Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
..Memory In Love: บทที่11..


**************************************
Memory In Love: ด้วยรักและความทรงจำ
บทที่ 11 ............................คำถามของหัวใจ

**************************************








Create Date : 17 สิงหาคม 2549
Last Update : 22 สิงหาคม 2549 20:29:59 น. 8 comments
Counter : 510 Pageviews.

 
“…………ดาวสวยจังเลยเนอะ”
พาสนามองดูดวงดาวบนฟ้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แต่แล้วทุกอย่างกลับเงียบสงบ จนสาวห้าวมาดเท่ห์ ต้องหันมองดูคนข้างๆ ซึ่งตอนนี้เค้าล้มตัวลงนอนกับพื้นของสนามหญ้า..........ชายหนุ่มหลับตาสนิท........

“พี่ณุ.........” พาสนาขมวดคิ้วมองหัวหน้าของเธอ
“หลับอีกแล้ว.....คนอะไรหลับง่ายหลับดาย” พาสนาบ่นอุบอิบ มองหน้าคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“เฮ้ออออออออออออ......”

สาวห้าวมาดเท่ห์ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วต้องเงยหน้ามองไปทางดวงดาวบนฟ้าอีกครั้ง

เธอใช้สองมือท้าวไปข้างหลัง เอนกายตามแขนของเธอ.........สองตาจ้องมองไปบนผืนฟ้ากว้าง ที่ดาดาดเต็มไปด้วยเหล่าหมู่ดวงดาว........แสงดาวระยิบระยับ ส่องแสงกระพริบสวยงาม

แล้วพาสนาก็ต้องหันกลับมองใบหน้าคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ..........รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้านวลของเธอ
.
.
.
“พี่ปุ่น....” ปฏิมา จ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“หืมม” ปัญญาเงยหน้าจากแผลของหญิงสาว แล้วมองกลับมาที่ใบหน้าของเธอ
“ขอบคุณมากนะ” ปฏิมากล่าวคำขอบคุณชายหนุ่มที่ช่วยทำแผลให้เธอ
“หึ.....พูดคำขอบคุณเป็นด้วยหรอเราอ่ะ” ปัญญายิ้มที่มุมปาก มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหูที่ได้ยินคำขอบคุณจากปากเธอ

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ สาวซ่าส์อย่างปฏิมา ก็เกิดอารมณ์ฉุนขึ้นมาทันที
“แอ๊ะ ทำไมพูดงี้ละพี่ปุ่น” ปฎิมาขมวดคิ้วแน่น จ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
“อ้าว....ก็เราหน่ะ ผิดไม่รู้จักผิด ชอบพูดชอบเถียงไม่เข้าท่าประจำ” ปัญญายังคงต่อว่าหญิงสาว โดยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เพราะทุกอย่างที่เค้าพูดมันคือความจริง
“พี่ปุ่น.........” ปฏิมาขึ้นเสียงสูงใส่ชายหนุ่ม สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ
“ทำไม.........พี่พูดเรื่องจริง” ปัญญายังคงทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธมากแค่ไหน
“หยุดว่าตุ้มเดี๋ยวนี้นะ” ปฏิมาออกคำสั่งเสียงเข้มกับชายหนุ่ม
“ไม่....พี่พูดความจริง” ปัญญายังคงท้าทายหญิงสาว
“พี่ปุ่น.......ตุ้มบอกให้หยุดพูดไง” ปฏิมา ขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่า จ้องหน้าปัญญาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่....ตุ้มทำตัวไม่น่ารักจริงๆ นิ” ปัญญายังคงพูดต่อว่าหญิงสาว
“ไอ้พี่ปุ่นบ้า” ปฏิมาสุดทนกับคำต่อว่าของชายหนุ่ม เธอยกมือขึ้นสูง แล้วฟาดมันลงไปที่เค้า
“หยุดนะตุ้ม” ปัญญาเหมือนรู้ทัน เค้ารับฝามือนั้นของปฏิมาเอาไว้ พร้อมกับจ้องหน้าเธอเขม็ง
“เห็นมั้ย พอโดนว่าเข้าหน่อยก็ทนไม่ได้ ลงไม้ลงมือ ชอบใช้กำลัง” ปัญญายังคงต่อว่าต่อขานหญิงสาวไม่หยุด
“พี่ปุ่น.....” ปฏิมากัดริมฝีปากของเธอแน่น จ้องหน้าปัญญาอย่างขุ่นเคือง
“ทำไม...” ปัญญาเองก็ทำท่าท้าทายเธออยู่ไม่น้อย
“ปล่อยมือตุ้ม” ปฏิมาพยายามดึงมือของเธอกลับ แต่ก็โดนปัญญาบีบไว้จนแน่น
“ปล่อยซิ.........” หญิงสาวพยายามดึงมือกลับแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปัญญายังคงกำมือของเธอไว้อย่างเหนียวแน่น
“ไม่.......อย่างเรามันต้องโดนสั่งสอนบ้างท่าจะดี” ปัญญา จ้องใบหน้าของอีกฝ่ายเขม็ง
“ปล่อยนะ....ถ้าไม่ปล่อย จะมาว่าตุ้มทำเกินไปไม่ได้นะ” ปฏิมาพูดขู่อีกฝ่าย
“ทำไม จะทำอะไรพี่” ปัญญายังคงท้าทาย เค้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าปฏิมาจะทำอะไรเค้าได้บ้าง
“ไม่ปล่อยแน่นะ” ปฏิมา ถามน้ำเสียงดุขึ้น
“ไม่....” ปัญญายังคงยืนยันหนักแน่น
“ไอ้พี่ปุ่น........” สิ้นเสียงปฏิมา

เพี้ยะ!!!!!!!!!!!!!!!!~

เสียงของฝ่ามือปฏิมากระทบกับผิวหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง....ปฏิมาใช้มืออีกข้างตบลงที่ใบหน้าของปัญญา........

แรงกระทบจากฝ่ามือของหญิงสาว ทำเอาปัญญาต้องหันหน้าตามแรงที่เธอตบเค้า..........ปฏิมาเองก็ตกใจไม่น้อย ที่ปัญญาไม่จับมือเธอไว้ แต่กลับปล่อยให้เธอตบเค้าได้สำเร็จ

“เออออ........” ปฏิมานิ่งอึ้งไปชั่วครู่

ชายหนุ่มหันหน้ากลับมามองสาวซ่าส์เซอร์ ตรงหน้าด้วยแววตาดุ........เมื่อปฏิมาเห็นดวงตาของปัญญา เธอเองก็ผงะถอยเหมือนกัน แต่เธอก็ยังคงทำใจดีสู้เสือ

“สมน้ำหน้า.......ตุ้มเตือนพี่แล้วนะ” ปฏิมายังคงปากกล้าพูดใส่ชายหนุ่ม

ปัญญาจ้องปฎิมาตาเขม็ง........เค้าบีบมือของเธอแรงขึ้น จนปฏิมารู้สึกได้ หญิงสาวพยายามกัดฟันเก็บความเจ็บเอาไว้ แล้วทำหน้ายิ้มสู้
“เธอตบพี่” ปัญญาพูดน้ำเสียงเรียบเย็น
“ใช่......ก็ตุ้มบอกให้ปล่อยพี่ไม่ยอมปล่อยนิ” ปฏิมายังคงเชิดหน้าพูดใส่ชายหนุ่ม
“ดี งั้นเรามาแลกกัน” ปัญญาพูดจบก็ยกมืออีกข้าง แล้วง้างขึ้น ปฏิมาตกใจ ตาโตมองมือของอีกฝ่าย
“จะตบตุ้มคืนหรอ....” ปฏิมา รีบพูดเมื่อเห็นท่าทางของปัญญา
“ทำไม กลัวหรือไง” ปัญญาพูดน้ำเสียงเย็น

ปฏิมาจ้องมองอีกฝ่าย แล้วเธอก็ต้องทำใจดีสู้ต่อ.......
“เอาซิ อยากตบก็ตบ ตุ้มไม่กลัวหรอกนะ” ปฏิมายังคงพูดจาท้าทายไม่หยุด แม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย

หญิงสาว ยื่นหน้าท้าทายอีกฝ่าย เธอจ้องเค้านิ่ง .........ปัญญามองดูผู้หญิงตรงหน้า แล้วให้รู้สึกหมั่นเคี้ยวหนักกว่าเก่า ชายหนุ่มง้างมือขึ้นสูงกว่าเก่า และทำท่าจะฟาดมันลงมาที่อีกฝ่าย

ปฏิมาจ้องมือใหญ่ของอีกฝ่าย แล้วเธอต้องหลับตาแน่น เมื่อมันกำลังผ่านอากาศเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอ........

ปัญญาเห็นใบหน้าที่แสดงอาการกลัวของปฏิมา.......ฝ่ามือของเค้าได้หยุดลง..........แล้วเปลี่ยนเป็นแตะที่แก้มนวลของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา......

อาการหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ เมื่อปฏิมารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ใกล้ๆ ใบหน้าของเธอ........หญิงสาวไม่ทันได้โวยวายอะไร เธอก็ต้องมารู้ตัวอีกทีว่าโดนอีกฝ่ายจู่โจมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว....

“อี้........” เสียงปฏิมาเล็ดลอดออกมาไม่ได้ศัพท์ มือข้างหนึ่งยังคงโดนปัญญากำไว้แน่น แต่มือข้างที่เป็นอิสระ ทุบตีฝ่ายชายอย่างไม่ตั้งใจ

มือข้างที่กำมือของหญิงสาวไว้ ยังคงกำไว้แน่น แต่อีกข้างที่ทำท่าเหมือนจะตบเธอมันกับเป็นการโน้นลำคอของเธอเอาไว้.........ปัญญาได้บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากกล้าของอีกฝ่าย

ปฎิมาพยายามใช้มือข้างที่เป็นอิสระทุบตีปัญญาเพื่อให้เค้าปลดปล่อยเธอ แต่มันไม่ได้ผล.......ปัญญายังคงลิ้มรสหวานผ่านจากริมฝีปากของเธอ จนในที่สุด แรงทุบของฝ่ายหญิงก็ได้หยุดลง

ปฏิมารู้สึกเหมือนร่างของเธอมันกำลังลอยล่องอยู่บนอากาศ เธอแทบประคองตัวเองไว้ไม่อยู่.........จนปัญญาต้องโอบตัวเธอเอาไว้........




โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:25:57 น.  

 
ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนริมฝีปากของเค้าออกจากริมฝีปากของอีกฝ่าย...........ปฏิมาในเวลานี้เหมือนหมดฤทธิ์ หมดเดช ลงไปพอสมควร..........ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาว แล้วให้ยิ้มออกมา

ปฏิมาลืมตามองชายหนุ่มตรงหน้า......ใบหน้าของเธอเริ่มแดงจัด.....
“บ้า........ทำแบบนี้หมายความว่าไง” เมื่อตั้งสติได้ ปฏิมาก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง

เธอใช้มือทุบใส่ชายหนุ่มไม่ยั้ง..........ปัญญาคว้าเอามือหญิงสาวเอาไว้..........เมื่อโดนรวบมือเอาไว้ ปฏิมาก็ทำได้แต่ดิ้นรน บิดตัวไปมา

“ปล่อยตุ้มนะ........” ปฏิมาร้องโวยวายออกมาด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก มันทั้งโกรธ และอาย
“เลิกออกฤทธิ์ ออกเดชได้แล้ว.........ไม่งั้นพี่จะ............จูบอีกนะ” ปัญญาพูดเสียงเข้มข่มอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินคำขู่ของปัญญา ปฏิมาก็ต้องรีบเม้มปากแน่น แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มตาเขม็ง

“หึหึหึ.........” เสียงหัวเราะในลำคอของปัญญาดูจะยั่วโมโหหญิงสาวได้ไม่น้อย
“คนฉวยโอกาส….รังแกผู้หญิง” ปฎิมารีบพูดขึ้น แล้วกลับไปเม้นริมฝีปากดังเดิม

ปัญญาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ด้วยแววตาดุ.....

“ปากยังกล้าอีกนะ........หรือจะเอาอีกสักที” ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาว แล้วยิ้มมุมปาก
ปฏิมารีบหดหน้า หดตาหนี เธอจ้องมองปัญญาด้วยแววตาหวาดระแวง..........
“จำไว้ อย่ามาดื้อกับพี่........คราวหน้าอาจจะไม่ใช่แค่นี้” ปัญญาพูดขู่ปฏิมาน้ำเสียงจริงจัง จนปฏิมาต้องพยายามหลบหน้าหนี

แต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะต่อล้อต่อเถียงอะไรไปได้มากกว่านี้......แสงไฟในห้องเริ่มกระพริบ และสว่างขึ้น

ปัญญาเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้อง แสงไฟเริ่มสว่างไสวอีกครั้ง.........ชายหนุ่มหันมองกลับมาทางปฏิมา

“แต่อย่าคิดว่าพี่คิดอะไรนะ.............” ปัญญาพูดจบก็ปล่อยมือจากมือของปฏิมา........เค้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตูห้อง
“..........” ปฏิมายังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ แต่สายตาของเธอจ้องมองคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป
“ที่ทำหน่ะ..........แค่ต้องการสั่งสอนคนอวดดี........ก็แค่นั้นเอง” สิ้นคำของชายหนุ่ม ร่างของเค้าก็เดินพ้นไปจากประตูห้อง
ปฏิมาที่นั่งนิ่งอยู่กับพื้น ได้แต่ตะลึง และอ้าปากค้าง...........

ปัญญาเดินออกจากห้องไปได้สักพัก ปฏิมาจึงได้สติกลับคืนมา.........คำพูดของเค้าดังก้องในหูของเธอ
“บ้า...........คนบ้า” เธอส่งเสียงร้องได้แค่นั้น ด้วยความโมโห
.
.
.
ดวงไฟตามทางเดิน เริ่มส่องแสงนำทาง

พิษณุกระพริบตาถี่ แล้วลืมตาขึ้น..........เบื้องหน้าคือแสงดาวที่สาดส่องลงมา

ชายหนุ่มพลิกใบหน้ามองไปด้านข้าง.......แล้วเค้าก็พบกับใบหน้านวลใส ที่กำลังหลับสบายอยู่ข้างๆ

ใบหน้าขาวสวย กำลังหลับพริ้มอยู่ภายใต้แสงดาว ข้างๆ กายของเค้า.........เธอดูเหมือนเด็กน้อยๆ ที่กำลังหลับอย่างมีความสุข ที่มุมปากของเธอยังรอยยักเหมือนคนกำลังอมยิ้ม

ชายหนุ่มพยุงตัวเองขึ้น โดยใช้ศอกท้าวกับพื้นหญ้าเอาไว้.........เค้าค่อยๆ จ้องมาที่ใบหน้าสวยที่นอนหลับอยู่

เค้าใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ ค่อยๆ เกลี่ยปรอยผมที่ปกลงมาระใบหน้าขาวออกอย่างแผ่วเบา....ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะสะดุ้งตื่น.......ใบหน้าขาวนวล แก้มใสสีชมพูระเรื่อนี้ เค้าไม่เคยลืมได้เลยสักที

แล้วเจ้ามือซุกซน ก็ไม่ยอมอยู่เฉย มันค่อยๆ แตะสัมผัสกับแก้มใสนั้นอย่างแผ่วเบา และอ่อนโยน.......พิษณุจ้องใบหน้าสวยนั้นอย่างลืมตัว.....ใบหน้าของเค้าค่อยๆ ก้มลงเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นกระทบผิวหน้าของเธอ

จมูกโด่งค่อยๆ โน้มลงมาใกล้แก้มใส........เพียงไม่กี่เซน มันก็จะบรรจบลงที่แก้มนวลนั้น......แต่แล้ว เค้าก็ต้องสะดุ้ง และรีบชักใบหน้ากลับ เมื่อพาสนาขยับตัว

“อืมมม....” เสียงของหญิงสาวดังออกมา ก่อนที่ดวงตาของเธอจะค่อยๆ ลืมขึ้น
“อ้าว.......พี่ณุตื่นแล้วหรอ” พาสนามองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ แล้วร้องถามด้วยอาการงัวเงีย
“ปลานั่นละ ที่หลับ” พิษณุตอบยิ้มๆ
“ก็พี่ณุ หลับก่อนนิ” พาสนายกมือขยี้ที่ตาเบาๆ
“ใคร........ใครหลับ” พิษณุทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ บ่ายเบี่ยงคำกล่าวหาจากฝ่ายหญิง
“พี่นั่นละ” พาสนาโต้กลับ แล้วจ้องมองหน้าอีกฝ่ายขำๆ
“อืม ไฟมาแล้วนิ” พาสนาชะโงกหน้ามองไปตรงถนนทางเดิน ก็เห็นว่าไฟส่องนำทางติดแล้ว
“กลับกัน” พาสนาทำท่าจะลุกขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องเซลงนอนดังเดิม เมื่อโดนอีกฝ่ายฉุดให้ล้มลง

พาสนาหันมองไปทางคนที่ฉุดรั้งเธอเอาไว้........เธอขมวดคิ้วมองเค้าอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ยังไม่อยากกลับ ขอนอนดูดาวแบบนี้อีกแปบได้มั้ย” พิษณุพูดน้ำเสียงอ้อนวอน
“เรื่อยเลย ติดลมละซิ” พาสนาพูดเหมือนรู้ทัน เธอยิ้มออกมาบางๆ
“นะ......นอนดูดาวเป็นเพื่อนพี่อีกสักพักนะ” พิษณุจ้องใบหน้าสวยด้วยแววตาขอร้อง

เมื่อโดนอีกฝ่ายอ้อนขอ พาสนาเองก็ต้องใจอ่อน เธอไม่เคยชนะต่อคำขอ คำอ้อนของชายคนนี้ได้เลย..........หญิงสาวนอนลงกับพื้นหญ้าข้างๆ ดังเดิม......สองตาของเธอจ้องมองไปบนฟ้ากว้าง

พิษณุยิ้มออกมาเมื่ออีกฝ่ายยอมตามใจเค้า.....
“ปลานี่น่ารักไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ” พิษณุพูดขึ้น แล้วส่งยิ้มหวานให้เธอ

พาสนาหันมาชำเลืองมองหัวหน้าของเธอ........แล้วเธอก็ต้องรีบหลบสายตาของเค้า หันไปมองดวงดาวบนท้องฟ้าแทน ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่เห็นแววตาแบบนี้ ภายในใจของสาวห้าวต้องให้รู้สึกหวั่นไหว และสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ

“ปลา.........” เสียงเรียกของพิษณุ ฟังดูออดอ้อนพิกล
“หืมม” พาสนาขานรับ แต่เธอก็ไม่ยอมหันกลับไปสบตาเค้า
“มานอนตรงนี้ซิ มา.......” ไม่พูดเปล่า พิษณุใช้มือของเค้า ดึงตัวพาสนาให้เขยิบไปนอนใกล้ๆ เค้า
“ทำอะไรอ่ะพี่ณุ” พาสนาตกใจที่โดนพิษณุดึงตัวให้ไปนอนบนแขนของเค้า......เธอใช้มือดันเค้าเอาไว้
“นอนบนนี้ จะได้ไม่เจ็บหัวไง.....” พิษณุตอบสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ต้องก็ได้ ปลานอนกับพื้นได้” พาสนาตอบกลับ สีหน้าของเธอมันเริ่มจะเป็นสีแดง
“ไม่ดีหรอก นอนบนแขนพี่นี่ละ ดีแล้ว.....” พิษณุไม่สนใจว่าพาสนาจะปฏิเสธเค้ายังไง ชายหนุ่มดึงตัวพาสนา ให้มานอนหนุนแขนของเค้าจนสำเร็จ
“ชอบเอาแต่ใจ” พาสนาบ่นอุบเมื่อไม่สามารถขัดใจอีกฝ่ายได้
“นอนใกล้ๆ กัน มันอุ่นดี” พิษณุตอบยิ้มๆ
“ถ้าหนาวก็กลับไปนอนในห้องซิ” พาสนาโต้กลับ สีหน้ายุ่งๆ
“ก็ในห้องไม่มีดาวให้ดูนิ.......แถมยังไม่มี...........” ชายหนุ่มหยุดพูดแล้วหันมองหน้าคนข้างๆ พร้อมรอยยิ้มกริ่ม

พาสนารู้สึกวูบๆ กับสายตา และรอยยิ้มแบบนี้ เธอรีบหันมองกลับไปที่ท้องฟ้า........ไม่ยอมมองหน้าของชายหนุ่มเจ้าของแขนแกร่งที่เธอนอนหนุนอยู่
“หึหึหึ.......” พิษณุหัวเราะในลำคอ แล้วมองคนข้างๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“หัวเราะคนเดียวก็ได้......เพี้ยนใหญ่แล้ว” พาสนาบ่นอุบอิบ แต่เธอก็ไม่ยอมหันกลับมาสบตาคนที่กำลังนอนจ้องเธออยู่
.
.
.


โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:26:18 น.  

 
ปฏิมา นั่งบ่นอุบอิบ อยู่ภายในห้องเพียงลำพัง.........เธอยกมือขึ้นแล้วแตะที่ริมฝีปากของเธอ แล้วใบหน้าของเธอก็เริ่มเป็นสีแดงจัด.........
“อี้.............” หญิงสาวร้องออกมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ ก่อนจะใช้มือถูกที่ริมฝีปากแรงๆ ไปมา
“เออ ถูเข้าไป ให้ปากมันหลุดออกมาเลยดีมะ” น้ำเสียงทุ้ม ทำเอาปฏิมาสะดุ้งโหยง........เธอรีบหันมองไปทางประตูห้อง ซึ่งตอนนี้มีร่างชายหนุ่มกำลังยืนมองมาทางเธอ

“กลับมาทำไม.....ออกไปเลยนะ” ปฏิมาขมวดคิ้ว ส่งเสียงโวยวาย ไล่ปัญญาให้ออกจากห้องพักของเธอ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะยอมออกไปตามคำสั่งของหญิงสาว เค้ากลับเดินตรงมาทางเธอ
“จะทำอะไรอ่ะ.......อย่าเข้ามานะ” ปฏิมา รีบลุกขึ้นแล้วเดินถอยหนีออกมา
“มานี่มา” ปัญญาไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของอีกฝ่าย เค้ายังคงเดินตรงเข้ามาหาปฏิมา

สาวเซอร์ รีบถลาถอยหนีออกมา.......แต่เพราะขาที่เจ็บ ทำเอาเธอเซถอยจนเกือบล้ม ปัญญาที่เดินเข้ามาใกล้ รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ไม่ให้ล้มลงกระแทกพื้น.....

ร่างของหญิงสาว ต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกครั้ง..........ใบหน้าสวยเก๋ เงยมองคนที่กำลังโอบรัดตัวเธออยู่........ดวงตาโตจ้องมองใบหน้าหล่อของชายหนุ่มไม่กระพริบ

“ซุ่มซ่าม” นั่นคือคำต่อว่าของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวในอ้อมกอด
“ปล่อยตุ้มนะ” เมื่อได้ยินคำต่อว่าจากอีกฝ่าย ปฏิมาจึงรีบดิ้นหนีจากอ้อมกอดนั้น ด้วยใบหน้าไม่พอใจ
“จะดิ้นทำไม......” ปัญญาใช้น้ำเสียงเข้มดุใส่หญิงสาว
“ก็ปล่อยตุ้มซิ” ปฏิมายังคงทำแผดเสียงใส่ชายหนุ่ม

ปัญญาจ้องใบหน้าที่ค่อนข้างแสดงอารมณ์ไม่ชอบใจตรงหน้า..........ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้ม ก่อนจะปล่อยมือจากร่างของหญิงสาว

ตุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!~

“โอ้ยยยยยยยยย”

เสียงร่างของปฏิมาหล่นกระแทกพื้นห้อง พร้อมด้วยเสียงร้องของเธอ

“บ้าหรือไงพี่ปุ่น ตุ้มเจ็บนะ” ปฏิมา เงยหน้าลุกขึ้นนั่ง แล้วหันมาต่อว่าชายหนุ่มเสียงเขียว
“จะเอาไง ก็ให้พี่ปล่อย พี่ก็ปล่อย” ปัญญาทำท่าไม่สนใจอีกฝ่าย เค้าเอายาที่หอบมาในมือ วางลงที่พื้นข้างๆ ตัวปฏิมา
“แกล้งกันนิ” หญิงสาวยังคงโวยวายไม่ยอมหยุด
“แกล้งอะไร ก็เราบอกให้พี่ปล่อย พี่ก็ปล่อย” ปัญญายังคงเถียงกลับ
“อี้...........” หญิงสาวรู้ว่าเถียงสู้ไม่ได้ เธอยกมือขึ้นสูงหมายจะทำร้ายชายหนุ่มข้างๆ แต่เธอก็ต้องชะงักมือเอาไว้ เมื่อปัญญาหันมาใช้สายตาดุมองมาที่เธอ
“เอาซิ จะตีพี่อีกก็เอา..........คราวนี้ ไม่จูบเฉยๆ ละนะ” ปัญญาหรี่ตามองหญิงสาวข้างๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริง

ปฏิมาถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม.........เธอรีบหดมือกลับ แล้วนั่งสงบนิ่งลงทันที
“หึ........” ปัญญาหันมาแสยะยิ้มใส่หญิงสาว ก่อนจะหันไปสนใจเหล่าอุปกรณ์ทำแผลที่หอบหิ้วมาด้วย
“เอาเท้ามา……..” ปัญญาหันมองมาทางปฏิมาอีกครั้ง เพื่อให้เธอยื่นเท้าให้เค้า
“.........” หญิงสาวยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดยุ่งเหยิงมองหน้าปัญญา
“บอกว่าเอาเท้ามา........” ปัญญาทำเสียงดุดังขึ้น จนปฏิมาสะดุ้งด้วยความกลัว.......เธอยอมยื่นเท้าข้างที่บาดเจ็บให้ชายหนุ่ม
“........” ชายหนุ่มดึงเท้าของหญิงสาวเข้าไปใกล้ตัวเค้า แล้วจัดการทำแผลให้เธอ

ปฏิมามองดูการทำแผลของอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอรู้สึกซึ้งใจในน้ำใจของชายหนุ่ม แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะเค้า ต่อล้อต่อเถียงกับเค้า

“โอ้ยยยยย เจ็บ.........เบาๆ ซิ” หญิงสาวรู้สึกแสบที่แผล เมื่อปัญญานำทิงเจอร์มาลาดลงที่บาดแผลของเธอ
“อยู่นิ่งๆ เถอะน่า” ปัญญาไม่ได้สนใจกับเสียงร้องของหญิงสาว เค้ากลับกดเท้าของเธอให้นิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะจัดการลาดยาลงที่แผลอีกครั้ง
“โอ้ยยยย แสบนะ ตุ้มแสบบบบบบ” ปฏิมาร้องเสียงดังลั่นเมื่อผิวเนื้อของเธอต้องสัมผัสกับยาฆ่าเชื้อ และยาทำแผล
“..........” ปัญญาไม่ได้สนใจเสียงร้องของหญิงสาวเลย เค้ายังคงก้มหน้าก้มตาทำแผลให้เธอ
“หึ.....ฮือออ........” เสียงร้องไห้ดังออกมาเบาๆ ทำเอาชายหนุ่มต้องหันมองกลับไปที่หญิงสาว ซึ่งตอนนี้มีน้ำตาเม็ดใสร่วงลงมาจากดวงตาของเธอ
“ร้องไห้ทำไม” ปัญญาขมวดคิ้วถามปฏิมาเมื่อเห็นเธอนั่งร้องไห้กระซิก กระซิก
“ก็ตุ้มแสบแผลนิ.........พี่ปุ่นใจร้าย” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่น พร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุด
“..............เอาละ พี่ขอโทษ เดี๋ยวพี่จะทำเบาๆ นะ” ปัญญาถอยหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวขอโทษหญิงสาว แล้วเค้าจึงก้มหน้าทำแผลให้เธออย่างเบามือ

หญิงสาวยังคงนั่งร้องไห้ เสียงกระซิกๆ สะอึกสะอื้นอยู่......
“เอาละเสร็จแล้ว” ปัญญาจัดการพันแผลให้ปฏิมาจนเรียบร้อย ชายหนุ่มเก็บอุปกรณ์วางไว้ในลิ้นชักหัวเตียง แล้วจึงหันมองมาทางหญิงสาว ที่ยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
“ไม่ร้องแล้วนะ............ร้องเป็นเด็กไปได้” ปัญญาบอกกับปฏิมาเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่เลิกร้องไห้
“พี่ปุ่นไม่ได้เจ็บนิ........ตุ้มเจ็บนะ” ปฏิมายังคงเถียงกลับ ทั้งๆ ที่มีน้ำตานองหน้า
“มา......มานอนมา” ปัญญาทำหน้าอ่อนใจ ก่อนจะยื่นมือไปหาหญิงสาว
ปฏิมามองชายหนุ่มด้วยแววตาค้อนๆ เธอไม่ยอมยื่นมือรับไมตรีของอีกฝ่าย เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่กับพื้นห้อง

ปัญญามองสาวเซอร์จอมเฮี้ยว แล้วให้เหนื่อยใจ........ชายหนุ่มโน้มตัวลง แล้วจัดการช้อนร่างของปฏิมาขึ้นมาด้วยสองมือของเค้า
“เฮ้ย.....ทำอะไรอ่ะ ปล่อยตุ้มนะ” ปฏิมาร้องโวยวายดังขึ้นมาอีก เมื่อโดนปัญญาอุ้มขึ้นมาจากพื้น
“อยู่เฉยๆ ได้มั้ย” ปัญญาทำเสียงดุใส่หญิงสาว แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมหยุด เธอยังคงดิ้นรนอยู่ในอ้อมกอดนั้น
“ปล่อยตุ้มนะ.....อย่าทำบ้าๆ นะ” ปฏิมายังคงร้องโวยวายไม่หยุด แล้วเธอต้องดิ้นแรงขึ้นเมื่อปัญญาอุ้มเธอมาจนถึงเตียงนอน
“อย่านะพี่ปุ่น อย่าทำแบบนี้.......” ปฏิมาร้องโวยวายเสียงดังใส่ชายหนุ่ม ปัญญาจ้องมองหน้าหญิงสาวแล้วพาให้ขมวดคิ้วเข้ม
“ถ้าขืนโวยวายไม่เลิก พี่จะ.........” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มกับหญิงสาว........

เมื่อได้ยินปัญญาพูดแบบนี้ ปฏิมาก็ต้องหยุดโวยวายแล้วหันมองหน้าเค้า......
“ทำไม พี่จะทำอะไรตุ้ม” ปฏิมา ซักชายหนุ่ม น้ำเสียงสั่น
“พี่ก็จะ จับปล้ำให้หายซ่าส์ไง” ปัญญายิ้มกริ่มมองสาวซ่าส์ในอ้อมแขนของเค้า
“ไม่นะ........อย่าทำแบบนั้นนะ” ปฏิมารีบร้องโวยวายออกมาอีก
“ยัง........ยังจะโวยวายอีก หรือว่าอยากให้พี่ปล้ำหะ” ปัญญาทำเสียงดุใส่หญิงสาว........เมื่อได้ยินคำขู่ ปฏิมาก็ถึงกลับนิ่งเงียบ เธอใช้สองมือปิดปากของเธอสนิท
“ไม่ร้องแล้ว ไม่ดิ้นแล้ว” เสียงของเธอเล็ดลอดจากมือน้อยๆ อู้อี้ แต่พอฟังรู้เรื่อง
“ดี.....” ปัญญามองหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆ วางตัวเธอลงบนที่นอน
ปฏิมาจ้องชายหนุ่มตาเขม็ง แต่เธอก็ไม่กล้ากระดุกกระดิกไปไหน ได้แต่นอนตัวแข็งบนที่นอนนั้น

ปัญญาจ้องสาวซ่าส์ ที่เพิ่งโดนปราบพยศไป แล้วต้องให้ยิ้มขำๆ...... ชายหนุ่มจัดแจงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอ
“คืนนี้นอนนิ่งๆ ละ ไม่ต้องไปซนที่ไหน......เข้าใจมั้ย” เค้าสั่งกำชับเธอเมื่อจัดการห่มผ้าให้เธอจนเรียบร้อย
“อืมมม” ปฏิมาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แต่สองตาของเธอยังคงจ้องเค้าไม่วาง
“หึหึหึ......” ปัญญาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากห้องพักของหญิงสาว

เมื่อประตูห้องปิดลง ปฎิมาที่นอนตัวแข็งอยู่บนที่นอน ก็ต้องถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“บ้า.......คนบ้า งี่เง่า” หญิงสาวบ่นอุบอิบขึ้น ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปรงปิดใบหน้ามิดชิด
.
.
.


โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:26:45 น.  

 
ซวบ................ซวบ..............

เสียงฝีเท้าคนเดินตัดผ่านสนามหญ้า.......ทำเอาพาสนาสะดุ้งลืมตาขึ้น
สาวห้าวทำท่าจะชะเง้อมองหาที่มาของเสียง แต่พิษณุกลับจับตัวเธอเอาไว้แล้วดึงมาแนบตัวเค้า

“จุ๊ๆ ....” ชายหนุ่ม เอานิ้วป้องปากเป็นสัญญาณให้พาสนานอนนิ่งๆ
เค้าดึงตัวเธอมานอนซบบนอกกว้าง........ก่อนจะเงยหน้ามองว่าเสียงมาจากไหน........ภาพของปัญญาที่เดินตัดมาจากห้องพักของพาสนาและปฏิมา กำลังเดินผ่านลัดเลาะสนามหญ้ามาตามทางเดิน และมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องพักของเค้า

เมื่อปัญญาเดินผ่านไปแล้ว......พิษณุจึงก้มมองมาที่อกของเค้า ซึ่งตอนนี้มีพาสนานอนซบอยู่
“ใคร.....เสียงอะไรอ่ะพี่ณุ” พาสนาร้องถามด้วยความอยากรู้ แต่เธอก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะโดนพิษณุกอดเอาไว้ซะแน่น
“ไม่รู้เหมือนกัน มีแต่เสียง” ชายหนุ่มนึกสนุก อยากแกล้งคนที่เค้ากอดอยู่ จึงตอบเธอด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เป็นกังวล
“มีแต่เสียงหรอ” พาสนาขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆ เงยหน้ามองหน้าของชายหนุ่ม
“อืมม......ไม่เห็นมีใคร แต่มันมีเสียง” พิษณุขมวดคิ้วตอบสีหน้าจริงจัง

พาสนามองหน้าของพิษณุ แล้วต้องให้รู้สึกใจหายวูบ เธอไม่อยากคิดมาก แต่ก็อดคิดไม่ได้......สาวห้าวมาดเท่ห์ หลับตานิ่ง หัวใจเต้นสั่นด้วยความหวาดระแวง

“กลัวหรือ” พิษณุร้องถามสีหน้ายิ้มๆ
“อืมมม” พาสนาพยักหน้าเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ พี่อยู่ทั้งคน” พิษณุกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน
“มันเสียงอะไรก็ไม่รู้.......แล้วถ้าเป็น.......” พาสนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ขนแขนของเธอมันกำลังแย่งกันลุกชัน
“หึหึหึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของชายหนุ่มดังออกมา ทำเอาพาสนาลืมตาขึ้น
“นี่พี่ณุแกล้งปลาหรอ” พาสนาเงยหน้ามองหน้าพิษณุที่กำลังนอนหัวเราะชอบใจ
“หึหึหึ” ชายหนุ่มยังคงหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“บ้า........แกล้งกันได้หรอเนี่ยะ” พาสนารู้สึกฉุนขึ้นมา เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วเอามือทุบพิษณุไปหลายต่อหลายที ที่มาแกล้งให้เธอตกใจ
“โอ้ยยยยๆๆๆๆ พี่กลัวแล้ว” พิษณุรีบยกมือรับกำปั้นของอีกฝ่ายที่ทุบใส่อกเค้าพลันวัน
“แกล้งปลาได้ไง......นี่แนะ” พาสนายังคงกระหน่ำกำปั้นทุบลงบนตัวชายหนุ่มด้วยอาการหมั่นไส้
“ไม่เอาแล้ว พี่ไม่แกล้งแล้วนะ เลิกทุบพี่ได้แล้ว” พิษณุใช้สองมือของเค้าจับกำปั้นของอีกฝ่ายไว้
“ปลาไม่พูดด้วยแล้ว มาแกล้งกัน” พาสนามีท่าทางงอนๆ ออกมา เธอทำท่าดึงมือเธอกลับ แต่อีกฝ่ายกลับกำมือเธอไว้แน่น
“พี่ขอโทษ.....อย่าโกรธนะ” พิษณุจ้องใบหน้าสวยแล้วยิ้มหวานออกมา
“ไม่.......โกรธ ปลาจะโกรธพี่ณุ” พาสนาจ้องใบหน้าคนที่นอนยิ้มกริ่มให้เธอ ก่อนจะพยายามดึงมือของเธอกลับคืนมา

แต่พิษณุ กลับยื้อดึงมือของเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย....
“ปล่อยมือปลาได้แล้ว ปลาจะกลับ” พาสนาทำเสียงเข้มใส่ชายหนุ่ม พร้อมด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ไม่เอา.......ปลาต้องเลิกงอนพี่ก่อน” พิษณุยังคงทำเสียงงอแง ไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“เชอะ.......ไม่มีทาง” พาสนายังคงมีท่าทางงอนใส่ไม่เลิก
“ไม่หายโกรธพี่จริงหรอ” พิษณุพูดสีหน้านิ่ง
“ไม่.......” พาสนาชำเลืองมองชายหนุ่ม ก่อนจะเชิดหน้าไปทางอื่น

พิษณุมองแล้วว่า พาสนาคงไม่ยอมหายงอนเค้าง่ายๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดึงมือของพาสนามาแนบอกของเค้า.......เมื่อโดนดึงมือ ตัวของสาวห้าวมาดเท่ห์ ก็ต้องเซตามแรงดึงนั้นด้วย

ตัวของพาสนาฟุบลงกับอกกว้างอีกครั้ง.........
“ปล่อยนะ” พาสนาขมวดคิ้วทำเสียงดุใส่พิษณุ
“ไม่.......ปลาต้องเลิกงอนพี่ก่อน” พิษณุบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงอ้อนๆ
“ไม่....ปลาจะโกรธ จะไม่พูดกับพี่ณุอีกเลย คอยดูซิ” พาสนายังคงทำเสียงแข็งใส่ชายหนุ่ม
“จะโกรธพี่จริงหรือ” พิษณุจ้องมองใบหน้าสวย
“จริง........” พาสนาพยักหน้าให้เค้า ด้วยแววตาเอาเรื่อง
“งั้นไหนๆ ก็จะโดนโกรธแล้ว.....พี่ขอ........” ชายหนุ่มพูดจบก็รีบพลิกตัว จนพาสนาต้องล้มลงไปนอนนิ่งบนพื้นหญ้า
“พี่ณุ......จะทำอะไร” พาสนาใช้สองมือของเธอที่เมื่อสักครู่อยู่บนอกชายหนุ่ม ดันตัวเค้าเอาไว้
“ก็ไหนๆ จะโกรธพี่แล้ว.......พี่ขอ.......” ชายหนุ่มก้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าสวยที่ตกเป็นรองอยู่
“ไม่เอานะ ไม่เล่น......” พาสนาพลิกหน้าหนี.......พร้อมกับผลักดันเค้าเอาไว้
“งั้นบอกมาก่อนซิ ว่าจะไม่โกรธพี่...” พิษณุร้องถามน้ำเสียงอ้อน
“........” พาสนาขมวดคิ้ว แล้วมองกลับมาที่ใบหน้ากรุ้มกริ่มที่ยิ้มรอฟังคำตอบจากเธอ
“ว่าไง จะเลิกงอนพี่มั้ย จะหายโกรธรึป่าว” พิษณุยังคงยิ้มถามอย่างอารมณ์ดี
“รังแกกันชัดๆ..........” พาสนาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าไม่พอใจ
“หืมมมม.......” ชายหนุ่มก้มใบหน้าเข้าใกล้อีกครั้ง จนพาสนาต้องรีบพลิกหน้าหลบ
“ก็ได้ๆ ไม่โกรธก็ไม่โกรธ” พาสนารีบพูดขึ้นมา เพื่อให้หลุดพ้นจากการโดนอีกฝ่ายรังแก
“แน่ใจนะ” พิษณุยังคงถามย้ำ
“อืมมม.....ปล่อยปลาได้รึยัง” พาสนาพยักหน้าเบาๆ แล้วต้องร้องถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ
“จ๊ะ.........” พิษณุค่อยๆ ปล่อยมือจากตัวพาสนา ชายหนุ่มถอยห่างออกมาด้วยท่าทางเสียดาย
“ชอบแกล้งดีนัก.......พี่ประสาอะไร” พาสนาบ่นอุบอิบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง และปัดพวกต้นหญ้าจากตัวเธอ
“ไหนว่าไม่งอน ไม่โกรธแล้วไง” พิษณุร้องถามก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ก็ไม่โกรธแล้วไง” พาสนารีบถอยห่างออกมา แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่โกรธ ไม่งอนแล้ว แต่สีหน้าของเธอยังคงตูมอยู่
“มา พี่ไปส่ง” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วรีบคว้ามืออีกฝ่ายเอามากุมไว้
“ปลากลับเองได้” พาสนาพยายามดึงมือเธอกลับ แต่ดูเหมือนพิษณุจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“พี่ไปส่งนะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้เธอ ก่อนจะเดินจูงเธอกลับไปทางบ้านพัก
“........” พาสนาไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก เธอยอมให้อีกฝ่ายจูงมือเธอเดินกลับ ดีกว่าต่อล้อต่อเถียงกันตรงนี้ต่อไป

สายตาคู่สวย จ้องมองที่มือของเธอ ซึ่งตอนนี้กำลังโดนใครอีกคนกุมเอาไว้แน่น.......รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าขาวสวยนั้น

พิษณุเดินผิวปาก จูงมือของหญิงสาวคนเรียนร่วมสถาบันเดียวกันกับเค้า.......มือนุ่มๆ ของเธอก็อยู่ในมือของเค้า.....ชายหนุ่มแอบชำเลืองมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ แล้วต้องอมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

พิษณุเดินจูงมือพาสนา จนมาถึงหน้าห้องพัก.......

ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ถึงแล้ว.....” พิษณุบอกกับพาสนา น้ำเสียงนุ่มน่าฟัง

“อืม.....ขอบคุณนะ” พาสนากล่าวขอบคุณพิษณุที่เดินมาส่งเธอ ........เธอชักมือของเธอออกมาจากมือของอีกฝ่าย แม้ว่าพิษณุจะไม่อยากปล่อยมือของพาสนาเลย แต่เค้าก็จำเป็นต้องยอมเธอแต่โดยดี..........ชายหนุ่มยังคงจ้องมองใบหน้าขาวใสของพาสนาไม่วางตา.....พาสนาเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ในเวลานี้เธอได้แต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

หญิงสาวหันมาจับลูกบิดประตูห้อง เพื่อเปิดเข้าไปในห้องพัก แต่แล้วเธอก็ต้องหันกลับมายังคงที่ยืนจ้องส่งยิ้มหวานให้เธอ......
“พี่ณุ.....กลับไปได้แล้ว ดึกมากแล้ว” พาสนาเห็นว่าพิษณุยังคงยืนยิ้มให้เธอ....เธอจึงหันกลับมาบอกกับเค้าอย่างเป็นห่วง
“จ๊ะ...” พิษณุรับคำพร้อมพยักหน้าให้พาสนา แต่เค้าก็ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น
“จ๊ะ แต่ก็ยังไม่ไป” พาสนาขมวดคิ้วทำเสียงเข้มกับชายหนุ่ม
“พี่จะรอให้ปลาเข้าห้องก่อนไง” พิษณุตอบสีหน้ายิ้มๆ
“.......” พอได้ฟังคำตอบของอีกฝ่าย พาสนาก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้.....แล้วเธอก็หันมาบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตูห้อง

แต่ก่อนที่พาสนาจะก้าวเข้าห้องพัก พิษณุที่ยืนยิ้มอยู่นั้นก็เอื้อมมือจับที่ไหล่ของพาสนา.......
“หืมม” พาสนาหันมองกลับมาทางชายหนุ่ม เมื่อเค้าจับไหล่เธอ
“............เอออออ” ถ้อยคำที่เตรียมพูด กับเลือนหาย.........พิษณุได้แต่ยิ้มเจือนๆ ให้หญิงสาว
“พี่ณุมีอะไรหรอ” พาสนาจ้องมองพิษณุ
“คือพี่..............พี่.........” พิษณุมีอาการอึกอัก แล้วเค้าก็ต้องยกมือขึ้นจับท้ายทอยของตนเองเบาๆ
“หืมมม” พาสนาเลิกคิ้วมองหน้าชายหนุ่มอย่างรอคอยว่าเค้าจะพูดอะไรกับเธอ
“พี่กลับนะ” พิษณุพูดแค่ประโยคสั้นๆ ก่อนจะหันหลังให้..........พาสนาได้แต่มองตามด้วยอาการสงสัย
“พี่ไปละ” ชายหนุ่มยกมือโบกให้เธออีกครั้ง แล้วเดินกลับบ้านพักไปอย่างดื้อๆ
“....แปลกคน” พาสนามองผู้ชายที่เดินจากไปด้วยความไม่เข้าใจว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
แล้วหญิงสาว มาดเท่ห์ ก็เดินหายเข้าไปในประตูห้องพัก..........เมื่อประตูห้องปิดลง พิษณุก็หันกลับมามองห้องพักของพาสนาอีกครั้ง........


“ฝันดีนะคะ” ชายหนุ่มพูดพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินกลับบ้านพักของเค้า
.
.
.


โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:27:15 น.  

 
พาสนาปิดประตูห้องพักสนิท........แต่ตัวเธอยังคงยืนพิงอยู่ที่บานประตูนั้น.........เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในวันนี้.......มันทำให้เธออดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้

หญิงสาวก้มมองมือของเธอข้างที่ถูกพิษณุจับจูงเดินกลับมา........สัมผัสนั้น ความรู้สึกนั้น มันฝังแน่นในความรู้สึกของเธอ แต่จะให้เธอแสดงอาการอะไรออกมาได้ละ ก็ในเมื่อ............เค้าคิดกับเธอแค่.......พี่น้องกัน

หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น.........ก่อนจะหลับตาลง แล้วสูดลมหายใจแสนยาว..........และปล่อยมันออกมา

พาสนาตัดความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นออก เธอสะบัดศีรษะไปมา 2-3 ที ก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงนอน ซึ่งตอนนี้ปฏิมาได้นอนหลับฝันดีไปนานแล้ว....

“หลับสบายเลยนะตุ้ม” พาสนามองเพื่อนรักที่หลับสนิท แล้วก็อดยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้

สาวห้าวมาดเท่ห์ เดินผ่านเตียงนอนไปที่เก้าอี้มุมห้อง เพื่อไปยังกระเป๋าของเธอ.......เธอจัดการหยิบของใช้ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋า และเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ
.
.
.
พิษณุเดินกลับมายังห้องพักของเค้า........ภายในห้องยังคงมีแสงไฟ แปลว่าปัญญายังไม่นอน.......
“ไง..ทำอะไรอยู่ครับ” พิษณุกล่าวทักทายปัญญาเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
“อ้อ คุณณุ” ปัญญาเองก็เงยหน้ามองมาทางพิษณุ ที่เพิ่งเข้ามาในห้อง.........ชายหนุ่มกำลังทำงานวุ่นวายกับโน๊ตบุ๊คของเค้า
“พอดีผมเช็คงานนิดหน่อยครับ ว่าเดี๋ยวก็จะเข้านอนเหมือนกัน” ปัญญาตอบพิษณุก่อนจะหันไปสนใจงานในคอมฯของเค้า
“คุณปุ่นนี่ ขยันดีนะครับ” พิษณุพูดขึ้นขณะที่เปิดตู้เย็นแล้วหยิบเอาน้ำดื่มออกมาเพื่อดื่ม
“ทำไงได้ละครับ เรามันแค่ลูกจ้าง” ปัญญาพูดน้ำเสียงติดตลก
“ใช่ครับ....” พิษณุเองก็ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปนอนบนเตียงนอน
“คุณณุจะนอนแล้วใช่มั้ยครับ......” ปัญญาหันมองพิษณุที่ล้มตัวลงบนเตียงนอน แล้วหันมาทำท่าจะปิดคอมฯ ของเค้า
“อ้อไม่เป็นไรครับ ทำงานไปเถอะ ผมนอนได้” พิษณุรู้ดีว่า ปัญญากำลังจะปิดไฟให้เค้า ด้วยความเกรงใจ ชายหนุ่มจึงรีบบอกอีกฝ่าย
“แล้ว......คุณณุนอนได้หรือครับ” ปัญญาเองก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อย
“ได้ซิครับ.......ธรรมดาผมชอบนอนเปิดไฟออก” พิษณุพูดยิ้มๆ
“ครับ” ปัญญารู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อพิษณุไม่ถือที่เค้าจะเปิดไฟและนั่งทำงาน

เมื่อทั้งสองตกลงกันได้แล้ว ปัญญาจึงหันไปทำงานของตนต่อ...........พิษณุเอง ถึงแม้จะนอนอยู่บนที่นอน แต่เค้าไม่ได้หลับตาลง ชายหนุ่มจ้องมองเพดานห้อง แล้วใช้ความคิด

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเค้า.......ภาพหญิงสาว ที่นอนดูดวงดาวด้วยกันเมื่อสักครู่ปรากฏขึ้น สัมผัสนุ่มจากมือของเธอ........ชายหนุ่มนอนอมยิ้มอย่างมีความสุข

++++++++

เช้านี้ ทั้งสี่ ต่างตื่นขึ้นมาเพื่อลุยงานที่ตั้งเอาไว้..........กำหนดการคือ เย็นวันพรุ่งนี้ทุกอย่างต้องเสร็จสมบูรณ์

ทุกคนต่างช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง........ทำตามหน้าที่ที่วางไว้.......อุปกรณ์ที่จัดเตรียมมาจากกรุงเทพฯ ก็ได้จัดส่งมาถึงอย่างปลอดภัย และเรียบร้อยไม่มีเสียหาย ไม่มีแตกหักใดๆ

การติดตั้งเครื่อง การคำนวณพื้นที่ พิษณุเป็นคนวางระบบไว้ให้ โดยมีปัญญา และปฏิมาคอยช่วยจัดการ ส่วนพาสนามีหน้าที่จัดการพวกโปรแกรม วางโปรแกรมที่เซ็ทมาให้ถูกต้อง.........

การวางระบบต้องอยู่ในกรอบของความสะดวกของผู้ใช้งาน และความปลอดภัยที่ควบคู่กันไป โดยขาดสิ่งใดไปไม่ได้......ทุกอย่างจึงต้องตั้งใจ และละเอียดถ้วนถี่อย่างที่สุด

พอสิ้นวัน งานได้เสร็จไปแล้วเกือบ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ตั้งกันไว้แต่แรกเสียอีก..........แม้งานจะเหนื่อย แต่ผลงานได้มากกว่าเป้า จึงทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

“วันนี้เห็นพวกคุณทำงานกันแล้ว อ้อยรู้สึกเหนื่อยแทนจังเลยค่ะ” คุณอ้อย กล่าวขณะเดินมาส่งทั้งสี่กลับห้องพัก
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ เราทำจนชินแล้ว” พาสนาตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“แต่ยังไงอ้อยก็รู้สึกเหนื่อยแทนจริงๆ นะคะ” คุณอ้อยยังคงพูดไปยิ้มหวานไป
“แค่นี้เรื่องเล็กค่ะคุณอ้อย” ปฏิมาที่เดินอยู่ข้างๆ พาสนารีบบอกเพื่อให้คุณอ้อยเลิกหนักใจ
“ค่ะ.......” ได้ฟังคำยืนยันจากสองสาวอย่างนี้แล้ว คุณอ้อยก็เลิกทำหน้าหนักใจทันที
“อืม ยังไงค่ำนี้อย่าลืมไปทานอาหารกับอ้อยนะคะ แล้วอ้อยจะส่งคนมารับ” คุณอ้อยกล่าวกับทั้งสี่เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านพักของฝ่ายหญิง
“จริงๆ พวกเราทานข้าวธรรมดาๆ ก็ได้นะฮะ....” พาสนาบอกกับคุณอ้อยด้วยสีหน้าเกรงใจ
“จริงด้วยครับ จริงๆ คุณอ้อยไม่น่าลำบาก” พิษณุเองก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อย ที่คืนนี้คุณอ้อยจะจัดเลี้ยงให้กับพวกเค้า
“ไม่ได้หรอกค่ะ พวกคุณเป็นแขกของอ้อย อ้อยต้องดูแลเป็นอย่างดีค่ะ” คุณอ้อยยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่ม
“แขกที่ไหนละคะ พวกเรามาทำงานทั้งนั้น” ปฏิมาพูดออกผางออกมา

คุณอ้อยหันมายิ้มให้สาวเซอร์........
“พรุ่งนี้เย็นพวกคุณก็กลับกันแล้ว.......นะคะ ให้อ้อยได้เลี้ยงอาหารพวกคุณสักมื้อนะคะ” คุณอ้อยยังคงยืนกรานคำเดิม

ทั้งสี่มองหน้ากัน ก่อนจะหันไปยิ้ม และพยักหน้าเบาๆ ให้กับคุณอ้อย
“ก็ได้ครับ......แล้วค่ำนี้เจอกันครับ” พิษณุกล่าวแทนทุกคน พวกเค้ายอมรับไมตรีอันดีจากหญิงสาวหน้าตาสดสวยประจำรีสอร์ทแห่งนี้


เมื่อคุณอ้อยเดินกลับไปยังออฟฟิศของรีสอร์ท.......หนุ่มๆ ก็ต่างพากันแยกย้ายกลับไปยังห้องพัก

พาสนาและปฏิมาเดินกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องพักของตนเองเช่นกัน
“เฮ้ออออออออออออออ” เสียงปฏิมาดังลากยาวออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับที่นอนอย่างอ่อนล้า
“ฉันว่าจะถามแกตั้งแต่เช้าและ แต่พอดีงานมันยุ่งๆ เลยไม่ได้ถามเลยตุ้ม” พาสนานั่งลงกับเก้าอี้โซฟาริมหน้าต่างห้อง เธอหันมองจ้องมาทางปฏิมาที่นอนแผ่หลาอยู่บนที่นอน
“ถามอะไร” ปฏิมาทำตาปรือมองมาทางพาสนา
“ก็ขาแกไง ไปทำอะไรมา” พาสนาชี้มือไปทางเท้าของปฏิมาที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลเอาไว้อย่างดี
“อ้อ..........คือ..........” ปฏิมามองไปที่เท้าของเธอ .......แล้วต้องให้รู้สึกอึกอัก พูดอะไรไม่ค่อยได้เต็มปาก
“ก็..........ก็...........” ปฏิมาลุกขึ้นนั่ง แล้วใช้มือจับเท้าของเธอ
“ก็ อยู่นั้นละ เป็นอะไรก็ว่ามาซิ” พาสนาจ้องเพื่อนด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อวานเดินเตะไรก็ไม่รู้ เลยเป็นแผล” ปฏิมาตอบน้ำเสียงนิ่ง เธอไม่กล้าสบตาคนถาม
“ไปเตะเอาตอนไหน ก็เมื่อวานตอนมาจากกรุงเทพฯ ฉันยังเห็นแกปรกติอยู่เลยตุ้ม” พาสนาลุกขึ้นเดินมานั่งใกล้ๆ ปฏิมา
“ก็ตอนไฟดับอ่ะละ..........แกหน่ะ หายไปไหนมา ทิ้งฉันไว้คนเดียว” ปฏิมาแกล้งทำเป็นโวยวายเปลี่ยนเรื่องทันที

เมื่อโดนถามเข้าบ้าง พาสนาก็ถึงกับนั่งนิ่ง
“เออ เมื่อคืนแกหายไปไหนมาปลา.........ฉันรอแกจนหลับไปเลยนะ” ปฏิมาได้ทีรีบซักไซ้บ้าง ยิ่งเห็นพาสนานิ่งเงียบ เธอยิ่งได้ใจ ซักพาสนาซะการใหญ่

พาสนาที่นั่งนิ่ง เมื่อโดนปฏิมารุกถามหนักขึ้น เธอเองก็จนหนทางจะตอบ.......หญิงสาวพยายามใช้ความคิดเพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง แล้วเธอก็คิดออกมาจนได้
“เฮ้ยยยยย.........ปวดท้องอ่ะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พาสนารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งปราดเข้าไปในห้องน้ำทันที.......ทิ้งให้ปฏิมานั่งอ้าปากค้าง ด้วยความงุนงง
“ไอ้นี่มีพิรุจนะแก” ปฏิมายังคงส่งเสียงโวยวายตามมาถึงในห้องน้ำ
“เสียท่ามันจนได้” พาสนาบ่นพึมพำ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ..........เธอไม่น่าเปิดโอกาสให้ปฏิมาหันมาซักเธอแทนได้เลย
.
.
.


โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:27:46 น.  

 
เมื่อเวลาพลบค่ำมาถึง........
ปัญญา และพิษณุก็เดินมายืนอยู่ที่หน้าห้องพักของสองสาว.......ตามเวลานัด
“ปลาเสร็จรึยัง” พิษณุตะโกนร้องถามสาวๆ ที่อยู่ภายในห้องพัก ซึ่งยังไม่ยอมออกมา
“เสร็จแล้วๆ.......” พาสนาที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เดินออกมาจากห้องพัก พร้อมส่งยิ้มให้กับหนุ่มๆ ทั้งสอง
“วันนี้น้องปลาแต่งตัวน่ารักนะครับ” ปัญญาเอ่ยปากชมพาสนา เมื่อเห็นเธอแต่งตัวต่างจากเดิมออกไป

จากที่เคยใส่แต่กางเกงยีนส์ตัวใหญ่ เสื้อยืดตัวหลวมโคล่ง และใส่เสื้อกั๊ก เสื้อช๊อบทำงานเป็นประจำ ........มาในเวลานี้ พาสนาอยู่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีแดงสดใส และกางเกง 3 ส่วนขายาวแค่เข่าพอดีตัวสีขาว.......เลยทำให้เธอดูน่ารักเหมือนเด็กๆ

“ขอบคุณฮะพี่ปุ่น” พาสนายิ้ม พร้อมกล่าวคำขอบคุณปัญญาที่ออกปากชมเธอ
“แล้วตุ้มละ” พิษณุกล่าวซักถามหาปฏิมาที่ยังไม่ยอมออกมาจากห้องพัก
“อ้อ ไอ้นั่นมันกลัวไม่สวย เลยแต่งตัวยังไม่เสร็จอ่ะ พี่ณุ” พาสนาพูดยิ้มๆ แล้วหันมองไปทางห้องพัก
“หืมมม........มีสวยด้วยหรอ” ปัญญาเลิกคิ้วร้องถามด้วยความสงสัยกับคำพูดของพาสนา
“อ้าวพี่ปุ่น สวยซิ เพื่อนปลาออกจะสวย” พาสนาพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ เมื่อได้ยินคำพูดของปัญญา
“หึหึหึ” ปัญญาเองก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ ออกมา เค้าคิดภาพไม่ออกจริงๆ กับคำว่า สวย ของสาวซ่าส์มาดเซอร์อย่างปฏิมา
“หัวเราะอะไร.......แอบนินทาฉันอีกแล้วนะไอ้ปลา” เสียงร้องโวยวายดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาจากห้องพัก

ปฏิมาวันนี้ อยู่ในชุดเสื้อยืดลายทางสีขาวสลับชมพูเข้ารูป......กางเกงขายาวพอดีตัวสีขาว ........ผมยาวสลวยของเธอจากที่เคยมัดผูกรวบตรึงตลอดเวลา ได้ถูกปล่อยลงมาปกไหล่......ขับกับดวงตากลมโตของเธอ ทำให้ดูสวยผิดไปจากเดิมจริงๆ

ปัญญาจ้องมองหญิงสาวที่เดินลงมาจากห้องพัก รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้น...........แต่เมื่อปฏิมาก้าวลงมาจากบันไดห้อง เพียงบันได้ 3 ขั้นนั้น ทำเอาสาวสวยเมื่อสักครู่สะดุ้ง เกือบล้ม
“หึ.......ซุ่มซ่าม” ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา แล้วบ่นออกมาเบาๆ แต่ปฏิมาก็ได้ยินถนัดชัดเจน

หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น สีหน้าไม่ชอบใจกับคำพูดของชายหนุ่ม......เธอรีบยืนตัวตรง แล้วเดินมาหาทุกคน
“โธ่.......อุตส่าห์เปิดตัวซะสวย สุดท้ายก็........ซุ่มซ่าม” พาสนายังคงพูดตอกย้ำเพื่อนของเธอ
“ไอ้ปลา.......” ปฏิมามองพาสนาด้วยดวงตาเขียว
“ปลาไปว่าตุ้มเค้าทำไม.....วันนี้น้องตุ้มสวยจังนะครับ” พิษณุหันมาพูดให้กำลังใจสาวเซอร์ จนเธอยอมยิ้มออกมา
“ปลาพูดความจริง........เปิดตัวซะสวย ดันเดินตกบันได 55555” พาสนาไม่สนสีหน้าของเพื่อน และคำเตือนของพิษณุ เธอยังคงขำกับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่
“ใช่ครับ น้องปลาพูดไม่ผิด.......ซุ่มซ่ามสม่ำเสมอ” ปัญญาช่วยพาสนาผสมโรง เข้าไปอีก
“เออ ตุ้มมันไม่มีอะไรดีหรอก…….เชอะ” ปฏิมารู้สึกหงุดหงิดที่โดนต่อว่า เธอสะบัดหน้าใส่ปัญญา แล้วรีบเดินออกไป
“อ้าว งอนซะแล้ว” พาสนามองตามปฏิมา แล้วต้องให้รู้สึกขำ
“เห็นมั้ย ไปหัวเราะเค้า น้องตุ้มโกรธเลย” พิษณุพูดติพาสนาที่หัวเราะปฏิมาไม่ยอมเลิก
“โธ่ พี่ณุ ไม่เป็นไรหรอก ตุ้มมันเดี๋ยวก็หาย มันก็งี้ละ งอนเป็นอาชีพ” พาสนาพูดสีหน้าขำๆ เหตุที่เธอไม่กลัวเรื่องปฏิมางอนเธอนั้น เพราะเธอรู้ดีว่า ปฏิมาโกรธได้ไม่นาน ง้อนิดเดียวก็หาย

เมื่อปฏิมาเดินนำออกไป ทุกคนจึงเดินตามกันเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงของรีสอร์ท...
.
.
.
“ตุ้ม........งอนหรอ” พาสนารีบเดินมาขนาบข้างปฏิมา แล้วร้องถามสีหน้าทะเล้น
“ไปไกลๆ เลยแก ไอ้ปลา” ปฏิมายังคงทำหน้าตูมไม่เลิก
“ตุ้ม แกไล่ฉัน แล้วแกจะไปคุยกับใคร” พาสนายังคงพูดกวนต่อ
“ฉันคุยกับพี่ณุ ก็ได้” ปฏิมาหันมองไปทางพิษณุเพียงชั่วครู่ แล้วหันมายิ้มยักคิ้วให้พาสนา
“เออ ง้อแล้วทำหยิ่งนะแก” พาสนาเองก็ทำเบ้หน้าใส่เพื่อนรัก
“แน่นอน” ปฏิมายังคงทำหน้าเชิดต่อ
“ตามใจแก.....แบร่” พาสนาทำหน้าทะเล้นใส่ปฏิมาอีกครั้ง ก่อนที่หันไปเดินกับปัญญา ส่วนปฏิมาก็หันมาค้อนใส่พาสนา และปัญญา ก่อนจะหันไปเดินคู่กับพิษณุ
ชายหนุ่มทั้งคู่มองอาการของสองสาว แล้วให้อดยิ้มขำๆ ไม่ได้
.
.
.
เมื่อเดินมาถึงห้องจัดเลี้ยงของรีสอร์ท......พนักงานของรีสอร์ทยืนรอรับทั้งสี่อยู่แล้ว
“เชิญทางนี้ครับ” พนักงานต้อนรับ เดินนำทั้งสี่ไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทางเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
“เอ.......จะไปไหนกันหรือค่ะ” ปฏิมาซักถามด้วยความสงสัย
“คุณอ้อยสั่งให้พวกเราจัดโต๊ะอาหารให้พวกคุณที่ริมระเบียงด้านหลังรีสอร์ทครับ” พนักงานนำทาง หันมาตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพ
“ระเบียงหลังรีสอร์ทหรอ” ปฏิมาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ครับ.......” พนักงานคนเดิมตอบ แล้วเดินนำทางไปเรื่อยๆ

ทุกคนเดินตามพนักงานคนนั้นไปติดๆ แล้วภาพของขุนเขาที่สวยงามก็ปรากฏ........วิวน้ำตกก้อหลวงที่ลือเลืองก็ปรากฏให้เห็น
.
.
.
โต๊ะอาหารสำหรับเลี้ยงต้อนรับทั้งสี่นั้น ได้จัดไปที่ระเบียงด้านหลังของรีสอร์ท ซึ่งทำให้เห็นภาพทัศนียภาพของขุนเขาที่ตั้งเด่นตระงานโอบรอบรีสอร์ทแห่งนี้ และยังมีวิวของน้ำตกก้อหลวง อันสวยงามเลืองชื่ออีกด้วย

ภาพบรรยากาศแบบนี้ทำเอาทุกคนพากันตะลึง และชื่นชมกับมันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“สวยจัง.........” ปฏิมามองไปรอบๆ แล้วให้เกิดอาการตื่นตาตื่นใจ
“ใช่ สวยมากๆ เลย” พาสนาเองก็อดชื่นชมไม่ได้เช่นกัน
“วิวของที่นี่ ถือว่าเป็นที่สุดของแถวนี้เลยนะคะ” เสียงหวานใสของคุณอ้อยดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มหวานของเธอ
“มันสวยมากจริงๆ นะครับ” พิษณุเองก็อดชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“พี่ชายอ้อย เค้ามาดูแล้วชอบมากค่ะ เลยซื้อที่ของที่นี่ แล้วสร้างรีสอร์ท” คุณอ้อยตอบสีหน้ายิ้มๆ
“พี่ชายคุณอ้อยคงเป็นคนตกแต่งที่นี่หมดเลยซิฮะ” พาสนาเดาสุ่มไปเรื่อย แต่การเดาสุ่มของเธอกับสร้างความประหลาดใจได้ไม่น้อย
“ใช่ค่ะ” คุณอ้อยพยักหน้ารับพร้อมยิ้มหวาน
“โห.......แปลว่าพี่ชายคุณอ้อยนี่ต้องเป็นคนเก่งมากๆ ซิคะ” ปฏิมาหันมองมาด้วยท่าทางชื่นชม
“ค่ะ พี่ของอ้อยเก่งมากเลย.....น่าเสียดายนะค่ะ ที่ตอนนี้พี่ชายอ้อยบินไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้ค่ำๆ ซึ่งพวกคุณคงกลับกรุงเทพฯ กันหมดแล้ว” คุณอ้อยกล่าวอย่างเสียดาย
“นั่นซิครับ ผมก็ชื่นชมคนที่มีหัวคิดเก๋ๆ แบบนี้เหมือนกัน ถ้าได้รู้จักคงได้อะไรใหม่ๆ กลับไปบ้าง” พิษณุกล่าวพร้อมยิ้ม
“ค่ะ” คุณอ้อยมีท่าทางภูมิใจอย่างมากเมื่อพูดถึงพี่ชายของเธอ
“อย่ามัวคุยกันอยู่เลยค่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะหมด” คุณอ้อยเห็นว่าทุกคนมัวแต่คุยกัน จึงเชิญทั้งสี่ไปที่โต๊ะอาหารที่ทางรีสอร์ทจัดไว้อย่างสวยงาม

อาหารมื้อนี้ เต็มอิ่มไปด้วยธรรมชาติ และความงาม.........โต๊ะอาหารที่จัดไว้ท่ามกลางธรรมชาติสวย........เมื่อฟ้าเริ่มมืดลง แสงเทียนส่องสว่างแทนที่ ทำให้เกิดบรรยากาศอีกแบบ

เมื่อทุกคนทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว........คุณอ้อยก็จัดแจงพาทุกคนออกมายังลานกว้าง

“คืนนี้เป็นคืนดีนะคะ........พวกเรามักจะชอบจุดโคมไฟ และอธิฐานขอพรต่างๆ” คุณอ้อยกล่าวขึ้น เมื่อพนักงานของรีสอร์ท นำโคมไฟกระดาษสา มาส่งมอบให้
“ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่า........หากหนุ่มสาวคู่ไหนลอยโคมไฟด้วยกัน แล้วโคมไฟนั้นล่องลอยไม่มีตก ก็แปลว่า คนทั้งคู่เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันค่ะ” คุณอ้อยอธิบายพร้อมส่งยิ้มหวาน
“เชื่อได้หรือครับ” ปัญญาที่มีท่าทางไม่ค่อยยอมเชื่อในเรื่องพวกนี้กล่าวซักถามขึ้น
“มันเป็นความเชื่อค่ะ อ้อยเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน” คุณอ้อยตอบสีหน้ายิ้มๆ
“เชอะ......ชาตินี้อย่าหวังไปลอยโคมไฟกับใครเค้าเลย ลอยยังไงก็ไม่ขึ้น” ปฏิมาพูดแหนบแนมประชดนิดๆ ใส่ชายหนุ่ม
ปัญญาหันมองทำตาดุใส่ ทำเอาปฏิมาต้องสงบปากลง

“มาค่ะ มาจุดโคมไฟกัน” คุณอ้อยส่งมองโคมไฟกระดาษสาให้กับทุกคน คนละ 1 อัน เพื่อทำการจุดโคมไฟลอยอธิฐานของพร
“เราจะทำการสุดที่ไส้ตรงนี้นะคะ แล้วยกโคมให้สูงๆ รอให้อากาศอัดเข้ามาให้เต็มที่ และค่อยๆ ปล่อยมันขึ้น ให้มันลอยไปบนฟ้านะคะ” คุณอ้อยค่อยๆ อธิบายวิธีการจุดโคมไฟให้ทุกคนฟัง

แล้วคุณอ้อยก็จัดการสาธิตการปล่อยโคมไฟ ของเธอขึ้นให้ลอยไปบนท้องฟ้า เป็นตัวอย่าง........ปฎิมามองโคมไฟของคุณอ้อยแล้วต้องให้รู้สึกตื่นเต้น

“โหยยย ลอยแล้วๆ สวยจังคุณอ้อย” ปฎิมาเงยหน้ามองโคมไฟที่ค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้า ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ลองปล่อยดูบ้างซิคะคุณตุ้ม” คุณอ้อยบอกกับปฏิมาเมื่อเห็นเธอตื่นเต้นกับโคมกระดาษสา
“ค่ะ.....” ปฎิมาหันมารับโคมแล้วรีบไปจัดการทำการจุดตามขึ้นตอนที่คุณอ้อยได้บอกไว้เมื่อสักครู่

แล้วทุกคนก็หันมาให้ความสนใจกับโคมไฟของตัวเอง........โดยมีคุณอ้อยคอยให้คำปรึกษา.......ปฏิมามีท่าทางวุ่นวายกับโคมของเธอไม่น้อย คุณอ้อยเข้าไปช่วยสอน ช่วยบอกอีกรอบ แต่เหมือนว่าสาวซ่าส์ก็ยังคงทำไม่ถูกต้อง

ระหว่างที่คุณอ้อยกำลังสอนวิธีปล่อยโคมอยู่นั้น พนักงานของรีสอร์ทก็เดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้ คุณอ้อยรับเอามือถือขึ้นมาคุย แล้วเธอก็ต้องหันมาหาทุกคน

“อ้อยต้องขอโทษทุกคนด้วยนะค่ะ เดี๋ยวอ้อยขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนสักครู่นะคะ” คุณอ้อยกล่าวกับทุกคน
“ค่ะ ตามสบายค่ะ” ปฏิมาที่ติดอยู่กับการสอนของคุณอ้อยกล่าวบอกกับเธอ พร้อมส่งยิ้ม



โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:28:21 น.  

 
เมื่อได้รับคำตอบจากปฏิมาแล้ว คุณอ้อยจึงค่อยสบายใจ และเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์

ส่วนคนอื่นๆ ยังคงวุ่นวายกับโคมของตัวเอง..........
“ไหนมาซิ ติดตรงไหน” ปัญญาเดินเข้ามาหาปฏิมาที่ยังวุ่นวายกับโคมไฟไม่เลิก
“ไม่ต้องมายุ่งน่า ตุ้มทำเองได้” ปฏิมาหันมาค้อนขวับใหญ่ใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปสาลวนกับโคมไฟของเธอ
“อืม ทำแบบนั้นมันผิด เดี๋ยวโคมได้ไหม้ไฟหมด” ปัญญามองโคมไฟในมือของปฏิมา แล้วต้องรู้สึกเป็นห่วง
“บอกว่าไม่ต้องยุ่งไง......” ปฏิมายังคงดื้อดึง ไม่ยอมให้ปัญญาช่วยเธอ
“ตามใจ ไฟไหม้หมดแล้วอย่ามาร้องก็แล้วกัน” ปัญญารู้สึกหงุดหงิดกับอาการดื้อรั้นของหญิงสาว
“เชอะ.......” ปฎิมาหันมาทำเชิดหน้าใส่ชายหนุ่ม แล้วเธอจึงหันมองไปที่โคมไฟในมือของเธอ
“เห็นมั้ยนั้น ไหม้หมดแล้ว” ปัญญามองโคมไฟในมือปฏิมา ที่กำลังลุกไหม้ เพราะไฟของไส้โคม

ปฏิมามองโคมในมือของเธอ แล้วต้องรีบปล่อยมือ ปล่อยให้โคมหล่นกับพื้น ไหม้ไปกับไฟ.........ด้วยสีหน้าเสียดาย
“อ้ายยยย โคมของตุ้ม” เสียงปฏิมาร้องดังโวยวายขึ้น เมื่อโคมไฟของเธอกำลังถูกไฟเผาจนไหม้
“บอกแล้วไม่เชื่อ” ปัญญาหันมาพูดอย่างสมน้ำหน้าคนที่ดื้อไม่เชื่อเค้า
“ไม่ต้องเลยพี่ปุ่น เพราะพี่ปุ่นนั่นละ ทำให้โคมตุ้มไหม้” ปฏิมาแผดเสียงโวยวายใส่ปัญญาทันที
“อ้าว เรื่องอะไรมาโทษพี่ เราซุ่มซ่ามเองนะ” ปัญญายังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ปฏิมาโยนมาให้
“ไม่รู้ละ เอาโคมของพี่ปุ่นมาให้ตุ้มเลย...” ไม่พูดเปล่า สาวซ่าส์แสนเซอร์ก็ตรงรี้เข้ามาคว้ามโคมกระดาษสาจากมือของปัญญา
“แอ๊ะ เรื่องอะไรมาแย่งของพี่” ปัญญาจ้องมองสาวเจ้าอารมณ์ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“พี่ปุ่นทำของตุ้มเสีย ตุ้มก็จะเอาของพี่ปุ่น...ชดใช้กัน” ปฏิมายังคงยืนยันจะเอาโคมของปัญญาให้ได้
“พี่ไปทำอะไรของเรา ตุ้มเองที่ทำมันไหม้” ปัญญาเถียงกลับ
“ทำของเค้าเสียแล้ว จะไม่รับผิดชอบหรือไง” ปฎิมายังคงแผดเสียงไม่เลิก
“แอ๊ะ ตุ้มนี่ยังไงกันนะ ....” ปัญญารู้สึกเหนื่อยใจกับสาวคนนี้เสียเหลือเกิน
“ตุ้มจะปล่อยโคม” ปฎิมาไม่ได้สนใจว่าปัญญาจะยินดีให้โคมของเค้ากับเธอหรือไม่ เธอนำโคมไฟของชายหนุ่มขึ้นมา แล้วทำท่าจะจุดมัน
“เดี๋ยวได้ไหม้อีกอันหรอก” ปัญญาส่ายหน้าไปมาอย่างละอาใจ ก่อนจะเข้าไปช่วยปฎิมาจับโคมไฟให้ตั้งตรง
“ไม่ต้อง ตุ้มทำเอง” ปฎิมาใช้มือของเธอผลักชายหนุ่มให้ออกห่าง
“นี่........” ปัญญาส่งเสียงดุใส่ ทำเอาปฏิมาต้องชะงักลง

แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันจุดคุมไฟใบใหม่อีกครั้ง........ครั้งนี้ปัญญาจัดการทำหน้าที่จับตรงส่วนบนของโคมให้ตั้งไว้ และปฏิมาเป็นคนจุดไส้โคม.........ไฟสีเหลืองจากไส้ลุกโชนขึ้น.........จากโคมกระดาษแฟบๆ ก็เริ่มฟองขึ้น...............โคมไฟค่อยๆ ฟองตัว และลอยขึ้น ปัญญาค่อยๆ จับมัน และเลื่อนมือลงมาตรงส่วนฐานของโคม....โดยปฏิมาเองก็จับตรงส่วนนั้นไว้เช่นกัน.....

หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจที่โคมไฟของเธอกำลังจะล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปฏิมาหันมายิ้มหวานให้ปัญญา........ชายหนุ่มเองก็ยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน

“เย้........ลอยแล้วๆ” ปฎิมาร้องออกมาอย่างดีใจ

ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ ปล่อยมือจากโคมไฟนั้น.........โคมไฟกระดาษสาของปัญญาและปฏิมา กำลังลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า.......แม้ว่ามันจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง ทำท่าจะตกลงมาเสียหลายที แต่สุดท้าย มันก็ลอยขึ้นไปจนคล้ายกับดวงดาวบนฟากฟ้าเลยทีเดียว.......


ระหว่างที่ปัญญา และปฏิมา โต้เถียง และคอยเฝ้ามองโคมไฟของพวกเค้า ที่กำลังลอยล่องอยู่บนท้องฟ้ากว้างนั้น อีกฝากหนึ่ง พาสนาก็กำลังพยายามจุดโคมไฟของเธอเช่นกัน

“ทำไมมันยากจังนะ” สาวห้าวบ่นอุบอิบ ขณะที่พยายามจุดโคมไฟ

เธอพยายามจับโคมกระดาษตั้งให้ตรง และจุดไส้โคม แต่แทบทุกครั้ง เจ้าโคมตัวดี ก็ต้องพับตกลงมา ทำให้พาสนารู้สึกหงุดหงิดกับมันไม่น้อย...เธอหันมาจับกระดาษตรงส่วนหัวของโคมตั้งอีกครั้ง แล้วย้ายไปจุดไส้โคมด้านล่าง แล้วเจ้ากระดาษก็พับตกลงมาอีกจนได้

“โอ้ยยย...ไม่จุดซะดีมั้ยเนี่ยะ” สาวห้าวบ่นโวยวายกับเจ้าโคมไฟตัวดี


แล้วเมื่อเธอเอื้อมมือจะหยิบตรงส่วนหัวของโคมขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเธอก็ต้องละจากกระดาษสา ไปหาเจ้าของมือที่กำลังมาช่วยเธอจับตรงส่วนหัวของโคมไฟ
“พี่ณุ....” พาสนาเรียกชื่อชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอ
“ไง อารมณ์เสียอะไรหึ” พิษณุร้องถามพาสนาด้วยรอยยิ้ม
“ก็ไอ้โคมเนี่ยะซิ จุดยากจัง” พาสนาทำหน้าบู้บี้มองโคมไฟของเธอที่ตอนนี้อยู่ในมือพิษณุ
“หึ....ใจเย็นๆ ซิ” พิษณุบอกกับหญิงสาวพร้อมกับช่วยจับโคมไฟ คลี่ออกให้กว้าง
“ก็มันไม่ยอมตั้งตรงๆ นิ ปลาทำตั้งหลายรอบแล้ว” พาสนายังคงส่งเสียงงอแง กระเง้ากระงอดกับเจ้าโคมไฟของเธอ
“มา พี่ช่วย” พิษณุพูดจบก็จัดแจง จัดทรงของโคมไฟกระดาษสา โดยมีพาสนายืนมองทำตาปริบๆ
“จุดไฟซิ.....” พิษณุบอกกับพาสนา ขณะที่จับโคมไฟตั้งตรง

เมื่อได้ยินชายหนุ่มบอกเช่นนั้น พาสนาก็จัดการก้มจุดไส้โคม จนไฟลุกโชน

“นี่ มาจับตรงนี้” เมื่อไฟที่ไส้โคมติดดีแล้ว พิษณุก็จัดการเลื่อนมือมาจับตรงส่วนโครงด้านล่างของโคม แล้วให้ด้านบนได้รับอากาศอัดเข้าไป ชายหนุ่มร้องเรียกให้พาสนามาจับตรงโครงของโคมไฟจุดเดียวกับที่เค้ากำลังจับอยู่

พาสนาเอื้อมมือไปจับตรงส่วนโครงของโคมตามคำบอกของพิษณุ...รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“จับตรงนี้ดีๆ นะ......เดี๋ยวค่อยปล่อย” พิษณุกระซิบบอกกับหญิงสาว พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ
“อยากอธิฐานอะไร ก็อธิฐานซะนะ” พิษณุบอกกับพาสนา เพื่อให้เธอทำการอธิฐานขอพรจากโคมไฟ
“อืมม” พาสนาพยักหน้ารับ ก่อนจะหลับตาแล้วตั้งจิตอธิฐานขอพรจากโคมไฟ
พิษณุจ้องมองหน้าสวยภายใต้แสงสีเหลืองนวลของโคมไฟ.........ชายหนุ่มยิ้มหวานออกมา

พาสนาจัดการตั้งจิตขอพรจนเรียบร้อย เธอลืมตามองโคมไฟ แล้วหันมองกลับมาทางพิษณุที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พี่ณุไม่อธิฐานหรอ” พาสนาร้องถามชายหนุ่มที่มัวแต่ยืนยิ้ม
“อืมมม” เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย พิษณุก็หลับตาลง แล้วอธิฐานขอพรจากโคมไฟเช่นกัน

และเมื่ออธิฐานขอพรจากโคมไฟเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากโคมไฟ.........เจ้าโคมไฟกระดาษสา ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ......มันกำลังลอยล่องไปตามแรงลม สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป

พาสนาเงยหน้ามองโคมไฟ แล้วก็ยิ้มออกมา..........พิษณุเอง ก็มองตามเช่นกัน
“สวยจัง” พาสนา พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับจ้องมองโคมไฟที่กำลังลอยออกไปเรื่อยๆ
“อืมมม .............สวย” พิษณุที่จ้องมองโคมไฟ หันกลับมองมาทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ….ดวงตาซึ้งเป็นประกายของเค้า ทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกขัดเขินพิกล

พาสนารู้ตัวว่ากำลังโดนอีกฝ่ายจ้องมอง เธอจึงหาวิธีแก้เก้อ ด้วยการเดินหนีเสียดื้อๆ........สาวห้าวเดินไปนั่งที่เก้าอี้สนามที่ทางรีสอร์ทจัดเอาไว้ให้
“วันนี้อากาศดีจังเนอะตุ้ม” พาสนาหันไปพูดกับปฏิมา ที่กำลังชี้มือชี้ไม้มองโคมไฟที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ
“อืมม อากาศดี้ดี” ปฏิมา หันมองมาทางพาสนา แล้วพยักหน้ารับ

แต่แล้ว สาวเซอร์สุดซ่าส์ก็ต้องเปิดตากว้าง แล้วชี้มือชี้ไม้ไปทางด้านหลังของพาสนา
“เฮ้ยยยยยยย...........ดูโน้นดิปลา” ปฏิมาร้องเสียงหลง ให้พาสนามองไปทางด้านหลังของเธอ

เมื่อพาสนามองไปทางด้านหลัง ซึ่งเป็นแนวหุบเขาโล่งที่เห็นเมื่อตอนเย็น .......ตอนนี้มีแสงไฟดวงน้อยมากมายกำลังล่องลอยขึ้นมา มันคือโคมไฟที่เหล่าชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างจุดขึ้น

“สวยจังเลย........พี่ปุ่นดูซิ ดู” ปฎิมา รีบคว้าแขนปัญญาแล้วพาลากมายืนตรงเก้าอี้ที่พาสนานั่งอยู่
“เยอะแยะเต็มไปหมดเลย” พาสนาร้องออกมาด้วยความตะลึง

แล้วคนทั้งสี่ ต่างก็พากันยืนชื่นชมกับภาพที่เห็น ภาพโคมไฟหลายร้อยดวง ที่กำลังล่องลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า.......แสงสีเหลือง ดวงน้อยๆ ดูระรานตาไปหมด

“อย่างนี้นี่เอง คุณอ้อยถึงพาพวกเรามาทานข้าวกันตรงนี้” พิษณุพูดสีหน้ายิ้มๆ
“อืม ปลาก็ว่างั้น” พาสนาหันมาพยักหน้าให้ชายหนุ่ม
“สวยจังเลยเนอะ” ปฏิมาจ้องมองดวงไฟด้วยความประทับใจ จนลืมไปว่าตอนนี้เธอยังคงจับแขนของปัญญาไว้

พาสนายืนมองดวงไฟนับร้อยที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า.......จนกระทั่งเธอรู้สึกว่ามือของเธอกำลังโดนใครอีกคนดึงให้เธอเดินตามเค้าออกไปจากตรงนั้น.....
“มีอะไรหรอพี่ณุ” พาสนาร้องถามพิษณุเมื่อเดินออกมาได้พอสมควร
“ไปเดินเล่นกัน” พิษณุยังคงก้าวเดินไปข้างหน้า.........
“แล้ว........” พาสนาหันมองกลับไปทางที่ปฏิมา และปัญญายืนอยู่
“ปล่อยพวกเค้าเถอะ....ปลามองไม่ออกหรือว่าคู่นั้นเค้า....” พิษณุหันมายิ้มให้พาสนา

หญิงสาว นิ่งและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มตามชายหนุ่ม.......

แล้วพาสนาก็ต้องเดินตามพิษณุ โดยมีมือของเค้าที่กำลังจูงมือของเธออยู่......มือแกร่งที่กุมมือของเธออยู่นั้น ไม่ได้ออกแรงบีบมือของเธอเลยสักนิด เค้ากำมือของเธอเพียงหลวมๆ แผ่วเบา และอ่อนโยน

ทั้งคู่เดินลัดเลาะสนามของรีสอร์ท เดินลงตามทางลาดลงไปเรื่อยๆ.........พรรณไม้นานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมบางๆ ลอยตามลม........แล้วเสียงน้ำตกก็ดังขึ้น.......พิษณุตั้งใจพาพาสนามานั่งเล่นที่น้ำตกนั้น

หน้าผาหินสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน..........สายน้ำเย็นชุ่มฉ่ำไหลผ่านซอกหินน้อยใหญ่นั้น........พลังมหาศาลหอบเอาสายน้ำพัดไหลตามแนวหิน จนกระทบกับก้อนหินใหญ่ แตกกระเซ็นเป็นละอองน้ำสีขาวสวย.......
“น้ำตกก้อหลวง.......” พาสนามองน้ำตกตรงหน้า แล้วเอ่ยชื่อของมัน
“อืมม......”พิษณุพยักหน้าให้เธอเบาๆ
“สวยจังเลยพี่ณุ” พาสนาบอกกับชายหนุ่ม
“น้ำตกก้อหลวงนี่ขึ้นชื่อมากในลำพูนเลยนะ” พิษณุบอกกับหญิงสาวพร้อมกับยิ้มให้เธอ
“รู้ไปหมดเลยนะ” พาสนารู้สึกหมั่นไส้ที่ชายหนุ่มรอบรู้ไปเกือบทุกอย่าง
“อ้าว....ก่อนมานี่พี่ก็ต้องหาข้อมูลของลูกค้าก่อนซิ” พิษณุพูดยิ้มๆ
“จ้า...คนเก่ง” พาสนาแกล้งพูดประชดใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินไปทางริมน้ำที่ใสเย็น




โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:28:42 น.  

 
ซ่า...................ซ่า.......................

เสียงสายน้ำร่วงหล่นกระทบกับพื้นน้ำเบื้องล่าง ส่งเสียงดังก้องไปทั่ว.........

ละอองน้ำใส ปลิวลอยล่องมากับลม.......

พาสนายกมือขึ้นลูบแขนเบาๆ เวลานี้เธอใส่เพียงเสื้อยืดบางๆ เพียงตัวเดียว..........ละอองน้ำตก ทำให้เธอรู้สึกเย็นผิวกาย........

พิษณุชำเลืองมองเห็นคนข้างๆ ที่ยืนเอามือลูบแขนขึ้นลงอยู่นาน..........ชายหนุ่มหันมาถอดเสื้อเชิ้ตของเค้าออก คงเหลือเพียงแต่เสื้อยืดสีขาวที่ใส่อยู่ข้างใน
“ใส่ซะ เดี๋ยวเป็นหวัดพอดี” พิษณุพูดขึ้น ขณะที่นำเสื้อเชิ้ตของเค้าสวมให้พาสนา
“อ้าว แล้วพี่ณุละ” พาสนาหันมองมาทางชายหนุ่มที่กำลังเอาเสื้อคลุมให้เธอ
“พี่เป็นผู้ชาย...แข็งแรงจะตาย” พิษณุยกแขนอวดกล้ามของเค้าให้อีกฝ่ายดู
“ชริ....” พาสนามองชายหนุ่มที่กำลังเบ่งกล้ามโชว์เธอด้วยสายตาหมั่นไส้

สาวห้าวเดินย้ำลงไปเรื่อยๆ ที่ชายน้ำของน้ำตกก้องหลวง.........สายน้ำเย็นฉ่ำ ทำเอาเธอเองก็รู้สึกหนาวเหมือนกัน....แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สาวห้าวแสนดื้อ หยุดเดินได้เลย

พิษณุมองตามพาสนาอยู่ห่างๆ เค้าคงปล่อยให้เธอเดินเตะน้ำใส.....
“พี่ณุ มาเล่นน้ำกัน น้ำเย็นดีจัง” พาสนาร้องเรียกชายหนุ่มที่ยืนยิ้มให้เธอ
“ไม่ละ ปลาเล่นเถอะ แต่ระวังลื่นล่ะ” พิษณุส่ายหน้าไปมา พร้อมกับร้องเตือนเธอ

พาสนายิ้มให้พิษณุอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปมองสายน้ำสีขาวอันหยิ่งใหญ่ตรงหน้า........หญิงสาวก้าวเดินลุยลงไปเล่นน้ำเรื่อยๆ.......
“ถ้าได้มาตอนกลางวันก็ดีซิ ปลาจะได้เล่นน้ำให้สนุกไปเลย” พาสนาร้องตะโกนพูดแข่งกันเสียงน้ำที่ดังก้องไปทั่ว
“แล้ววันหลังพี่จะพามา” พิษณุตะโกนตอบ ด้วยสีหน้ายิ้มๆ

พาสนาเดินขึ้นมาจากน้ำใสเย็นแล้ว และเธอกำลังเริ่มปีนป่าย ก้าวเดินไปตามแนวก้อนหินน้อยใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ริมสายน้ำนั้น.....แม้ขาจะก้าวเดินไปเรื่อยๆ แต่สายตาของเธอมันกับมองดูสายน้ำที่ตกลงมากระทบกับพื้นน้ำเบื้องล่างจนเพลินตา....แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อรู้ตัวว่า ได้ก้าวพลาด และกำลังจะลื่นล้มลง

“โอ้ยยยย” เสียงร้องของพาสนาดังขึ้น เมื่อก้นของเธอล้มกระแทกกับก้อนหินเข้าอย่างจัง
“ปลา........” พิษณุที่ยืนมองอยู่ห่างๆ รีบวิ่งเข้ามาหาพาสนา
“โอ้ยยยย........” พาสนายังคงร้องโอดครวญ สีหน้าบู้บี้.....
“เป็นอะไรรึป่าว” พิษณุซักถามเมื่อเห็นสีหน้าของพาสนา
“เจ็บซิ ถามได้”พาสนาตอบสีหน้าบู้บี้
“ก็บอกให้เดินระวังๆ “ พิษณุมองหญิงสาวด้วยสีหน้าตำหนิ...
“อย่ามาว่าปลานะ” พาสนาเริ่มตีรวนอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้น....แต่แล้วเธอก็ต้องกลับลงไปนั่งตามเดิม
“โอ้ยยย.......” หญิงสาวใช้สองมือกุมข้อเท้าของเธอเอาไว้
“เป็นอะไร....เจ็บตรงไหน” พิษณุรีบก้มมองดูที่เท้าของพาสนาด้วยความเป็นห่วง
“ขามันเจ็บอ่ะ....” พาสนาเงยหน้าตอบพิษณุ ก่อนจะก้มมองที่เท้าของเธออีกรอบ
“สงสัยจะเพราะลื่นเมื่อกี้แน่ๆ เลย” พิษณุพูดจบ ก็จับเท้าของพาสนามาดู......
“ไหนดูซิ...” ชายหนุ่มจัดการถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวลายฟ้าของพาสนาออก แล้วลองบิดเท้าเธอไปมา 2-3 ที
“โอ๊ะ....โอ้ย เจ็บพี่ณุ” พาสนาร้องออกมาเมื่อพิษณุจับเท้าของเธอบิด
“สงสัยจะแพรง.......เดินไม่ระวังเลย” ชายหนุ่มวิเคราะห์อาการของพาสนา แต่ก็ไม่วายจะพูดตำหนิเธอ
“ว่าปลาอีกแล้วนะ” พาสนาทำหน้าตูมใส่ชายหนุ่ม ที่มาว่าเธอ
“ก็มันจริงนิ....พี่บอกแล้วว่าเดินให้ระวังๆ ไม่เชื่อพี่เลย” พิษณุพูดตอบ เชิงตำหนิอีกฝ่าย

พาสนาขมวดคิ้วยุ่ง สีหน้าไม่พอใจ ที่โดนพิษณุต่อว่า........เธอทำท่าจะดึงเท้าคืน แต่ก็โดนอีกฝ่ายจับไว้แน่น
“จะทำอะไร” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุ
“ก็มาว่าปลาทำไม.......ไม่ต้องมายุ่งเลย” พาสนาพูดน้ำเสียงงอนๆ
“งี้งอนจริง” พิษณุแอบอมยิ้มเมื่อเห็นหน้าของสาวแสนงอน
“แนะ........” พาสนาเลิกตามองชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยอาการไม่พอใจมากขึ้น
“อะล่ะๆ ไม่ว่าแล้ว มาพี่นวดเท้าให้” พิษณุไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับสาวห้าวแสนดื้ออีก เค้าจึงหันไปสนใจกับเท้าของเธอแทน…ชายหนุ่มจัดการถอดถุงเท้าของเธอออก แล้วค่อยๆ บิดข้อเท้าให้เธออย่างเบาๆ

“ทำดีๆ นะ ปลาเจ็บ” พาสนาออกคำสั่งกับชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“ครับผม” พิษณุเงยหน้ามายิ้มให้เธอ แล้วเค้าก็ทำการนวดเท้าให้เธออย่างเบามือ.......

เมื่อจัดการนวดเท้าให้พาสนาได้พักใหญ่ พิษณุก็กระเถิบมานั่งข้างๆ พาสนา.....
“ปลา.....” เสียงร้องเรียกชื่อพาสนาดังขึ้นมาอีก หลังจากที่การสนทนาของทั้งคู่ขาดหายไปพักใหญ่
“หืมมม” พาสนาขานรับ และมองไปยังชายหนุ่ม
“เมื่อกี้ปลาอธิฐานอะไรหรอตอนปล่อยโคมไฟกันหน่ะ” พิษณุซักถามพาสนาด้วยความอยากรู้ว่า หญิงสาวได้อธิฐานขอพรอะไรเมื่อตอนปล่อยโคมไฟ

พาสนาฟังคำถามจากชายหนุ่ม แล้วก็ให้แอบอมยิ้ม........
“หืมมม อธิฐานอะไร บอกพี่ได้มั้ย” พิษณุซักถามด้วยความอยากรู้
“หึ....ไม่บอก” พาสนาส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“อ้าว ทำไมละ” พิษณุทำหน้าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเค้า
“ถ้าปลาบอก ก็ไม่ใช่การอธิฐานหน่ะซิ” พาสนาตอบพร้อมกับยิ้มออกมา
“แล้วพี่ณุละ.......อธิฐานอะไร” พาสนาถามกลับบ้าง
“ไม่บอก” ชายหนุ่มเองก็ตอบปฏิเสธเช่นกัน
“ทำไมละ” พาสนาขมวดคิ้วมองเค้า
“ถ้าบอก ก็ไม่ใช่การอธิฐานหน่ะซิ” พิษณุตอบจบก็ยิ้มกว้างให้หญิงสาว

เมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม พาสนาก็ต้องรู้สึกหมั่นไส้เค้าขึ้นมาทันที.....หญิงสาวเมินหน้าหันไปทางอื่นด้วยความหมั่นไส้ พิษณุมองคนข้างๆ ที่กำลังแสดงอาการงอนตุบป่องๆ แล้วให้ยิ้มขำๆ




*********************************************







โดย: kokoo_129 วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:20:29:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.