ไบโพล่า ต้องรู้ว่าความคิดมันคือสมมติปรุงแต่งจิต
..เวลาเราโกรธแค้นใคร หรือ น้อยใจพ่อแม่ เรื่องเหล่านั้นมันจบไปแล้ว
..ขณะที่เราคิดเสียใจนึกถึงสิ่งที่พ่อแม่ทำให้น้อยใจ ยิ่งคิดยิ่งเสีย เหมือนเรื่องราวนั้นกำลังเกินขึ้นอยู่ตรงหน้าในปัจจุบัน แต่โดยความจริงเนื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว ไม่มีเรื่องนั้นอีกในปัจจุบัน
..นี่แสดงว่า ความคิดเหล่านี้..มันคือสิ่งสมมติปรุงแต่งเรื่องราว ปรุงแต่งอารมณ์ความรู้สึก มันเป็นของปลอม เป็นของไม่จริง แค่หลอกให้เราหลงตามอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดที่กิเลสวางไว้หลอกให้จิตหลงทางมโนทวารเท่านั้นเอง เมื่อหลงตามก็มีแต่ทุกข์
..แล้วทีนี้เราจะไปเอาอะไรกับความคิดความจำความสมมติปรุงแต่งอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นล่ะ มันของปลอมทั้งนั้น
..ดังนี้..จิตรู้สิ่งใดโดยความนึกคิดปรุงแต่งไปตามอารมณ์ความรู้สึก สิ่งนั้นคือสมมติทั้งหมด อย่ายึดสิ่งที่จิตรู้ ก็ไม่ยึดสมมติกิเลสของปลอม ของแท้มีแค่ลมหายใจเรานี้เท่านั้น ลมหายใจเรานี้ไม่มีทุกข์ ลมหายใจเรานี้ไม่มีโทษ ลมหายใจเป็นที่สบาย เย็นใจ
- แล้วมารู้ลมหายใจเข้า-ออก หายใจเข้ายาวก็รู้หายใจเข้ายาว หายใจออกยาวก็รู้ว่ากหายใจออกยาว หายใจเข้าสั้นก็รู้หายใจเข้าสั้น หายใจออกหสั้นก็รู้ว่าหายใจออกสั้น
- สร้างกำลังให้จิต เพื่อความตั้งมั่นแน่วแน่รู้ลมหายใจเข้าออกไม่หลุดไป โดยนึกถึงองค์สมเด็จพระพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงนิ่งว่าง สงบ เป็นสุข ปราศจากสมมติความคิดปรุงแต่งอารมณ์ความรู้สึกอันเร่าร้อน ทรงเบิกบานพ้นแล้วจากสมมติกิเลสของปลอม น้อมเอาคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมาตั้งไว้ในใจ
- หายใจเข้า ระลึกบริกรรม พุท ลากยาว-สั้นตามลมหายใจ
- หายใจออก ระลึกบริกรรม โธ ลากยาว-สั้นตามลมหายใจ
..เวลาคิดให้คิดในสิ่งดีๆ คิดถึงจิตผ่องใส เบา ว่าง โล่ง สบาย เย็นใจ คิดเอื้อเฟื้อแบ่งปันสุขดีงาม คิด พูด ทำ ในสิ่งที่ไม่ทำร้ายตนเองและคนอื่น
..เวลาเรียนเราใช้ความคืดจำเพื่อทบทวนบทเรียน สูตรคำนวณ เนื้อหาบทเรียน เพื่อทำความเข้าใจ และสอบได้
..ใช้ความคิดให้ถูกจุด ก็มีคุณ หลงตามความคิดอกุศลที่เป็นกองทุกข์ก็มีโทษ
***********************************************************