A King's penguin story





Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
Chapter 6 น้องเงือกดาวพระศุกร์

Chapter 6 น้องเงือกดาวพระศุกร์

"lioa yu min คนอย่างแกนี่มัน!!?"

เสียงตวาดดังขึ้นจนใครต่อใครหันมามองเป็นทิวแถว แต่ไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกรู้สาอะไรได้มากกว่าการยิ้มเยาะเท่านั้น กลับยิ่งทำให้ดีกรีองศาอารมณ์โมโหของอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น หลายๆ คนเห็นแล้วต้องส่ายหน้าเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก หนุ่มผมดำซึ่งอยู่ในสถานะสินค้าที่ต้องคุ้มครอง กับหนุ่มผมทองที่อยู่ในฐานะผู้ปกป้องแท้ๆแต่กลับโมโหเลือดขึ้นหน้าเสียเอง

"เลี่ยวอวี้หมินต่างหากเว้ย!! ไม่ใช่เลียวยูมิน จะด่าคนอื่นทั้งทีก็เรียกให้ถูกให้เซ่!!" เดเมี่ยน เลียว ยักคิ้วให้แบบเยาะเย้ยหน่อยๆใส่คู่อาฆาตตรงหน้าก็มีอย่างเหรอ? หมอนั่นเป็นแค่บอดี้การ์ดชั่วคราวบังอาจมาชี้หน้าด่าไอดอลชื่อดังแบบนี้

"จะชื่ออะไรก็ช่างหัวแกเหอะ!! ฉันไม่สนหรอกนะว่าที่ไต้หวันแกจะดังขนาดไหน แต่จะมาทำตัวเป็นเทวดาใส่ฉันไม่ได้!! " ฝรั่งผมทองนั่นออกเสียงเรียกชื่อหนุ่มไต้หวันเพี้ยนเสียกลายเป็นคนเกาหลีไปเลย เหตุเพราะชื่อของเลี่ยวอวี้หมินนั้นสะกดด้วยพินอินหรือภาษาอังกฤษแบบจีน จึงเขียนออกมาเป็น lioa yu min

"ไม่ดังจะมาเล่นคอนเสิร์ตถึงแคนาดาได้เหรอ?" เดเมี่ยนมั่นใจว่าไม่ได้กวนโอ้ยใครแต่พูดไปความเป็นจริงแค่นั้น ไหงไอ้แคนนาเดี้ยนนั่นมันโกรธหน้าเขียวหน้าเหลืองกว่าเดิมล่ะ

"ทนไม่ไหวแล้วเว้ย!! ขอฟาดปากสักทีเถอะไอ้ตี๋หน้าหยวก" ว่าแล้วหมอนั่นก็ปรี่เข้ามาใส่เขาทันที แล้วการตะลุมบอนระหว่างสองหนุ่มต่างเชื้อชาติ หัวดำกับหัวทองก็เริ่มขึ้น ทำเอาคนรอบข้างกรีดร้องกันชุลมุน

"แว๊กกกกกกกกก!! หน้าฉัน...น เดี๋ยวต้องขึ้นเวทีนะเว้ย!!"

ไอดอลหนุ่มตะโกนร้องเสียงหลงออกมาดังลั่นห้อง ก่อนจะลืมตาโพลงขึ้นในความมืดและพบว่าแค่ฝันไปเท่านั้น และตัวเขายังอยู่ในไอลานน์เมืองต่างมิติดังเดิมเหมือนก่อนเมื่อจะหลับใหลไป บัดนี้ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มเปลี่ยนสีบ้างแล้วแสดงว่าเวลารุ่งสางย่างใกล้เข้ามาแล้ว

"แฮ่ก...แฮ่ก อะไรกันอยู่ๆ ก็ฝันถึงไอ้หอกนั่นขึ้นมาได้?"

เงือกหนุ่มยกมือขึ้นลูบหน้าชุ่มเหงื่อนั่น แล้วเอื้อมมือไปคว้ากระจกบนโต๊ะข้างเตียงมาส่องหน้าตัวเอง เมื่อพบว่ายังหล่อใสหน้าเด้งอยู่เหมือนเดิมปราศจากร่องรอยการโดนต่อย ถึงค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พลางทบทวนเรื่องราวในฝัน ความฝันเมื่อครู่นี้นั้นมาจากความทรงจำในอดีตเมื่อราวสักสองปีที่ผ่านมา อันที่จริงเดเมี่ยนลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เรื่องราวหนนั้นเกิดขึ้นเพราะไปทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เมืองแวนคูเวอร์นั้นเป็นเมืองที่ชาวจีนจากนานาประเทศอพยพไปตั้งรกรากอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งไต้หวันและ ฮ่องกง ยิ่งในช่วงที่ฮ่องกงมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองกลับไปอยู่ใต้การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยแล้วล่ะก็ จำนวนคนจีนอพยพมาที่นี่ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น จนแวนคูเวอร์แทบจะกลายเป็นไชน่าทาวนด์ไปเลย จึงมีศิลปินจากจีนทั้ง 3 ประเทศ นิยมไปจัดคอนเสิร์ตที่นั่นบ่อยๆ

วง Z-axis ของเดเมี่ยนก็เช่นกัน และทีมงานส่วนหนึ่งนั้นเป็นคนท้องถิ่นของแวนคูเวอร์ บริษัทซีเคียวริตี้ที่รับงานดูแลความปลอดภัยของศิลปินที่จะมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้ เป็นบริษัทของทางแคนาดา ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อยราบรื่น แต่เริ่มมาสะดุดเมื่อบอดี้การ์ดเริ่มไม่กินเส้นกับศิลปินเสียเอง แค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน เลี่ยวอวี้หมินไอดอลหนุ่มเจ้าปัญหาก็หาเรื่องทะเลาะกับบอดี้การ์ดผมทองเสียแล้ว จากเรื่องขี้ปะติ๋วเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความเอาแต่ใจของเขาแล้วก็ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาจนได้ ข้างฝ่ายบอดี้การ์ดนั้นก็ถือกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด จึงกลายเป็นว่าไม่มีใครยอมใครและเริ่มกระทบกระทั่งกันบ่อยๆและจบด้วยการลงไม้ลงมือ แน่นอนเดเมี่ยนโอดครวญว่าเขาโดนทำร้ายจนอีกฝ่ายโดนไล่ออกจากงานไปตามความประสงค์ของนักร้องดัง มาถึงตอนนี้เขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าคู่อริที่โดนไล่ออกไปด้วยฝีมือตัวเองนั่นชื่ออะไร!?

"ลางร้ายชัดๆ ฝันแบบนี้เอาวันที่ต้องไปเรียนมารยาทกะอีเจ๊นั่นด้วย....โอย..ย"

ใช่แล้วหลายวันมานี่ธิดานาคาอย่างเขาต้องถูกส่งไปเรียนมารยาทและพิธีการต่างๆของชาววัง โดยคำสั่งของราชินีเมลฟาพระมารดาเลี้ยงของว่าที่สวามี ชายหนุ่มอยากจะค้านใครจะอยากไปฝึกมารยาทกันเล่า ยิ่งกับนังแก่เจ้าอารมณ์นั่นด้วยแล้วล่ะก็ เดเมี่ยนจำได้ดีว่าไม่ถูกชะตากันตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้อุปทานไปเองว่าราชินีเมลฟาเหม็นหน้าเขา แต่ทุกคนกลับเห็นชอบเรื่องนี้กันหมด

"เจ้าน่ะควรจะเรียนรู้วิถีชีวิตมนุษย์ได้แล้ว โดยเฉพาะชีวิตชนชั้นราชวงศ์สูงศักดิ์อย่างเราๆ หากเจ้าคิดจะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายรัชทายาทแล้วล่ะก็..." คำสั่งยืดยาวนั้นดูเย่อหยิ่งและดูแคลนอยู่ในที

"ใครจะแต่งกัน..." เดเมี่ยนพึมพำออกมาเบาๆ

"เจ้าว่าไงนะ?"

"คือข้า...อ้า...เอ้อ หม่อมฉัน หมายความว่า....ยังอีกนานกว่าจะถึงวันที่จะแต่งงาน อ่า อภิเษกสมรสกับมิลคาห์...คะ...คือ เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน....เองนะเพคะ"

"โอ้ย...ตายๆ เสด็จป้าฟังสิเพคะ พูดจาเป็นบ้านนอกเข้าเมือง เลือกสรรถ้อยคำมาสนทนากับบุคคลชั้นสูงเช่นราชินีแห่งไอลานน์ทั้งที ก็ยังผสมปนเปกันมั่วไปหมด แล้วอย่างนี้หรือว่าที่พระชายาของเจ้าพี่มิลคาห์" ท่านหญิงเอโฟลาร์ติติงออกมาดังๆ ราวกับตั้งใจจะประจานให้ชายหนุ่มต้องอับอาย

"ก็ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่นานนี่....พูดได้แค่นี้ก็บุญแล้ว" ไอดอลหนุ่มเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง ทำเอาราชินีและพระนัดดาตัวแสบหันมาจ้องหน้าเดเมี่ยนเป็นตาเดียว จนเชรียาห์นางกำนัลประจำตัวต้องรีบสะกิดให้นายของนางเงียบปากลง

"ก็ใช่น่ะสิ....นางปลาอย่างเจ้าพูดภาษามนุษย์ได้นี่ ข้าก็ว่ามหัศจรรย์มากโขแล้ว พวกเราถึงต้องขัดเกลาเจ้าไม่อย่างนั้นจะเสียไปถึงเจ้าพี่มิลคาห์ ว่ามีนางห้ามไร้ซึ่งจารีตปฏิบัติแบบนี้อยู่ในวังของเจ้าพี่ คนป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรมอย่างเจ้าหรือจะคู่ควรเป็นชายาของเจ้าพี่....นี่ถ้าเจ้าไม่บังเอิญโผล่ขึ้นมาจากน้ำตอนนั้นก็อย่าหวังมาเสนอหน้าที่นี่เลย" เงือกหนุ่มไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใดท่านหญิงเอโฟลาร์จึงตั้งท่าเป็นศัตรูกับเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ แม้จะไม่รู้สาเหตุแต่ก็รู้สึกไม่พอใจถ้อยคำของนางอย่างรุนแรง

"ข้าไม่ใช่นางห้ามในฮาเร็มของมิลคาห์!!....แล้วก็ไม่รู้มาก่อนด้วยใครจะเป็นเอาข้าขึ้นมาจากน้ำ ไม่ได้เลือกเองได้นี่" แม้จะไม่เข้าใจความหมายของคำว่านางห้ามดีนัก แต่เงือกหนุ่มรู้ว่าไม่ดีแน่ๆ ยิ่งฟังยิ่งน่าเกลียด

"เจ้าว่าไงนะ? ข้าพูดกับเจ้าดีๆ แท้ๆ ทำไมถึงมาขึ้นเสียงดังใส่ข้า ไร้มารยาทจริงๆ เสด็จป้าดูสิเพคะ" แน่นอนนางรีบหันไปทูลฟ้องราชินีเมลฟาทันที

"คือ....เจ้าหญิงหมายความว่า นางมิใช่นางห้าม....แต่เป็นนางเงือกเพคะ แล้วก็มาด้วยประสงค์ของเทพเปปซ่า มิอาจทราบได้ล่วงหน้าว่าจะการเสี่ยงคู่จะลงเอยกับเจ้าชายองค์ใด" เชรียาห์กลัวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่จึงรีบออกตัวแทน

"ถ้ายังพูดจาแยกแยะที่สูงที่ต่ำไม่ได้ ก็ไม่ต้องอ้าปากพูดหรอกนะแม่เงือก เอาเถอะครั้งนี้ข้าไม่ถือสาเจ้าแต่ยิ่งแน่ใจว่าเจ้าสมควรฝึกมารยาทพื้นฐาน" ราชินีเมลฟาตรัสพลางเชิดพระพักตร์ขึ้น แล้วตวัดสายพระเนตรมองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เชรียาห์จึงรีบกระตุกมือเงือกหนุ่มอีกครั้งให้ตอบรับพระบัญชา

"เพคะ" เดเมี่ยนตอบอย่างเสียมิได้แถมหน้าง้ำเต็มที่

"เสด็จป้าเพคะ หม่อมฉันขออาสาเป็นสอนมารยาทแม่นี่เอง"

"เอโฟลาร์?....จะลำบากเจ้าหรือเปล่า?" องค์ราชินีคลี่ยิ้ม

"ไม่หรอกเพคะ....เพื่อเจ้าพี่มิลคาห์แล้วเรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อย"

"อ๋อ...ที่แท้ก็" ชายหนุ่มแทบจะร้องอ๋อ...อ ยาวไปถึงสยามประเทศ เมื่ออุทานออกมาแล้วก็ต้องรีบหุบปากลง ไม่งั้นประเดี๋ยวจะกลายเรื่องขึ้นมาอีก

"อุตส่าห์สละเวลามาสอนแม่ปลานี่มิลคาห์รู้เข้าคงตื้นตันใจ กุลสตรีดีพร้อมน้ำใจงามเช่นเจ้านี่สิ ถ้ามิลคาห์ได้เป็นชายาจึงจะเชิดหน้าชูตาได้" เมื่อเห็นสองพระมาตุจฉา(ป้า)และนัดดา(หลาน) เอาแต่กล่าวชมซึ่งกันแล้วเดเมี่ยนก็อดหมั่นไส้มิได้ ว่าแล้วไอดอลหนุ่มก็แอบขมุบขมิบปากด่า

“ชมกันเองเข้าไป!!” แต่โชคดีที่สตรีสูงศักดิ์ทั้งสองนางไม่มีใครได้ยินเข้า มิเช่นนั้นแล้วเจ้าหญิงเงือกคงไม่ได้กลับวังเป็นแน่แท้

แล้วตั้งแต่วันนั้นเดเมี่ยนก็ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปเรียนมารยาทในวังหลวง แถมยังถูกท่านหญิงเอโฟลาร์ถือโอกาสสับโขกอยู่ทุกวี่วัน จนไม่อยากจะไปเรียนอีกแล้ว

"เชรียาห์ ไปบอกยัยหน้าเชิดนั่นว่าข้าป่วย ปวดท้อง ปวดหัวเป็นไข้หรืออะไรก็ได้" เวลาล่วงผ่านมาจนแดดออกจ้า เดเมี่ยนยังอิดออดไม่ยอมไปวังหลวง จนนางกำนัลทั้งหลายต้องพากันเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผลนักเมื่อชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นว่าวันนี้จะนอนทอดหุ่ยทั้งวัน

"ทำไมล่ะเพคะ"

"ข้าไม่อยากเรียนแล้วมารย่งมารยาทอะไรนั่น น่าเบื่อจะตาย....จริงๆ แล้วไปให้เขาด่าเล่นมากกว่า คำก็นางปลา สองคำก็นังบ้านนอก เซ็งจริงๆ"

"โถ....เจ้าหญิง อดทนหน่อยสิเพคะ ท่านก็อย่าไปเก็บถ้อยคำท่านหญิงเอโฟลาร์มาใส่พระทัยสิเพคะ"

"นี่....ข้าไม่ได้หน้าด้านนะ ถูกด่าจะไม่ได้รู้สึกอะไร?"

"น่านะเพคะ....นึกเสียว่าอดทนเพื่อเจ้าชายก็ได้เพคะ "

"นั่นสิเพคะ มารยาทและจารีตปฏิบัติก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาววัง เจ้าหญิงต้องรีบเรียนรู้เข้าไว้จะเป็นการดี" นางกำนัลชื่อโซไบดาห์ เสริมขึ้นมาอีกคน

"เฮ้อ....ถ้าเป็นคนอื่นสอนน่ะยังพอทน นี่ยัยนั่นน่ะมีตั้งใจจะโขกสับข้าชัดๆ แล้วจะไปทำไมให้โง่!!" นับวันชายหนุ่มยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในวังวนละครน้ำเน่าทางทีวี

".....แหม....แต่ว่าเป็นรับสั่งองค์ราชินีนะเพคะ"

"ราชินีนั่นก็อีกคน พอกันแหละ อยากให้ยัยท่านหญิงหลานตัวเองเป็นชายาของมิลคาห์ แล้วจะมาประสงค์ดีอะไรกับข้าล่ะ เห็นเป็นก้างขวางคอล่ะสิไม่ว่า"

"เจ้าหญิงงงงงงงงงงง....ตรัสอย่างนั้นได้ยังไงเพคะ" นางกำลังทั้ง 5 ที่รายล้อมอยู่พากันร้องเสียงหลงออกมา เดเมี่ยนเคยปากเปราะพูดจาไม่ระวังในมิติของตัวเองอย่างไร ก็คงปากเสียได้เสมอต้นเสมอปลายเช่นเดิม

"ข้าจะบอกอะไรให้นะสาวๆ ผู้ชายอย่างเราๆน่ะ ไม่มีใครชอบให้ไล่จับหรอก ยิ่งเสนอตัวให้เท่าไรก็ยิ่งหนีเท่านั้นแหละ อะไรที่ยัดเยียดให้จนเกินงามก็ไม่อยากได้หรอก น่าเบื่อ....มิลคาห์ถึงคอยหลบหน้าไงล่ะ หึ หึ"

ไอดอลหนุ่มรู้สึกเห็นใจเจ้าชายรัชทายาทในฐานะผู้ชายด้วยกันไม่น้อย ทั้งนึกขำทั้งเบื่อหน่ายแทน จึงเผลอวิจารณ์อย่างมันปากและด้วยความที่คิดว่าอยู่ในวังของตนเอง ห้องหับซับซ้อนแบบนี้จะไม่มีผู้ใดมาได้ยินเข้า เดเมี่ยนต้องเปลี่ยนความคิดหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพบว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง

[center][img]//picdb.thaimisc.com/darkace/368-12.gif [/img][/center]

"การรักษาเวลาเป็นมารยาทพื้นฐานของผู้ดี ใยเจ้าจึงมาสายโด่งเอาป่านนี้ นี่ถ้าไม่ส่งคนไปตามข้าก็คงต้องนั่งรอต่อไปสินะ" ท่านหญิงเอโฟลาร์เช้านี้ดูฉุนเฉียวเป็นพิเศษ เมื่อพบหน้านางแห่งทะเลก็เปิดฉากรับฝีปากทันที

"ขออภัยเพคะท่านหญิง เจ้าหญิงเดรเมอาเช้านี้ทรงประชวร รู้สึกเวียนเศียรจึงได้เสด็จมาช้า"

"ใครถามเจ้ากัน? ข้าอนุญาตให้พูดแล้วหรือ ซาเรียตบปากนังนั่นสั่งสอนที" นางกำนัลรับใช้ประจำตัวท่านหญิงเอโฟลาร์ รับคำสั่งแล้วปรี่มาถึงตัวเชรียาห์ไม่ทันพูดจาก็ยกฝ่ามือขึ้นฟาดลงใบหน้านางอย่างแรง

"เฮ้ย!! " เดเมี่ยนได้แต่ยืนตะลึงอยู่กับที่ เมื่อหันไปทางผู้ออกคำสั่งก็พบสายตาร้อนแรงที่มีไฟลุกท่วมอยู่ภายใน

"ท่านหญิง จะบ้าหรือไง? เชรียาห์ทำอะไรผิดทำไมต้องสั่งให้ตบนาง?" เงือกหนุ่มกล่าวจบก็ก้มลงประคองนางกำนัลของตน

"ตามกฎแล้วการที่เจ้านายกำลังสนทนากันอยู่ หากมีนางกำนัลคนใดไร้มารยาทพูดแทรกขึ้นมามันก็สมควรโดนสั่งสอนเช่นนี้แหละ"

"เกินไปแล้วมั้ง? ก็แค่รายงานเฉยๆ เองนะ"

"ข้าไม่เป็นไรเพคะเจ้าหญิง"

"ไม่เป็นอะไร หน้าช้ำหมดแล้ว " แต่เชรียาห์ยังส่ายหน้าไม่เป็นไรท่าเดียวพร้อมทั้งคุกเข่าลงขออภัยจนใบหน้านั้นจรดติดพื้นห้อง

"นี่เป็นประเพณีในวังมีอีกหลายอย่างที่เจ้ายังไม่เข้าใจ บัดนี้คงเข้าใจมากขึ้นแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาเลยเรามาร่ำเรียนจารีตปฏิบัติกันดีกว่า" ท่านหญิงเอโฟลาร์คลี่ยิ้มออกมา แต่เป็นยิ้มที่ชายหนุ่มเห็นแล้วต้องรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

"ไม่.....เจ้าต้องขอโทษเชรียาห์ก่อน ตบคนไม่มีเหตุผลแบบนี้กฎบ้ากฎบออะไรกัน?"

"นี่กล้าเรียกกฎวังว่ากฎบ้ากฎบอเชียวเหรอนางปลาน้ำตื้น?" ฟังคำกระทบกระเทียบแบบนี้เข้าเงือกหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนทันทีด้วยอาการคิ้วกระตุก

"ปากแบบนี้ถึงสวยแค่ไหนผู้ชายที่ไหนก็ไม่เอาหรอกนะ" ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยอาการเบื่อหน่าย

"เชรียาห์เรากลับกัน ข้าไม่อยากทะเลาะกับผู้หญิง"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าขืนเจ้าก้าวขาออกไปแม้แต่ข้างเดียวข้าจะฟ้องเสด็จป้า!!"

"ฟ้อง? ข้อหาอะไร? อ๋อ....ข้อหาที่ไม่อยากทนฟังยัยขี้วีนอย่างเจ้าบ่นน่ะเหรอ? เออ! งั้นฟ้องไปเหอะ" ชายหนุ่มพูดจบหมุนตัวเดินออกไป เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นสตรี

"ซาเรีย ยูรีฟาห์ จับนางปลานั่นไว้!!" แล้วนางกำนัลหน้าตาถมึงทึงของท่านหญิงเอโฟลาร์ก็ปรี่เข้ามาจับตัวเดเมี่ยนเอาไว้ ซาเรียดึงแขนซ้าย ยูรีฟาห์ดึงแขนขวา ยึดตัวไว้แน่นจนชายหนุ่มสะบัดไม่หลุด ฝ่ายนางกำนัลของเงือกหนุ่มเห็นเข้าก็รีบเข้ามาช่วย แต่ถูกตวาดห้ามไว้ก่อน

"เชรียาห์ ฟาชีห์อา หยุดนะ พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้างั้นเหรอ?" เสียงทรงอำนาจนั้นทำให้ทั้งคู่พะว้าพะวง และยิ่งเมื่อถูกท่านหญิงเอโฟลาร์จ้องด้วยสายตาดุดันด้วยแล้วล่ะก็ พวกนางถึงกับกลัวจนตัวสั่นทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่กับที่

"นี่มันอะไรกันจะบ้าไปแล้วหรือไง? เฮ้! ปล่อยนะ" ท่านหญิงเอโฟลาร์สาวเท้าเข้ามาใกล้ ดวงตาโตคู่นั้นมีประกายไฟอยู่ภายใน คล้ายนางสิงห์กำลังล่าเหยื่อ แลดูน่ากลัวมากกว่าจะงดงาม

"เจ้ายังไปไหนไม่ได้....จนกว่าข้าจะอนุญาต"

"ท่านหญิง?....ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ไปทำอย่างอื่นดีกว่าไม่ต้องมาสอนข้าหรอก" เดเมี่ยนคิดว่าตนเองข่มความโมโหเอาไว้เต็มที่แล้ว และพยายามพูดด้วยความสุภาพที่สุด เพราะผู้ชายอย่างเขาไปทะเลาะกับผู้หญิงคงไม่น่าดูนัก แต่ไอดอลหนุ่มลืมไปว่าในภพนี้หามีใครมองเขาเป็นบุรุษไม่

"ปากไพร่อย่างเจ้า ขนาดนี้ยังมีหน้ามาอวดดีอีกเหรอ? คงต้องใช้ไม้แข็งสั่งสอนหน่อยสินะ" นัดดาแห่งราชินีเมลฟาไม่พูดพล่ามทำเพลงนางตวัดฝ่ามือนั้นตบฉาดเข้าโดยแรงจนหน้าหัน ชายหนุ่มอึ้งตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่ความโกรธจะแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ

"นี่!!มันเกินไปแล้วนะ!!"

"เกินไปงั้นเหรอ?" เอโฟลาร์ทำเสียงแหลมแสร้งถามออกมาด้วยความประหลาดใจ "ถ้าอย่างนั้นอีกทีถึงจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรสินะ" พูดจบตบเข้าให้อีกหนครานี้ว่าที่เจ้าหญิงพระชายาถึงกับมีโลหิตไหลออกจากมุมปาก

"ยัยบ้าเอ้ย!! ตบเอาๆ เห็นคนอื่นเป็นอะไร?"

เงือกหนุ่มระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวแล้วก็ฮึดฮัดขึ้นมาบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถสะบัดหลุดจากนางกำนัลทั้งสองได้ ยิ่งดิ้นยิ่งโดนยึดตัวไว้แน่นขึ้นจนชักจะเจ็บแขน ส่วนสูง 180 เซนติเมตรของเขามิได้ช่วยอะไรได้เลย เมื่อเทียบกับนางกำนัลที่สูงเกือบสองเมตรนั่น แล้วยังท่านหญิงตัวร้ายที่คะเนด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่า 190 เซนติเมตรเป็นแน่แท้ จนชายหนุ่มรู้สึกสมเพชตัวเองที่เกิดมาสูงแค่ 6 ฟุตเท่านั้นทำไมไม่เกิดมาสูงกว่านี้ฟร้าาาาาาาาาา...า!!

"ก่อนมาที่นี่ เจ้าว่าร้ายข้าอย่างไรบ้างล่ะ?"

"หา?"

"ยังมีหน้ามาไขสืออีกเหรอ? นังหน้าซื่อใจคด ต่อหน้าเจ้าพี่ทำเป็นอ่อนแอ ลับหลังกลับปากต่ำเยี่ยงไพร่"

"เดี๊ยว...ว โอ้ย...ย!!" เดเมี่ยนไม่มีโอกาสแก้ตัวเพราะแค่อ้าปากก็โดนตบเข้าให้อีกหนแล้ว

"ท่านหญิงเอโฟลาร์เจ้าคะ เย็นไว้เจ้าค่ะ....อย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าเจ้าชายรู้เข้าว่าท่านหญิงทำอะไรเจ้าหญิงเดรเมอาบ้าง คงไม่พอพระทัยแน่ๆ หยุดเถิดเพคะ" เชรียาห์โผเข้าขวางแทนนายของนาง

"นี่เจ้ากล้าขู่ข้าเหรอ?" และรับต้องรับเอาความเกรี้ยวกราดของท่านหญิงเจ้าอารมณ์ไปแทน

"มิได้เพคะ....แต่หม่อมฉันเกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ " นางคุกเข่าลงเกาะชายประโปรงของพระนัดดาแล้วร่ำไห้ออกมา "หม่อมฉันผิดเองเพคะ หม่อมฉันบกพร่องในการสอนเรื่องการสนทนาให้เจ้าหญิง หาใช่ความผิดของเจ้าหญิงไม่"

"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รับโทษแทนนางไปเถอะ" เชรียาห์โดนตบจนล้มลงไปกองกับพื้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม ที่บัดนี้ได้แต่ยืนตกตะลึงไม่คิดว่านางอิจฉาในละครจะมีตัวตนจริง และนางเอกแสนดีก็ไม่ใช่เขาแต่เป็นเชรียาห์ผู้ที่เจ็บตัวขนาดนี้แล้วยังกล่าว ขอบคุณท่านหญิงใจร้ายนั่นได้

"เพคะ....ตบตีหม่อมฉันแทนเจ้าหญิงเถิดเพคะ หม่อมฉันยินดีรับโทษทัณฑ์นี้เอง"

"เชรียาห์จะบ้าหรือไง? เจ้าก็เหมือนกันเอโฟลาร์บ้าไปกันใหญ่แล้ว ตั้งสติเสียบ้าง ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงบ้าหรอกนะ" ดั่งราดน้ำมันเข้ากองไฟ เพลิงอารมณ์ของท่านหญิงเอโฟลาร์ยิ่งปะทุขึ้นอีก ทำให้ชายหนุ่มต้องรับกรรมโดนตบเข้าอีกหนจนแก้มชา

"ท่านหญิงเพคะหยุดเถิด" ฟาชีห์อานางกำนัลอีกคนของเงือกหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร่ำร้องวิงวอนพระนัดดาแห่งราชินี "ท่านหญิง....หากมากกว่านี้จะเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเจ้าหญิงเป็นอะไรไปเจ้าชายมิลคาห์คงไม่นิ่งเฉยแน่เพคะ"

"พวกเจ้ากล้าขู่ข้าเหรอ?"

"มิได้เพคะ....แต่เจ้าหญิงเงือกเป็นของสูงส่งที่เทพเปปซ่าประทานมา คงมิใช่แค่เจ้าชายทรงกริ้ว องค์ฟารานคงพิโรธแน่เพคะ" ท่านหญิงเอโฟลาร์ได้ฟังดังนั้นจึงนิ่งสงบลงบ้าง ต่อให้นางเป็นที่โปรดปราณของราชินีเพียงใด แต่ถ้าองค์ราชาพิโรธขึ้นมาเสด็จป้าของนางคงไม่อาจปกป้องนางได้

"นางมาอยู่ที่ไอลานน์แล้วก็ย่อมเป็นคนของไอลานน์ ไม่ใช่ของสูงส่งอะไรนั่นแล้ว" แต่ด้วยโทสะจึงไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ

"แต่เจ้าหญิงเป็นธิดาแห่งนาคาเทพ แล้วถ้าเทพเปปซ่ารู้เรื่องนี้เข้าแล้วโกรธาขึ้นมา และไม่ประทานฝนล่ะเพคะ ท่านหญิงอาจถูกองค์ฟารานลงโทษเอาได้" มาถึงตรงนี้ท่านหญิงเอโฟลาร์เริ่มได้สติและมีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมาบ้าง แต่ยังวางท่าแข็งกร้าวอยู่

"นั่นสิเพคะท่านหญิง หรือไม่ดีไม่ดีเทพเปปซ่าอาจจะบันดาลให้เกิดน้ำท่วม ถ้าแม่ปลานี่ เอ้ย เจ้าหญิงเดรเมอาไปฟ้องเข้าล่ะก็....แย่แน่ๆ เลยเพคะท่านหญิง" เป็นซาเรียคนสนิทของนางเองเป็นผู้กล่าวขึ้นมา

"นิ...นี่ ข้าแค่สั่งสอนเจ้านิดหน่อยถึงกับต้องฟ้องนาคาเทพเลยเหรอ?" เดเมี่ยนไม่ตอบแต่กำลังทำหน้าถือไพ่เหนือกว่า

"สั่งสอนนางแค่นี้เถิดเพคะ....ยังไงนางก็เป็นธิดาแห่งนาคานะเพคะ" ตามด้วยอีกหลายเสียงช่วยกันสนับสนุน ขยายความวิตกกังวลของให้ท่านหญิงเอโฟลาร์ แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ต้องเสียหน้าถ้าเลิกราเพียงแค่นี้

"ก็ได้อย่างเจ้าน่ะ...ขัดเกลาให้ตายก็คงไม่หายนิสัยไพร่ๆ แถมยังขี้เกียจแบบนี้หาเรื่องหลบเลี่ยงอยู่เนืองๆ แบบนี้ ไสหัวกลับไปอยู่ในน้ำอย่างเก่าอย่าได้เผยอหน้าในวังนี่เลย" นางกำนัลของท่านหญิงจึงค่อยยอมปล่อยตัวเดเมี่ยน และผลักไสให้ข้ารับใช้ของเจ้าหญิงเงือกรับตัวนายของนางไป

"ขอบพระทัยเพคะ พวกหม่อมฉันทูลลา" เชรียาห์ ฟาชีห์อา รีบประคองไอดอลหนุ่มออกไปทันที



"เจ้าหญิงทรงเป็นยังไงบ้างเพคะ?" ทุกนางรุมถามทันที่กลับถึงวัง เจ้าหญิงของพวกนางไม่ตอบคำถามเอาแต่ก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่

"เจ้าหญิงท่านโอษฐ์แตก หม่อมฉันจะเอายามาทาให้นะเพคะ"

"ไม่ต้อง!! เชรียาห์...ไม่ต้องมาห่วงคนอื่นหรอก ไปหาผ้ามาประคบหน้าตัวเองเสียไป" เสียงนั้นทั้งดุดันและห้วนยิ่งนัก บ่งบอกอารมณ์ของผู้พูดได้เป็นอย่างดี

"แต่ว่าเจ้าหญิงเพคะ"

"บอกให้ไปก็ไปสิ!! ไปให้พ้น ออกไปให้หมดทุกคนนั่นแหละ ถ้าไม่สั่งก็ไม่เข้ามา" แต่ไม่มีนางใดทำท่าจะขยับเดเมี่ยนจึงคว้าหมอนขึ้นมาปาไล่ จนต้องยอมออกจากห้องไป

"ทุเรศชะมัด....คนอย่างเราต้องมาโดนผู้หญิงซ้อม!! แถมสู้ไม่ได้ด้วย....โธ่เว้ย!! " เจ้าหญิงเงือกชกหมอนอย่างเอาเป็นเอาตาย นึกเจ็บใจตัวเอง ความแข็งแกร่ง เรือนร่างสูงใหญ่ที่เคยภูมิใจนักหนา สมญาเทพบุตรนักร้องที่สาวๆ ทั้งไต้หวันพากันหลงใหล กลับไม่มีความหมายอะไรในไอลานน์เลย อย่าว่าแต่ต่อสู้เลยแค่ป้องกันตัวยังทำไม่ได้ แถมยังต้องให้นางกำนัลที่เป็นหญิงนั้นต้องมาเจ็บตัวตามไปด้วย

"ไอ้ละครน้ำเน่าที่มันจะมีทุกชาติ ทุกมิติเลยหรือไงวะ? แล้วทำไมฉันต้องเป็นดาวพระศุกร์ด้วยวะ?!! นี่ฉันเล่นละครของป้าหมิงฉวนอยู่หรือไงฟะเนี่ย ?" พอโมโหหนักๆ เข้าความทรงจำก็ชักสับสน ลืมไปแล้วว่าหมิงฉวนเจ้าแม่ละครน้ำเน่าไต้หวันนั้นไม่ได้เขียนเรื่องดาวพระศุกร์สักกะหน่อย

ด้วยความเป็นไอดอลรูปหล่อมาแรงตอนอยู่ไต้หวันนั้น ใครต่อใครคอยเอาใจราวกับเป็นเจ้าชายก็ไม่ปาน แต่ตอนนี้กลับต้องมาเป็นนางเอกละครน้ำเน่านอกจอเสียได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจว่าแล้วก็คว้าเอากระจกมาส่องดูร่องรอยแผลบนใบหน้า

"เพล้ง!!" พอเห็นแผลบนหน้าตาเองก็พาลทำใจไม่ได้ เพราะแผลที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ได้มาจากการแต่งสเปเชียลเอฟเฟคแต่อย่างใด ไม่ได้ใช้ตัวแทน ไม่ได้ใช้แสตนอิน แต่โดนตบจริงๆ ด้วยตัวเอง พอเห็นเข้าของเลยขึ้นพาลปากระจกทิ้งมันเสียเลย

"ทั้งหมดนี่....ทั้งหมดนี่....เพราะไอ้เจ้ามิลคาห์ทั้งนั้น ไปโปรยเสน่ห์ใส่อีเจ๊นั่น ฉันถึงได้ซวยอย่างนี้ อยู่ดีๆ ต้องมาโดนตบ" ชายหนุ่มไม่ได้สำนึกเลยว่าเหตุเกิดเพราะปากบอนไปนินทาใครไว้บ้าง

"ถ้าอยากเป็นชายาของมิลคาห์นักก็เอาตัวเองขึ้นพานถวายไปเลยเซ่ อย่างกะฉันอยากเป็นเมียหมอนั่นนั่กนี่....โอ้ยยยย!!" หลังจากโวยวายจนเหนื่อยไอดอลหนุ่มก็เริ่มหันมาพึ่งพาคุณไสยแทน

"อยากกลับบ้านจัง....ขอให้ได้กลับเถอะ คุณพระคุณเจ้า เจ้าพ่อต้นไทร เจ้าแม่กิมฮวย ลูกช้างจะถวายหัวหมู 9 หัวรวดเลย ไก่อีก 8 ตัวด้วย ถ้าได้กลับบ้านจริงๆ สาธุ"

ว่าแล้วก็หันไปกราบมันรอบ 10 ทิศเลย กะว่าเทพเจ้าอยู่ทิศไหนซอกไหน ก็ต้องได้ยินเสียงลูกช้างตัวน้อยๆ ที่สูงแค่ 180 เซนติเมตรอย่างเขาแน่ๆ แต่ไม่มีเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดตอบรับมา เมื่อเพ่งมองท้องฟ้านอกหน้าต่างยังสงบนิ่งสวยใสฟ้าเป็นสีครามเหมือนเดิมกับเมื่อ 2 นาทีก่อนหน้านี้เปี๊ยบ ไม่มีเค้าเมฆดำหรือพายุร้ายที่พัดหอบเอาตนเองมาที่นี่เลย จึงเริ่มท้อแท้พาลหมดเรี่ยวหมดแรงล้มตัวหงายผึ่งไปนอนราบไปกับพื้นห้อง

"โธ่เว้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ !! ทำไมทุกอย่างมันเฮงซวยอย่างนี้วะ ทำไมฉันต้องมาติดแหง่กอยู่ทีนี่ด้วย ทำไมๆๆ ต้องเป็นฉัน คนอื่นมีตั้งเยอะไม่เอามันมา....ทำไมล่ะ?" ว่าแล้วก็ยกสองมือขึ้นปิดหน้าตนเองพลางกลิ้งเกลือกไปมาอยู่กับพื้นห้อง จนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเงือกหนุ่มจึงรีบกระเด้งตัวกลับขึ้นมา

"นั่นเพราะเทพเปปซ่าเลือกเจ้าประทานแก่ข้าและไอลานน์...."

"มิลคาห์!!? มาตั้งแต่เมื่อไร?" การเสด็จมาประทับอยู่เงียบๆ โดยไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแง้มประตู เช่นนี้ทำเอาชายหนุ่มตกใจจนสะดุ้งพรวด

"ครู่หนึ่งแล้ว" ทรงตรัสตอบพลางดำเนินมาประทับเคียงข้าง แล้วดึงร่างชายหนุ่มมาสวมกอดแต่ถูกเจ้าตัวขืนไว้ไม่ยอมให้กอด

"อย่ามายุ่งออกไป!! คนกำลังอารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวก็ชกเข้าให้หรอก" คำขู่นั้นดูไร้น้ำหนักเบาหวิวดังปุยนุ่นสำหรับเจ้าชายรัชทายาท เมื่อทรงแลเห็นชายหนุ่มเป็นหญิงสาวสะคราญโฉมบอบบางนางหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อทรงช้อนวงหน้าบอบช้ำนั้นขึ้นทอดพระเนตร กลับถูกมือเล็กกว่านั้นปัดป้องและเมินหน้าหนีไปทางอื่น

"เดรเมอาเจ้าโกรธข้าหรือ?"

'เออ! สิวะ! ถามมาได้' ชายหนุ่มสบถอยู่ในใจ แต่มิได้พูดออกมาเพราะในขณะนี้ไม่มีอารมณ์จะสนทนากับผู้ใดทั้งสิ้น

"ขอข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิเดรเมอา" แม้จะไม่ยินยอมแต่พอถูกเรี่ยวแรงมหาศาลจับบิดหน้ามาหาจนคอแทบจะหัก เลยต้องปล่อยตัวตามแรงนั้นแต่โดยดีไม่งั้นมีหวังคอหักตายก่อน

"เจ้าเจ็บจนร้องไห้เลยหรือ?" เจ้าชายสบดวงตาร้อนผะผ่าวด้วยความหงุดหงิดโมโหคู่นั้น แล้วตีความไปอีกทางตามเคย

"ไม่ได้ร้อง!!"

"ไม่จำเป็นต้องโกหกข้า....เดรเมอา ทุกข์ของเจ้าคือทุกข์ของข้า"

"รำคาญจริง ไปไกลๆเลยไป คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วยอย่าทำพูดอะไรเลี่ยนๆ ใส่" นางแห่งทะเลผลักไสพระองค์เต็มแรงแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่ถูกหัตถ์ทรงพลังนั้นฉุดรั้งลงนั่งลงบนตักของพระองค์

"ข้าไม่ดีเองที่ปล่อยเจ้าไปเรียนมารยาทในวังหลวง ทั้งที่เจ้านั้นยังไม่เดียงสากับชีวิตบนแผ่นดิน แต่ความผิดแค่นี้ไม่น่าถึงกับต้องทำรุนแรงกับเจ้าถึงเพียงนี้"

"ใช่ที่ไหนเล่า!! ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย...ย !!"

"ซื่อบื้อ? หมายความว่ากระไร?"

"โอ้ยยยยยยยย...ย นี่ขนาดคำด่ายังต้องแปลกันอีกเหรอ? " ชายหนุ่มกุมขมับนึกด่าทอโชคชะตาของตนเอง

"ยัยนั่นน่ะไม่ได้ตบข้าเพราะทำผิดระเบียบอะไรหรอก ยัยนั่นมันหึงหน้ามืด....เลยตบเข้าให้เนี่ย?"

"หึง? ....เอโฟลาร์น่ะหรือ? "

"เออ!! ก็ใช่น่ะสิ ยัยนั่นน่ะมันอิจฉาไม่พอใจที่ผม เอ้ย ข้ามาเป็นชายาเจ้าน่ะ เข้าใจหรือยัง?" เงือกหนุ่มจิ้มอกเจ้าชายดังจึ้กๆๆๆๆ แต่เมื่อเห็นพระองค์ยังทรงนิ่งเงียบอยู่ ก็หน้าซีด...เพราะเริ่มนึกขึ้นมาได้

'ตายห่า....มีนางร้ายละครน้ำเน่าแล้ว ยังมีพระเอกละครน้ำเน่าด้วยเหรอเนี่ย...ว้ากกกก...ก....งั้นไปพูดตรงๆ แบบนั้นก็ผิดสูตรสิ!! พระเอกมันต้องโง่ๆ บื้อๆ หน่อย บอกไปงี้เดี๋ยวหาว่าเราใส่ร้ายอีเจ๊นั่นอีก'

เมื่อคิดได้ดังนี้เดเมี่ยนจึงเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปในทันใด ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากแสร้งตีสีหน้าเศร้าดวงตาแดงก่ำมีน้ำน้อยๆ อาบคลออยู่ภายใน

"ท่านไม่เชื่อข้าเหรอ?....ท่านหาว่าข้าโกหกเหรอ? ข้าจะโกหกไปเพื่ออะไร? ในเมื่อชีวิตข้าอยู่ในกำมือท่านจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด ถ้าท่านไม่เชื่อ....ข้าสู้ตายไม่ดีกว่าหรือ? " ว่าแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทีหุนหันแล้วตรงไปที่หน้าต่าง

"ข้ามันแค่ปลาน้ำตื้น ไหนเลยจะมีคนมาเข้าใจ ปากก็บอกว่าทุกข์ของข้าคือทุกข์ของท่าน แต่พูดแค่นี้ท่านกลับไม่เชื่อ อย่านั้นสู้ตายๆ ไปเสียดีกว่า...."

เดเมี่ยนแน่ใจว่าตนเองตีบทนางเอกละครน้ำเน่าแตกกระจาย ก็อุตส่าห์เคยได้รางวัลดาวรุ่งตอนแสดงละครมาแล้วนี่หว่า ก่อนทำท่าจะโดดหน้าต่างตายก็เหลือบมามองปฏิกิริยาเจ้าชายเสียหน่อย ซึ่งก็ได้ผลตามความคาดหมาย เจ้าชายมิลคาห์ทรงตื่นตระหนกตกพระทัยยิ่งนักรีบวิ่งมาคว้าตัวชายหนุ่มไว้ทันที

"ข้าไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อเจ้า ทำไมเจ้าถึงได้น้อยใจถึงเพียงนี้"

"อย่ามาโกหก....ท่านไม่เชื่อหรอก ใช่สิ....ข้ามันแค่นางปลาต่ำต้อย ไหนเลยจะคู่ควรกับเจ้าชายรัชทายาท เพราะอย่างนี้น่ะสิ ท่านหญิงเอโฟลาร์ถึงได้รังเกียจข้า ลึกๆท่านเองก็รังเกียจว่าเป็นเงือก...ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิงใช่มั้ยล่ะ?"

"เดรเมอา!! ข้าเคยสาบานไว้แล้วว่าไม่ว่าเจ้าเป็นอย่างไรข้าจะรักมั่นเพียงเจ้า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำฉันท์ใด วาจาสัตย์ของข้าก็เป็นจริงฉันท์นั้น" ร่างสูงใหญ่นั้นบีบไหล่เงือกหนุ่มแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่อื่นใดก็ไม่เท่าดวงตาสีแมกไม้คู่นั้นสะท้อนความจริงจังอันร้อนแรงออกมา จนนางแห่งทะเลต้องตะลึงค้างไม่อาจสบเลี่ยงสายพระเนตรได้

"ข้ารักเจ้า!!"

"มิลคาห์..." แล้วเผลอครางออกมา โดยไม่ทันรู้สึกตัวชายหนุ่มกลับถูกดวงเนตรคู่นั้นจ้องมองจนอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ

"เดรเมอา....เจ้าเป็นลมหรือ?" เจ้าชายอุทานออกมาด้วยความตกพระทัยยิ่งนัก เจ้าสาวของพระองค์ช่างอ่อนแอบอบบางเสียนี่กระไร

"ไม่...ไม่...ยังไม่ได้เป็น....แต่..เอ่อ เป็นก็ได้" แค่เผลอไผลสติไปชั่วครู่แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าสูตรสำเร็จในละครเพาะลูกน้ำนั้น พอนางเอกเสียใจมากๆ ตอนทะเลาะกับพระเอกต้องมีเป็นลมสติ จึงตัดสินใจว่าสมควรจะเป็นลมด้วยไม่งั้นเดี๋ยวไม่ครบสูตรนางเอก

"พวกเจ้า....เจ้าหญิงเป็นลมเอายาหอมมาเร็วเข้า"

สุรเสียงตะโกนก้องออกไปเบื้องนอก พลางช้อนร่างอ่อนปวกเปียกของนางอ้อมแขนขึ้นอุ้มแล้วพาไปนอนบนแท่นบรรทม เดเมี่ยนลอบลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็อดที่จะยิ้มขำออกมาไม่ได้แต่จนใจที่ทำท่าเป็นลมอยู่ เลยได้แต่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ แล้วแสร้งทำเป็นหลับตานิ่งปล่อยให้คนโน้นคนนี้วิ่งวุ่น คอยพัดวีเช็ดเนื้อเช็ดตัวเอายาดมยาหอมมารมจมูก จนละครฉากใหญ่ผ่านไปเจ้าหญิงเงือกกำมะลอค่อยลืมตาขึ้น ทำท่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรง พยายามลุกขึ้นนั่งแต่ยังมึนคงเวียนหัวเป็นเหตุให้ฟุบไปอีกรอบ

"เดรเมอา...." สุรเสียงห่วงใยนั้นยังดังอยู่ข้างหู ทำเอาชายหนุ่มแอบปลื้มใจและยิ่งมั่นใจในเสน่ห์ตัวเองเข้าไปอีก

"มิลคาห์....เชื่อข้านะ ข้าไม่ได้โกหกท่านจริงๆ" เสียงของเจ้าหญิงเงือกคนงามสั่นเครือจนดูน่าสงสาร แล้วมีหรือชายอ่อนประสบการณ์เช่นเจ้าชายรัชทายาทจะทรงรู้ทันได้ จึงตกหลุมพรางเจ้าเล่ห์แสนกลเข้าไปเต็ม

"ข้าเชื่อ! ข้าเชื่อเจ้าเสมอ....อย่าเสียใจเดรเมอา"

"งั้นไม่ไปเรียนมารยาทแล้วนะ.....ข้า...ข้ากลัวท่านหญิงเอโฟลาร์นางดุร้ายเหมือนเสือ ขืนข้าทำอะไรไม่ถูกใจนางต้องถูกตบอีกแน่ๆ "

"ข้าไม่มีทางให้นางตบเจ้าได้อีก" ทรงขบพระทนต์จนเป็นสันนูน

"ท่านรู้มั้ย....เชรียาห์ถูกนางตบแทนข้า แค่นางกำนัลของตัวเองข้ายังไม่มีปัญญาปกป้อง....ข้า....สมเพชตัวเองจริงๆ" ประโยคหลังๆ นั้นชายหนุ่มอึกอักไปบ้าง เพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"ข้าจะทวงศักดิ์ศรีของเจ้าคืนมาให้!!?"

"มิลคาห์? ท่านหมายความว่าอย่างไร?"

"เจ้านอนพักผ่อนเสีย ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา ดีชาร์ ฟาชีห์อา เนเมย์ อาบียาห์ โซไบดาห์ ดูแลเจ้าหญิงให้ดี"

"เพคะ" ทั้ง 5 นางรับปากพร้อมกัน

"ส่วนเชรียาห์เจ้าไปทำแผลซะ วันนี้ข้าอนุญาตให้เจ้าพักได้ 1 วัน"

"ขอบพระทัยเพคะ" เชรียาห์ยอบกายน้อมลงถวายพระพร

"มิลคาห์ ท่านจะไปไหน?" ใบหน้างามสง่านั้นผินมาเพียงครึ่งเสี้ยว แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมอบให้

"ไปหาเอโฟลาร์!!"

"มิลคาห์....อย่าเลย....รีบๆ ไป เอ้ย! ไม่ต้องไป ข้าไม่เป็นไรจริงๆ" เจ้าชายไม่ทรงตอบคำ เพียงแต่ตรัสกับนางกำนัลเบาๆ

"ดูแลเจ้าหญิงให้ดี" แล้วเสด็จออกไปในทันที เดเมี่ยนเห็นเข้าแทบจะหัวเราะคิกออกมาทันที แต่ติดว่าสวมบทสาวสวยอ่อนแออยู่จึงได้แต่หันหน้าเลี่ยงไปทางอื่นไม่ให้ใครเห็นว่ากำลังหัวเราะอยู่

"....ให้มันได้อย่างนี้สิมิลคาห์! สะใจจริงๆ " ชายหนุ่มนึกปลาบปลื้มฝีมือการแสดงของตัวเองอยู่บนเตียง รางวัลม้าทองคำลอยให้เห็นรำไร ลงละครเรื่องหน้าถ้าชวดรางวัลให้มันรู้ไปสิ!

ไอดอลหนุ่มบอกตัวเองในใจด้วยความเริงร่า



เพนกวิน Talk : เขียนตอนนี้ระหว่างเฝ้าไข้หม่อมป้าเงิน แมวของเราที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 16 ปี ตั้งแต่ยังใช้ ด.ญ.นำหน้าอยู่ หม่อมป้าอาการแย่เต็มที พอวันรุ่งขึ้นก็จากไป ดังนั้น....ตอนนี้คงจะไม่ตลกเพราะตลกไม่ออกจริงๆ ไม่อยู่ในอารมณ์จะหัวเราะได้ เขียนได้ก็บุญแล้ว...นี่ถ้าหม่อมป้าเสียในวันที่เขียน ฟิคตอนนี้ก็คงจะถูกดองไว้อีกนาน เพราะตอนนี้อยู่ในโหมดเอาตัวเองไปซ่อนในลูกท้อเรียบร้อยแล้ว ห่อเหี่ยวชะมัด...TT_TT ระยะนี้ความเศร้าเข้าปกคลุมจิตใจภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา แมวตายไป 3 ตัวแล้ว ด้วยต่างสาเหตุต่างกรรมต่างวาระ แต่ทำให้เสียน้ำตาทุกตัว (แต่มีเรื่องแปลกๆ นะคือ มีเลข 2 เข้ามาเกี่ยว วิปครีมตายวันที่ 22 ก.ย. มิกิตายวันที่ 12 ต.ค. หม่อมป้าเงินตายวันที่ 22 ต.ค.(วันนี้แหละ แมวยังอยู่ในตู้เย็นเลยเตรียมฝังพรุ่งนี้) และเป็นเวลาเดียวกันกับมิกิอีกด้วย....เฮ้อ )

นอกจากปลาทองแล้ว....ยังมีฟิคอีกหลายเรื่องที่ถูกดองไว้ อยู่ที่บอร์ดอื่นๆ ด้วยอีก 2 เรื่อง(เรื่องปกติน่ะใช้คนละนามปากกา) ซึ่งมีม็อบลงชื่อทวงฟิคยาวเหยียด....แต่ไม่อาจตอบสนองได้ รวมทั้งที่รอพิมพ์บนดินอีก 2 เรื่อง ก็ยังไม่ได้เขียนเลย BBB ไอน้ำก็จะหมดสต๊อกแล้วก็ยังไม่ได้เขียนเพิ่ม เพราะส่วนใหญ่ทุกเรื่องที่เราเขียนมันเป็นเรื่องตลก....สภาพจิตในช่วงนี้เขียนไปก็ไม่ตลกขึ้นมาหรอก มีแต่ตลกฝืด เดี๋ยว แป้ก เปล่าๆ ส่วนมากแฟนๆ ที่ตามอ่านจะเข้าใจ เพราะเรามักจะคุยกันฉันท์พี่น้องมาตลอด ทุกคนก็คอยให้กำลังใจ

แต่บางบอร์ด....อย่างบอร์ดเด็กดีไม่เป็นอย่างนั้น จริงๆ บอร์ดนี้ก็ทำปึ๊ดหลายทีแล้ว
ส่วนมากคนอ่านในบอร์ดนั้นจะเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ โดยมากยังใช้คำว่า ด.ญ. หรือ ด.ช. นำหน้าอยู่ แต่ดันห้าว...จนเหมือนไม่มีมารยาท ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมเหมือนว่าซี้กันมาร่วมปีชาติ บางคนมีขู่ไม่อัพจะเลิกอ่านพอกันที....ก็คงจะห้ามกันไม่ได้หรอกนะคะ แต่ถ้าเขียนไม่ได้มันก็คือไม่ได้จริงๆ นักเขียนเป็นอาชีพที่ใช้ความรู้สึกทำมาหากินไม่ใช่สักแต่เขียนๆ เหมือนเครื่องจักรผลิตหื่นสังเวยคนอ่านที่อ่านฟรีๆ แล้วยังมาด่ากูอีก!! เห็นแล้วหงุดหงิดเชี่ย!!

แต่ที่ตัดสินใจโพสฟิคปลาทองสุกๆ ดิบๆ นี่ เพราะเห็นว่ารอกันนานพอสมควรแล้ว มันอาจไม่สมบูรณ์ ไม่สนุก ไม่ตลก ไม่สมกับการรอคอยของใครหลายคน แต่ขอให้เชื่อเถอะ.....นี่คืออารมณ์ของเราในตอนนี้ ได้พยายามที่จะเขียนแล้ว ไม่ได้อยากดองหรอก ก่อนโพสนี่ก็ให้เพื่อน 2 คน ที่ตรวจคำผิดให้อ่านดูก่อน ว่าพอจะโพสไหวมั้ย....ถ้าไม่ไหวจะเอากลับเข้าไหดอง ก็กังวลอยู่เหมือนกัน เพราะคนอ่านปลาทองเยอะ เดี๋ยวจะผิดความคาดหวัง แต่เค้าบอกโพสๆ ไปเหอะ....งั้นก็อ่านๆ ไปเหอะนะ....รอสุขภาพจิตดีกว่านี้แล้วจะกลับมาตลกแตกกันใหม่นะ


Create Date : 23 ตุลาคม 2549
Last Update : 23 ตุลาคม 2549 0:02:41 น. 6 comments
Counter : 671 Pageviews.

 
นายเอกของเราเก่งจริงๆ มายกนิ้วให้ แต่น่าสงสารโดยตบซะหน้าเยินเลย

มาให้กำลังใจคุณคิงฯ นะคะ ไม่ชอบเลย...การสูญเสีย เฮ้อ


โดย: เด็กทะเล IP: 58.3.23.12 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:19:28:02 น.  

 
ใจดีๆ ใจสู้ๆ

ไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะเข้าใจความรู้สึก

เคยผ่านช่วงนี้มาเหมือนกัน


โดย: JingleJ IP: 61.7.176.233 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:22:07:12 น.  

 
เสียใจด้วยนะ สำหรับเรื่องแมว แต่ว่าเหมียวทั้ง 3 คงคิดถึงและไม่อยากให้คุณเศร้านานๆแน่ เอาใจช่วยนะค่ะขอให้มีกำลังใจเขียนต่อไปนะจ๊ะ


โดย: someone IP: 203.172.73.35 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:22:07:46 น.  

 
อ่านตาลายเลย เข้ามาเป็นกำลังใจครับ เจอกันวันที่ 18 อิอิอิ


โดย: เหมียวหล่อ (myth ) วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:0:06:45 น.  

 
มาโพสล่ะ เดี๋ยวลืมว่าหลังจากอ่านแล้วรู้สึกไงกะตอนนี้
มีพบก็มีพรากนะเพื่อน คิดซะว่ามันไปดีแล้วนะ
เรื่องตอนนี้อาจจะไม่ขำ แต่ก็มีข้อดีของมัน ชีวิตคนเรามันจะขำตลอดได้ไง จริงมะ


โดย: fuku IP: 58.9.31.99 วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:11:56:34 น.  

 
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ ชอบนิยายแบบนี้มาก อ่านการ์ตูนญี่ป่นที่เป็น boy love มาหลายเรื่องค่ะ ก็เลยชอบเรื่องของคุณชายที่สามของตระกูลหยางมากเลยแหละ


โดย: น้ำค้าง IP: 58.11.162.52 วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:22:30:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คิงเพนกวิน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเพนกวินตัวน้อยๆ ดุร้ายเป็นบางโอกาส
มักจะถูกชาวบ้านในเน็ตเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย
ประจำ ไม่ก็กะเทย เกย์ พอเจอตัวจริงก็ถูก
อุทานใส่หน้าว่า "อ้าว?!! ทำไมเป็นผู้หญิงล่ะ?"
<---ฉันมันแมนมากหรือไงยะ? แรกก็ขำๆ อ่ะนะ
แต่พอมีครั้งที่ 2-3-4-5--->800 ชักเครียดว่ะ



A King's penguin story
Friends' blogs
[Add คิงเพนกวิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.