Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
..Memory In Love: บทที่5..

**************************************
Memory In Love: ด้วยรักและความทรงจำ
บทที่ 5 ...........................วันใหม่ของสองเรา

**************************************







Create Date : 08 สิงหาคม 2549
Last Update : 8 สิงหาคม 2549 17:46:40 น. 6 comments
Counter : 281 Pageviews.

 
เช้านี้รุ่นน้องปี 1 ทุกคนยังต้องเจอบทหนักอีก 1 วัน แต่บทหนักสำหรับวันนี้ไม่ใช่การออกไปวิ่งตากแดด หรือว่า ลงลุยน้ำทะเลเหมือนอย่าง 2 วันที่ผ่านมา แต่เป็นการแบ่งกลุ่มจัดเตรียมการแสดงต่างๆ สำหรับค่ำคืนสุดท้ายของการรับน้องแทน

นภัทร์ ทำการแจกแจงรายการ การแสดงต่างๆ ให้กับแต่ละทีมทราบ และมีการส่งรุ่นพี่ไปช่วยดูแล ให้คำแนะนำทีมละ 2 คน........เมื่อได้แจงรายละเอียดให้รุ่นน้องปี 1 ครบทุกทีมแล้ว นภัทร์ก็ให้เหล่ารุ่นพี่ปี 2 ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ พารุ่นน้องที่รับผิดชอบไปทำการปรึกษา และเตรียมการแสดงสำหรับคืนนี้ ยังจุดต่างๆ

แม้ว่าเมื่อเย็นวานพาสนาจะล้มป่วยจากการตากแดด แต่วันนี้รุ่นน้องปี1 มาดเท่ห์ยังคงใจสู้ลุกขึ้นมาเข้าร่วมรับน้องพร้อมเพื่อนๆ เช่นปกติ เหมือนว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร...............ขณะที่นภัทร์กำลังแจงรายละเอียด และแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการแสดงให้แต่ละทีมทราบ สายตาที่มักจะเชื่อมั่นในตัวเองของอิทธิพลก็ได้จับจ้องไปที่รุ่นน้องแสนแสบของเค้าพร้อมรอยยิ้มที่ไม่อาจคลาดเดาได้ว่า เค้ากำลังคิดอะไรอยู่

ปี1 แต่ละทีมได้แยกย้ายไปตามจุดที่รุ่นพี่จัดเตรียมไว้ให้.................................มัสธสิทธิ์ และมัสธิกา เป็นผู้รับผิดชอบดูแลทีมของพาสนาและเพื่อนๆ..................มอสได้นำพาน้องๆ ในทีม ไปยังจุดที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับซ้อมการแสดงในค่ำคืนนี้..............

“เอาละน้องๆ ฟังทางนี้ คืนนี้ทีมเราได้รับหน้าที่ทำการแสดงทางด้านบันเทิงจำพวกสร้างเสียงเพลง” มอสกล่าวบอกกับน้องๆ ปี1 เมื่อมาถึงจุดซ้อมการแสดงของทีม
“โห.............” เสียงฮือฮาจากกลุ่มน้องปี 1 ในทีมดังขึ้น
“ร้องเพลงหรือค่ะ” วรีวรรณถามด้วยความสงสัย
“ใช่จ๊ะ....”มัสธิกา พยักหน้าให้รุ่นน้อง
“ไม่ใช่แค่ร้องเพลงนะ อันนี้ยังรวมไปถึงเต้นรำด้วย” มอสเสริมขึ้น
“เต้นรำ!!!!!!!!!!!!~” เหล่าน้องๆ ในทีม ตามพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจกึ่งตกใจ
“ทำไม.............มีปัญหารึ” มอสพูดด้วยสีหน้าขึงขัง
“เปล่าครับ/ค่ะ” เหล่ารุ่นน้องปี1 ในทีมต่างพูดพร้อมกัน
“เปล่าก็ดี............งั้นพวกน้องจะนำเสนอการแสดงอะไรกันล่ะ สำหรับโชว์ในคืนนี้............” มอสซักถามรุ่นน้องในทีม
“ร้องเพลงดีมั้ยครับพี่” สิทธิพรยกมือเสนอ
“ร้องเพลงหรือ............อืมมมม” มัสธิกา พยักหน้ายิ้ม
“ร้องเพลงก็ได้ แต่...........เงื่อนไขคือต้องได้แสดงครบ..............ทุกคน” มอสเน้นเสียงหนักแน่นท้ายประโยค
“งี้เราจะแสดงอะไรดีค่ะพี่” มลฑิรา ยกมือเกาศีรษะพร้อมสีหน้าครุ่นคิด
“พี่ให้โอกาสพวกเราปรึกษาหารือกัน แล้วเอามาเสนอพี่” มอสให้โอกาสรุ่นน้องปี1 ออกความคิดเห็น


เมื่อรุ่นพี่ปี2 พูดจบ ก็ปล่อยให้รุ่นน้องปี1 ในทีมได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นสำหรับการแสดงในค่ำคืนนี้.............บางคนเสนอการร้องเพลงหมู่ บางคนเสนอการเต้นรำเข้าจังหวะ หลายคนหลายความคิดจึงยากต่อการหาจุดลงตัว
“เราจะแสดงอะไรกันดีคืนนี้อ่ะ” วรีวรรณพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความกลุ้มใจ
“นั่นซิ แสดงอะไรกันดี” ธานินทร์ อีก1 หนุ่มในกลุ่มมีสีหน้ากลุ้มตามวรีวรรณไปด้วย
“ปลา.........ปลาว่าไง” วรีวรรณหันไปขอความคิดเห็นจากพาสนาที่นั่งนิ่งฟังเพื่อนๆ
“ปลา.........ปลาว่าไง” วรีวรรณหันไปขอความคิดเห็นจากพาสนาที่นั่งนิ่งฟังเพื่อนๆ ถกความคิดเห็นกันในกลุ่ม
“อืม................การแสดงด้านเสียงเพลง” พาสนาทำท่าคิดพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่ ปลาคิดว่าไงล่ะ” มลฑิราพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง
“เราว่านะ...........เราน่าจะตั้งวงดนตรีร้องเพลงประสานเสียงกันมั้ย” พาสนาเสนอความคิด
“หืมมม” ทุกคนในกลุ่มมองหน้ากัน แล้วมองไปทางพาสนาเป็นตาเดียว
“ว่าไงน้องๆ ได้ไอเดียรึยัง” มอส กับ มัสธิกา เดินกลับเข้ามาหากลุ่มน้องๆ ปี1 เพื่อหาข้อสรุป
“พี่ค่ะ พวกเราคิดว่า............” มลฑิรา หันไปยิ้มให้รุ่นพี่ แล้วหันกลับมายิ้มกับเพื่อนๆ ในทีม

++++++++++

ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัด

นภัทร์ และจิ๊บกำลังทำการจ่ายค่ายาที่เคาน์เตอร์จ่ายค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาล ส่วนอิทธิพล และนวี เดินตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วย เพื่อไปรอรับพิษณุกลับไปยังบ้านพักของเหล่านักศึกษาคณะวิศวะ........

“ว่าไงไอ้เสือ” อิทธิพลกล่าวทักทายรุ่นน้องปี2 ที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“สวัสดีครับพี่อิด พี่นวี” พิษณุ กล่าวทักทายรุ่นพี่พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ไง...........ดูท่าทางสดชื่นเหมือนคนสบายดีเลยนะน้องชาย” นวีเดินเข้ามาตบไหล่พิษณุเบาๆ
“โธ่ พี่นวี............ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะครับ” พิษณุพูดยิ้มๆ
“งั้นคืนนี้ก็รับน้องสบายละซิ” อิทธิพลปรายตามองมาทางพิษณุ
“แน่นอนครับพี่” พิษณุพูดยิ้มๆ
“เอ้าๆ กลับบ้านกันได้ซักทีนะ” นภัทร์ และจิ๊บเดินยิ้มกว้างเข้ามาในห้อง ขณะที่อิทธิพล และนวีกำลังช่วยพิษณุเตรียมตัว
“ไงณุ สบายดีแล้วใช่มั้ย” จิ๊บรีบเข้าไปยืนข้างๆ พิษณุ
“อืม ขอบใจที่เป็นห่วง” พิษณุตอบพร้อมยิ้มให้จิ๊บ
“เพื่อนเราหน่ะ ตายยาก กระดูกแข็ง” นภัทร์เดินเข้ามยืนข้างๆ พิษณุอีกคน
“จัดการเรื่องค่ายาเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยภัทร์” อิทธิพลถามนภัทร์อีกครั้ง
“ครับพี่” นภัทร์พยักหน้าให้อิทธิพล
“งั้นก็กลับกันเถอะ ที่โน้นยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะสำหรับคืนนี้” อิทธิพล เดินนำทีมทุกคนออกจากห้องพยาบาลเป็นคนแรก
“ปะ..........” นภัทร์ และจิ๊บต่างหันมาชวนพิษณุเดินออกจากห้องเช่นกัน โดยมีนวีเดินนำออกไปก่อน

+++++++++++

“เกด จัดสถานที่ไปถึงไหนแล้วล่ะ” ฝ้ายรุ่นพี่ปี2 เดินเข้ามาถามเพื่อนสาวที่กำลังจัดเตรียมสถานที่สำหรับการแสดงในค่ำคืนนี้
“โอเคแล้ว............เดี๋ยวพี่ๆ ปี 4 คงเดินทางมาถึง” พิสมัย หรือเกด หันมาตอบเพื่อนร่วมคณะ
“เออ ว่าแต่ฝ้ายเถอะ จัดเตรียมงานไปถึงไหนแล้ว อย่าให้ไอ้พวกน้องๆ ปี1 มันรู้นะ” พิสมัย ซักถามเพื่อนคืนบ้าง
“รับรองน่า.............มือชั้นนี้แล้ว” ฝ้ายยิ้มหวานให้เพื่อน
“ไงจ๊ะ สาวๆ คุยอะไรกันอยู่” มอสเดินเข้ามาหาเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ก็คุยเรื่องงานคืนนี้ไง..........” ฝ้ายตอบ
“เออ แล้วมอสล่ะ ทำไมมานี่ ไม่คุมน้องๆ หรือไง” พิสมัยถามกลับ
“ให้มอลลี่ดูอยู่หน่ะ” มอสตอบยิ้มๆ
“แล้วการแสดงไม่มีปัญหาหรือมอส” พิสมัยถามอีกด้วยความเป็นห่วง
“สบายมาก.............ไอ้น้องๆ กลุ่มที่เราดูแลอยู่มันเก่งนะ” มอสยืดอกแสดงความภูมิใจจนออกนอกหน้า
สองสาว พิสมัย และฝ้าย ต่างก็มองมอสด้วยความหมั่นไส้ไม่น้อย...............


ช่วงบ่าย มีรถหลายต่อหลายคันเข้ามาจอดแถวบ้านพัก.............กลุ่มคนแปลกหน้าต่างเข้าไปอยู่รวมกันภายในบ้านพักของพวกรุ่นพี่ปี2 มีเสียงพูดคุย ทักทายดังเป็นระยะๆ พอจะเดาได้ว่าเป็นเหล่าบรรดารุ่นพี่ปี 4 และรุ่นพี่รุ่นก่อนๆ

ค่ำคืนนี้ทุกคนต่างตื่นเต้นกับกิจกรรมรอบกองไฟ ของงานผูกข้อมือรับขวัญน้องใหม่......................เหล่ารุ่นน้องปี 1 ต่างเข้าบ้านพัก เพื่อแต่งตัว และตระเตรียมความพร้อมสำหรับการแสดงในค่ำคืนนี้

ภายในบ้านพักนักศึกษาหญิง ทุกคนต่างเตรียมตัวเพื่อการแสดงในคืนนี้ ด้วยอาการตื่นเต้น และประหม่า...............พาสนาเองก็ไม่เว้นเช่นกัน เธอนั่งนิ่งๆ แต่ภายใต้ความสงบนิ่งนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และวิตกกังวลเล็กน้อย

“เป็นอะไรไปปลา” มลฑิราเดินเข้ามานั่งข้างๆ พาสนา
“ไม่เป็นไร เราสบายดี” พาสนาตอบเพื่อนรักด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“แต่มือปลามีเหงื่อซึมนะ” มลฑิรารู้ทันเพื่อนมาดเท่ห์ เธอจับมือพาสนาขึ้นมากุมไว้
“ก็แค่.............กลัวพลาด” พาสนาตอบน้ำเสียงอ่อยๆ
“เราแน่ใจว่าปลาทำได้ดีนะ” วรีวรรณเดินเข้ามาช่วยพูดเสริมให้กำลังใจพาสนา
“ขอบใจมากบี” พาสนายิ้มให้วรีวรรณ
“พวกเราเองก็จะทำให้ดีที่สุดเหมือนกันนะปลา” วรีวรรณหันไปยักคิ้วให้กับมลฑิรา
“ใช่ๆ พวกเราก็จะทำเต็มที่” มลฑิราพยักหน้างึกงักเห็นด้วยกับวรีวรรณ
แล้วทั้งสามก็ยิ้มกว้างให้กันและกัน..............
.
.
.
เพียงไม่นานรุ่นพี่ปี2 ก็เดินเข้ามาในบ้าน เพื่อเรียกให้น้องๆ ปี1 ออกไปร่วมกิจกรรม...........น้องๆ ปี 1 ต่างก็ออกไปยืนรวมกันที่หน้าบ้านพัก และจัดเป็นแถวตามทีม หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มรุ่นพี่ปี 2 ก็มานำทางพาพวกน้องปี1 ไปยังจุดจัดงาน

กลุ่มปี1 เดินไปตามพื้นทรายริมชายหาด ห่างออกไปจากบ้านพัก.............ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ ท้องฟ้ายามค่ำคืนของคืนนี้ช่างมืดมิด ไร้แสงจันทร์ คงเหลือแต่แสงจากดวงดาว พราวระยิบระยับเกลื่อนเต็มท้องฟ้า กลุ่มปี1 เดินเรื่อยๆ ไปตามทาง เพียงไม่นาน แสงไฟสีเหลืองทองจากคบไม้สาดส่องนำทางให้กลุ่มรุ่นน้องปี 1 ได้เห็นลานกว้างสำหรับงานในคืนนี้

พื้นทรายกว้างสีขาวต้องกระทบกับแสงจากคบไม้ที่ถูกปักนำทางเป็นจุดๆ จากแนวทางเดินเส้นตรงสองฝาก ได้ขยายเป็นวงกลมกว้าง ตรงกลางมีกองไฟกองใหญ่ สร้างความสว่างไสวไปทั่วพื้นที่.........................มีส่วนที่จัดเป็นลานกว้างสำหรับให้ทำการแสดง แล้วเหล่าน้องใหม่ปี 1 ก็มากันครบ และนั่งประจำที่ของแต่ละทีมกลุ่มของพาสนานั่งทางด้านขวามือของกองไฟ

เมื่อรุ่นน้องปี1 นั่งประจำที่กันเรียบร้อยทุกทีมแล้ว..............นภัทร์ก็ออกมายืนตรงกลางของลานกว้าง เพื่อรอกล่าวอะไรบางอย่าง...............

“ต่อไปนี้จะเป็นการเริ่มพิธีการสำหรับค่ำคืนนี้” นภัทร์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อันดับแรก ขอเชิญรุ่นพี่ปี 2 ทุกคน และขอเรียนเชิญรุ่นพี่ปี3 รุ่นพี่ปี4 และรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้วที่ยอมเสียสละเวลามาร่วมงานในคืนนี้”


เมื่อสิ้นเสียงของนภัทร์ กลุ่มรุ่นพี่ปี2 ต่างก็เดินออกมาจากทางเดินที่มีคบไม้ปักไว้เป็นทาง..............รุ่นพี่ปี2 ทุกคนได้ก้าวเดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ และดูเป็นทางการ เหล่ารุ่นพี่ต่างก็มาหยุดยืนอยู่ตรงขวามือในส่วนที่จัดเตรียมเก้าอี้เอาไว้ให้

รุ่นพี่ปี2 ที่เดินเข้ามายังลานตรงกลางคบหมดแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี พิษณุ รวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มหน้าตาสดใสขึ้น ใบหน้าไม่ได้ซีดเผือกเหมือน 2 วันที่ผ่านมา พาสนาแอบชำเลืองมองรุ่นพี่แล้วก็ต้องอมยิ้มน้อยๆ ออกมา ส่วนตัวรุ่นพี่ปี2 ก็ได้หันมองมาทางรุ่นน้องเช่นกัน เค้ายิ้มบางๆ ให้เธอ ก่อนจะเดินไปยืนรวมกับเพื่อนๆ

เมื่อรุ่นพี่ปี2 ได้ออกมายืนกันครบแล้ว ก็มีรุ่นพี่ปี 3 รุ่นพี่ปี4 และรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว ที่ไม่คุ้นหน้านักเดินตามออกมายืนเรียงเป็นแถวในว่าส่วนที่จัดเก้าอี้ไว้ให้ทางด้านซ้ายมือ

และเมื่อรุ่นพี่ปี 2 ปี3 ปี4 และรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้วได้มายืนพร้อมเพียงกัน ทุกคนก็นั่งกับเก้าอี้ ในกลุ่มนี้ อิทธิพล และนวี ก็รวมอยู่ด้วย อิทธิพลที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของกองไฟ สามารถมองรุ่นน้องที่นั่งอยู่ทางขวามือของกองไฟได้ถนัดตา...................นภัทร์เริ่มทำการเปิดการแสดงของค่ำคืนนี้

“ต่อไปเป็นการแสดงของเหล่าน้องๆ ปี1 ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้..............เริ่มที่ทีม1 การแสดงละคร” นภัทร์พูดจบ ก็ถอยก้าวออกไปจากลานกว้าง แล้วกลุ่มรุ่นน้องปี1 ทีมที่1 ก็ออกมาแนะนำตัว และทำการแสดงการแสดงตามที่ซักซ้อมกันมา การแสดงละครของทีมนี้เป็นการแสดงละครแนวตลกชวนหัวเราะหลานฉาก หลายตอน ทุกคนพยายามแสดงอย่างสุดฝีมือ

พาสนานั่งดูการแสดงอย่างสนุกสนานเหมือนเพื่อนปี1 คนอื่นๆ หลายครั้งที่เธอชำเลืองมองเห็นรุ่นพี่ปี2 และหลายครั้งที่เค้าเองก็หันมองมาทางเธอเช่นกัน ทั้งสองยิ้มให้กัน................

“แล้วการแสดงที่แสนจะสนุกของน้องๆ ทีมที่1 ก็จบไปแล้วนะครับ” นภัทร์ออกมาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากการโชว์ของทีมที่1 จบลง

เสียงโฮร้อง เสียงปรบมือดังขึ้น

“ต่อไป เป็นการแสดงของน้องปี1 ทีมที่2 การแสดงชุดนี้น้องๆ เค้าบอกว่า...........เป็นการนำเสนอที่สุดยอดของพวกเค้าเลยทีเดียว ต่อไปนี้ขอเชิญพบกับการเดินแบบจากน้องๆ ปี1 ทีม2 ครับ” นภัทร์พูดจบก็ผายมือไปทางปี1 ทีม2

แล้วเสียงปรบมือดังขึ้นอีก กลุ่มน้องปี1 ทีม2 ก็ได้เดินออกไปจากลานการแสดง.................เสียงเพลงจังหวะสนุกๆ ดังขึ้น แสงไฟสีเขียว แดง ส่องกระพริบแล้วเหล่าบรรดารุ่นน้องปี1 ทีม2 ก็ได้ปรากฏโฉมอีกครั้ง กับการแสดงการเดินแบบ ในแบบฉบับหลุดโลก เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

เสียงเฮจากทีมนี้ ดังกว่าทีมแรกมากอยู่ เพราะมุกที่ใช้คือการจับเหล่าหนุ่มๆ มาแต่งหญิง ทำเอารุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่น ต่างฮา และกรี๊ดกร๊าด วี๊ดวิ้วได้ไม่น้อย เสียงหัวเราะ เสียงผิวปากดังเป็นระยะๆ

“เฮ้ย ปลา............ทีมนี้มันเจ๋งวะ” มลฑิราใช้ไหลกระทบเพื่อนเบาๆ พร้อมกระซิบบอก
“เออ.........มันแน่ๆ” พาสนาเองก็อดที่จะหัวเราะตามโชว์ของเพื่อนร่วมคณะไม่ได้
“แล้วนี่เราจะสู้เค้าได้มั้ยเนี่ยะ” วรีวรรณที่นั่งข้างๆ พาสนาพูดขึ้นบ้าง
“เฮ้ยยย ใจสู้ดิ อย่ากลัวๆ” มลฑิราพูดขึ้นพร้อมยิ้มสู้
“เอางั้นนะ” วรีวรรณทำหน้าเหยๆ เหมือนไม่มั่นใจ
“อืมมมมม” มลฑิราลากเสียงก่อนจะหันไปมองดูโชว์ต่อ

และเมื่อสิ้นสุดการโชว์ของทีมที่2 เสียงปรบมือดังสนั่น กลุ่มน้องปี1 ทีม2 ต่างยิ้มแย้มหน้าบานสำหรับการแสดงที่ได้แสดงออกไป และได้รับผลตอบรับกลับมาเป็นอย่างดี......................ทุกคนในทีม กลับไปนั่งที่หมดแล้ว นภัทร์ก้าวเดินออกมาตรงกลางลานอีกครั้ง

“เป็นไงครับ การแสดงของทีมที่2 ได้เสียงเฮไม่น้อยเลยนะครับ” นภัทร์ออกมากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ยังไม่หมดครับ ยังไม่หมด ................การแสดงของน้องปี1 ทีมสุดท้าย” นภัทร์กล่าวไปพร้อมๆ กับมองมาทางทีมของพาสนา

“การแสดงของ 2 ทีมแรกเป็นการแสดงสร้างความบันเทิง สร้างเสียงหัวเราะให้พวกเรามาแล้วนะครับ ต่อไปเรามาดูซิว่า ทีมสุดท้ายจะเป็นยังไง แต่เท่าที่ทราบมา เห็นรุ่นพี่ปี2 ที่คุมการแสดงโชว์ของทีมนี้กระซิบบอกผมมาว่า..............ของเค้าเด็ดจริงๆ ฉะนั้นของเชิญพบกับการโชว์กับการร้องเพลงประสานเสียงของน้องปี1 ทีมที่สามได้แล้วครับ................” นภัทร์พูดจบก็ผายมือมาทางทีมของพาสนา เสียงปรบมือจากเพื่อนร่วมรุ่น และ รุ่นพี่ดังขึ้น




โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:14:23 น.  

 
ทีมของพาสนา ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และออกไปยังตรงกลางลานกว้าง...................ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม แล้วแสงไฟก็ค่อยๆ หรี่ลง....................คบเพลิงจากไม้ที่จุดไว้ก็ถูกดับลงบางดวง เพื่อสร้างบรรยากาศ

ในชีวิตของคนทุกคน ต้องเคยผ่านร้อนและหนาว

และพบเรื่องราวบางอย่างที่ฝังใจ

ทุกครั้งที่เธอปวดร้าว หมดสิ้นกำลังที่จะก้าวเดินไป

วันเวลาที่แสนมืดมน ก็คงจะเดินผ่านไปช้าๆ

จนเธอเองลืมนึกไปว่า ได้เดินมาไกลเท่าไร

จนเธอเองมองข้ามบางอย่าง ที่ถูกพลังแกร่งกล้าในใจ

ที่ยังฝังอยู่ในจิตใจลึกๆ มานาน

และในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง

ด้วยพลังในหัวใจ

อย่าไปยอมแพ้ให้กับปัญหาใดๆ จงพร้อมจะอดทน

ก้าวไปสู่หนทางที่ฝันใฝ่ด้วยตัวเอง

บนถนนที่เธอก้าวเดิน จะเป็นดั่งภาพสะท้อน

ให้เห็นละครที่ต่างชีวิตไป

ทุกครั้งที่เธอหมดหวัง หมดสิ้นกำลังท้อแท้ในใจ

เธอจงมองดูภาพตัวเองที่อยู่เดียวดายในความอ้างว้าง

เธอจงมองไปนอกหน้าต่าง จะเจอความจริงมากมาย

มันจะทำให้พบคำตอบ บนทางเดินที่แสนยาวไกล

ทุกชีวิตจงเดินต่อไป เพื่อสู้ความจริง

และในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง

ด้วยพลังในหัวใจ

อย่าไปยอมแพ้ให้กับปัญหาใดๆ จงพร้อมจะอดทน

ก้าวไปสู่หนทางที่ฝันใฝ่ด้วยตัวเอง

ให้เธอได้รู้ นี่ละใจของคน

ที่แท้นั้นยิ่งใหญ่

ตราบใดความหวังยังไม่จางหายไป

เมื่อนั้นใจจะไม่แพ้..............

และในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน และลุกขึ้นอีกครั้ง

ด้วยพลังในหัวใจ

อย่าไปยอมแพ้ให้กับปัญหาใดๆ จงพร้อมจะอดทน

ก้าวไปสู่หนทางที่ฝันใฝ่ด้วยตัวเอง

ก้าวไปสู่แสงทองของวันใหม่ ด้วยตัวเอง



เพลงประสานเสียงจากทีมที่3 ดังขึ้น เป็นการไล่เสียงจากทุ้ม จนถึงเสียงแหลม สลับไปมา ทำให้เพลงที่มีความหมายเดิมดีอยู่แล้ว ยิ่งฟังไพเราะ มากยิ่งขึ้นไปอีก...............บรรยากาศของทีมนี้แตกต่างกับ 2 ทีมแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะสองทีมแรกเน้นไปทางด้านตลก สนุกสนาน เฮฮา แต่การแสดงของทีมนี้นั้น เน้นไปที่ความไพเราะ พร้อมเพรียงสามัคคีกันของคนในทีม และความขลัง............ทำเอาหลายต่อหลายคนขนลุก และประทับใจไปกับความไพเราะ และเนื้อหาที่กินใจของบทเพลง


เมื่อสิ้นเสียงร้องของทีมรุ่นน้องปี1 ทีมสุดท้าย เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่ว แม้กระทั่งรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้วยังลุกขึ้นปรบมือให้ ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติยอย่างมากสำหรับรุ่นน้องทีมนี้ ทุกคนต่างฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ ..............พาสนายิ้มกว้างออกมา แล้วมองไปรอบๆ แต่สุดท้ายสายตาเธอก็ไปสะดุดเอากับใบหน้ายียวนกวนนิดๆ ของรุ่นพี่ปี3 เข้าอย่างจัง เธอรีบหุบยิ้มลง แล้วเมินหน้ามองไปทางอื่นแทน

แต่อาการกริยาแบบนี้ของพาสนา กลับทำให้อิทธิพลยิ่งยิ้มชอบใจมากขึ้น ...............

“เอาละครับ.................การแสดงของน้องๆ ปี1 ก็ได้จบลงไปแล้วนะครับ เป็นไงสนุกกันมั้ย” นภัทร์ซึ่งทำหน้าที่ผู้ดำเนินพิธีการ ออกมาพูดกลางลานกว้างอีกครั้ง................ทีมของพาสนาได้กลับไปนั่งที่เดิม

“หลังจากที่พวกเราได้สนุกกันพอสมควรแล้ว ต่อไปนี้เราจะมาเริ่มพิธีการรับน้องจริงๆ กันซะทีนะครับ” เมื่อสิ้นเสียงของนภัทร์ แสงไฟจากคบเพลิงเริ่มหดหายลงเรื่อยๆ...............พื้นที่ของลานกว้างถูกปกคลุมไปด้วยความมืด............

แสงไฟจากคบเพลิง ถูกดับจากด้านหลังสุด ไล่เรียงมาเรื่อยๆ จนดับสนิทครบทุกดวง..................คงเหลือเพียงแต่กองไฟตรงกลางวงกลม ที่ลุกโชน ...............เสียงซุบซิบ จากกลุ่มรุ่นน้องปี 1 เริ่มมีมาให้ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ดังมากมายอะไร

“ต่อไปนี้ พี่ขอแนะนำรุ่นพี่ปี 3 ปี4 และรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้วที่ได้ให้เกียรติยมาร่วมในพิธีรับน้องนี้ เพื่อให้น้องๆ ปี 1 ได้รู้จัก” นภัทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“ขอเริ่มจากพี่อิทธิพล ประธานรุ่นพี่ปี3 ของเราก่อนเลยนะครับ” นภัทร์กล่าวแนะนำอิทธิพล ซึ่งรุ่นพี่ตัวโต ท่าทางเท่ห์ สมาร์ท ได้ลุกขึ้นโค้งให้กับน้องๆ ทุกคน ก่อนจะเดินออกมายืนข้างๆ นภัทร์

“สวัสดีครับน้องๆ บางคนคงรู้จักพี่แล้ว” อิทธิพลกล่าวจบก็มองไปทางพาสนา สาวมาดเท่ห์ถึงกลับสะอึกทันที

“วันนี้พี่ก็มีแนวทาง และแนวคิดบางอย่างมาบอกกับน้องๆ นะครับ..........................” อิทธิพลแอบยิ้มขำๆ เมื่อเห็นว่าพาสนามีอาการสะดุ้งเมื่อสักครู่ แล้วชายหนุ่มรุ่นพี่ปี3 ก็ได้หันมาพูดแนะนำหลักการแนวทางต่างๆ ให้กับรุ่นน้องปี1 คนอื่นๆ ฟัง ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่อิทธิพลกล่าวนั้นเป็นเรื่องของกฎ ระเบียบ และข้อควรปฏิบัติของน้องปี1 คณะวิศวะ


พาสนา และเหล่าเพื่อนๆ นั่งฟังคำชี้แนะจากรุ่นพี่อย่างตั้งอกตั้งใจ ...........................จากปี3 ไปปี4 และการแนะนำแนวการดำเนินชีวิตหลังจากออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ของรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว


เมื่อการแนะนำตัว และการเล่าประสบการณ์ของตัวแทนรุ่นพี่แต่ละรุ่นได้จบลง................พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เริ่มขึ้น .............แสงไฟจากกองไฟตรงกลาง ส่องกระพริบ พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดมาจากท้องทะเล แสงไฟที่อ่อนแรงลง เหลือเพียงแต่เศษเถ้าสีแดงร้อนระอุ..........

“ต่อไปเป็นการทำพิธีผูกข้อมือรับน้อง..............ขอเรียนเชิญรุ่นพี่ทุกรุ่นลุกขึ้น และทำพิธีได้ครับ” นภัทร์กล่าวเสียงดังฟังชัด เพื่อเริ่มตอนสำคัญของค่ำคืนนี้

เมื่อความเงียบเริ่มเข้าปกคลุม กลุ่มรุ่นพี่ตั้งแต่ปี 2 จนถึงรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว ได้ลุกขึ้นยืนต่อเรียงแถวเป็นสองแถว หันหน้าเข้าหารุ่นน้องปี1 ทั้งสองฝาก...........แล้วแสงสว่างจากเปลวไฟดวงเล็กๆ ก็ปรากฏ เป็นแสงไฟจากเทียนเล่มเล็กๆ ในมือของเหล่ารุ่นพี่ทุกรุ่น ทุกคน คนละ 1 เล่ม และเสียงเพลงรำบายศรีก็ดังขึ้น


กลุ่มรุ่นพี่สาวๆ ออกมารำบายศรีเพื่อเรียกขวัญให้กับน้องๆ ปี 1 แม้ว่าการร่ายรำของเหล่าบรรดารุ่นพี่สาวๆ จะไม่ได้อ่อนช้อย สวยงามเหมือนกับพวกนักศึกษานาฏศิลป์ แต่ก็เป็นการร่ายรำที่มาจากใจของรุ่นพี่ จึงทำให้พิธีการต่างๆ ดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

เมื่อการรำบายศรีจบลง บรรดารุ่นพี่ก็ได้เดินเข้าหารุ่นน้องปี1 เพื่อทำการผูกข้อมือรุ่นพี่ทุกคนจะมีเส้นด้ายสำหรับผูกข้อมือ และเมื่อเดินไปหยุดที่รุ่นน้องปี 1 คนไหน เค้าก็จะวางเทียนไว้ตรงหน้ารุ่นน้องคนนั้น และนั่งลงผูกข้อมือ พร้อมกับกล่าวต้อนรับ อวยพรให้รุ่นน้องคนนั้นด้วยความรู้สึกที่กลั่นกรองออกมาจากใจ


พิธีการต่างๆ เหล่านี้ทำเอาเหล่ารุ่นน้องหลายคนน้ำตาซึม ด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากที่หวาดกลัว และเคร่งเครียดจากการรับน้องแสนโหดมาหลายวัน................


อิทธิพล มาหยุดตรงหน้ารุ่นน้องตัวแสบ......................ชายหนุ่มจ้องหน้ารุ่นน้องพร้อมรอยยิ้ม ส่วนพาสนา กลับไม่กล้าสบตารุ่นพี่.............เธอได้แต่นั่งนิ่ง จนรุ่นพี่ปี3 อดอมยิ้มไม่ได้


“ยื่นมือมาซิ” อิทธิพลบอกกับพาสนาน้ำเสียงนิ่ง


พาสนาเงยหน้ามองรุ่นพี่ตรงหน้า เธอทำหน้าบู้บี้ก่อนจะยื่นมือออกไป...................อิทธิพลมองรุ่นน้องแบบขำๆ ก่อนจะหยิบด้ายออกมา 1 เส้น แล้วทำการพูดต้อนรับรุ่นน้อง พร้อมกับกล่าวให้พรกับเธอ


“คณะวิศวะยินดีต้อนรับน้องด้วยใจจริง...............พี่ดีใจที่เราจะได้เป็นพี่เป็นน้องกัน ขอให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจศึกษาหาความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ................เชื่อฟังรุ่นพี่ให้มากๆ ลดทิฐิ ลดความดื้อลงก็ดีนะ” อิทธิพลกล่าวย้ำท้ายประโยค
“พูดมาก..........” พาสนาพึมพำเบาๆ
“อะไรกัน..............นี่มันพิธีผูกข้อมือรับน้องนะ เป็นรุ่นน้องอะไร เถียงได้เถียงดี เถียงทุกงาน” อิทธิพลส่งสายตาตำหนิ
“ขอโทษ” พาสนายกมือขอโทษรุ่นพี่ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอทำไม่ถูกเท่าไหร่ แต่ก็อดใจหมั่นไส้รุ่นพี่คนนี้ไม่ได้
“ยังไงก็ทำตัวดีๆ ละกัน ให้มันน่ารักๆ หน่อย พวกพี่ๆ จะได้เอ็นดู” อิทธิพลพูดจบก็ยิ้มออกมา
“แบร่...............” พาสนาทำหน้าเบ้ใส่รุ่นพี่ แต่เธอก็ยิ้มให้เค้าเช่นกัน


ตอนแรกอิทธิพลก็กะจะตำหนิพาสนาอีกรอบ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ เค้าก็ไม่พูดอะไรอีก ชายหนุ่มยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนไปผูกข้อมือให้มลฑิราเป็นคนต่อไป


การผูกข้อมือเวียนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด.......................รุ่นพี่ปี2 ก็เวียนมาถึงพาสนา คนแรกคือนภัทร์ นภัทร์ทำการผูกข้อมือให้รุ่นน้องแสนดื้อ เค้าอดที่จะยิ้มขำๆ ไม่ได้เมื่อคิดถึงความดื้อที่พบเจอมาตลอด 2 วัน แต่ความดื้อนี้บางทีก็สร้างความรู้สึกหงุดหงิดได้ไม่น้อย


“ขอให้ตั้งใจเรียน เป็นรุ่นน้องที่ดี เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพนะครับ” นภัทร์กล่าวให้พรกับพาสนา
“โหยย พี่.................ปลาเป็นรุ่นน้องที่ไม่เอาไหนมากเลยหรอ ทุกคนถึงย้ำจัง” พาสนาบ่นอุบออกมา
“เอาไว้รอให้เราเป็นรุ่นพี่แล้วจะรู้ว่ามันปวดหัวแค่ไหน” นภัทร์กล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเวียนไปผูกข้อมือให้มลฑิรา


คนต่อมาคือมอส.................มอสให้พร และกล่าวต้อนรับแบบธรรมดา แต่สายตาของเค้ากลับมองพาสนาแบบไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ คงเพราะเธอเป็นคนหัวดื้อ และมีเรื่องกับเค้ามาก่อน มอสจึงไม่อยากพูดอะไรมาก

คนต่อจากมอสคือ พิษณุ.....................พาสนารอที่จะเจอกับรุ่นพี่คนนี้มาทั้งวัน เธอยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
“พี่เป็นไงบ้างฮะ” พาสนาเริ่มซักถามทันที ที่พิษณุมาหยุดตรงหน้าเธอ
“นี่..............นี่มันพิธีผูกข้อมือรับน้องนะ ถามเรื่องอื่นได้ไง” พิษณุ แกล้งพูดขึ้น
“โธ่.............ถามนิดเดียวเอง” พาสนาหุบยิ้มลงทันที
“ยื่นมือมาซิ” พิษณุ ยังคงทำสีหน้าขลึง


พาสนามองหน้ารุ่นพี่แล้วให้รู้สึกน้อยใจ เธอยื่นมือออกไป แต่สายตากลับมองไปทางอื่นแทน ชายหนุ่มมองพฤติกรรมรุ่นน้องแล้วอดยิ้มขำๆ ไม่ได้
“โกรธอะไรพี่อีกหึ...........” พิษณุกระซิบถามเบาๆ
“เปล่าสักหน่อย” พาสนาตอบปฏิเสธ
“เปล่าอะไร ดูซิพี่กำลังจะผูกข้อมือให้ แต่กลับเชิดหน้าไปทางอื่น” พิษณุยังคงพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ก็ผูกไปซิ” พาสนายอมมองกลับมาที่ใบหน้าของรุ่นพี่
“ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ใจร้อน....................ขอให้เป็นรุ่นน้องที่ดี เป็นรุ่นพี่ที่น่ายกย่องนะ” พิษณุ กล่าวอวยพรด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอบคุณ” พาสนายกมือขอบคุณพิษณุ

แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น .................เค้าคว้ามือของพาสนาเอาไว้ จนพาสนาเองก็ตกใจไม่น้อย เธอจ้องรุ่นพี่ตาไม่กระพริบ

พิษณุจับมือรุ่นน้องไว้แน่น..............พาสนา มองหน้ารุ่นพี่ตรงหน้าด้วยอาการแปลกใจ

“พี่จะทำอะไรอีก” พาสนาร้องถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาคล้ายกระซิบ
“ไหนมือเป็นไงบ้าง” ไม่พูดเปล่า.......ชายหนุ่มดึงมือของอีกฝ่ายเข้าไปดู
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” พาสนาดึงมือของเธอกลับ เพราะเธอกลัวว่าเพื่อนๆ และรุ่นพี่คนอื่นจะสังเกตเห็น
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รู้มั้ยพี่เป็นห่วงแทบแย่” พิษณุ เงยหน้าส่งยิ้มให้รุ่นน้อง
“อืมม......ขอบคุณที่เป็นห่วง” พาสนาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้ามองไปที่พื้นทราย

พิษณุเอง ก็รู้ดีว่า ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เค้าจะซักถามอะไรมาก ชายหนุ่มจึงเดินไปยังมลฑิรา เพื่อทำการผูกข้อมือต่อไป.................พาสนาเหลือบชำเลืองมองรุ่นพี่แล้วเธอก็ต้องรู้สึกแปลกๆ ในใจพิกล





โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:16:11 น.  

 
เช้านี้อากาศของชายทะเลช่างสุดสดชื่น ...........เหล่าคณะนักศึกษาปี1 ทุกคนต่างจดจำภาพอันน่าประทับใจจากค่ำคืนวันรับขวัญผูกข้อมือจากรุ่นพี่...............

การเดินทางกลับได้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างขนสัมภาระไปเก็บที่รถบัส และขึ้นไปนั่งประจำที่ของแต่ละคน.................พาสนานั่งอยู่ริมหน้าต่างมองดูท้องทะเลที่ไกลห่างออกไป ภาพวุ่นๆ เรื่องโหดๆ และความประทับใจจากเมื่อคืนทำให้เธอยิ้มบางๆ ออกมา

และสายตาของเธอก็พาให้ไปเห็นรุ่นพี่ปี2 ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบนรถบัส เค้าหันมาส่งยิ้มให้เธอ พาสนายิ้มตอบแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะมองตามรุ่นพี่ เธอเอาแต่ก้มหน้ามองไปที่พื้นถนนเบื้องล่างของรถบัส......................พิษณุก้าวขึ้นมานั่งเบาะหน้าของรถบัส คู่กับมอสที่ขึ้นมาก่อนแล้ว ชายหนุ่มหันหลังมองกลับมาที่รุ่นน้องปี1 ที่นั่งอยู่ด้านหลังของเค้า แต่ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดมาจากรุ่นพี่ เค้าได้แต่ยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปคุยกับมอสเพื่อนร่วมคณะ

พาสนาถอนหายใจเบาๆ ออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองกลับไปที่ท้องทะเลอีกครั้งด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มีอยู่....................แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลง เมื่อสายตาของเธอไปพบกับสายตาของใครอีกคนที่ยืนยิ้มมุมปากมองมาทางเธอ............หญิงสาวมาดเซอร์ ทำเบ้ปากย่นจมูกใส่ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายปล่อยหัวเราะออกมา

“มองอะไรอยู่หรือปลา” วรีวรรณสะกิดถามพาสนา จึงทำให้เธอต้องหันมองไปทางเพื่อน
“มองทะเลหน่ะ” พาสนายิ้มตอบเพื่อน
“ได้กลับบ้านซะทีเนอะ” วรีวรรณพูดยิ้มๆ
“อืมมม” พาสนาพยักหน้าให้เพื่อน
“ว่าแต่พรุ่งนี้เห็นพี่นภัทร์บอกว่าจะมีพิธีกราบเสด็จพ่อที่หน้าคณะด้วยนะปลา บี” มลฑิราที่นั่งอีกเบาะพูดขึ้น
“ใช่ๆ ตื่นเต้นจัง เสด็จพ่อเนี่ยะเป็นที่เคารพบูชาของคณะเราเลยนะ” วรีวรรณพูดด้วยสีหน้าชื่นชม
“อืมม เห็นเค้าว่ากันว่า มีหลายรุ่นเลยนะ ไปบนบาลขอพรจากเสด็จพ่อเรื่องเรียนหน่ะ แล้วได้ด้วย” มลฑิราเริ่มชักชวนวรีวรรณพูดคุยถึงองค์เสด็จพ่อที่เป็นที่เคารพสักการะของนักศึกษาคณะวิศวะ

พาสนาฟังเพื่อนๆ คุยได้สักพัก แล้วเธอก็หันมองไปทางหน้าต่างอีกครั้ง แต่รุ่นพี่หน้าตายียวนที่ยืนยิ้มกวนๆ ให้เธอเมื่อสักครู่ก็หายไปแล้ว .........เป็นเวลาเดียวกับที่รถบัส เริ่มเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้านพัก เพื่อมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ

+++++++++

ตุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!~

“โอ้ยยยยยยยยย ถึงซะที” พาสนาล้มตัวลงนอนบนที่นอนแสนนุ่มของเธอ หลังจากโยนเป้ลงไปกับที่นอนก่อนแล้ว

สาวมาดเซอร์ ยกมือขึ้นมอง เส้นด้ายหลายต่อหลายเส้นที่ถูกผูกไว้ที่ข้อมือ แสดงให้เห็นถึงสถานะของน้องใหม่ การรับขวัญ และคำอวยพรจากรุ่นพี่ รุ่นต่างๆ ยังคงดังก้องอยู่ แต่ภายใต้เส้นด้ายนั้น ยังคงมีรอยช้ำจากการถูกมัดข้อมือไว้แน่นอยู่............พาสนาให้นิ้วมือของเธอสัมผัสกับรอยช้ำนั้นเบาๆ พร้อมด้วยการปล่อยความคิดของเธอไปเรื่อยๆ

ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ

“ปลา.............ปลา............” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้พาสนาต้องหันมองไปทางประตูห้องพัก
พาสนาลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปทางประตูห้องพักของเธอ
“ปลา อยู่มั้ย............ปลา..........” เสียงร้องเรียกจากข้างนอกห้องยังคงดังอยู่
“อืมมมม มาแล้วๆ” พาสนาลุกขึ้นไปที่ประตูห้องเพื่อเปิดประตู

แล้วสาวมาดเซอร์ก็เปิดประตูห้องออก ...............แล้วภาพหญิงสาวผมยาวเหยียดตรงสลวยในชุดสีชมพูดหวานแหววยืนยิ้มหวานให้พาสนาอยู่ที่ประตูนั้น

“กลับมาไม่บอกกันเลยนะปลา” น้ำเสียงกึ่งประชดนิดๆ ดังขึ้นจากใบหน้าหวานใส
“ก็ปลารู้ไงว่าถึงปลาไม่บอก ป่านก็รู้อยู่ดีหน่ะละ” พาสนาเดินกลับไปนั่งบนที่นอนของเธอ

สายป่านยิ้มหวานก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งข้างๆ พาสนาด้วยสีหน้ายิ้มละไม
“ปลารู้มั้ย ป่านคิดถึงปลาจะแย่เลยนะ” สายป่านกอดพาสนาไว้หลวมๆ ก่อนจะเอาใบหน้าซบที่ไหล่ของสาวมาดเท่ห์
“พูดแบบนี้จะให้ปลาทำไรให้อีกล่ะ” พาสนาเหลือบมองสายป่านด้วยแววตาที่รู้ทัน
“โธ่...........ป่านไม่ได้อยากได้อะไรสักหน่อย ปลาคิดมากอีกละ” สายป่าน ทำหน้าอมยิ้ม
“ปลาบอกไปแล้วไง........ปลาอยากอยู่คนเดียวบ้าง อยากใช้ชีวิตนักศึกษา” พาสนาลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงห้องเพื่อเปิดรับลม
“แล้วไปอยู่บ้านป่านมันต่างกันตรงไหนล่ะ” สายป่านเริ่มทำสีหน้างอนิดๆ
“ปลาเกรงใจคุณลุง คุณป้า............อีกอย่างนะ” พาสนาหันกลับมาพูดกับสายป่าน
“คุณพ่อ คุณแม่ก็รักปลาเหมือนลูกสาวคนหนึ่งเหมือนกัน” สายป่านยังโต้เถียง
“อีกอย่าง ปลาอยากลองใช้ชีวิตคนเดียว อยากพึ่งพาตัวเอง” พาสนาย้ำเสียงหนักแน่น
“แต่ป่าน..............” สายป่านยังคงดื้อดึง

เมื่อก่อนครอบครัวสายป่าน สนิทสนมกับครอบครัวของพาสนา สมัยที่ยังอยู่ที่ต่างจังหวัด ทั้งสายป่าน และพาสนาต่างก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล จึงทำให้เด็กทั้งสองสนิทสนมกันเป็นอย่างดี จนกระทั้ง 2 ปีก่อนที่บิดาของสายป่านต้องโยกย้ายกลับมาประจำกระทรวงในกรุงเทพฯ จึงทำให้คนทั้งครอบครัวต้องย้ายกลับมา

และในตอนนี้ พาสนาได้มาเรียนในกรุงเทพฯ จึงทำให้สายป่านดีใจอย่างมากที่พาสนาได้มาอยู่ใกล้ๆ กับเธอ เธอและครอบครัวได้ติดต่อขอให้พาสนาไปพักอาศัยที่บ้าน แต่พาสนาก็ได้ยืนยันขอปฏิเสธ เนื่องจากต้องการทุ่มเวลากับการเรียนและการร่วมกิจกรรมกับคณะ ...............สายป่าน จึงได้แต่คอยตื้อ คอยชักชวนให้พาสนาไปอยู่บ้านเธอให้ได้ แม้ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นผลก็ตาม

“ปลา...............เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านป่านนะ” สายป่านทำเสียงอ้อน
“ปลาเหนื่อยอ่ะ” พาสนาตอบสีหน้าเหนื่อยจริงๆ
“แต่คุณแม่ทำกับข้าวรอไว้แล้วนะ” สายป่านยังคงทำน้ำเสียงอ้อน

พาสนามองหน้าสายป่าน แล้วต้องรู้สึกเหนื่อยใจกับเพื่อนรักสมัยเด็กของเธอ................เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่สายป่านร้องอ้อนขออะไรเธอ เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้สำเร็จซะทุกครั้งไป ยกเว้นแต่เรื่องการมาพักที่หอพักนี้

“งั้นเดี๋ยวปลาอาบน้ำก่อนละกัน” พาสนาพูดจบก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ สายป่านนั่งมองพาสนาเดินเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้ายิ้มดีใจ

สาวสวยหน้าใส หยิบเป้พาสนาเปิดออกระหว่างรอพาสนาอาบน้ำ...................ในเป้มีเสื้อผ้าที่ใส่แล้วอยู่หลายชุด สายป่านจัดการเอาเสื้อผ้าเหล่านั้นไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้าอย่างเรียบร้อย และจัดแจงจัดเรียงอุปกรณ์ต่างๆ ในเป้ให้พาสนา............

“ปลา............วันนี้ใส่ชุดนี้นะ” สายป่านพูดขึ้นขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้า เพื่อหยิบชุดออกมาเตรียมให้พาสนา
“อืม ชุดไหนก็ได้” เสียงพาสนาดังออกมาจากห้องน้ำ

สายป่านจัดการวางชุดใหม่ให้พาสนาที่เตียง ก่อนจะเดินไปหยิบรูปบนหัวเตียงมาดู พร้อมกับรอยยิ้มหวานละไม...................รูปเด็กน้อยสองคนหน้าตาจิ้มลิ้ม .............คนหนึ่งที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้น กับหน้าตา ท่าทางที่ซนทโมนไม่น้อย กำลังกอดคอกับเด็กหญิงตัวน้อยอีกคนที่ดูสดใส น่ารักในชุดกระโปรงสีชมพู

“ว่าแต่ ป่านรับน้องเป็นไงบ้าง สนุกมั้ย” พาสนาเดินออกมาจากห้องน้ำ ซักถามสายป่าน
“อืมม ก็ดีนะ พี่ๆ ใจดีกันทั้งนั้นเลย” สายป่านตอบยิ้มๆ
“ของปลาละ เป็นไงบ้าง” สายป่านหันซักถามพาสนาบ้าง
“โหด..........แต่ประทับใจ” พาสนาตอบสีหน้ายิ้มแย้ม


หลังจากจัดการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย.........พาสนา และสายป่าน ต่างก็พากันเดินลงจากห้องพัก ลงมายังชั้นล่างของหอ เพื่อเดินทางไปยังบ้านของสายป่าน สองสาวเดินออกจากประตูหอพักต่างชักชวนพูดคุยกันกะหนุงกะหนิง เสียงหัวเราะคิกคักดังเป็นระยะ..............จนมองเผินๆ ก็อาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่รักที่กำลังเดินจู๋จี๋กันมา...............แล้วพาสนาก็ต้องหยุดเดินเมื่อต้องเดินสวนทางกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังแบกเป้ เดินเข้ามาพอดี

“หวัดดี...........จะไปข้างนอกหรือ” เสียงรุ่นพี่ที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้พาสนาต้องหันมอง
“ใครหรือปลา” สายป่านจ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอกับพาสนาด้วยความสงสัย
“รุ่นพี่ที่คณะหน่ะ” พาสนาตอบสายป่านน้ำเสียงเบา
“ว่าแต่พี่ณุ เพิ่งกลับหรือ” พาสนาซักถามขึ้นบ้าง
“อืม พอดีเพิ่งประชุมเรื่องพิธีพรุ่งนี้เสร็จหน่ะ” พิษณุ ตอบสีหน้ายิ้มๆ ชายหนุ่มชำเลืองมองสายป่านที่ยืนเกาะแขนพาสนาอยู่ข้างๆ
“จะออกไปกับเพื่อนหรือ” ชายหนุ่มกล่าวถามไถ่อีก
“ฮะ” พาสนาพยักหน้าให้เบาๆ
“พรุ่งนี้อย่าลืมพิธีไหว้เสด็จพ่อล่ะ” พิษณุ พูดจบก็เดินหันหลังขึ้นบันไดหอพัก

พาสนามองตามหลังรุ่นพี่ได้สักพัก ก็หันกลับ แล้วเดินออกจากหอพักโดยมีสายป่านเดินตามมาติดๆ
“ตอนแรกป่านคิดว่า พวกหนุ่มๆ วิศวะจะหน้าตาโหดซะอีก..........” สายป่านหันมาพูดกับพาสนาหลังจากมองตามนักศึกษารุ่นพี่ที่เดินจากไป

พาสนาปรายสายตามองเพื่อนสนิทวัยเยาว์
“พี่ๆ เค้าน่ารักดีเนอะ” สายป่านพูดจบก็คล้องแขนพาสนาอย่างประจบ
“ชอบหรือ” พาสนาถามสั้นๆ
“เปล่าสักหน่อย...........ป่านหิวละรีบไปกันเถอะนะ” สายป่านทำเสียงอ้อน ก่อนจะดึงพาสนาให้เดินไปกับเธอ
พิษณุ ยืนมองรุ่นน้องปี1 กับเพื่อนสาวจากระเบียงชั้นสองของห้องพัก ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด..................

+++++++++

พาสนาไปทานข้าวที่บ้านของสายป่าน เย็นนี้เธออยู่พูดคุยกับเพื่อนสนิทสมัยวัยเด็ก และครอบครัวของสายป่าน ทั้งคุณลักขณา คุณแม่ของสายป่าน และคุณสพโชติบิดาของสายป่าน ต่างก็รัก และเอ็นดูในตัวพาสนาไม่น้อย

“หนูปลาจะกลับแล้วหรือจ๊ะ” คุณลักขณากล่าวถามพาสนาด้วยสีหน้าเสียดายนิดๆ
“ฮะคุณป้า.......พรุ่งนี้ปลาต้องไปร่วมพิธีไหนเสด็จพ่อที่คณะฮะ” พาสนายิ้มให้คุณลักขณา
“วันหลังว่างๆ แวะมาทานข้าวกับลุงอีกนะหนูปลา” คุณสพโชติบอกกับพาสนาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“ฮะคุณลุง ปลาไม่พลาดแน่ คุณป้าทำกับข้าวอร่อย” พาสนาไม่วายตบท้ายด้วยการอ้อนคุณลักขณาตามแบบฉบับของเธอ
“แหม ปลา อย่ามาทำเป็นอ้อนคุณแม่หน่อยเลย ถ้าป่านไม่ไปตามก็คงไม่มาหรอก” สายป่านทำค้อนใส่พาสนา
“โธ่ ป่าน...........ตอนนี้ปลายังวุ่นๆ เรื่องมหาลัยฯ กับการรับน้องอยู่นินา” พาสนาตอบกลับสีหน้าเจื่อนๆ
“เอาละๆ ป่านก็อย่าไปต่อว่าต่อขานปลาเค้างั้นเลยลูก” คุณลักขณาร้องปรามบุตรสาว เมื่อว่าสายป่านกำลังตั้งป้อมต่อว่าพาสนายกใหญ่
“คุณแม่อ่ะ ปกป้องปลาอีกละ” สายป่านทำหน้างอใส่มารดา

แล้วทุกคนต่างก็หัวเราะชอบใจ จนทำเอาสายป่านเองก็อดขำไม่ได้............
“งั้นปลาขอตัวก่อนนะฮะ เดี๋ยวจะดึก” พาสนามองนาฬิกาข้อมือแล้วต้องกล่าวลาทุกคนในบ้าน
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้ออร่อย และความสนุกสนานเหมือนกับอยู่บ้านตัวเองนะฮะ คุณลุง คุณป้า” พาสนายกมือไหว้คุณสพโชติ และคุณลักขณาอย่างนอบน้อม
“จ๊ะ.......กลับดีๆ นะหนูปลา” คุณลักขณาส่งยิ้มหวานให้พาสนา
“มาป่านเดินไปส่ง” สายป่าน เข้าไปจูงมือพาสนาเพื่อเดินไปที่ประตูรั้วบ้าน
“แล้วพรุ่งนี้ป่านจะไปหาที่คณะนะ” สายป่านพูดน้ำเสียงหวานกับพาสนาเมื่อเดินมาส่งพาสนาถึงประตูรั้ว
“อย่าเลย เดี๋ยวพวกปากมอมมันแซวนะ” พาสนารู้สึกเป็นห่วงสายป่าน เพราะเธอรู้ดีว่า คนในคณะชอบแซว ชอบกัดแค่ไหน
“ไม่เห็นกลัวเลย อยากแซวก็แซวไปซิ” สายป่านพูดน้ำเสียงไม่หวั่นเกรง
“แหม เก่งใหญ่แล้วนะเดี๋ยวนี้” พาสนาแกล้งพูดประชด
“ป่าวซะหน่อย...........แต่ป่านรู้ว่ายังไงปลาก็ปกป้องป่านอยู่ดี จริงมั้ย” สายป่านยิ้มหวานออกมา
“โธ่ นึกว่าจะแน่” พาสนายิ้มกว้างขำๆ ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกสายป่านเบาๆ
“ปลาไปละ บาย” แล้วพาสนาก็ยกมือลาสายป่าน ก่อนจะเดินออกมาจากบริเวณหน้าบ้านของสายป่าน
“จ๊ะ........กลับดีๆ นะ” สายป่านโบกมือลาพาสนาเช่นกัน
พาสนาเดินออกมาจากบริเวณหน้าบ้านองสายป่าน พร้อมรอยยิ้มบางๆ

++++++++++

พาสนาเดินกลับมาถึงหอพักในช่วงหัวค่ำ..............เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตึก เธอเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่า พิษณุ รุ่นพี่ของเธอก็พักที่หอนี้ด้วยเช่นกัน ทำไมวันก่อนเธอถึงไม่รู้เลยสักนิดนะ สาวมาดเซอร์ส่ายหน้าไปมา 2 – 3 ที ก่อนจะเดินเข้าประตูหอพัก

ห้องพักของพาสนาอยู่ชั้น 3 ด้านริมซ้ายมือ............บรรยากาศของหอพักนั้นค่อนข้างเงียบ เพราะเหล่านักศึกษาคนอื่นๆ ยังไม่กลับเข้าหอพัก พาสนาเดินมาเปิดประตูที่ระเบียงเพื่อรับลมเย็น ก่อนจะหันไปนอนมองเพดานห้อง

สาวมาดเซอร์มองออกไปนอกระเบียง ไม่มีแสงดาว ไม่มีแม้แสงจันทร์ ................แสงไฟจากท้องถนน จากตึกสูงมากมาย บดบังความงดงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนหมดสิ้น

“เฮ้อออออออออออออ” พาสนาถอนหายใจยาวออกมา เธอหลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ



มีคนๆ หนึ่ง ที่ไม่ได้ดีพร้อมทุกอย่าง และยังเป็นคน ไม่ค่อยน่าสนใจ

เค้าไม่ได้ทำอะไร ที่ดูมีความหมาย เป็นแค่................คนหนึ่งคน

หน้าตาก็ธรรมดา ท่าทางไม่พิเศษ ไม่ค่อยสวยงามอย่างผมมั้ย

แล้วยังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ไม่..........ไม่............ทุกอย่าง

แต่ที่คนนี้เค้ามีคือความรัก..............ความรักที่ยิ่งใหญ่

ถ้าหากว่าเค้ามอบให้กับใคร เค้า.................ให้ตลอดกาล

คำถามก็คือเธออยากชอบคนไม่พิเศษ ไม่ค่อยสวยงามดูบ้างมั้ย

เพราะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ หลงรักเธอมานานแล้ว

แต่ที่คนนี้เค้ามี คือความรัก…………………..ความรักที่ยิ่งใหญ่

ถ้าหากว่าเค้ามอบให้กับใคร เค้า...............ให้ตลอดกาล

คำถามก็คือ เธออยากชอบคนไม่พิเศษ ไม่ค่อยสวยงามอย่างผมมั้ย

เพราะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ มาขอรักเธออยู่ตรงนี้

เพราะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยน่าสนใจ มาขอรักเธอ.............จะยอมมั้ย




เสียงดนตรีจากกีตาร์โปร่งดังแว่วลอยลมมา ทำให้พาสนาต้องลุกขึ้นนั่ง.............เธอรีบวิ่งไปที่ระเบียงห้อง เพื่อหาที่มาของเสียงเพลงไพเราะนี้........พาสนามองซ้าย มองขวาของระเบียงก็ไม่มีใครเลย เธอเงยหน้ามองไปยังห้องข้างบนก็ไม่พบเห็นใคร แล้วเมื่อเธอก้มหน้าเพื่อมองไปห้องด้านล่าง เธอก็พบกับคนๆ หนึ่งที่นั่งดีดกีตาร์โปร่งที่ระเบียงห้องเพียงลำพัง

“พี่ณุ...............” พาสนาหลุดชื่อเจ้าของกีตาร์โปร่งออกมาเบาๆ






โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:17:18 น.  

 
พิษณุเงยหน้ามองขึ้นมาที่ชั้น3 เค้าก็ต้องแปลกใจที่เห็นหน้ารุ่นน้องปี1 ที่กำลังชะโงกหน้ามองเค้าอยู่ ชายหนุ่มยิ้มออกมาบางๆ ทำให้อีกฝ่ายต้องรีบหดหน้าหลบ
“อะ อ้าว............” พิษณุ ร้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจในพฤติกรรมของอีกฝ่าย
“หวัดดี.........” พาสนา ยื่นหน้าออกมาอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเจือนๆ
“กลับมาแล้วหรือ” พิษณุ ซักถามรุ่นน้อง
“อืมม........” พาสนาพยักหน้าให้เบาๆ
“ไปไหนมาล่ะ” รุ่นพี่ยังคงยิงคำถามอีก
“ไปกินข้าว............” พาสนาตอบน้ำเสียงเบา
“เพื่อนน่ารักดีนะ” พิษณุพูดพร้อมกับก้มหน้ามองสายกีตาร์

พาสนานิ่งกับคำพูดของรุ่นพี่.................ก็จริงอย่างที่พิษณุพูด เพราะหลายคนที่ได้พบเจอสายป่าน ต่างก็มักจะชมสายป่านว่าเป็นคนสวย เป็นคนน่ารักเสมอ ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่พิษณุจะรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ

“พี่ณุ เล่นกีตาร์เป็นด้วยหรอ” พาสนาเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“อ้อ อืม.......ก็แค่พอเป็น” พิษณุ เงยหน้าตอบอีกครั้ง
“ปลาก็ชอบเล่นนะ แต่........” พาสนาหยุดพูดทันที สีหน้าดูเรียบลง
“หืมม...........” พิษณุมองรุ่นน้องด้วยสีหน้าสงสัย
“เพลงเมื่อกี้เพราะดีนะ” พาสนาพูดถึงเสียงเพลงที่พิษณุเพิ่งจะเล่นจบไปเมื่อสักครู่
“อ้อ พี่ชอบ มัน............ซึ้งดี” พิษณุตอบยิ้มๆ

พาสนาฟังคำตอบจากรุ่นพี่ เธอก็ได้แต่นิ่ง..................
“เออ จะให้พี่แหงนคอคุยกับเราอยู่อย่างนี้รึไงหะ” พิษณุพูดขึ้น พร้อมกับยกมือจับท้ายทอยของเค้า
“เอออออ........” พาสนายิ้มแห้งๆ ออกมา
“ง่วงรึยัง” พิษณุ ถามอีก
“หึ............ยังไม่ง่วงเลย” พาสนาตอบพร้อมส่ายหน้าไปมา
“งั้น................เรามาร้องเพลงกัน” พิษณุพูดยิ้มๆ
“ดีซิ” พาสนาพยักหน้าเห็นด้วย
“ว่าแต่............จะให้พี่ไปหา หรือว่าจะลงมาหาพี่ละ” พิษณุถามคำถามขึ้น ทำให้พาสนาต้องหยุดคิด
“เอางี้ละกัน พี่ขึ้นไปดีกว่า ห้องพี่ตอนนี้มัน................รก” พิษณุ พูดไปก็มองห้องของเค้าไป
“เอออออ” พาสนายังคงมีสีหน้าอ้ำอึ้ง แต่ไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร พิษณุ ก็ลุกจากเก้าอี้ริมระเบียง แล้วหายเข้าไปในห้องของเค้า เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น นั่นคือสัญญาณที่บอกว่า เค้ากำลังเดินตรงขึ้นมาพบเธอ


พาสนามองกลับมาในห้องของเธอ หญิงสาวมาดเท่ห์ รีบจัดการเก็บเสื้อผ้าที่วางกองอยู่ใส่ตะกร้า เธอมองไปรอบๆ ห้องพักอีกครั้ง ............จนเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งทำให้เธอสะดุ้งพอสมควร

ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก พาสนารีบเดินไปเปิดประตู ก็พบรุ่นพี่ที่ยืนยิ้มกว้าง พร้อมกับกีตาร์โปร่งในมือ

“ทำไรอยู่ เปิดประตูช้าจัง” พิษณุบ่นอุบอิบ ก่อนจะก้าวเข้ามาในห้อง................ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ห้อง แล้วหันมองกลับมาที่พาสนา
“นึกว่าซ้อนใครไว้ซะอีก” พิษณุ พูดด้วยสีหน้าขำๆ ก่อนจะเดินตรงไปที่ระเบียงห้อง
“ซ้อนใคร” พาสนาขมวดคิ้วมองรุ่นพี่ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“พี่ล้อเล่น” พิษณุเงยหน้ามองพาสนาขำๆ
“มานั่งนี่มา มาร้องเพลงกัน” พิษณุ ตีมือไปที่เก้าอี้ ตรงที่ว่าง เพื่อให้พาสนามานั่งร้องเพลงกับเค้า

พาสนามองพิษณุ ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจมุกของอีกฝ่าย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งข้างๆ พิษณุ ก่อนจะหยิบหนังสือเพลงที่พิษณุหยิบติดมาขึ้นมาเปิดหาเพลงเพราะๆ ..............พิษณุมองรุ่นน้องยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงเกากีตาร์คลอเพื่อรอพาสนาเลือกเพลงไปพลางๆ

“แล้ว...........เราเล่นกีตาร์เป็นมั้ย” พิษณุ หันมาถามพาสนาที่นั่งข้างๆ
“เออออ..........” พาสนาเงยหน้ามองกีตาร์โปร่งในมือพิษณุ แววตาของเธอดูหมองลง
“ไม่.......ไม่เป็น” พาสนาตอบน้ำเสียงนิ่ง จนพิษณุรู้สึกผิดสังเกตุ ชายหนุ่มจ้องมองรุ่นน้องด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไม่สบายหรือ” พิษณุ ยกมือแตะหน้าผากของพาสนาเบาๆ

พาสนาสะดุ้งเล็กๆ เธอเงยหน้ามองรุ่นพี่แล้วต้องรีบถอยใบหน้าออกมาจากมือของอีกฝ่าย...............
“เปล่า ปลาไม่ได้เป็นอะไร” พาสนาหันหน้ามองไปทางอื่น

พิษณุมองพฤติกรรมของรุ่นน้อง............ชายหนุ่มหดมือของตนกลับ พาสนาดูเหมือนคนที่กำลังจมอยู่กับเรื่องอะไรบางอย่าง แต่มันเรื่องอะไรกัน พิษณุได้แต่ถามคำถามนี้ในใจ


วันนั้น ฉันไม่เคยได้ถาม ว่าใจฉันมันคิดกับเธอเช่นไร

เธอเอง ก็ยังมองข้ามฉันไป แล้วเหตุใดจึงอยากเจอทุกวัน

ฉันเลยถามหัวใจฉันดู ก็เลยรู้ ที่มันตอบกลับมา.........

ว่าใจ..........มันเรียกเธอที่รัก มันไม่หยุดรักเธอ เวลาขาดเธอ เหงาใจจนทนไม่ไหว

ก็ใจ.........มันรักเธอกว่าใคร มันต้องเหนื่อยแทบตาย

ที่ต้องเก็บรักให้อยู่ลึกๆ ทั้งที่อยากบอกเหลือเกิน


พิษณุร้องเพลงออกมาโดยไม่รอให้พาสนาเปิดหนังสือเพลง บทเพลงที่แปลกหูออกไป ทำให้รุ่นน้องต้องเงยหน้ามองมาที่รุ่นพี่............สีหน้าของพิษณุแสดงให้เห็นว่า เค้ากำลังอินไปกับเนื้อร้อง และทำนองของเพลง

“อ้าว หยุดทำไมละพี่ณุ” พาสนาร้องถามพิษณุ เมื่อเห็นรุ่นพี่หยุดร้อง
“เพลงนี้มันยังไม่จบ” พิษณุหันมาบอกกับพาสนา
“นั่นซิ แล้วหยุดร้องทำไมล่ะ” พาสนาถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ว่าแต่มันเพลงอะไรหรือ ปลาไม่เห็นเคยได้ยิน”
“เพลงนี้ พี่แต่งเอง” พิษณุ ตอบยิ้มๆ
“แต่งเอง.............โหยยยย เก่งจัง” พาสนามองพิษณุด้วยสีหน้าอึ้งๆ
“แต่ว่า พี่ยังแต่งไม่จบ”
“น่าเสียดายจัง ............ปลาว่าเพลงนี้เพราะนะ” พาสนาพูดพร้อมส่งยิ้มให้รุ่นพี่ของเธอ
“ปลาอยากฟังจนจบมั้ย” พิษณุ ถามรุ่นน้อง
“อืมมม” พาสนาพยักหน้ารับ
“งั้นพี่จะไปแต่งมาให้จบ แล้วจะมาร้องให้ปลาฟังคนแรกเลยนะ ดีมั้ย” พิษณุถามพาสนาพร้อมกับยิ้มให้เธอ
“อืมมม” พาสนาพยักหน้าอีกครั้ง

พิษณุยิ้มหวานออกมา พร้อมกับจ้องใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆ จนพาสนาเองก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มนั้น เธอรีบคว้าหนังสือเพลงในมือมาพลิกไปมา เพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าที่เกิดขึ้น

“พี่ณุ ร้องเพลงนี้ให้ปลาฟังหน่อยซิ” พาสนารีบกางเนื้อเพลงให้พิษณุเพื่อให้เค้าสนใจเพลงมากกว่าจ้องหน้าเธอ
“หืมมม ไหน” และได้ผล พิษณุ หันมาสนใจเนื้อเพลงในหนังสือเพลง แทนใบหน้าใสๆ ข้างๆ
.
.
.
ณ. หน้าคณะวิศวะ

เหล่าบรรดานักศึกษาปี1 ต่างมายืนเข้าแถวเป็นระเบียบในชุดนักศึกษาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ............โดยมีรุ่นพี่ปี2 ที่สวมเสื้อช๊อบสีเลือดนกยืนคุมอยู่

“เมื่อ 3 วันก่อนเราได้ไปทำกิจกรรมรับน้อง และทำพิธีผูกข้อมือเรียกขวัญกันแล้ว” นภัทร์ออกมายืนกล่าวน้ำเสียงดัง เข้มแข็ง
“และในวันนี้เราจะทำพิธีไหว้เสด็จพ่อ อันเป็นที่เคารพ สักการบูชาของพวกเราเหล่านักศึกษาคณะวิศวะ”

นภัทร์มองน้องปี1 ไปรอบๆ เค้าพยายามสบตากับน้องใหม่ทุกคน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพิธีอันศักดิ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“พี่ขอเตือนน้องๆ นะ.........ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสด็จพ่อ เป็นที่เคารพนับถือมาทุกรุ่น ทุกสมัย ทรงเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้พวกเราเหล่านิสิตคณะวิศวะ ทรงเป็นศูนย์รวมความสามัคคี ความเชื่อมั่นของพวกเรา ฉะนั้นขอให้น้องๆ ตั้งใจ และเคารพท่านด้วยใจจริง” นภัทร์กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น

“เอาล่ะ.............ขอให้น้องๆ นำเอาธูป เทียน และดอกไม้ที่พวกพี่จัดเตรียมไว้ให้ มากราบไหว้บูชาเสด็จพ่อ” นภัทร์พูดจบ เหล่ารุ่นพี่ปี2 ต่างก็เดินเอาดอกไม้ ธูป เทียน สำหรับบูชาเสด็จพ่อ สิ่งศักดิ์สิทธ์ ประจำคณะ ให้กับน้องๆ ปี1 คนละชุด

แล้วบรรดาเหล่ารุ่นน้องปี1 ต่างก็เข้าแถวต่อเรียงกันเพื่อเข้าไปกราบไหว้สักการบูชา เสด็จพ่อ ด้วยสีหน้านอบน้อย และหัวใจที่ศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เหล่าบรรดานักศึกษาคณะวิศวะต่างเคารพรักยิ่ง

พาสนาเข้าไปกราบเสด็จพ่อ ด้วยแววตา และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น และนับถือ เธอตั้งใจอธิฐานขอพรต่อเสด็จพ่อ.............สิ่งที่เธอหวัง และร้องขอคือ การที่เธอสามารถร่ำเรียน ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ได้อย่างเต็มที่ สามารถจบการศึกษาจากคณะวิศวะนี้ นั่นคือสิ่งที่เธอหวังและตั้งใจไว้

หลังจากจบพิธีสักการะเสด็จพ่อเรียบร้อยแล้ว ...............นภัทร์ก็ได้กล่าวอะไรอีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้น้องๆ ปี1 แยกย้ายไปเรียน
“จิ๊บ เย็นนี้พร้อมมั้ย” นภัทร์ หันไปถามจิ๊บ
“อืม ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว” จิ๊บพยักหน้าให้นภัทร์
“ดี..........” นภัทร์ยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะเดินกลับเข้าคณะ พร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
.
.
.


โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:18:44 น.  

 
พาสนา มลฑิรา และวรีวรรณ เดินตรงมายังตึกของคณะวิศวะ ทั้งสาม แหงนหน้ามองดูป้ายบอกชื่อคณะ ด้วยสีหน้าภูมิใจ
“ในที่สุด พวกเราก็เป็นนักศึกษาคณะวิศวะเต็มตัวแล้วนะปลา บี” มลฑิราพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ยังหรอกนะมล ยังขาดกิจกรรมร้องเพลงเชียร์คณะอีก พิธีหนึ่ง” วรีวรรณกล่าวขึ้น
“แหม แค่กิจกรรมร้องเพลงเชียร์คณะ เพลงไม่กี่เพลง จิ๊บจ๊อยน่าบี” มลฑิราทำหน้าเบ้
“มลคิดงั้นหรือ” วรีวรรณมีสีหน้าหวาดวิตก
“อืมมม หรือไงปลา” มลฑิรายกไหล่กระทบไหล่พาสนาเบาๆ พร้อมร้องขอความคิดเห็น
“หะ..........” เหมือนพาสนาไม่ได้สนใจบทสนทนาของเพื่อนรักทั้งสองเลย เธอเอาแต่จ้องมองป้ายชื่อคณะ ด้วยแววตาภาคภูมิใจ
“ใจลอยเรื่อยเลยคุณพาสนา” มลฑิราขมวดคิ้วมองเพื่อนแล้วส่ายหน้าไปมา
“บ้าน่า เรากำลังมองป้ายคณะอยู่ นี่ละที่เราฝันไว้” พาสนาตอบมลฑิรา และวรีวรรณด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“จ้า ...............เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว” มลฑิรายิ้มขำๆ ออกมา ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในตัวตึกของคณะ

+++++++++

การเข้าเรียนในวิชาแรกของสามสาวเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนใหญ่เป็นการแนะนำตัวระหว่างอาจารย์ กับนักศึกษา และการแนะแนวทางรายละเอียดของวิชาที่จะทำการสอน จุดประสงค์หลักๆ ของวิชานั้นๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรน่าหนักใจเท่าไหร่นัก

หลังจากเข้าเรียนในช่วงวันแล้ว พอจบวิชาสุดท้าย ก็เข้าสู่ช่วงเย็นของวัน ...............กลุ่มรุ่นน้องปี 1 ต่างทยอยกันมารอรุ่นพี่ที่ห้องประชุมของคณะ..............ทุกคนดูสดชื่น และมีสีหน้าแจ่มใส ไร้ความกังวลใดๆ

นภัทร์ นำทีมรุ่นพี่ปี2 เข้ามาในห้องประชุม ................จิ๊บ และฝ้ายต่างช่วยกันแจกชีสจำนวน 2 แผ่นต่อชุด ให้กับน้องๆ ปี1 เนื้อหาที่มีนั้น คือเพลงเชียร์ประจำคณะ ซึ่งจะมีเพลงหลัก เป็นเพลงของคณะอยู่ 1 เพลง นอกนั้นจะเป็นเพลงสำหรับร้องเชียร์ทั่วไปอีก หลายเพลง

“นี่คือเนื้อเพลงเชียร์ ที่พี่อยากให้น้องๆ ทุกคนร้องเป็น” นภัทร์พูดขึ้นพร้อมชูแผ่นกระดาษในมือ
“พวกเราจำเป็นต้องร้องเพลงประจำคณะให้ได้ เพื่อใช้ในการร้องเชียร์คณะเรา” นภัทร์ยังคงยืนพูดเสียงหนักแน่น
“น้องๆ อาจคิดว่า มันก็แค่เพลงเชียร์เท่านั้น...................แต่เพลงเชียร์ของคณะเราต้องเต็มไปด้วยพลัง เสียงหนักแน่น และแสดงถึงพาวเวอร์ที่พวกเรามี” นภัทร์ย้ำ
“ฉะนั้น ในการซ้อมร้องเพลงเชียร์นี้ เราจะทำการซ้อม 1 เดือนเต็ม ทุกวันหลังเลิกเรียน.........” นภัทร์ หยุดพูดแล้วมองรุ่นน้องปี1

ซึ่งในตอนนี้ปี 1 หลายคนต่างทำหน้าจ๋อยๆ ลงทันที แม้ว่าอยากจะคัดค้าน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ทุกคนยอมรับกิจกรรมนี้
“แล้วหลังจากนี้อีก 1 เดือนเราจะทำการร้องเพลงเชียร์ร่วมกันทุกรุ่นปี” เมื่อสิ้นเสียงนภัทร์ เหล่ารุ่นน้องปี1 ต่างส่งเสียงฮือฮา เพราะหากมารวมกันร้องเชียร์ทุกรุ่นปี ก็เท่ากับว่าจะเกิดพิธีการที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

“เอาละ ต่อไป พี่มอส จะมานำร้องเพลงเชียร์ให้น้องๆ ฟังนะค่ะ ยังไงก็ฟังพี่เค้าให้ดีๆ ด้วย” จิ๊บออกมาพูดบ้าง หลังจากนั้น มอสก็ขึ้นมายืนตรงกลางเวที เพื่อนำรุ่นน้องปี1 ร้องเพลงเชียร์

รุ่นน้องปี1 ทุกคนต่างก็ร้องเพลงเชียร์ตามมอส ด้วยท่าทางตั้งใจ ไม่ยกเว้นแม้แต่พาสนา...............สาวมาดเซอร์ร้องตามรุ่นพี่ด้วยสีหน้าจริงจัง เธอรู้ดีว่า เพลงเชียร์ประจำคณะมีความสำคัญมากแค่ไหน

กว่าการซ้อมร้องเพลงเชียร์ของวันนี้จะเสร็จสิ้น ก็ปาเข้าไปเกือบตี1.....................

มลฑิรา และวรีวรรณ พักหอพักที่อยู่ทางเดียวกันกับสิทธิพร ฉะนั้นทั้ง 3 จึงเดินทางกลับไปพร้อมกัน ส่วนพาสนานั้น หอพักอยู่อีกทางหนึ่ง สาวมาดเท่ห์ เดินไปตามทางเดิน แม้สองข้างทางจะมีแสงไฟนำทางอยู่บ้าง แต่มันก็มืดและเงียบพิกล

ก๊อบ แก๊บ

เสียงหมาที่กำลังคุ้ยเขี่ยขยะข้างทาง ทำเอาพาสนาสะดุ้งโหย่ง.....................สาวมาดเท่ห์ ยกมือขยุ้มสายกระเป๋าสะพายแน่น............เธอพยายามก้มหน้าแล้วรีบชักเท้าก้าวเดินอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเดินเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเส้นทางนี้ทำไมมันแสนไกลนัก ทั้งที่จริงๆ แล้วเส้นทางระหว่างรั้วมหาลัย กับหอพักของเธอไม่ได้ไกลกันสักเท่าไหร่ แค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นเอง พาสนารีบก้าวยาวๆ เธอเร่งฝีเท้าเต็มที่ เพราะเธอไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ และสภาพมืดๆ แบบนี้เอาเสียเลย และเมื่อยิ่งรีบเดิน รีบก้าว ก็เหมือนว่าขาของเธอกำลังจะพันกัน.................แล้วพาสนาก็ต้องสะดุดกับขาตัวเอง กลิ้งล้มลง..............


“โอ้ยยยยยย” สาวมาดเท่ห์ร้องออกมา เมื่อร่างของเธอล้มลงกระแทกกับพื้นถนน
“บ้าเอ้ยยยยยยย” พาสนาสบถออกมาด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ เธอพยุงตัวนั่ง แล้วเอามือปัดที่ขาตัวเองแรงๆ หญิงสาวมองที่ผ่ามือตัวเองที่เมื่อสักครู่ได้ลื่นไปกับพื้นถนน รอยถลอกเกิดขึ้น อาการเจ็บแสบที่มือทำให้เธอมีสีหน้าเหยเก

ระหว่างที่พาสนากำลังมองดูแผลที่ผ่ามือ เธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่หัวไหล่ของเธอ................

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

สาวมาดเซอร์ไม่ได้หันไปมองว่าเป็นอะไร เธอก็ได้แต่ร้องเสียงหลงออกมาซะก่อน……………

“เฮ้ยยยยยย เป็นอะไรไปปลา” เสียงทุ้มทำให้พาสนาที่นั่งหลับหูหลับตาร้อง จนตัวสั่น ค่อยๆ เงยหน้ามอง
“..........................พี่ณุ” พาสนามองคนที่มาจับไหล่เธอ แล้วน้ำตาใสๆ ก็ไหลออกมา
“อ้าว ร้องไห้ทำไม” พิษณุ ยิ่งมีสีหน้างงหนักเข้าไปอีก
“เปล่าร้อง............เปล่าสักหน่อย” พาสนาตอบปฏิเสธทั้งๆ ที่น้ำตานองหน้า
“เปล่าอะไรเล่า ดูซิร้องไห้ใหญ่เลย” พิษณุ รู้สึกขบขันกับอาการของรุ่นน้อง
“บอกว่าเปล่าไง...........ไม่ได้ร้อง” พาสนาโต้กลับเสียงแข็ง ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาที่แก้มของเธอ
“เอ๊า ไม่ร้องก็ไม่ร้อง” พิษณุเองก็รุ้สึกอ่อนใจกับอาการปากแข็งของรุ่นน้อง
“แล้วมานั่งทำอะไรแถวนี้” พิษณุ พูดขณะที่ช่วยพยุงพาสนาให้ลุกขึ้น
“ไม่ได้นั่งซะหน่อย.............ล้มหรอก” พาสนาตอบพร้อมทำสีหน้าหงุดหงิด
“แล้วเดินยังไงล้มเนียะหะ” พิษณุมองรุ่นน้องด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“ก็..............ก็ทางมันมืดนิ” พาสนาขมวดคิ้วตอบ
“แล้วพี่จะมาซักปลาทำไมเนี่ยะ ปลาไม่ใช่ผู้ร้ายนะ” พาสนาแผดเสียงใส่รุ่นพี่ ก่อนจะทำท่าเดินต่อ
“เดี๋ยว...........” พิษณุคว้าแขนรุ่นน้องเอาไว้
“อะไรอีกละ” พาสนายังคงทำหน้ายุ่งใส่พิษณุ
“...........ไปด้วยกัน” ไม่พูดเปล่า พิษณุลากพาสนาเดินไปทางรถมอเตอร์ไซด์คันโตที่จอดอยู่
“ปะ............” สิ้นคำพิษณุก็ขึ้นขี่มอเตอร์ไซด์คันนั้น และทำการสตาร์ทเครื่อง ชายหนุ่มหันมองมาทางรุ่นน้องที่ยืนนิ่งอยู่
“ขึ้นมาซิ” พิษณุพูดจบก็ยิ้มให้พาสนา
“ไม่ทำตกแน่นะ” พาสนายังคงไม่วายพูดด้วยแววตาไม่แน่ใจสักเท่าไหร่
“อืมม ไม่ทำตกหรอกน่า” พิษณุตอบยิ้มๆ เมื่อรุ่นพี่ยืนยัน พาสนาจึงตัดสินใจขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์รุ่นพี่
“ไปล่ะนะ” พิษณุพูดจบ รถมอเตอร์ไซด์ก็แล่นออกไปตามทาง

พาสนานั่งนิ่งอยู่หลังมอเตอร์ไซด์ จนพิษณุอดไม่ได้ที่จะคว้ามือรุ่นน้องมาให้เกาะเอวเค้าไว้
“จับแน่นๆ ซิ ถ้าไม่อยากตก” พิษณุตะโกนบอกพาสนา ก่อนจะทำการบิดเร่งเครื่อง
“เฮ้ยยยยยยย” พาสนารู้สึกตกใจกับแรงกระชากของรถ จึงทำให้เธอกำเสื้อรุ่นพี่แน่น




รถมอเตอร์ไซด์คันโต จอดสนิทที่หน้าตึกของหอพัก

ณ. ห้องพักชั้น2 พิษณุ เดินตรงไปที่อ่างล้างหน้า ชายหนุ่มทำการถอดเสื้อช๊อบโยนไว้ที่ที่แขวนผ้าเช็ดตัว ก่อนที่จะเปิดน้ำแล้วจัดการล้างหน้าของเค้าแบบลวกๆ ........พิษณุหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาซับน้ำที่ใบหน้าของเค้า

เมื่อซับน้ำบนใบหน้าเสร็จเรียบร้อย พิษณุจึงหยิบเอาเสื้อช๊อบขึ้นมาเพื่อแขวน แต่สายตาของชายหนุ่ม กลับสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไปของเสื้อช๊อบสีเลือดนกเข้ม

“แอ๊ะ เลอะอะไร” พิษณุเพ่งสายตาจ้องที่จุดสีเข้มที่เสื้อช๊อบของเค้า............
“เลือดนิ...........มันเลือดใครฟระ” พิษณุ ขมวดคิ้วมองคราบเลือดจุดเล็กๆ 2 3 จุดบนเสื้อช๊อบของเค้า

ชายหนุ่มพยายามทบทวนความคิดระหว่างวัน ตั้งแต่ออกจากห้อง ไปมหาลัยฯ จนกลับเข้าห้องพัก ณ เวลานี้...............แต่แล้วชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก .............เค้าโยนเสื้อช๊อบลงกับที่นอน ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน
.
.
.
พาสนากลับเข้ามาในห้องพักของเธอ ....................สาวมาดเท่ห์ โยนกระเป๋าลงบนที่นอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ เธอมองผ่ามือของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันรู้สึกเจ็บๆ แสบๆ พิกล

“บ้าจริง เป็นแผลเลย” พาสนาบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะทำการเปิดน้ำจากก๊อกน้ำ เพื่อล้างแผลที่มือของเธอ

ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

พาสนาที่กำลังล้างมืออยู่ รีบปิดก๊อกน้ำ แล้วเดินออกมาเปิดประตู หญิงสาวมาดเท่ห์ สะบัดมือแบบลวกๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง
“อ้าวพี่ณุ มีไรหรือ” พาสนาร้องทักชายที่มายืนอยู่หน้าห้องของเธอ
“ไหนเอามาดูซิ” พิษณุไม่ได้สนใจคำถามจากรุ่นน้อง เค้ารีบคว้ามือพาสนาขึ้นมาดู
“มีอะไรพี่” พาสนาขมวดคิ้วมองรุ่นพี่ด้วยสีหน้าสงสัย
“นี่ทำอะไรมา มือเป็นแผล” พิษณุจ้องมองหน้ารุ่นน้องด้วยแววตาตำหนิ
“อ้อ ไม่เป็นไรมากหรอก สบายๆ” พาสนายิ้มแหยๆ ออกมาก่อนจะดึงมือของเธอกลับ สาวมาดเซอร์ เอามือของเธอถูกไปมากับกางเกง
“ทำแบบนั้นได้ไง.......มันสกปรกนะ” พิษณุพูดเสียงดังใส่รุ่นน้อง
“ก็ปลาไม่เป็นไรนิ” พาสนายังคงตั้งหน้าเถียงกลับ
“ไม่เป็นไรหรอ.........ต้องรอให้มือเน่าก่อนงั้นซิ” พิษณุพูดตำหนิรุ่นน้อง
“โหยพี่ แรงไปป่าว” พาสนามองพิษณุด้วยหน้าตาขุ่นๆ
“ไปเอายามาทำแผลปะ” พิษณุไม่อยากเถียงกับรุ่นน้อง............ชายหนุ่มสั่งรุ่นน้องให้เอายามาทำแผล
“ยาหรอ...........ไม่มีอะ” พาสนายิ้มแห้งๆ ตอบ
“ไม่มียา................เออ ดีนะ” พิษณุทำหน้าเหนื่อยใจกับรุ่นน้องตัวแสบ
“ก็ปลาไม่ใช่หมอนิจะได้พกยา” พาสนาเถียงตอบสีหน้าซื่อ
“รู้จักตู้ยาประจำบ้านมะ” พิษณุมองรุ่นน้องด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“ก็ปลา............” พาสนาตั้งท่าจะเถียงต่อ แต่พิษณุก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“พอๆ รอนี่นะ เดี๋ยวพี่มา” พิษณุพูดจบก็เดินออกจากห้องพักของรุ่นน้อง

พาสนามองตามรุ่นพี่ด้วยสีหน้า งงๆ ..............หญิงสาวก้มมองแผลที่ผ่ามือ ก่อนจะทำท่าถูที่กางเกงอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งทันทีที่ประตูห้องเปิดผาง พร้อมใบหน้าของรุ่นพี่

“อย่าถูแผลกับกางเกง............อยู่นิ่งๆ เฉยๆ เดี๋ยวพี่มา” เหมือนพิษณุจะรู้ทันรุ่นน้อง เค้าโผล่เข้ามาเตือนเธออีกครั้งก่อนจะหายออกไป
“อะไรอ่ะ” พาสนาขมวดคิ้วมองที่ประตูห้อง ก่อนจะยืนนิ่งอยู่กับที่

เวลาเพียงไม่นาน พิษณุก็กลับเข้ามาพร้อมกับ อุปกรณ์ทำแผล ซึ่งก็มี แอลกอฮอล์ล้างแผลขวดเล็กๆ สำลี ยาใส่แผลสด และพลาสเตอร์ยา...........ชายหนุ่มจัดแจงเอาของที่หอบเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะตัวเล็กๆ ในห้อง ก่อนจะเดินตรงมาหารุ่นน้องที่ยืนมองเค้าด้วยแววตาอึ้งๆ

“มานี่มา..........” พิษณุเดินมาจูงมือพาสนาให้ไปนั่งที่เก้าอี้
“โธ่พี่ณุ ปลาไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” พาสนาบ่นอุบอิบขณะที่รุ่นพี่มาจูงเธอไปนั่งเพื่อทำแผล
“จะรอให้มันเป็นหนองก่อนหรือไง” พิษณุทำตาดุใส่รุ่นน้อง
“โอเวอร์ไปป่าว” พาสนาพูดเถียงออกมาด้วยสีหน้างอแง
“เรานี่นะ...............ชอบเถียง” พิษณุพูดสีหน้านิ่ง ก่อนจะลงมือล้างแผลให้รุ่นน้อง

ทันทีที่พิษณุราดแอลกอฮอล์ล้างแผลลงที่ผ่ามือของพาสนา เสียงร้องโอดครวญของรุ่นน้องก็ดังขึ้น
“โอ้ยยยยยยยยแสบๆๆๆ พี่ณุแสบนะ............” พาสนาร้องโอดครวญออกมา
“ก็แผลมันสกปรกนิ” พิษณุแกล้งพูดยิ้มๆ
“แกล้งกันป่าวเนี่ยะ” พาสนาจ้องมองรุ่นพี่เพื่อจับผิดในสีหน้าของอีกฝ่าย
“แกล้งทำไม...........ก็แผลมันมีเชื้อโรคก็ต้องแสบเป็นธรรมดา” พิษณุตอบรุ่นน้องขณะที่ทำความสะอาดแผลให้เธอ
“โอ้ยยย เบาๆ ซิเจ็บนะ” พาสนายังคงบ่นโอดครวญออกมาเมื่อพิษณุใช้สำลีเช็ดแผลให้เธอ
“เรานี่นะ ทำอะไรก็เป็นแผลเรื่อย...............ซุ่มซ่าม” พิษณุพูดเน้นเสียงเหมือนตำหนิอีกฝ่าย
“โหย ไม่ทีซ้ำเติมเลยนะ” พาสนาขมวดคิ้วมองพิษณุที่รุ่นพี่มาต่อว่าเธอ
“ก็จริงมะล่ะ” พิษณุเงยหน้ามองรุ่นน้อง
“.............ก็นั่นละ ว่าอยู่ได้” พาสนาทำหน้าบึ้งใส่รุ่นพี่ก่อนจะเมินหน้ามองไปทางอื่น

พิษณุมองหน้ารุ่นน้อง แล้วให้นึกขำ ชายหนุ่มจัดการแปะพลาสเตอร์ยาให้เธอ ...................
“อ๊ะ เสร็จแล้ว” พิษณุ เงยหน้าพูดยิ้มๆ
“ขอบคุณ” พาสนาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เต็มใจนัก เธอยังคงโกรธที่รุ่นพี่มาว่าเธอ
“มีงอน.............”พิษณุแกล้งพูดยั่ว
“งอนอะไร ไม่มีอ่ะ” พาสนาหันมาพูดตอบด้วยน้ำเสียงแข็ง
“ปากแข็งซะด้วย” พิษณุ ยังคงยิ้มขำ ในตัวรุ่นน้องแสนดื้อ
“ง่วงนอนแล้ว.............”พาสนารีบพูดตัดบท ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เอ๊า ไล่เลยนะ” พิษณุยังคงสนุกกับการได้ยั่วโมโหอีกฝ่าย
“ปล่าว...............แต่ง่วงจริงๆ” พาสนายังคงปากแข็ง
“อืมๆๆ ไปก็ไป” พิษณุยอมจำนนรุ่นน้องของเค้า ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตูห้อง
“อ้อ........แล้วอย่าให้มือเปียกน้ำนะ..........เข้าใจมั้ย” พิษณุ หันมากำชับกับพาสนาอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูห้อง
“..............” พาสนาไม่ตอบอะไร สีหน้าของเธอยังบึ้งอยู่
“ว่าไง เข้าใจมั้ย” พิษณุ รอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย




โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:19:20 น.  

 
พาสนาเงยหน้ามองรุ่นพี่ คิ้วสองข้างของเธอกำลังขมวดกันแน่น..................
“จะงอนพี่ไปถึงไหนหึ.........” พิษณุพูดยิ้มๆ
“ก็บอกว่าไม่ได้งอนไง” พาสนาขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
“ไม่งอนก็ไม่งอน...........แล้วเข้าใจที่บอกมั้ย” พิษณุ ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“อืม............” พาสนาพยักหน้าให้รุ่นพี่เบาๆ
“อืมอะไร” พิษณุจ้องหน้ารุ่นน้อง
“อืมมมมมมมม” พาสนาลากเสียงยาว
“ก็อืมอะไรล่ะ” พิษณุยังคงยิ้มขำๆ
“อืม เข้าใจแล้ว พอใจยัง” พาสนาตอบสีหน้าขุ่น
“ดี เข้าใจแล้วทำตามด้วยรู้มั้ย” พิษณุพูดยิ้มๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับหัวรุ่นน้องโยกไปมาเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง
“สั่งจริง” พาสนาบ่นเบาๆ ขณะที่ปิดประตูห้อง
“แล้วอย่าลืมละ” เสียงรุ่นพี่ยังคงดังอยู่นอกห้อง..............
“รู้แล้วน่า..........” พาสนาตะโกนตอบ ...........สาวมาดเท่ห์ ก้มมองมือของเธอหลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว



พิษณุ กลับมาถึงห้องของเค้า............ชายหนุ่มยังคงขำกับพฤติกรรมของรุ่นน้อง
“ดื้อจริงๆ ดื้อคงเส้นคงวา” พิษณุพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำ

เมื่อพิษณุกำลังอาบน้ำอยู่นั้น เค้าก็นึกอะไรบางอย่างออก...........
“เออ แล้วนี่เจ้าตัวแสบจะอาบน้ำยังไงละนี่” พิษณุพูดออกมา แล้วต้องส่ายหน้าขำๆ ออกมา
.
.
.
“เฮ้ออออออออ แล้วจะอาบน้ำไงเนี่ยะ” พาสนาบ่นอุบอิบ ขณะที่มองมือของเธอ
พาสนามองไปที่กองอุปกรณ์ทำแผล แล้วต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“งั้นก็ต้องระวังๆ หน่อยแล้วเรา” พาสนาบ่นเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเดินเข้าไปยังห้องน้ำ

เสียงสายน้ำจากฝักบัวดังเล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ เสียงฮัมเพลงเบาๆ ดังลอยมาเป็นระยะๆ...............แม้ว่าพาสนาจะพยายามระมัดระวังมือของเธอสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายน้ำไปได้

“โธ่.............จนได้............เปียกจนได้” เสียงพาสนาดังออกมาจากห้องน้ำ

แล้วหญิงสาวมาดเท่ห์ก็ต้องออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสีหน้าบูดบู้บี้ เพราะอารมณ์หงุดหงิดจากมือของเธอ...............สาวมาดเท่ห์จัดการแต่งตัวในชุดนอน ก่อนที่จะเดินตรงมาที่โต๊ะเล็กๆ มุมห้อง เธอจ้องมองอุปกรณ์ทำแผล ด้วยอาการหงุดหงิดหนักขึ้นอีก

“โอ้ยยยย ทำก็ไม่ถนัด” พาสนาบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะจัดการแกะพลาสเตอร์ยาที่มือออก
“ทำยากจริงวุ้ย” พาสนาบ่นขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกไม่ถนัดกับการทำแผล

สาวมาดเท่ห์ จัดการเทแอลกอฮอล์ใส่สำลี ก่อนจะทำการเช็ดที่ผ่ามือของเธอ เพียงวูบแรก เมื่อสำลีสัมผัสกับผิวเนื้อบางๆ ความแสบร้อนก็เกิดขึ้น ทำให้พาสนาต้องอารมณ์เสีย ปาสำลีในมือทิ้ง

“โอ้ยยย ไม่ทงไม่ทำแล้ว” พาสนาร้องโวยวายออกมา ………….แล้วเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วตรงไปที่เตียงนอน หญิงสาวล้มตัวลงนอนอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“เฮ้ออออออออ ชีวิตนักศึกษา..........” พาสนาบ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง
.
.
.
อากาศยามเช้าช่างแจ่มใส ชวนให้สดชื่น

พาสนาตื่นแต่เช้า และรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาลัยฯ เช้านี้เธอนัดบี และมลเอาไว้

ขณะที่พาสนากำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมไปมหาลัยฯ........เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้พาสนาต้องเดินไปเปิดประตู

“ไง ตื่นแต่เช้าเลยนะ” รุ่นพี่ยืนยิ้มให้พาสนาที่หน้าประตูห้อง
“แล้วพี่ณุ มีไรหรอมาแต่เช้าเลย” พาสนาพูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อเตรียมหนังสือเรียน
“พี่มาทำแผลให้” พิษณุตอบน้ำเสียงเรียบขณะที่เดินมานั่งที่โต๊ะเล็กมุมห้อง
“ทำแผล!!!~” พาสนาหันมองหน้ารุ่นพี่
“อืมม” พิษณุพยักหน้าให้รุ่นน้องเบาๆ
“เอออ ไม่เป็นไรแล้ว” พาสนาก้มมองแผลที่มือของเธอ ซึ่งตอนนี้เป็นสีแดง บวม...........แต่เธอก็ไม่อยากให้พิษณุเห็นเพราะเธอรู้ดีว่า รุ่นพี่คนนี้ต้องบ่นเธอแน่ๆ
“ไหนมาดูซิ” พิษณุเรียกขอดูแผลของพาสนา
“ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ” พาสนาหันตอบรุ่นพี่ เธอซ่อนมือของเธอไว้ข้างหลัง
“มีพฤติกรรมแปลกๆ นะเรา” พิษณุจ้องมองรุ่นน้องด้วยแววตาไม่วางใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาทางรุ่นน้อง พาสนาที่พยายามปิดเรื่องแผลที่มือ เธอก็ถึงกลับรีบถอยหลังหนี แต่มันยิ่งทำให้พิษณุอยากจะรู้มากขึ้นไปอีก
“ไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ไม่เชื่อกันบ้างเลย” พาสนายังคงยืนยันเสียงหนักแน่น ขณะที่ก้าวเท้าถอยหนีรุ่นพี่
“ไม่มีอะไรก็เอามือมาดูหน่อย” พิษณุเดินเข้ามาใกล้ตัวรุ่นน้อง แต่เหมือนว่า รุ่นน้องแสนดื้อยังคงไม่ยอมให้เค้าดูแผลของเธอง่ายๆ จนรุ่นพี่ต้องมาดึงแขนรุ่นน้องซะเอง
“มาให้พี่ดูหน่อย” พิษณุพูดขณะที่กำลังดึงมือพาสนา ที่เธอพยายามซ่อนไว้ข้างหลังดู
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ หายดีแล้ว” พาสนาเองก็แสนดื้อ เธอพยายามบิดตัวไปมา ไม่ให้รุ่นพี่ดูแผลที่มือ

ทั้งสองคน ยื้อยุดกันไปมา ...........พิษณุใช้สองมือจับแขนพาสนาทั้งสองข้าง แล้วดึงมือของเธอออกมาจากข้างหลังให้ได้ แต่พาสนาเองก็ยังคงดื้อไม่ยอมง่ายๆ จนพิษณุต้องออกแรงดึงมากขึ้น จากแรงดึงของรุ่นพี่ ทำเอารุ่นน้องตัวเล็กๆ ต้องปลิวตามแรงดึง

ใบหน้าใสๆ ของรุ่นน้อง กระแทกกับอกรุ่นพี่อย่างจัง............. ..........ตอนนี้ท่าทางทั้งคู่เหมือนกำลังโอบกอดกันเอาไว้ พาสนารู้สึกใจเต้นพิกล เธอพยายามดันตัวออกมา แต่เหมือนพิษณุจะไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ เค้าก้มหน้ามองผ่านทางไหล่ของรุ่นน้องเพื่อมองมือของรุ่นน้องทางด้านหลังของเธอ ใบหน้าของพิษณุอยู่ไม่ห่างจากใบหูของรุ่นน้องมากนัก

เสียงลมหายใจของรุ่นพี่ดังแว่วให้ได้ยิน...............

“นั่นเห็นมั้ย บวมแล้ว” เสียงพิษณุดังขึ้น
“อะไรเล่า.........ไม่บวมสักหน่อย” พาสนารีบผลักรุ่นพี่ออก
“มันอักเสบแล้วเนี่ยะ” พิษณุทำตาดุใส่รุ่นน้องก่อนจะคว้ามือเธอขึ้นมาดู
“บอกว่าไม่เป็นไรไงเล่า” พาสนาทำหน้ายุ่งใส่รุ่นพี่
“มาเลย มาทำแผลเลย” พิษณุไม่ได้สนใจอาการของรุ่นน้อง เค้าลากเธอให้ไปนั่งที่เก้าอี้
“โอ้ยยยยยยย อะไรนักนะ” พาสนาร้องโวยวายออกมาเมื่อถูกรุ่นพี่จับมานั่งกับเก้าอี้
“นี่น่าจะดีใจนะ มีคนมาดูแล มาทำแผลให้เนี่ยะ” พิษณุ เทแอลกอฮอล์ใส่สำลี
“ดีใจตรงไหน..........วุ่นวายชัดๆ” พาสนาบ่นอุบอิบ

แต่คำบ่นของรุ่นน้อง ทำเอารุ่นพี่สะอึกไปเหมือนกัน...............พิษณุก้มหน้าทำแผลเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่แล้วรุ่นพี่ก็พูดลอยๆ ขึ้นมา
“อืมมม พี่วุ่นวายแค่นี้ละ เดี๋ยวจะไม่ยุ่งแล้ว”

พาสนาหยุดพูดทันที เธอจ้องหน้ารุ่นพี่นิ่ง..................เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าเค้าหมายถึงอะไรกัน กับสิ่งที่พูดออกมา แต่เธอเองก็ไม่ชอบให้รุ่นพี่มีอาการแบบนี้เลย

“น่าจะไปเรียนหมอนะ..........ชอบทำแผลแบบนี้” พาสนาเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไป เธอจึงพูดขึ้น
“ประชดเก่งจังนะ” พิษณุพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
“..............” รุ่นน้องนั่งนิ่ง จ้องมองรุ่นพี่ทำแผล เธอรู้สึกว่าตอนนี้รุ่นพี่ของเธอท่าทางจะอารมณ์ไม่ดีซะแล้ว


เมื่อพิษณุทำแผลให้พาสนาเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน จ้องหน้ารุ่นน้อง..................สีหน้าของรุ่นพี่เรียบเฉย จนทำให้รุ่นน้องรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“ถ้าพี่ทำให้เรารู้สึกรำคาญ พี่ก็ขอโทษด้วย” พิษณุพูดน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง
“พี่จะไม่วุ่นวายกับเราอีก” พิษณุ หันมาพูด ก่อนที่จะปิดประตูห้อง

พาสนายืนอึ้งกับคำพูดของรุ่นพี่................นี่เธอพูดอะไรออกไป............เธอทำอะไรพลาดไปงั้นหรือ................





***************************************




โดย: kokoo_129 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:20:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.