให้เธอคนที่เค้ากำลังกอดอยู่นี้ได้รับรู้เช่นกัน......ความอัดอั้นที่เค้ากักเก็บเอาไว้ กำลังได้ระบายให้หญิงสาวได้รับรู้ ได้รับฟัง ได้เข้าใจ


"เพราะฉันถามว่าใจรักใคร ก็ได้รู้ที่มันตอบกลับมา

ว่าใจ มันเรียกเธอที่รัก มันไม่หยุดรักเธอ

เวลาขาดเธอ เหงาใจจนทนไม่ไหว

ก็ใจ มันรักเธอกว่าใคร มันต้องเหนื่อยแทบตาย

ที่ต้องเก็บรักให้อยู่ลึกๆ ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน"





พาสนานอนฟังชายหนุ่มร้องเพลงให้เธอด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจ.......น้ำตาหยดใสของเธอมันกำลังรินไหลออกมา


"ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน

ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน


ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน"





ชายหนุ่มเอง เมื่อร้องเพลงนี้จบเค้าก็รู้สึกไม่ต่างจากหญิงสาวที่เค้ากำลังกอดอยู่มากนัก........เพียงแต่เค้าได้ระบายความในใจของเค้าออกมาให้เธอได้รับรู้ ได้รับฟัง




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:16:24:59 น.  

 
“พี่เคยบอกปลาไว้ จำได้มั้ย” พิษณุถามหญิงสาวเสียงแผ่วเบา

“......” พาสนานิ่งเงียบ ในเวลานี้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เพราะทุกความรู้สึกที่พิษณุส่งผ่านให้เธอรับรู้มานั้น มันทำให้เธอรู้สึตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว

“พี่เคยแต่งเพลงนี้ไว้เมื่อ 5 ปีก่อน.....พี่เล่นให้ปลาฟังเป็นคนแรก” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้ายิ้ม

“พี่เคยสัญญาแล้วว่าถ้าแต่งจบเมื่อไหร่ พี่จะร้องให้ปลาฟังเป็นคนแรก” พิษณุบอกกับหญิงสาวสีหน้ายิ้มมีความสุข

“เพลงนี้เป็นของปลา......เป็นของปลาเพียงคนเดียว” ชายหนุ่มเลื่อนใบหน้าของเค้าจ้องมองหญิงสาวในอ้อมกอด

พาสนานอนฟังคำพูดของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจ...........เธอรู้ดีถึงความรู้สึกที่เค้ามอบให้เธอ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันที่เธอเปิดเทปในรถของเค้าฟัง และมาในเวลานี้ เค้าได้ร้องเพลงนี้ให้เธอฟังอีกครั้ง.....

น้ำตาของความปลื้มใจมันเออล้นท่วมใจของเธอ.....

พิษณุจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา.......ชายหนุ่มรู้ดีว่า หญิงสาวได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เค้ามีต่อเธอไปเรียบร้อยแล้ว.....เค้ารู้สึกดีใจเหลือเกินที่สามารถบอกความรู้สึกภายในใจกับเธอได้เสียที

“อย่าร้องไห้อีกเลยนะคนดี” ชายหนุ่มก้มลงใกล้ใบหน้าสวย แล้วใช้ริมฝีปากของเค้า รอยจูบของเค้า ซับน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน......

แล้วเค้าก็กระชับอ้อมกอดของเค้าแน่นขึ้น จนหน้าของพาสนาเข้าไปแนบชิดกับใบหน้าของเค้า....


ว่าใจ………….มันเรียกเธอที่รัก

มันไม่หยุดรักเธอ.......

เวลาขาดเธอ......มันเหงาใจจนแทบทนไม่ไหว

ก็ใจ.......มันรักเธอกว่าใคร

มันต้องเหนื่อยแทบตาย

ที่ต้องเก็บรักให้อยู่ลึกๆ

ทั้งที่.........อยากบอกเหลือเกิน





ชายหนุ่มร้องเพลงท่อนนี้ให้หญิงสาวฟังชัดๆ อีกครั้ง เค้าเลื่อนใบหน้าจูบที่หน้าผากของพาสนาอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก และเอ็นดู ก่อนที่จะแนบใบหน้าของเค้าชิดแก้มใสของเธออย่างสุขใจ

รอยจูบบนหน้าผากที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างอ่อนโยน ทำเอาพาสนาทำอะไรไม่ถูก เธอได้แต่เก็บความรู้สึกซึ้งใจเอาไว้เงียบๆ

หญิงสาวหลับตาลงในอ้อมกอดนั้น ด้วยความรู้สึกซึ้งใจ อบอุ่นใจเหลือล้น ภายในใจของเธอ.........อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่น และปลอดภัยเหลือเกิน......
.
.
.
ที่โรงพยาบาล…..

เด็กน้อยค่อยๆ ลืมตาตื่น และมองไปรอบๆ ห้อง เธอก็พบกับนายแม่ตะวันที่กำลังรอคอยการตื่นของเธอ

“ตื่นแล้วหรอลูก กุ้งกั้ง” นายแม่ตะวันยิ้มให้หลานสาว

“นายแม่..........แม่ปลา กับลุงณุไปไหนคะ” เด็กน้อยมองหามารดา และคุณลุงใจดีของเธอ

“อะไรกัน ตื่นมาก็ร้องหาแม่ปลากับลุงณุเลยนะ ย่าชักน้อยใจแล้วนะ” นายแม่ตะวันแกล้งพูดเชิงน้อยใจกับเด็กหญิงตัวน้อย

“ก็นายแม่อยู่ตรงนี้แล้วนิคะ.....กุ้งกั้งเลยไม่ถาม” เด็กน้อยตอบน้ำเสียงใส ดวงตาซื่อ

“ช่างพูดจริงนะเรา” นายแม่ตะวัน ยิ้มให้หลานสาวอย่างเอ็นดู

“นายแม่ขา แม่ปลา กับลุงณุไปไหนคะ” เด็กน้อยร้องอ้อนหาแม่

“แม่ปลากับลุงณุ กลับไปอาบน้ำค่ะ” นายแม่ตะวันตอบ

“............” เด็กน้อยหน้างอลงทันที

นายแม่ตะวันมองกุ้งกั้ง แล้วต้องให้แปลกใจรีบซักถามอาการหลานสาว

“เป็นอะไรไปลูก ปวดตรงไหน เจ็บตรงไหนรึป่าว” นายแม่ตะวันรีบเข้ามาจับตัวเด็กน้อยอย่างห่วงใย

“ปล่าวค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อย ส่ายหน้าไปมาเบาๆ

“อ้าว แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะลูก” นายแม่ตะวันร้องถามด้วยความสงสัย

“แม่ปลาสัญญากับน้องกุ้งกั้งไว้ว่า จะอยู่ข้างๆ น้องกุ้งกั้ง....จะไม่ทิ้งไปไหน” เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ น้ำตาใสๆ ของหนูน้อยกำลังจะไหลลงมา

“โธ่กุ้งกั้ง............แม่ปลาเค้าไม่ได้ทิ้งไปไหนนะลูก แม่ปลาเค้าไปอาบน้ำเดี๋ยวก็มาลูก” นายแม่ตะวันกอดหลานสาวเอาไว้ พร้อมกับพูดปลอบใจ

“แต่แม่ปลาสัญญากับน้องกุ้งกั้งเอาไว้.....ลุงณุด้วย” เด็กน้อยยังคงงอแง ไม่หยุด

เป็นเพราะตอนนี้แม่หนูน้อยกำลังไม่สบาย อยู่ในช่วงเพิ่งผ่านจากการเจอเรื่องร้ายๆ มา จึงทำให้อ้อนเป็นพิเศษ.........นายแม่ตะวันมองหลานสาว แล้วให้รู้สึกสงสาร

“ไม่ร้องนะคะ........เดี๋ยวแม่ปลาก็กลับมา ย่าให้แม่ปลากลับไปเอง อย่าโกรธแม่ปลานะคะ” นายแม่ตะวันพูดปลอบใจหลานสาวของท่าน

“ไม่....น้องกุ้งกั้งโกรธแม่ปลาแล้ว......แม่ปลาโกหก.......แม่ปลาไม่รักกุ้งกั้งแล้ว” เด็กน้อยไม่ยอมหยุดร้องไห้ แถมยังงอแง หนักกว่าเก่าอีก

“กุ้งกั้งลูก.........”นายแม่ตะวันเองก็จนปัญญา เพราะเด็กน้อยไม่ค่อยจะงอแงมากนัก แต่หากเกิดอาการงอแงขึ้นมาเมื่อไหร่ก็หยุดยากเหมือนกัน

“ฮือออออออออ ฮืออออออออออออ แม่ปลาใจร้าย แม่ปลาไม่รักกุ้งกั้ง” เด็กน้อยยังคงร้องอ้อนหาแม่

นายแม่ตะวันมองดูหลานสาว แล้วต้องให้เหนื่อยใจที่สุด

“ไม่ร้องนะลูก...โอ๋ๆ เดี๋ยวแม่ปลาก็มานะคะ” นายแม่ตะวันกอดหลานสาวเอาไว้ พร้อมพูดปลอบใจ

“แม่ปลาผิดสัญญากับกุ้งกั้ง ลุงณุก็ผิดสัญญา...........กุ้งกั้งจะไม่เป็นเด็กดีแล้ว ฮือออออออ ฮืออออออออ” เด็กน้อยยังคงร้องไห้งอแงไม่หยุด
.
.
.
“กุ้งกั้ง” พาสนาสะดุ้งตื่นขึ้น

“เป็นอะไรปลา” พิษณุที่นอนกอดเธอเอาไว้ ต้องพลอยตื่นตาม

“พี่ณุ.......เราไปโรงพยาบาลเถอะ” พาสนารีบบอกกับชายหนุ่ม

“มีอะไรหรอ” พิษณุเองก็ยังคง งุนงง

“ปลาฝันว่า กุ้งกั้งร้องไห้” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม

“โธ่..........แค่ฝันไปเอง” พิษณุยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

“ไม่เอาละ ปลาจะไปโรงพยาบาล” หญิงสาวพูดจบก็ทำท่าลุกขึ้นจากที่นอน

“เดี๋ยวซิปลา” พิษณุคว้าตัวหญิงสาวเอาไว้ แล้วดึงมากอด

“ทำอะไรพี่ณุ” พาสนาพยายามแกะมือชายหนุ่มออกจากตัวเธอ

“ขอหอมหน่อยซิ...” พิษณุอ้อนขอหอมหญิงสาว พร้อมกับยื่นใบหน้าของเค้าเข้าหาแก้มของเธอ

“บ้ารึไง.....พอแล้วนะ” พาสนาพยายามหันหน้าหนีจมูกโด่งที่จ้องรังแกเธอ

“ไม่พอ..........ก็พี่รักปลานินา” ชายหนุ่มยังคงร้องอ้อนไม่เลิก

“ไม่เอาแล้ว....ปลาจะไปหากุ้งกั้ง” พาสนาผลักชายหนุ่มออก แล้วรีบลุกหนีออกไปจากห้อง

พิษณุหันมองพาสนาที่เดินอายๆ ออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มหวาน...

วันนี้ช่างเป็นวันดีอะไรแบบนี้ เค้าได้นอนกอดเธอ ได้หอมเธอ ได้จูบเธอ และได้บอกรักเธอ......ชายหนุ่มรู้สึกว่าเค้ากำลังเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:16:32:31 น.  

 
พาสนา และพิษณุ รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว...

ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูห้องพักเข้าไป ก็พบนายแม่ตะวันที่นั่งสีหน้าเครียดข้างๆ ร่างของหนูน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเตียงนอน

“เฮ้ออ.......” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ออกมา

“อ้าวปลา.......ทำไมรีบมาล่ะลูก ได้นอนแล้วหรอ” นายแม่ตะวันร้องถามลูกสาวด้วยความแปลกใจ เพราะนับเวลาที่พาสนากลับบ้าน และกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง ยังไม่ถึง 3 ชั่วโมงดี

“ปลานอนไม่หลับค่ะนายแม่” พาสนาบอกกับนายแม่ตะวัน และเดินมาดูเด็กหญิงตัวน้อย

“ทำไมละลูก” นายแม่ตะวันร้องถามลูกสาวอย่างสงสัย และมองไปที่พิษณุ ที่เดินมานั่งตรงโซฟามุมห้อง

“ปลาเค้าฝันว่า กุ้งกั้งร้องไห้ครับ” พิษณุตอบแทนพาสนา

“โธ่..........ลูก” นายแม่ตะวันจับมือลูกสาวของท่านแล้วมองอย่างเห็นใจ

“กุ้งกั้งเป็นยังไงบ้างคะนายแม่” พาสนาร้องถามนายแม่ตะวันถึงอาการของแม่หนูน้อย

“ตื่นมาได้สักพัก ก็ร้องไห้จนหลับไปจ๊ะ” นายแม่ตะวันตอบสีหน้าเครียด

“หะ....กุ้งกั้งร้องไห้หรือคะ ร้องทำไมคะนายแม่ หรือว่าหลานเจ็บตรงไหน” พาสนาพยายามมองไปรอบๆ ตัวหนูน้อยเพื่อดูว่าเธอบาดเจ็บอะไรตรงไหนรึป่าว

“กุ้งกั้งไม่ได้ร้องเพราะเจ็บอะไรหรอกลูก..........แต่......” นายแม่ตะวันนิ่งเงียบลง

“แต่อะไรคะนายแม่” พาสนาถามอย่างสงสัย

“กุ้งกั้งน้อยใจที่ตื่นมาไม่เจอแม่ปลา กับลุงณุ หน่ะซิ” นายแม่ตะวันตอบน้ำเสียงแผ่วเบา

“โธ่.....กุ้งกั้ง” พาสนาได้ฟังคำบอกเล่าจากนายแม่ตะวัน ก็ต้องมองหน้าหนูน้อยที่หลับทั้งน้ำตา อย่างสงสารจับใจ

“ปลาไม่น่าเผลอหลับเลย ตอนแรกก็ว่าจะแค่อาบน้ำ แล้วรีบกลับมา........ดูซิหลานตื่นมาไม่เจอ คงน้อยใจแย่” พาสนามองหน้าแม่หนูน้อยแล้วพูดออกมาด้วยความไม่สบายใจ

“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก เดี๋ยวง้อสักนิด ก็หาย” นายแม่ตะวันบอกกับพาสนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวของท่านไม่สบายใจ

“เฮ้อออ........” พาสนาถอนหายใจอีกครั้ง แล้วมองเด็กน้อยด้วยความห่วงใย

“แม่ต้องขอโทษคุณณุด้วยนะ ที่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องนี้” นายแม่ตะวันหันไปพูดกับพิษณุอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมยินดี” พิษณุยิ้มให้นายแม่ตะวัน.....

“กุ้งกั้งขาดพ่อมาตั้งแต่เกิด.......ส่วนแม่ก็ได้ ปลานี่ละมาทดแทนให้ พอแกมาเจอคุณณุเข้า แกเลยติด” นายแม่ตะวันบอกน้ำเสียงเศร้า

“นายแม่คะ” พาสนาจับมือมารดาของเธอบีบเบาๆ

“ถ้าไม่ลำบากนัก...........แม่อยากขอให้คุณณุเอ็นดูหลานด้วยนะจ๊ะ” นายแม่ตะวันกล่าวกับพิษณุ

“ครับ...ผมก็รัก และเอ็นดูน้องกุ้งกั้งเหมือนลูก เหมือนหลานของผมเหมือนกัน แกเป็นเด็กน่ารัก” พิษณุตอบสีหน้ายิ้มๆ

“ดีค่ะ ดี” นายแม่ตะวันยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างจริงใจ

พาสนามองมารดาของเธอ แล้วมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
.
.
.
ทั้งสามคนนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย จนแม่หนูน้อยเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

“กุ้งกั้ง...” พาสนารีบลุกเข้าไปยืนใกล้ๆ น้องกุ้งกั้ง

เด็กน้อยลืมตาขึ้นมองเห็นหน้าพาสนา เธอก็ยิ้มแป้นออกมา

“แม่ปลา.......แม่ปลาขา” เด็กน้อยร้องเรียกพาสนา แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงเป็นอาการงอน

“แม่ปลามาทำไม........ไม่รักน้องกุ้งกั้งแล้วมาทำไม” เด็กน้อยเกิดอาการงอนพาสนาขึ้น เธอรีบพลิกหน้าหันไปทางนายแม่ตะวันแทนมองหน้าพาสนา

“กุ้งกั้ง.......โกรธแม่ปลาหรือคะ” พาสนาเห็นอาการเด็กน้อยแล้วให้เกิดความเสียใจ

“แม่ปลาไม่รักน้องกุ้งกั้งแล้ว........น้องกุ้งกั้งก็ไม่รักแม่ปลาเหมือนกัน” เด็กน้อยพูดออกมาด้วยความน้อยใจตามประสาเด็ก

“ใครบอกว่าแม่ปลาไม่รักกุ้งกั้งละคะ” พาสนาเข้าไปนั่งใกล้ๆ เด็กน้อย พร้อมพูดงอนง้อ

“ก็แม่ปลาสัญญากับน้องกุ้งกั้งแล้วว่า จะไม่ไปไหนไงคะ แล้วแม่ปลาก็ผิดสัญญา” เด็กน้อยเบ้ปากพูดน้ำเสียงงอแง

“แม่ปลาขอโทษนะคะ......แม่ปลาจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ” พาสนาบอกกับเด็กน้อยน้ำเสียงอ่อนโยน

“น้องกุ้งกั้งเสียใจ น้องกุ้งกั้งตื่นมาก็ไม่เห็นแม่ปลา ไม่เห็นลุงณุ” เด็กหญิงตัวน้อยพูดน้ำเสียงสะอื้นออกมา

พิษณุรีบลุกขึ้นมายืนใกล้ๆ

“กุ้งกั้งขา....ไม่ร้องไห้นะคะ ลุงณุขอโทษ” พิษณุบอกกับเด็กน้อย พร้อมกับยื่นดอกไม้ดอกเล็กๆ ให้เพื่อเป็นการขอโทษ

เด็กน้อยหันมองหน้าชายหนุ่มด้วยน้ำตาใส นองแก้ม…. และมองไปยังดอกไม้ในมือของพิษณุ

“ยกโทษให้แม่ปลา กับลุงณุนะคะ” พิษณุยิ้มให้แม่หนูน้อย พร้อมกับยื่นดอกไม้ดอกสวยไปใกล้ๆ แม่หนูน้อย

เด็กน้อยมองดอกไม้ในมือของพิษณุก็ยิ้มออกมา

“สวยจังคะ ลุงณุ” เด็กน้อยลืมไปว่าได้โกรธแม่ปลา กับลุงณุอยู่ ดอกไม้สวยในมือชายหนุ่มได้ดึงดูดความสนใจของเด็กน้อยไปจนหมดสิ้น

“หายโกรธแม่ปลา กับลุงณุแล้วใช่มั้ยคะ” พิษณุถามยิ้มๆ

“คะ.....ถ้าคราวหน้าแม่ปลาผิดสัญญาอีก น้องกุ้งกั้งจะไม่เป็นเด็กดีนะคะ” เด็กน้อยหันมาพูดขู่พาสนา

“โอ้ยยย........ค่ะๆ ต่อไปแม่ปลาจะไม่ผิดสัญญาอีกนะคะ......” พาสนายิ้มออกมาอย่างดีใจที่หนูน้อยหายโกรธ

“เด็กดีของย่า” นายแม่ตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆ กอดหลานสาวอย่างดีใจ

ท่านมองไปที่พิษณุ ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกปลื้มใจ

“เด็กดี......ถ้าหายแล้วลุงณุจะพาไปเที่ยวนะคะ” พิษณุบอกกับกุ้งกั้งน้ำเสียงสดใส

“จริงๆ นะคะ” เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“จริงๆ ค่ะ” พิษณุพยักหน้าให้แม่หนูน้อย

“แต่....กุ้งกั้งต้องสัญญากับลุงณุก่อนนะคะ ว่า........จะเชื่อฟังนายแม่ตะวัน แม่ปลา ไม่ดื้อ ไม่ซน” พิษณุเสนอข้อแลกเปลี่ยน

“ค่ะ กุ้งกั้งจะไม่ดื้อ จะเป็นเด็กดี..........แต่ขอซนหน่อยนะคะ” หนูน้อยมีข้อแม้

“เพราะเด็กซนเป็นเด็กฉลาด กุ้งกั้งอยากฉลาดเลยต้องซนใช่มั้ยคะ” พาสนาจำข้อความของแม่หนูน้อยได้ดี เธอพูดขึ้นพร้อมกับดึงหนูน้อยมาหอมแก้มฟอดใหญ่

“ใช่คะแม่ปลา” หนูน้อยพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม

“จริงๆ เลยเรานี่” นายแม่ตะวันยกมือโยกศีรษะแม่หนูน้อยอย่างเอ็นดู

“งั้นก่อนอื่น เด็กดีต้องทานยานะคะ” พิษณุหันไปหยิบยาที่คุณหมอจัดไว้ให้มาให้กุ้งกั้งทาน

“โอ้ยยยย ยาหรอคะ” เด็กน้อยร้องโวยขึ้นเมื่อถึงเวลาทานยา

“ยาน้ำนะคะ หวานดีออก” พิษณุยกขวดยาขึ้นให้หนูน้อยดู แล้วยิ้ม

“ก็ได้คะ” หนูน้อยยอมทานยาตามที่พิษณุบอก

พาสนา และนายแม่ตะวันดูสองคนป้อนยากัน แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้




โดย: kokoo_129 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:16:40:29 น.  

 
สนุกมากครับ อยากอ่านตอนจบของเรื่องนี้ช่วยโพสให้หน่อนนะครับ


โดย: man IP: 58.9.67.4 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:19:18:35 น.  

 
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ ช่วยโพสให้หน่อยนะค่ะ


โดย: may IP: 58.9.65.84 วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:12:37:20 น.  

 
ถึงคุณแมน และคุณเมย์นะคะ

จริงๆ เรื่องนี้ได้เขียนไว้จนจบเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะโก้ไม่ค่อยมีเวลาที่จะไล่มาลงให้อ่านนะคะ ยังไงจะรีบนำมาลงให้นะคะ คงจะหลังช่วงสงกรานต์ไปแล้วเป็นอย่างช้าค่ะ ยังไงก็รอติดตามอ่านด้วยนะคะ ^o^




โดย: kokoo_129 วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:20:09:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.