Group Blog
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
เปิดกรุหนังเก่า :: October Sonata รักที่รอคอย
  +*+* October Sonata เขาว่ากันว่า..เป็นตุลา อาวรณ์ *+*+*


วันนี้หยิบหนังไทย(หลายรางวัล)เก่ามา Review แบบจัดหนักจัดเต็มค่ะ 
บอกตรงๆว่า ไม่เคย Review อะไรเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้เลยค่ะ แต่อย่าเรียก Review เลยดีกว่า เรียกเล่าให้ฟังน่าจะเหมาะ
จะเริ่มสปอยล์ละนะ หนักด้วย ใครยังไม่ได้ดูหรือไม่อยากอ่านสปอยด์ ขอให้อ่านบรรทัดนี้เ็ป็นบรรทัดสุดท้ายค่ะ ^^

October Sonata รักที่รอคอย


นักแสดง



แสงจันทร์ - รับบทโดย ก้อย รัชวิน
สาวโรงงานใ่สซื่อ พื้นฐานชีวิตอาภัพ ครอบครัวแตกแยก เป็นผู้หญิงที่อารมณ์่อ่อนไหว และเฝ้าฝันอยากมีชีิวิตเป็นดั่งนางเอกในนิยาย แสงจันทร์ขาดทั้งพ่อและแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ต้องอาศัยอยู่กับป้าที่ไม่ได้รักเธอเลย มีแต่คอยทำร้ายร่างกายเธออยู่บ่อยๆ เธอ ผู้ที่โลกแห่งความจริงไม่สวยงาม จึงยึดติดอยู่กับโลกแห่งความฝัน โดยมีมิตร ชัยบัญชา" เป็นดั่งฮีโร่ในดวงใจ
ที่เธอทั้งรักและเทอดทูน จนเหมือนเธอแทบจะแยกแยะไม่ออก ว่าระหว่างโลกมายาและชีวิตจริงมันต่างกันอย่างไร

รวี - รับบทโดย โป๊ป ธนวรรธน์
หนุ่มนักเรียนนอก ที่พื้นฐานชีวิตอาภัพเหมือนกับแสงจันทร์ เขาถูกพ่อทอดทิ้งให้อยู่ที่วัดมาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความใฝ่ดี
เขาจึงพยายามผลักดันชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น มีการศึกษาสูงๆ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอุดมการณ์สูงส่ง จึงทำให้ชีวิตของเขาหลายๆครั้งถูกพลิกผันโดยเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง ในสมัยนั้นรวีถือว่าเป็นกลุ่มของปัญญาชน มีความรู้ความสามารถ มีอุดมการณ์ เป็นสุภาพบุรุษและอุทิศตัวเพื่อสังคม ไม่แปลกที่เขาจะเป็นชายหนุ่มในอุดมคติของสาวๆ โดยเฉพาะแสงจันทร์ 

ลิ้ม - รับบทโดย บอย พิษณุ
ชายหนุ่มเชื้อสายจีน ที่หลงรักแสงจันทร์ตั้งแต่แรกพบและรักเธอตลอดมา เขาเป็นคนขยันทำมาหากินเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว 
ไม่ยึดติดกับความฝัน ซึ่งลิ้มดูจะเป็นตัวละครในโลกของความจริงมากที่สุด และเป็นคนสำคัญที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของแสงจันทร์

เนื้อเรื่อง

ตัวหนังจะเล่นเกี่ยวกับ Timeline และใช้เหตุการณ์สำคัญๆในประวัติศาตร์การเมืองมาเป็นตัวเชื่อมต่อ หลายคนถึงได้บอกว่าเป็นหนังการเมืองที่หลอกว่าเป็นหนังรัก แต่สำหรับตัวอิชั้นเองคิดว่า มันยังคงเป็นหนังรัก เพียงแค่แอบแฝงการเมืองได้อย่างแนบเนียนก็เท่านั้น ตัวหนังใช้นางเอกคือแสงจันทร์เป็นตัวดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ โดยจะห็นว่าตัวแสงจันทร์จะค่อยๆมีพัฒนาการและโตขึ้นเรื่อยๆ 
ซึ่งยอมรับว่าเรื่องนี้ ก้อยสามารถเอาอยู่จริงๆค่ะ โดยเธอสามารถแอ๊บเป็นได้ทั้งเด็กสาวใสซื่อ จนกระทั่งกลายเป็นสาวแก่สูงวัย

หนังเรื่องนี้ถือว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเรื่อง "สงครามชีวิต" ของ ศรีบูรพา ที่เล่าถึงความรักของเพลินและระพินทร์ ชายหญิงที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร 
แต่ด้วยชีวิตที่ต้องดำเนินไป เพลินจึงต้องเลือกระหว่างความรักกับชีวิตที่จับต้องได้ สุดท้ายเธอตัดสินใจแต่งงานกับเศรษฐีและต้องพลัดพรากจากระพินทร์ เพราะสงครามของชีวิต


8 ตุลาคม 2513
พระเอกชื่อดัง มิตร ชัยบัญชา ได้ตกเฮลิคอปเตอร์เสียชีวิต ที่จังหวัดชลบุรี โดยแสงจันทร์ได้ไปร่วมงานศพของเขาด้วย ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกเหมือนสูญเสียสิ่งที่รัก
ชีวิตเธอจึงเหมือนขาดสิ่งที่ยึดเหนี่ยว อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกว่า ชีวิตของเธอมีเพียงมิตร ชัยบัญชาเท่านั้น ที่เปรียบเหมือนฮีโร่
ในงานศพของมิตร ชัยบัญชานี่เอง ทำให้แสงจันทร์ได้พบกับรวี ที่บังเอิญขับรถมาชนเธอในขณะที่กำลังจะเดินทางไปหาเพื่อนที่ชลบุรี ซึ่งการพบเจอกันในครั้งนี้ เท่าที่ดูคิดว่ามันเป็นรักแรกพบของทั้งสองคนจริงๆค่ะ



ด้วยความใสซื่อ เธอจึงขอติดรถไปชลบุรีกับรวีด้วย โดยจุดประสงค์ก็เพื่อแค่ไปดูที่ที่มิตร ชัยบัญชาตกเครื่องบินตายก็เท่านั้น
ซึ่งรวีก็กำัลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่เมืองนอกในวันรุ่งขึ้น ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ถึงจะรู้สึกโมโหแสงจันทร์ที่ไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก(มารู้เอาตอนถึงชลบุรีแล้ว) แต่ก็ยอมตัดสินใจที่จะพาแสงจันทร์กลับมาส่งที่กรุงเทพฯ 

มีอีก 1ฉากที่อิชั้นชอบในการสื่อความหมายในเชิงสัญญลักษณ์ของคนเขียนบท 
เป็นฉากที่รวีปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้แสงจันทร์ได้ดูหิงห้อย (ซึ่งอิชั้นแอบเห็นรวีก็ทำตาวิบวับ ดูเอ็นดูแสงจันทร์มากอยู่ทีเดียว)



โดยหนังเปรียบหิงห้อยเป็นสิ่งสวยงามเหมือนดั่งฝัน (ดูจากหน้าแสงจันทร์แล้ว she ตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็น)
แต่ต้องปิดไฟหน้ารถเท่านั้น ถึงจะมองเห็นความงามของมัน เมื่อแสงสว่างจากรถไฟสาดเข้ามา ทุกอย่างก็พลันหายไป 
เพียงแค่เปิดและปิดไฟ ทุกอย่างก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ซึ่งแสงจันทร์พยายามบอกให้รวีปิดไฟหน้ารถเพื่อจะได้มองเห็นหิงห้อยอีกครั้ง แต่รวีบอกว่า "ไม่มีไฟนำทาง แล้วจะขับรถได้ยังไง"

หิงห้อยมันสวยงามดั่งโลกแห่งความฝัน แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แสงไฟนำทางจึงเหมือนการก้าวไปข้างหน้าของชีวิต
ที่ต้องยอมละทิ้งจากสิ่งสวยงามต่างๆ ที่มองเห็นในยามปิดไฟ

ด้วยเวลาที่ดึกมากแล้ว รวีก็ไม่ได้เจอเพื่อนตามที่นัดหมายกันไว้ เขาจึงต้องจำใจพาแสงจันทร์พักค้างคืนที่บังกะโล
ชื่อ "แสนมุก" 
โดยบังกะโลหมายเลข 11 ก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นของความรักและคำมั่นสัญญา
โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นคำสัญญาชั่วชีวิต



ระหว่างที่พักค้างคืน รวีเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ได้ล่วงเกินใดๆแสงจันทร์เลย แถมยังทำแผลให้แสงจันทร์โดยไม่รังเกียจด้วย และทำทุกๆอย่าง ตามแบบสุภาพบุรุษควรกระทำ ความที่เป็นสาวใสซื่อไร้เดียงสา ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก มีหรือที่จะไม่ประทับใจ อีกทั้งแสงจันทร์และรวีได้เล่าถึงชีวิตของตนเอง ซึ่งพื้นฐานชีวิตของทั้งสองคน ต่างอาภัพเหมือนกัน ถูกทอดทิ้งเหมือนกัน จึงเกิดความเข้าใจและเห็นใจกันมากกว่าเดิม



ความประทับใจที่แสงจันทร์มีให้ต่อรวี เห็นได้จากการที่แสงจันทร์ได้เอากิ๊ฟติดผมมาสลักรูปพระอาทิตย์ไว้บนหัวเตียง(รวีแปลว่าพระอาทิตย์)
และอิชั้นคิดว่านับตั้งแต่วินาทีนั้น รวีก็ได้สลักฝังอยู่ในหัวใจของแสงจันทร์เช่นกัน

ระวีหยิบหนังสือ "สงครามชีวิต" ขึ้นมาอ่านให้แสงจันทร์ฟัง หลายๆข้อความในหนังสือ ทำให้สาวน้อยอย่างแสงจันทร์ เกิดอยากจะเป็น "เพลิน" นางเอกในนิยายขึ้นมา โดยที่เธอยังไม่รู้เลยว่าตอนจบของเรื่องนี้ชีวิตของเพลินจะเป็นอย่างไร รวีเลยให้หนังสือเล่มนี้กับแสงจันทร์ เพื่อให้เธอไปอ่านจนจบ แล้วค่อยมาบอกเขาว่า ยังอยากเป็นเพลินอยู่หรือเปล่า สิ่งนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของคำมั่นสัญญา ว่าจะมาพบกัน เพื่อรอคำตอบจากแสงจันทร์ในอีก 2 ปีข้างหน้า



ในวันที่ 8 ตุลาคม ณ บังกะโลแห่งนี้ 
สัญญานะ...สัญญา



โดยเมื่ือตื่นขึ้นมาในตอนเช้่า แสงจันทร์ก็ไม่เห็นรวีแล้ว เจอเพียงแต่หนังสือและจดหมายฉบับนึงที่รวีเขียนทิ้งไว้ ที่จริงตอนนั้นแสงจันทร์อ่านหนังสือไม่ออก และตัวหนังยังไม่เฉลยจุดนี้ จนแสงจันทร์กลับมาถึงกรุงเทพ คนดูถึงรู้ว่าแสงจันทร์อ่านหนังสือไม่ออก เพราะเอาจดหมายไปให้นายจ้างโรงงานเย็บผ้าอ่านให้ฟัง ซึ่งตลอดเวลาแสงจันทร์คิดว่ารวีทิ้งเธอไปโดยไม่ร่ำลา แต่พอรู้เนื้อความในจดหมาย ก็เหมือนจุดประกายให้หัวใจแสงจันทร์พองโตขึ้นมาอีกครั้ง เพราะรวีบอกว่า เขาแค่ขับรถเอาของไปฝากที่เพื่อนแล้วจะรีบกลับมารับแสงจันทร์ แถมตอนท้ายจดหมายยังลงท้ายว่า "รัก" อีกตะหาก มาเต็มขนาดนี้แสงจันทร์หรือแสงโสมก็ทนไม่ไหวละมั๊งคะ ^^

ด้วยได้แรงผลักดัน(ทางใจ)จากหนังสือที่รวีทิ้งไว้ให้ แสงจันทร์จึงลงทุนไปเรียนภาคค่ำ เพื่อให้อ่านหนังสือออก จนทำให้เธอได้เจอกับ "ลิ้ม" พ่อค้าสำเพ็งคนซื่อ ที่หลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ (ความซื่อเห็นได้จากวันที่เข้าไปบอกตรงๆว่าแสงจันทร์ซิปแตก และวันรุ่งขึ้นเอาซิปมาให้แสงจันทร์เป็นถุงๆเลย ^^)



ระหว่างนั้นแสงจันทร์เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น "เพลิน" (เพราะยังอยากเป็นเพลินในหนังสือของรวีอยู่) เธอมีลิ้มเป็นเพื่อน คอยสนับสนุนทั้งเรื่องงานและสิ่งต่าง และคอยดูแลแสงจันทร์อยู่ตลอด

8 ตุลาคม 2515
2 ปีต่อมาแสงจันทร์กลับมาที่บังกะโลแสนมุขอีกครั้งตามที่ได้สัญญากับรวีไว้ แต่ว่ารวีไม่ได้มาตามที่สัญญาไว้ แสงจันทร์จึงกลายเป็นแม่สายบัวคอยเก้อซะงั้นค่ะ แต่หลังจากที่แสงจันทร์อ่านหนังสือออก ดูสวยมีการศึกษาขึ้นเยอะเลยค่ะ จริงๆวันนี้กะสวยจัดเต็มด้วย แต่ ผช ไม่มา เซ็งเบยย


หลังจากนั้นแสงจันทร์ก็กลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือ (รวีมีผลกับเธอจริงๆค่ะ) ในปี 2516 ลิ้มไปซื้อตึกแถวเพื่อกะว่าจะมาเปิดร้านให้แสงจันทร์ แล้วก็ขอแสงจันทร์แต่งงาน แต่เธอปฏิเสธ เพราะไม่ได้คิดกับลิ้มแบบนั้น (ก็ยังคงรอรวีอยู่ว่างั้น) ซึ่งนี้ปีนี้ เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์วันมหาวิปโยคด้วยค่ะ มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาและเหล่าปัญญาชน


8 ตุลาคม 2516
แสงจันทร์ก็ยังคงมารอพี่รวีที่บังกะโลแสนมุขเช่นเดิมค่ะ แต่ก่อนจะเดินทางมา เธอได้มีปากเสียงกับนายจ้าง ที่ไม่เคยจ่ายเงินเดือนเธอเลยตลอดเวลาที่เธอทำงานด้วย ให้เธอเพียงแค่ที่อยู่และอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น ซึ่งเธอมองว่ามันไม่ยุติธรรม (แอบคิดว่าแล้ว 2 ปีที่เธออยู่ที่นี่ เธอเอาตังที่ไหนซื้อของส่วนตัวฟระ ขอตังลิ้มหรอ อิๆ) ซึ่งความคิดเหล่านี้ อิชั้นเชื่อแต่แรกว่า เธอซึมซับมาจากพี่รวีของเธอนั่นแหล่ะ ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีค่าเท่ากัน แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ชนะค่านิยมของสังคมและความคิดของนายจ้าง เธอถูกไล่ออกค่ะ!

เมื่อมารอที่ับังกะโล รวีก็ไม่มาตามที่นัดอีกแล้วค่ะ ไหนจะเรื่องโดนไล่ออก ไหนจะเรื่องรวีผิดสัญญา แสงจันทร์โคตรเซ็งเลยค่ะ

แต่ด้วยความเป็นห่วง ลิ้มก็ได้ตามเธอมาถึงที่นี่ ตอนนี้ตัวหนังแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งทางความคิดของแสงจันทร์นิดนึงค่ะ ที่เธอดูเหมือนจะยึดหลักความเท่าเทียมกันของมนุษย์ แต่เธอกลับต่อว่าพ่อของลิ้มว่าเป็นเจ๊กอพยพ ไม่มีการศึกษา หลังจากที่ลิ๊มแอบว่าพี่รวี ว่าเป็นเหมือนพ่อของเขา ที่พอจากมาเมืองจีนมาแล้วก็ลืมแม่ของเขาและไปมีผู้หญิงอื่น ซึ่งดูแล้วแสงจันทร์ก็เหมือนคนในสังคมทั่วไป ที่บางครั้งต้องการความเท่าเทียมทางสังคมให้ตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังอดไม่ได้ที่จะดูถูกคนอื่นที่ดูเหมือนมีฐานะทางสังคมต่ำกว่าตนเองอยู่บ่อยๆ
(แต่ในที่นี่แสงจันทร์อาจจะเผลอ เพราะว่าโมโหที่ลิ้มไปว่าพี่รวีที่เธอรักและบูชาซะขนาดนั้น ของรักของข้านะเว้ยยย!)



เมื่อเจอลิ้มที่ยังคงทำดีกับเธอแบบไม่หวังอะไรตอบแทน และบอกว่าทำไปเพราะรักเธอมาก 
สุดท้ายพอถึงจุดย่ำแย่ที่สุดในชีวิตและช่วงเวลาที่กำลังเคว้งคว้าง เธอจึงเริ่มรู้สึกยอมรับว่าตัวเธอไม่ใช่เพลินอีกต่อไป เธอคือแสงจันทร์ จะมาฝันลมๆแล้งๆ รอคนที่ไม่เคยมาตามสัญญาอีกทำไม ถึงลึกๆในใจเธอจะยังรักและรอคอยรวีอยู่ แต่สิ่งที่เธอสามารถยึดเหนี่ยวไว้ได้ในตอนนี้ คือลิ้มเท่านั้น
ลื้มคือความจริง แต่พี่รวีคือความฝัน (ที่ผ่านมา 3 ปีแล้ว ยังไม่สามารถจับต้องได้เลย)
สุดท้ายเธอจึงยอมตัดสินใจใช้ชีวิตกับคนที่รักเธอ(ฝ่ายเีดียว)อย่างลิ้ม

การตัดสินใจครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะหลังจากนี้ต่อไป ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเศร้าทั้งหมดทั้งมวลค่ะื

8 ตุลาคม 2517
ไม่ว่าจะกี่ปี แสงจันทร์ก็ยังไม่เคยลืมสัญญาและยังคง(แอบสามี) กลับมายังบังกะโลแสนมุข ถึงแม้ว่าอะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไป แต่คำสัญญาที่เคยให้กัน แสงจันทร์ไม่เคยลืม

เธอได้รับจดหมายฉบับนึงจากเจ้าหน้าที่หน้าเคาเตอร์ ซึ่งเค้าบอกว่ามันส่งมาถึงเธอตั้งนานแล้ว เธอเพิ่งได้รับจดหมายก็เพราะที่ผ่านมา 2 ปีเธอใช้ชื่อเพลินมาตลอดน่ะสิ แต่จดหมายฝากถึงแสงจันทร์ พลาดอีกแล้วสินะหล่อน!

ความเห็นส่วนตัวว่าตรงจุดนี้ตัวหนังพลาด(นิดนึง)ค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่เห็นชื่อแสงจันทร์ปุ๊ป นึกถึงจดหมายขึ้นได้ปั๊บเลย
แหม่ ทั้งที่ฝากไว้ตั้งหลายปี แล้วนะคะ สงสัยกินโอเมก้า 3 เยอะ ความจำดีจริ๊งพ่อคุณ

แสงจันทร์เดินมาที่บังกะโลหมายเลข 11 เหมือนเิดิม แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะ
คนที่เธอรอมาตลอด 4 ปี ยืนอยู่ตรงหน้า
พี่รวีกลับมา เขาไม่ได้ลืมสัีญญา เขากลับมาแล้วจริงๆ แต่ว่า...ทุกอย่างมันสายไปแล้วป่ะคะพี่



ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกแสงจันทร์มากๆเลยค่ะ ที่ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี อารมณ์ตอนร้องไห้ วิ่งเข้าไปตีุหน้าอกพี่รวีตุ้บๆ ปากก้อตะโกนว่า "ทำไมเพิ่งมา ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเพิ่งมา ทำไมๆๆๆ" แล้วเข้ากอดกัน มันแบบว่า เฮ้ยยยย คำถามว่า ทำไมๆๆๆๆ ขึ้นในหัวจริงๆค่ะถ้าเป็นแสงจันทร์ในตอนนั้น ถ้าเป็นอิชั้นอยากจะแหกปากร้องเพลงของลิเดียให้พี่รวีฟังจริงๆค่ะ

"เธออยู่ที่ไหน นาทีที่ฉันอ่อนล้า ไปอยู่ที่ไหน ห๊าาาาาาาาา
ทำไมเพิ่งจะกลับมา เนิ่นนานแค่ไหน ที่ฉันเฝ้ารอเธอตรงนี้ ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วคนดี
แค่ 1 วินาทีก็ช้าไป "

ณ จุดๆ นี้ แสงจันทร์เซ็งค่ะ พูดเลย และเพิ่งมารู้จากปากพี่รวีว่า ที่เขาหายไปในปีแรกคือยังอยู่ที่อเมริกา แต่ฝากจดหมายมาให้นะจ๊ะ (ก็ฉบับที่เธอเพิ่งได้มาเมื่อกี้จากพนักงานที่กินโอเมก้า 3 เยอะๆนั่นแหล่ะ)
แล้วปีต่อมา คือโดนจับเข้าคุก ข้อหามั่วสุมและชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมือง (คนมีอุดมการณ์ก็แบบนี้แหล่ะ) และวันนี้รวีเองก็เพิ่งรู้ว่าครั้งแรกที่เจอกันแสงจันทร์อ่านหนังสือไม่ออก (โธ่! อุตส่าห์เขียนจดหมายบอกรัก กุเซ็ง) แต่ก็แอบปลื้มปริ่มในใจนิดนึงล่ะนะ ที่เขาก็มีส่วนผลักดันให้แสงจันทร์ได้อ่านออกเขียนได้ในวันนี้

ชอบคำพูดนึงค่ะ ในฉากที่รวีกับแสงจันทร์คุยกันอยู่ในห้อง แล้วมีเสียงฝนตกฟ้า่ผ่า

"คงเป็นลมมรสุม ที่แวะเวียนมาทุกปี
.......................
มันเป็นลมประจำฤดูกาล ที่กลับมาตามสัญญา"

สำหรับแสงจันทร์ในวันที่ 8 ตุลาคงเปรียบเหมือนมรสุมในชีวิตของเธอจิงๆแหล่ะค่ะ การรอคอยและความเจ็บปวด ต่อให้ได้เจอกัน แต่มันก็มีแต่ทุกข์นะคะ ทุกข์ที่มันไม่สมหวัง



ตอนที่รวีเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของแสงจันทร์ ก็คงแอบเซ็งอยู่ไม่น้อย แสงจันทร์เลยขอไว้ว่า เราจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวกัน เพราะเธอแ่ค่อยากหยุดโลกไว้ซักวันนึง ซึ่งในหนังพยายามให้คนดูมองเห็นนาฬิกาที่หยุดเดินนับตั้งแต่วันที่เขาและเธอเจอกันค่ะ ซึ่งเหมือนโลกของแสงจันทร์ที่หยุดหมุนเมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ค่ะ (แต่สงสัยทำไมเค้าไม่เปลี่ยนถ่านนาฬิกาเน้อ)

รอกันมาเนิ่นนาน สุดท้ายแล้วคนที่รักที่สุด กลับเป็นได้แค่กิ๊ก

ส่วนตัวชอบฉากที่รวีกับแสงจันทร์ออกไปเล่นน้ำฝนด้านนอกค่ะ ดูเป็นอะไรที่มีชีวิตชีวาสุดแล้ว มันคือความสุขของการเป็นแฟนกันวันเดียวจริงๆเน้ออออ

ในตอนเช้าแสงจันทร์ตัดสินใจจากรวีไป โดยทิ้งเพียงจดหมายเอาไว้
เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป เธอไม่สามารถปิดแสงไฟนำทางชีวิตของเธอได้ เธอเปรียบมิตรภาพของเธอและพี่รวีว่าเป็นเหมือนความฝัน ที่จะจางหายไปในยามตื่น และไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่าแสงหิงห้อยนั้นคือดวงดาว 
เธอเข้าใจเพลินแล้วว่าทรมานเพียงใดที่ต้องแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก และต้องอยู่ห่างจากคนที่รัก
เธอไม่อยากเป็นเพลิน แต่วันนี้เธอเป็นเหมือนเพลินไปแล้ว...

ในตอนนี้แสงจันทร์ถือได้ว่ายังคงเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจเลือกความถูกต้องมากกว่าความรัก แต่เธอเจ็บปวดมาก ไม่ต่างกับรวี ที่จริงๆแล้วเขาก็รอคอยเธอมาตลอดเหมือนกัน

หลายคนอาจจะโต้แย้งกับตัวหนังว่า จะนัดกันทุกปีทำไมให้ต้องมาลุ้นว่าจะเจอกันหรือเปล่า
ไม่ขอที่อยู่กันไปเลยฟระ จะได้เจอกันบ่อยๆ จบๆไป

ตัวอิชั้นพอเดาได้ว่าว่าทำไมแสงจันทร์จึงไม่ได้ทำในจุดนี้ เพราะเธอได้เลือกความถูกต้องและไม่อยากสานต่ออะไรให้มากกว่านี้ ขอแค่ได้เจอกันปีละครั้งก็พอ ในเมื่อเธอเองแต่งงานแล้ว อะไรๆมันก็ไม่สมควร เจอกันปีละครั้งก็รู้สึกผิดจะแย่ ส่วนรวีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่กิ๊ก ก็คงไม่เรียกร้องอะไรมากกว่านี้แล้ว แค่แสงจันทร์เีขียนมาในจดหมาย ก็เซ็งจะตายชักค่ะ

8 ตุลาคม 2518
แสงจันทร์ยังคง(แอบหนีสามี)มาที่ับังกะโลแสนมุขเหมือนเดิม และครั้งนี้รวีก็ได้มาตามสัญญา เป็นการพบเจอกันที่ดูเหมือนทั้งสองคนที่มีความสุขนะคะ ได้ปั่นจักรยาน ได้ตกปลา ได้นั่งกินปลาด้วยกัน ในครั้งนี้รวีก็ได้มอบพิมพ์ดีดที่ตัวเองรักที่สุดไว้ให้กับแสงจันทร์ (บอกเป็นนัยๆค่ะว่าแสงจันทร์มีค่าแค่ไหน)



และในครั้งนี้ เขาก็ได้เป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของแสงจันทร์ โดยการให้แสงจันทร์ลองเป็นนักเขียน ซึ่งทั้งคู่ก็ได้สัญญากันเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งนี้รวีเป็นคนขอคำสัญญาจากแสงจันทร์เองว่าให้แสงจันทร์ลองหัดเขียนและนำงานมาให้เขาในปีหน้า

ในคืนนั้นแสงจันทร์กับรวีเกือบจะได้โซเดมาคอมกันแล้วนะคะ แต่ต่อมรู้สึกผิดของแสงจันทร์ทำงานกระทันหัน เลยรู้สึกเสียใจและหนีรวีออกมากลางดึกคืนนั้นเลย ปล่อยพี่รวีให้เซ็งอีกแล้วนะตัวเธอ อารมณ์ค้างนะบอกเลย ฮ่าๆ

ในฉากที่แสงจันทร์ขับรถหนีออกมา แล้วจอดรถกรีดร้องกับตัวเอง เธอเหมือนคนสติแตกจริงๆ ทั้งที่รักมากๆ แต่ทำไมเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ โซเดมาคอมกันไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ ทำไมชั้นต้องแต่งงานกับอิลิ๊ม ฮือๆๆ
ตอนนั้นแสงจันทร์ตัดสินใจขับรถตัดหน้าขบวนรถไฟค่ะ เหมือนการวัดใจกันเลยทีเดียว



เธอข้ามรางรถไฟมาได้ค่ะ จนอิชั้นคิดว่ามันเป็นการบอกว่าเธอได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต เธอต้องก้าวข้ามความรู้สึกบางอย่างให้ได้ ซึ่งอิชั้นคิดว่า แสงจันทร์น่าจะตัดใจจากพี่รวีจริงๆแล้วน่ะค่ะ แต่ที่ไหนได้ คนเขียนบทหลอกอิชั้น
เธอกลับไปเลิกกับเฮียลิ้มค่ะ
ณ จุดๆนี้ สงสารเฮียลิ้มค่ะบอกเลย ลิ้มผิดตรงไหน ทำไมถึงทำกับลิ้มได้



แสงจันทร์ตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่ และเริ่มเขียนหนังสืออย่างจริงจัง ประกอบกับรับตัดเย็บเสื้อผ้าไปอะไรไป รอคอยวันที่จะส่งงานให้พี่รวีของเธออ่านและรอวันที่ได้บอกว่าเธอตัดสินใจเลือกพี่รวีของเธอแล้ว

8 ตุลาคม 2519
เธอมารอพี่รวีที่บังกะโลแสนมุขเหมือนเดิมค่ะ แต่บังกะโลเริ่มทรุดโทรมมากแล้ว แต่พี่รวีก็ไม่ได้มาตามนัด แต่ดูคราวนี้แสงจันทร์ไม่ได้ดูเสียใจอะไรมากค่ะ เหมือนเธอพอเดาๆ ได้ เพราะก่อนหน้านี้ ในวันที่ 6 ตุลาคม เกิดการนองเลือดเกิดขึ้น และคณะปฏิรูปการปกครองฯได้ยึดอำนาจการปกครอง และเหล่านักศึกษา ประชาชนที่ร่วมต่อต้านรัฐบาล ได้ถูกจับกุมและเสียชีวิตจำนวนมาก หลายๆคนก็หนีเข้าป่าไปเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งรวีผู้เปี่ยมอุดมการณ์ คงมีส่วนอยู่ในนั้นด้วยล่ะค่ะ ไม่ต้องเดาเลยยย



โรงเรียนที่รวีและเพื่อนได้สร้าง ก็ถูกทำลายและนำหนังสือมาเผา เพราะชาวบ้านคิดว่าเป็นหนังสือของพวกคอมมิวนิสต์ เห็นได้ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองสมัยนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงค่ะ ผู้มีอำนาจทำให้คนเชื่อว่าพวกเหล่าปัญญาชนที่ออกมาต่อต้าน เป็นคอมมิวนิสต์ เป็นพวกหัวรุนแรง ทำให้ชาวบ้านเกลียดชัง จึงไม่แปลกที่เหล่านักศึกษาและประชาชนจำนวนนึงต้องหนีเข้าป่าเพื่อไปตั้งหลัก 

8 ตุลาคม 2520
แสงจันทร์ก็ยังคงมารอพี่รวีที่บังกะโลนี้เช่นเคยค่ะ นั่งพิมพ์ดีดทั้งวันทั้งคืน สงสัยงานยังไม่เสร็จ ฮ่าๆๆ และรวีก็ไม่ได้มาตามนัดอีกเช่นเคยค่ะ

8 ตุลาคม 2521
แสงจันทร์มาที่บังกะโลแสนมุกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ บังกะโลได้ปิดตัวลงไปแล้ว และที่สำคัญพี่รวีก็ไม่ได้มาเจอเธอตามที่นัดไว้



ตอนนี้แสงจันทร์คงรู้สึกเสียใจและเคว้งคว้างไม่ใช่น้อยค่ะ ทั้งที่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ที่จะมาเริ่มต้นทุกอย่างกับรวี แต่ตอนนี้เขาก็หายไป หลายปีเลยด้วย So Sad แทนเธอนะคะ ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน ตกลงจะยังไง 

8 ตุลาคม 2522

ครั้งนี้แสงจันทร์กลับมาที่บังกะโลอีกครั้ง พร้อมด้วยงานเขียนของเธอที่ไม่รู้ว่า Rewrite กี่รอบแล้วนะฮะ อิๆ ครั้งนี้หัวใจเธอพองโตมาก เพราะเห็นรถคันนึงจอดอยู่ พี่รวีชัวร์ โอวมายกอด ฝันของชั้นกำลังจะเป็นจริง
แต่ที่ไหนได้.....รถเฮียลิ้มค่ะ



อิชั้นคาดว่าครั้งนี้ลิ้มมาซื้อบังกะโลหลังนี้ค่ะ เพราะอะไร เพราะเขารักแสงจันทร์เอามากๆๆๆ มันมีวิธีเดียวที่เค้าจะสามารถมารอเจอแสงจันทร์ได้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ลิ้มก็ยังรักและรอแสงจันทร์อยู่ ลิ้มพยายามขอคืนดีกับแสงจันทร์ค่ะ ซึ่งแสงจันทร์พยายามปฏิเสธเขาทุกอย่าง แล้วสุดท้าย ลิ้มก็....ข่มขืนแสงจันทร์ค่ะ กรี๊ดดดด อุตส่าห์รักษาเวอร์จิ้นมาตั้งหลายปี เสร็จเฮียลิ้มซะงั้น  
(อิชั้นคิดว่าตอนแต่งงานลิ้มกับแสงจันทร์ก็ไม่ได้มีไรกันนะคะ สังเกตว่านอนแยกห้อง)

ในปี 2523
รัฐบาลประกาศให้นิสิตนักศึกษาและบุคคลที่เข้าร่วมกับกองทัพปลดแอกฯของคอมมิวนิสต์ ให้เดินทางออกจากป่ามามอบตัว โดยทางการจะไม่เอาโทษผิดใดๆ ทำให้พี่รวีของแสงจันทร์ได้เป็นอิสรภาพ ออกมาจากป่าเสียที และสถานที่ที่รวีนึกถึงและไปเป็นที่แรก ที่พ้นออกมาจากป่า คือบังกะโลแสนมุข ที่ๆเขาและแสงจันทร์ได้สัญญากันไว้ แต่กลับมารวีก็เจอเพียงแค่บังกะโลร้าง เค้าพบกระดาษงานเขียนของแสงจันทร์ตกอยู่ในห้อง อิชั้นคิดว่าอารมณ์นั้น รวีคงรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ ว่าแสงจันทร์ได้มารอเขาและทำตามที่เคยสัญญาไว้ทุกอย่าง แต่ตัวเค้าสิผิดนัดตลอดๆ



เมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองทุกอย่างมันจบลง เขาจึงตัดสินใจที่จะออกตามหาแสงจันทร์ (อิชั้นคิดว่าตอนนี้แสงจันทร์คือสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของรวีค่ะ เค้าเป็นชายหนุ่มปัญญาชนก็จริง แต่การดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ของเขาขนาดนั้น คงไม่มีสาวๆคนไหนจะไปทนร่วมชะตากรรมได้หรอกมั๊งคะ บางทีอาจจะไม่มีเวลาคิดจะไปจีบหญิงด้วยซ้ำ เมื่อทุกอย่างมันจบแล้ว สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือแสงจันทร์ค่ะ)

รวีไปหาแสงจันทร์ที่ร้านของลิ๊ม (ตรงนี้หนังไม่ได้บอกเหมือนกันค่ะ ว่ารู้ได้ไงว่าแสงจันทร์เคยอยู่ที่นี่ แอบสงสัยเหมือนกันค่ะ)

ตอนนี้หนังแอบเซอร์ไพร์หักมุมคนดูค่ะ กับฉากที่ลิ้มอุ้มลูกออกมา แล้วมีเสียงผู้หญิงคือภรรยาของลิ้มตะโกนเรียก
ซึ่งรวีแอบหลับตา และไม่อยากจะคิดว่าเป็นแสงจันทร์ จนต้องหลบมุมไปยืนแอบดู แต่สุดท้ายย....
เธอคนนั้นไม่ใช่แสงจันทร์ค่ะ หนังหลอกเรา คุณหลอกดาววว ซึ่งอิชั้นก้อแอบคิดเหมือนกันว่า หลังจากที่โดนข่มขืน
แสงจันทร์คงกลับไปคืนดีกับลิ้ม เพราะพี่รวีก็ไม่ได้มาตามสัญญาตั้งนานหลายปี แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้กลับมาค่ะ
อาจจะเป็นเพราะเข็ดกับการตัดสินใจในครั้งก่อน กลัวว่าถ้ากลับมาแล้ววันนึงเจอรวี ชีิวิตมันจะวน loop เศร้าๆกลับมาอีก



รวีตัดสินกลับมารอแสงจันทร์ที่บังกะโลแสนมุข พร้อมกับอาการป่วยที่ดูจะหนักข้อขึ้นทุกวัน (อิชั้นเริ่มได้กลิ่นความเศร้าลอยมาแล้วค่ะ พระเอกป่วยเนี่ย) 
หลังจากที่รวีออกจากป่ามา คุณพี่ดูทรุดโทรม ดูป่วย ดูแบบ เฮ่อ.. มากค่ะ แต่ในความโทรม ก็ยังคงมีความเซอร์ ความเท่ห์ และความมีอุดมการณ์ ที่หาจากลิ้มไม่ได้นะคะ
เขาถูกสร้างมาเพื่อเป็นพระเอก ส่วนลิ้มสร้างมาให้เป็นพระรองที่แสนดี แต่ไม่ชวนให้รักเลยอ่ะค่ะ บอกไม่ถูก (ถ้าอิชั้นเป็นแสงจันทร์ อิชั้นก้อรักรวีค่ะ พูดหยาบๆเลย แม่งโคตรเท่ห์)



ช่วงที่รอแสงจันทร์ที่บังกะโล เจ้าของคนใหม่ก็อนุญาตให้รวีพักอยู่(ฟรีๆ) ค่ะ แถมยังให้ยืมพิมพ์ดีดอีก
เพราะรวีต้องการจะมาเขียนงานต่อจากแสงจันทร์ ซึ่งมีช่วงนึงที่รวีน่าจะโคตรปลื้มใจ ที่ได้อ่านงานเขียนของแสงจันทร์

"เขา เป็นดั่งดวงตะวัน ส่องแสงมาสู่กลางใจฉัน ฉัน เป็นดั่งดวงจันทร์ จึงทอแสงนวลชวนฝันได้ในยามค่ำคืน
ทุกรุ่งอรุณฉันรั้งตัวอยู่ที่ปลายขอบฟ้า 
เหลือบมองเขา ส่องแสงสว่างไปสู่มวลชน"

เขาได้ปลุกปั้นและสร้างแสงจันทร์ขึ้นมาได้จริงๆ และเธอยังยกย่องชื่นชมในความมีอุดมการณ์ของเขาขนาดนั้น เป็นใครก็คงปลื้มใจไม่น้อย คิดว่าตอนนี้รวีคงรู้สึกรักแสงจันทร์มากที่สุดแล้วจริงๆ ค่ะ แรกๆอาจจะรู้สึกรักและเอ็นดูในความใสซื่อ และชีวิตที่อาภัพเหมือนกัน มันคงเป็น first impression ดีๆที่เธอและเขามีให้กัน แต่พอได้รู้ว่าหลังจากนั้น ทุกๆอย่างที่เค้าเป็นและทุกๆความคิดมันได้ซึมซับเข้าสู่ตัวของแสงจันทร์ทั้งหมด เขาเป็นแรงบันดาลใจ เป็นทุกๆอย่างของเธอ ยิ่งรู้ว่าเธอมารอเขาทุกปี ไม่เคยผิดนัด และยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเค้า คนที่ชีวิตทุ่มเทให้อุดมการณ์และไม่เคยมีความมั่นคงในชีวิตเลย และในตอนนี้แสงจันทร์ก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวในชีวิตของรวีด้วยค่ะ

8 ตุลาคม 2524

เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ที่รวีเป็นคนมารอแสงจันทร์ที่บังกะโลแห่งนี้ แต่ว่าจุดพลิกผันสำคัญ (ที่มีมาตั้งแต่แรก) ก็มาทำให้ทั้งสองพลัดพรากกันอีกแล้ว แสงจันทร์มาที่บังกะโลแห่งนี้เหมือนเดิม แต่บังเอิญไปเห็นไอ้รถของเฮียลิ้มเข้าให้ เธอจึงตัดสินใจกลับไป (แหม่ รอมาหลายปี นึกจะเปลี่ยนใจก้อเปลี่ยนง่ายๆนะเธอ ไม่คิดบ้างว่าพี่รวีอาจจะกลับมาเนอะ)
เฮียลิ้มมาทำให้เค้าพลัดพรากกันอีกแล้วนะเฮีย กลับไปดูแลลูกเมียแกเหอะไป๊ มาทำไมเนี่ย



วันนี้ลิ้มได้เจอกับรวี และก็คงเพิ่งรู้ว่า คนทั้งคู่เค้ารอคอยกันมาเนิ่นนานจริงๆ รวีมีตัวตนและเขาทั้งสองรักกันจริงๆ รวีขอลิ้มซึ่งเป็นเจ้าของบังกะโลแห่งนี้ ว่าจะไม่ไปไหน ไม่ยอมไปหาหมอทั้งที่ตัวเองป่วยจะตายอยู่แล้ว เพื่อจะรอแสงจันทร์กลับมาในวันนี้ วันที่ 8 ตุลาคม

ตัวหนังตัดไป อีก 3 ปี
แสงจันทร์ในมาดนักเขียนสวยเฉี่ยว เปรี้ยวจี๊ด เธอถูก บก. เรียกตัวมาเพื่อดูงานเขียนชิ้นนึง ซึ่งคล้ายกับงานเขียนของเธอมาก
ข้อความนึงในงานนั้นเขียนว่า "รวี คือชื่อของผม แปลว่าพระอาทิตย์" 
อิชั้นรู้นะว่าแสงจันทร์แอบใจเต้นตุ้บๆ ยิ่ง บก.บอกว่า คนที่ส่งต้นฉบับมา บอกว่าจะมาเจอเธอในวันที่ 8 ตุลาคม

ตอนนี้ใจคงไปถึงบังกะโลแล้วหล่ะแสงจันทร์
แ่ต่.....คนที่เธอได้เจอคือ เฮียลิ้ม (อีกแล้ว)
เขาเป็นคนส่งต้นฉบับนี้มาเอง (รวีฝากไว้) และพี่รวีของแสงจันทร์นั้น ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ด้วยโรคไข้มาลาเรียขึ้นสมอง
ในวันที่ 8 ตุลาคม 2524 วันที่เธอเห็นรถเฮียลิ้ม แล้วรีบบึ่งกลับบ้านนั่นเอง
เห็นมะ เธอเคยตัดสินใจอะไรถูกบ้างมั๊ยยะหล่อน พลาดตลอดชีวิตนะเนี่ย หัดไปสะเดาะห์เคราะห์บ้าง สงสัยจะปีชง

ยิ่งตอนที่แสงจันทร์เห็นรอยแกะสลักบนหัวเตียงเป็นรูปพระจันทร์อยู่ข้างๆพระอาทิตย์ ยิ่ง Sad ใหญ่
พี่รวีไม่เคยผิดสัญญา และที่สำคัญเขารักและรอคอยเธอมาตลอดเช่นกัน เพียงแต่เหตุการณ์ทางการเมืองทำให้เขาไม่สามารถมาตามสัญญาได้

ชอบคำพูดสุดท้ายของแสงจันทร์ในเรื่องค่ะ ตอนที่เธอกลับมาที่บังกะโลอีกครั้ง ในวัยที่เกินกลางคนไปแล้ว
หนังย้อนภาพกลับไปในวันที่ 8 ตุลาคม 2513 อีกครั้ง  วันที่แสงจันทร์ได้พบเจอกับรวีครั้งแรก


"ถึงแม้เราจะได้พบปะกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันไป...ทั้งชีวิต"

ความคิดเห็นส่วนตัว
ดูจบแล้วชอบนะคะ อยากชมผู้สร้างหนังว่าภาพสวยมาก และมีชั้นเชิงในการนำเสนอแบบไม่บอกคนดูตรงๆค่ะ ชอบตรงการใช้ Symbolic ของหนังค่ะ ดูไปคิดไป สนุกดี
และอิชั้นก็ชอบการบอกเป็นนัยของผู้แต่งในการตั้งชื่อตัวละครค่ะ "รวี" กับ "แสงจันทร์" พระอาทิตย์กับพระจันทร์ ซึ่งไม่มีวันได้พบกัน อาจจะมีแค่ช่วงเวลาสั้นๆก่อนพลบค่ำเท่านั้นเอง
แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบค่ะเำพราะบอกว่ามันดูเนือย และไม่เชื่อว่ารวีจะรักแสงจันทร์ขนาดนั้น แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ รวีก็รักเธอตั้งแต่แรกแล้วหล่ะค่ะ
ผช คนนึงที่ผ่านมาไม่เคยมีคนให้รักและไม่มีใครรอคอยเค้าเลย ได้มาเจอ ผญ คนนึงที่ทั้งรักและรอคอยเค้ามาตลอด เป็นอิชั้นก้อรู้สึกดีและอดไม่ได้ที่จะรักนะคะ
ยิ่งแสงจันทร์เปรียบเหมือนสิ่งนึงที่เค้าปลุกปั้นทั้งชีวิตและความคิดต่างๆกับเธอ เค้ายิ่งรู้สึกรักและภูมิใจไม่น้อยค่ะ
และหนังเรื่องนี้่ค่อยข้างละเอียดอ่อนทางอารมณ์นะคะ
ซึ่งเป็นอารมณ์และความคิดของคนในสมัยเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วค่ะ ซึ่งมันย่อมต่างจากคนในสมัยนี้ในหลายๆเรื่องแน่นอน 

ยังไงลองดูกันนะคะ หนังไทยดีๆมีความเป็นศิลปะในการนำเสนออีกเรื่องนึงค่ะ ^^



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2557 13:18:46 น.
Counter : 5016 Pageviews.

8 comments
  
ได้ข่าวว่าเรื่องนี้กวาดรางวัลหลายรางวัลเลยนะคะ
เนื้อเรื่องน่าสนใจ เรายังไม่ได้ดูเลยค่ะ
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ดูหนัง

ว่านแร้งคอดำ ไม่แน่ใจว่าที่เจเจมีขายรึเปล่านะคะ
ไม่ค่อยเห็นตามร้านต้นไม้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ





โดย: mambymam วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:59:19 น.
  
แวะมาเยี่ยมชมค่ะ
บล้อกสวยจังเลยค่ะ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ คนสวยที่ไม่เคยสวย เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 5 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ
โดย: jamaica วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:21:25:15 น.
  
ซึ้งจังเลย
โดย: หวานใจนายสุดหล่อ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:23:20:26 น.
  
เรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยครับ คงต้องงดอ่านก่อน เดี๋ยวพอดูเสร็จแล้วเมื่อไรจะตามมาอ่านนะครับ


ป.ล.ขอบคุณสำหรับที่กดโหวตให้ผมด้วยนะครับ
โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:15:33:12 น.
  
ขอบคุณที่แวะทักทายเจ้าค่ะ
เรื่องที่เขียนฟังเค้าเล่ามาอีกทีค่ะ อยากให้มันเป็นแค่นิทาน
จะได้ไม่ต้องเป็นคนผิด :)
โดย: หวานใจนายสุดหล่อ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:18:20:27 น.
  
โหวต Movie Blog ให้เลยนะครับ
รีวิวได้ละเอียดมากครับ

ช่วงนี้ไม่ได้ดูหนังเลยครับ
ปีที่แล้วส่วนใหญ่จะตามซื้อดีวีดีมาดูอีกรอบหนึ่งครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:21:15:43 น.
  
ขอบคุณค่ะ คุณ กะว่าก๋า
โดย: คนสวยที่ไม่เคยสวย วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:13:03:32 น.
  
ดูแล้ว ดูอีก ดูแล้วดูอีกไม่รู้กี่รอบแล้ว
โดย: อ้วน IP: 118.172.44.5 วันที่: 9 ตุลาคม 2558 เวลา:8:38:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kwonkanunz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



New Comments
MY VIP Friends