A King's penguin story





Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
13 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Chapter 5 หัวอกนางเงือก

Chapter 5 หัวอกนางเงือก


ในห้องเสวยของวังหลวงฮัลฮาราน ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรตระการตาด้วยแพรพรรณต่างๆ ม่านสีสดถูกโยงจากเพดานลงมายาวมาจรดพื้นและถูกมัดรวบไว้กับต้นเสาด้วยเชือกทองคำ พื้นห้องกว้างใหญ่โล่งโถงปูทับด้วยพรมลวดลายงดงามแปลกตา ที่มุมห้องด้าน หนึ่งนั้นมีวงมโหรีคอยบรรเลงเพลงขับกล่อมอยู่


เดเมี่ยนนั้นนั่งอยู่บนเบาะกำมะหยี่สีแดงสดเคียงข้างกับเจ้าชายมิลคาห์ เบื้องหน้ามีโต๊ะสำรับเตี้ยๆ สำหรับวางพระกระยาหาร เงือกหนุ่มรู้สึกเกร็งไปบ้างเพราะตกเป็นเป้าพระเนตรให้กับพระญาติวงศ์หลายพระองค์ พากันจ้องมองด้วยความพินิจพิจารณา วันนี้ไอดอลหนุ่มสวมชุดยาวสีฟ้าอ่อนตกแต่งไปด้วยไพลินและไข่มุกเป็นหลัก เรือนผมถูกจัดทรงให้รับกับเทียร์ร่าไข่มุกที่สวมไว้ให้สมตำแหน่งเจ้าหญิง ก่อนแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มผู้มาจากต่างมิติมองตนเองในกระจกแล้วก็ต้องอุทานออกมา ว่าจะไปเข้าฉากหนังแฟนตาซีหรือไงกันเนี่ย....แถมได้รับบทเป็นพรายน้ำโฉมงามหน้าเด้งพอจะไปแข่งกับออลันโด้ บลูม ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงค์ได้เลยนะนั่น และแม้ว่าวันนี้ชายหนุ่มจะแต่งกายอย่างปราณีตสวยสดงดงาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นอย่างไร สาเหตุนั้นเพราะว่า....

สองสามวันก่อนหน้านี้.....


"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!?" เสียงแหลมหวีดร้องดังขึ้นจาก เชรียาห์นางกำนัลประจำตัว ทำเอาผู้คนรอบข้างตกใจ ในขณะที่เดเมี่ยนมองสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองด้วยอาการสั่นเทาไปทั้งร่าง

หลังจากฟื้นไข้ไม่นานเงือกหนุ่มรู้สึกเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อ เหล่านางกำนัลจึงช่วยกันเช็ดเนื้อเช็ดตัวและสางผมให้ เดเมี่ยนเริ่มปลงบวกกับชักจะชินกับการที่มีแม่สาวพวกนี้คอยปรนนิบัติพัดวี จึงนั่งเฉยปล่อยให้จัดการกันไป เชรียาห์เองก็พูดมากไปตามประสาของหล่อน ซึ่งเงือกหนุ่มฟังไปงั้นๆ จนกระทั่งหล่อนกรีดร้องออกมานั่นแหละ เดเมี่ยนถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าครีบหูปลอมที่ทำด้วยสเปเชี่ยลเอฟ เฟคพิเศษทากาวติดไว้กับหูนั้นร่วงหลุดลงมา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่มันจะหลุดออกมาเพราะผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว แต่ในเวลาแบบนี้ในขณะที่ทุกๆ คนเข้ากันว่าไอดอลหนุ่มเป็นธิดานาคาแบบนี้แล้วล่ะก็ จะอธิบายยังไงดีล่ะนี่?


รู้สึกตัวอีกทีเดเมี่ยนได้แต่ถือครีบหูไว้ในมือด้วยอาการคิดไม่ออกบอกไม่ถูก อีกทั้งยังหน้าซีดมือสั่นอีกต่างหาก....-_-"!!


"หม่อมฉันสมควรตาย!! หม่อมฉันสมควรตาย....เจ้าหญิงโปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย!!?" เชรียาห์หมอบกราบ ลงต่ำพร้อมๆ กับ ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายออกมาเสียงดังลั่น ในขณะที่นางกำนัลคนอื่นๆ อยู่ในอาการตะลึงพึงเพริดไม่แพ้กัน บางคนวิ่งไปกราบทูลเจ้าชายมิลคาห์ด้วยอาการสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

"เดรเมอา?!! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า!!?" วรกายสูงใหญ่นั้นเสด็จตรงเข้ามาหาและโอบไหล่ชายหนุ่มเอาไว้

"อย่าเข้ามา!! อย่าแตะต้องตัวข้า!!?" เดเมี่ยนยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้

"หูเจ้า....เป็นอะไรเจ็บเดรเมอาบอกข้าสิ? ขอข้าดูหน่อยเจ้าเจ็บตรงไหน?"

"ไม่!! อย่ามายุ่งกับข้า" ไอดอลหนุ่มพูดจบก็ลุกพรวดพราดวิ่งหนีเข้าห้องบรรทมไป และปิดประตูขังตัวเองไว้ในนั้นปล่อยทิ้งความกังวลให้เจ้าชายและคนอื่นๆ

"ฉิบหายแล้ว!! ทำไงดีวะ?" เดเมี่ยนสบถออกมาหลังประตูห้องนอน ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยอาการหมดแรง

"ทีแรกบอกว่าไม่ใช่เงือกก็เสือกไม่เชื่อกันเอง นี่พากันไปแห่รอบเมืองแล้วตอนนี้มาความแตกว่าเป็นเงือกเก๊....ทำไงดีล่ะๆๆๆ ....โอ้ย....มีหวังมิลคาห์โกรธตายห่า แล้วมันจะหักคอเรามั้ยเนี่ย?"

ในขณะที่เงือกกำมะลอจมอยู่ในความวิตกจริตของตัวเอง เจ้าชายมิลคาห์ก็ตกพระทัยไม่แพ้กัน พระองค์นำครีบหูปลอมนั้นไปให้โหรหลวงดูด้วยความร้อนพระทัย

"นางไม่สบายพอฟื้นขึ้นมา....หูของนางก็....หลุดออกมาแบบที่เห็นนี่แหละ ทำไมถึงเป็นแบบนี้" โหรหลวงมองครีบหูเงือกนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จึงถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวทูลเจ้าชาย

"ขอพระองค์อย่าได้ตกพระทัย.....มันเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้วพะยะค่ะ"

"หมายความว่ายังไง?"

"นางมีบาดแผลหรือไม่? หลังจากครีบที่หูหลุดออกมาแล้วเจ้าหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?" โหรหลวงทูลถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยากจะคำนวณว่าคิดสิ่งใดอยู่

"นางไม่ยอมให้ข้าดู แต่ดูท่าจะไม่บาดเจ็บอะไร เชรียาห์ว่าใบหูนาง...กลายเป็นกลมมนเหมือนมนุษย์"

"นั่นแหละ...พะยะค่ะ เจ้าหญิงกำลังจะกลายเป็นมนุษย์ ต่อจากนี้ไปจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ "

"ว่าไงนะ!? หมายความว่านาง....."

"พะย่ะค่ะ เจ้าหญิงแค่ตกพระทัยกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเท่านั้น นางมิได้เป็นอะไรหรือบาดเจ็บแต่อย่างไรพะยะค่ะ

โปรดทรงเบาพระทัยได้" เมื่อฟังโหรหลวงทูลแล้วเจ้าชายมิลคาห์ถ่อยถอนพระทัยด้วยความโล่งพระอุระ แล้วจึงรีบเสด็จกลับมาหาเจ้าหญิงเงือกของพระองค์

"เจ้าหญิงล่ะ?" ทรงตรัสถามนางกำนัล

"เจ้าหญิงไม่ยอมออกมาจากห้องเลยเพคะ ทรงขังตัวเองอยู่ในนั้นเรียกก็ไม่ตอบเพคะ" พระองค์พยักพระพักตร์ก่อนจะตรัสเรียกชายหนุ่มบ้าง แต่คนในห้องยังเอาแต่นิ่งเงียบไม่มีปฎิกิริยาโต้ตอบออกมา

"เฮ้อ....ถ้าไม่ยอมออกมาข้าจะเข้าไปเอง"

"'งะ....งั้น...หม่อมฉันไปตามทหารมาพังประตูมั้ยเพคะ?"

"ไม่ต้อง...ถ้าเข้าทางประตูไม่ได้ข้าจะเข้าทางหน้าต่าง" ไม่รอช้าตรัสจบก็ปีนบานบัญชรออกไปที่ระเบียงแล้วไต่ไปยังบานบัญชรของห้องบรรทมทันที ในขณะที่เหล่านางกำนัลเฝ้าดูด้วยความหวาดเสียว

เดเมี่ยนยังนั่งเงียบก้มหน้าหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงนอน อยากผูกคอตายหนีหน้าคนอื่น...แต่คิดอีกทีเดี๋ยวศพไม่สวยลิ้นปลิ้นแบบนั้น แถมปักอกปักใจว่าคนรูปหล่อไม่ควรอายุสั้น เลยยังไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่มว่าแล้วก็เปลี่ยนใจกลับมานั่งกลุ้มอย่างเก่าดีกว่า

"เดรเมอา!!" เสียงตะโกนดังขึ้นจากนั้นวรองค์สูงใหญ่ก็มุดพรวดผ่านบานบัญชรเข้ามา

"แว๊กกกกกก!!" ด้วยความที่กำลังเอ๋อสุดชีวิต ไอดอลหนุ่มจึงสะดุ้งโหยงแต่ก่อนที่จะได้ลุกหนีเจ้าชายมิลคาห์ก็ปาดเข้าถึงตัว และสวมกอดร่างเล็กกว่านั้นไว้แน่น

"มิลคาห์....เอ้อ...เอ่อ ฟะ...ฟังนะ คือๆๆๆ ข้า...ข้า ข้าขอโทษไม่ได้ตั้งใจจะหลอก....แต่เจ้าผิดเองนะ ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่เงือกดันเข้าใจผิดไปเอง....คะ...คืออออ...อ ว่า หูนี่....มะ....มันมีที่มานะ....."

"ข้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว"

"เห?.....ยังไม่ได้พูดอะไรเลย....เข้าใจอะไรวะ?" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

"เจ้ารู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเจ้า?" เดเมี่ยนฟังแล้วต้องสูดหายใจลงปอดลึกๆ ไม่ค่อยกล้าสบดวงเนตรเจ้าชายนัก
จากนั้นจึงส่ายหน้าช้าๆ

"เจ้าลอกคราบครั้งที่ 2"

"หา?"

"ฟังแล้วอย่าตกใจนะ....เจ้ากำลังจะกลายเป็นมนุษย์...."

"ฮ้า?"

"มันจะมีความเปลี่ยนแปลงอีกมากตามมา ที่ทำให้เจ้าไม่เหมือนเดิม....แต่เป็นการปรับตัวให้อยู่บนแผ่นดินได้"

"เฮ้ย....เดี๋ยว....เอ๊ะ? ข้าว่าข้าเป็นมนุษย์อยู่แล้วนะ....แค่ๆๆๆ ไม่ได้มีผมสีเขียว แล้วหูนี่มันก็...."

"สิ่งที่เจ้าเคยเป็นน่ะเรียกว่ามนุษย์ในภพสมุทร หาใช่มนุษย์บนพื้นพิภพ ความแตกต่างจึงปรากฏให้เห็นเช่นหูของเจ้า.....บัดนี้มันเปลี่ยนแปลงไป"

"เอ่อ....งะ....งั้นเหรอ?" เงือกกำมะลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แต่ลึกๆ ก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่โดนข้อหาลวงโลกไปได้

"ใช่....ยังต้องเปลี่ยนแปลงอีก"

"นั่นสินะ!! มันคงไม่หยุดเปลี่ยนแปลงแค่นี้ เล็บปลอม เอ้ย เล็บสีน้ำเงินนี่ด้วย แล้วก็ๆๆๆ ผมสีฟ้าแบบนี้อีกหน่อยมันคงไม่ฟ้าแล้วนะ เหลือแต่ดำอย่างเดียวก็อย่าตกใจล่ะ ละ...แล้ว อีกหน่อยอาจจะสั้นกว่านี้....เพราะนี่ต่อผมมา...เอ้ย มันอาจจะเปลี่ยนไป ตะ....แต่ว่า.....มิลคาห์....ท่านไม่โกรธเหรอ? อีกหน่อยข้าก็ไม่ใช่เงือก....ไม่สวยอะไรแบบที่ท่านเคยชอบแล้วนะ"

"เดรเมอาอย่าได้ดูถูกหัวใจของข้า มิลคาห์ผู้นี้สาบานไว้แล้วว่าชั่วชีวิตจะรักเพียงเจ้าเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร กาลเวลาอาจทำให้เจ้าไม่สวยสดแต่ความรักของข้าไม่สั่นคลอน ไม่ลดน้อยถอยลงแน่นอน!!" พระสุรเสียงหนักแน่นในแววพระเนตรนั่นก็ฉายส่องเปล่งประกาย ใจหนึ่งชายหนึ่งก็นึกดีใจแต่อีกใจก็หวั่นไหวขืนถูกรักมากกว่านี้มีหวังเสียตูดแน่ๆ จึงได้แต่ทำหน้าเบ้

"มิลคาห์.....มะ....ไม่ต้องรักข้าขนาดนั้นก็ได้ เกรงใจง่ะ....แล้วข้าก็....ต่อให้เปลี่ยนแปลงยังไง ก็คงไม่เปลี่ยนเป็นผู้หญิงไปได้หรอกนะ.....คือ...เทพเปปซ่ากำหนดไว้แล้วว่าข้า.....เอ่อ.....มีลูกให้ท่านไม่ได้" ยิ่งพูดก็ยิ่งขยับตัวออกห่างแต่ไม่เป็นผลนัก เมื่อถูกร่างสูงใหญ่ตรงหน้าลากตัวเข้ามาซุกอ้อมอก

"ไม่ต้องกลัว....เดรเมอา ทุกอย่างที่เป็นเจ้าข้ารับได้ หากมันเป็นลิขิตสวรรค์ให้เจ้ามีร่างกายต้องสาปแบบนี้ข้าก็ยอมรับมัน ข้าจะช่วยเจ้าแบกรับชะตากรรมนี้เอง" ชายหนุ่มอยากจะร้องกรี๊ดออกมา....โห....ทำไมมันน้ำเน่าได้ขนาดนี้ว้า....พระเอกแสนดีขนาดนี้นึกว่ามีแต่ในทีวี แต่กระนั้นไอดอลหนุ่มไม่นึกดีใจเลยสักนิดที่เทพบุตรในฝันของผู้หญิงทั้งปวงมอบใจรักให้ขนาดนี้

"รู้แล้วๆๆ ปล่อยๆๆ ปล่อยข้าได้แล้ว จะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว ไม่ต้องซาบซึ้งมากก็ได้"

"เดรเมอาเจ้าไม่ต้องแสร้งทำตัวปกติหรอก ข้ารู้ว่าในใจเจ้าเศร้าเสียใจยิ่งหนัก ถ้าอยากร่ำไห้เจ้าไม่ต้องอายผู้ใดแล้ว หากมันทำให้เจ้าสบายใจขึ้นบ้างก็ร้องออกมาเถิด....เงือกน้อยของข้า"

"เอ่อ.....อ" ชายหนุ่มไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีก เพราะอึ้งรับประทานในความโชคดีของตนเองไปเรียบร้อยแล้ว



ในมื้อเย็นของหลายวันต่อมานั้นจึงเป็นวันที่เดเมี่ยนได้เปิดตัวในฐานะเจ้าหญิงเดรเมอาอย่างเป็นทางการ ด้วยมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้าราชาและราชินีแห่งไอลานน์ พร้อมทั้งร่วมเสวยในงานเลี้ยงย่อมๆ ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับเจ้าหญิงเงือก แม้จะชินชากับการเป็นจุดรวมสายตาในฐานะไอดอลมาแล้ว แต่การเป็นนักร้องวัยรุ่นยอดนิยมนั้นมันต่างกันออกไป เพราะคนที่มารุมร้อมมักจะเป็นแฟนคลับที่มองด้วยสายตาชื่นชมไม่ใช่การตีราคาแบบนี้ ยิ่งโดยเฉพาะครีบหูหายไปข้างหนึ่งแล้วล่ะก็ ยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่


บรรดาเชื้อพระวงศ์ฝ่ายชายนั้นย่อมมองเจ้าหญิงเงือกด้วยแววเนตรชื่นชมดังเช่นบุรุษชมชอบสตรีพึงกระทำ แต่พระญาติฝ่ายหญิงหาเป็นเช่นนั้นไม่ จะมียกเว้นก็เพียงแต่เจ้าหญิงไมอาห์เท่านั้น นอกเหนือจากเจ้าหญิงผู้เป็นพระสหายแล้วไล่เรียงตั้งแต่องค์ราชินีไปถึงท่านหญิงผู้สูง ศักดิ์ทุกคนในห้องเสวยแล้ว ล้วนแต่มีแววตาริษยาส่องตรงมาอย่างไม่เป็นมิตรทั้งสิ้น

"นี่น่ะหรือเจ้าหญิงเงือก....ช่างงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ เจ้าราวกับดาวประกายแสงบฟ้าในยามรัตติกาล" ฟาราน อารัม ทาลัสซาร์ ราชาแห่งไอลานน์ทรงมีกระแสรับสั่งชื่นชม ชายหนุ่มฟังแล้วก็อดยิ้มรับออกมาถึงจะชอบให้ชมว่าหล่อมากกว่าก็เถอะแต่ชมว่าสวยนั้นก็ไม่เลวนัก ไอดอลหนุ่มเริ่มติดใจเสียแล้วสิยิ่งมีเจ้าชายหนุ่มอีกพระองค์ทรงตรัสชมขึ้นมาอีกคนด้วยแล้วล่ะก็

"นั่นสิเสด็จพ่อ.....ราวกับเทพธิดาแห่งราตรีกาลก็ไม่ปาน ข้าไม่เคยพบหญิงใดงดงามถึงเพียงนี้ น่าอิจฉาเจ้าพี่จริงๆ" เจ้าชายเคซาร์พระอนุชาต่างพระมารดาของเจ้าชายมิลคาห์ตรัสชื่นชมขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง

"ขอบพระทัยพะยะค่ะ" แต่เมื่อกล่าวจบคนทั้งห้องกลับนิ่งอึ้งโดยเฉพาะราชินีเมลฟา

"มิลคาห์.....เจ้าหญิงเงือกขึ้นมาอยู่บนแผ่นดินก็หลายราตรีมาแล้ว....ไฉนเจ้าจึงไม่สอนวิธีพูดจาอย่างคนมีมารยาทให้แก่นาง นี่ดูซิ....พูดจาเป็นลักเพศไปได้ จะหญิงก็ไม่ใช่จะชายก็ไม่เชิง...." เพราะคำว่าลักเพศนี่แหละเล่นเอาเดเมี่ยนแทบสำลัก

"นางไม่ค่อยได้พบใครนอกจากข้า.....อาจจะจำสับสนไปบ้างต้องขออภัยเสด็จพ่อแทนนางด้วย" ว่าแล้วเจ้าชายมิล คาห์จึงกระซิบซาบไปยังชายหนุ่มข้างพระวรกาย

"ต้องพูดว่าขอบพระทัยเพคะ....ไม่ใช่พะยะค่ะ นั่นเป็นภาษาของบุรุษ"

"เอ้อ....แต่ว่า....ก็ข้าเป็นผู้ชะ..." เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้อยู่ในฐานะเจ้าหญิงไอดอลหนุ่มเลยต้องเงียบปากลงไม่กล้าเถียงอีก

"เอาเถอะน่า....ราชินีเจ้าอย่าได้ถือสาเลย ธิดานาคาเพิ่งเรียนรู้ภาษามนุษย์ได้ไม่นานย่อมมีผิดพลาดกันบ้าง เจ้าอย่าได้เคร่งครัดนักเลย" ราชาแห่งไอลานน์ทรงแย้มสรวล ยังความไม่พอพระทัยแก่ราชินีเป็นอย่างยิ่ง

"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องโทษนางกำนัลประจำตัวนางสินะเพคะ ให้เอาตัวไปโบยตีเสีย 20 ไม้จะได้หลาบจำ ว่าควรสอนสั่งมารยาทให้เจ้าหญิงอย่างไรบ้าง" สายพระเนตรคมกริบเหมือนนกเหยี่ยว จ้องมองมาที่นางกำนัลเบื้องหลังนางแห่งภพสมุทรจน จนต้องหมอบกราบลงไปจนจมูกละพื้น

"ข้าจะตักเตือนพวกนางเอง ราชินีอย่าได้เป็นห่วง" เจ้าชายรัชทายาทตรัสตอบด้วยสุรเสียงหนักแน่นทรงอำนาจดุจราชสีห์ ราชินีเมลฟาจึงจำต้องล่าถอยและเชิดพระพักตร์ขึ้นอย่างไม่พอพระทัย

"เสด็จป้าเพคะ....อย่าทรงกริ้วไปเลย อีกเดี๋ยวเจ้าพี่มิลคาห์ก็คงสั่งสอนพวกนางเองนั่นแหละเพคะ " หญิงสาวในชุดสีเหลืองสดที่ตัดเย็บอย่างปราณีตและประดับตกแต่งไปด้วยอัญมณีเต็มตัวนั้นเอ่ยขึ้นมา พลางส่งยิ้มมาทางชายหนุ่ม นามของนางคือท่านหญิง เอโฟลาร์ อาแวร์ คูฮูลีนน์ นัดดาแห่งราชินีเมลฟา

"นี่แน่ะ...เอโฟลาร์ เจ้าน่ะใจดีเกินไปขืนไม่ลงโทษกันบ้าง วันหนึ่งนังพวกนั้นก็คงทำให้วังนี้ไร้ระเบียบเป็นแน่แท้" ถึงแม้จะเป็นคำติเตียนแต่ยังแฝงด้วยรอยยิ้มเอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่เจ้าหญิงไมอาห์ฟังแล้วทำพระโอษฐ์เบี้ยวทันทีพลางส่งสายพระเนตรมาทางเดเมี่ยน ซึ่งชายหนุ่มแปลไม่ออกว่าเจ้าหญิงอยากจะบอกใบ้สิ่งใด

"แม่เงือก.....เจ้ายังไม่รีบขอบพระทัยองค์ราชินีที่ไม่เอาความเจ้ารึ?" นางในชุดเหลืองนั่นเจตนาไม่เรียกขานนามชายหนุ่ม แต่จงใจเรียกชาติพันธุ์ที่เข้าใจว่าเป็นอยู่แทน

"เอ่อ..."

"ทำเฉยอยู่ทำไมล่ะ? ข้าพูดกับเจ้านะ? หรือยังไม่เข้าใจภาษามนุษย์กัน?" หนนี้ชายหนุ่มถึงกับหน้าชา ก็มันช่างเหมือนฉากที่นางร้ายในละครจิกกัดนางเอกต่อหน้าธารกำนัลไม่มีผิดเพี้ยนเลย

"ขะ....ขออภัย....พะ...เพ...คะ" เดเมี่ยนแทบจะกัดลิ้นตัวเองให้ดิ้นตายตอนพูดคำว่าเพคะ แต่เมื่อเหลือบเห็น สายตาเจ้าชายมิลคาห์ เจ้าชายอาดีเอล และเจ้าหญิงไมอาห์ ที่ลุ้นคำตอบอยู่นั้นก็จำต้องพูดออกไป

"โถ....แค่พูดแค่นี้ยังติดอ่าง....เสด็จป้าเพคะ....เห็นมั้ยเพคะ....นางน่าสงสารจะตาย การออกเสียงแบบมนุษย์คงเป็นสิ่งยากสำหรับปลา...อย่างนาง เปล่าประโยชน์ที่จะถือสานางนะเพคะ หึ หึ" ฟังถ้อยคำร้อนบาดหูนั้นแล้วชายหนุ่มต้องกับแสบร้อนไปทั่วใบหน้าเลยทีเดียว ก็ไอดอลชื่อดังอย่างเขาเคยมีแต่คนเอาใจคำน้อยก็ไม่มีใครกล้าพูดให้ระคายรูหู ไม่งั้นพ่อวีนแหลกแล้วจะเดือดร้อนกันไปทั่วแน่ๆ แต่เวลานี้กลับต้องมาเป็นเบี้ยล่างให้ผู้อื่นสับโขก คิดแล้วก็น้อยใจในโชคชะตานัก

"เงือก!! ไม่ใช่ปลา!!? " เสียงที่โพล่งขึ้นมานั้นกลับเป็นเจ้าหญิงไมอาห์ "เจ้าเคยเห็นปลาตัวไหนใส่กระโปรงได้หรือไง? แล้วปลาตัวไหนงดงามถึงเพียงนี้? นางเป็นธิดาแห่งนาคาเทพ ไม่ใช่ปลา....ที่มีอยู่ทั่วๆ ไปในผืนน้ำ แต่อย่างว่าล่ะน้า....เจ้าไม่ใคร่

ออกไปท่องโลกภายนอก อยู่แต่ในรั้วในวังแบบนี้คงไม่ค่อยได้เปิดหูเปิดตาสักเท่าไรนี่นะ" ตาดวงเนตรคมกล้านั่นทอแสงอย่างไม่ลดละ ยามเมื่อสบตากับท่านหญิงเอโฟลาร์ผู้มีศักดินาต่ำกว่า หากแต่เป็นเพราะนางเป็นนัดดาของราชินีเมลฟาทุกผู้คนจึงเคารพนางประหนึ่งเป็นเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง

"ไมอาห์!! ใครพูดกับเจ้ากัน?"

"ข้าแค่ช่วยอธิบายให้เจ้าเข้าใจเท่านั้นเอง.....ไม่ต้องขอบใจข้าหรอกเอโฟลาร์" แล้วพระโอษฐ์สีกุหลาบก็คลี่ยิ้มเยาะออกมาอย่างตั้งพระทัย

"ไมอาห์.....อันที่จริงกุลสตรีสูงศักดิ์ก็ไม่ควรเที่ยวเล่นออกไปนอกรั้วนอกวัง ยิ่งโดยเฉพาะเจ้าเป็นเจ้าหญิงด้วยแล้วล่ะก็ออกไปเร่ร่อนแบบนั้นมันไม่งาม ดีนะที่เจ้าออกเรือนไปแล้ว หาไม่อย่างนั้นแล้วบุรุษใดจะเหลียวแลเจ้าหญิงม้าดีดกะโหลกอย่างเจ้ากันเล่า?" เมื่อเห็นว่าท่านหญิงเอโฟลาร์อับจนคำพูดมิอาจต่อปากต่อคำกับเจ้าหญิงไมอาห์ได้ จนต้องได้แต่นั่งนิ่งเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงด้วยความขุ่นเคืองแล้วนั้น ราชีนีเมลฟาจึงออกรับแทนพระนัดดา

"งั้นกุลสตรีที่ดีควรเป็นอย่างเอโฟลาร์หรือเพคะ? "

"เอโฟลาร์มีอันใดไม่ดีงามเล่า ความประพฤติปฎิบัติก็ล้วนแต่อยู่ในจารีตประเพณี นุ่มนวลแช่มช้อยสมเป็นกุลสตรี เรื่องกาพย์กลอน โครงฉันท์หรือนางก็คล่องแคล่ว แต่ถ้าให้ไปยิงธนู ฟันดาบ ล่าสัตว์ อันเป็นกิจบุรุษเห็นทีจะไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์ที่เติบโตในรั้วในวังหรอกกระมัง"

เจ้าหญิงไมอาห์ฟังรับสั่งกระทบกระเทียบนั่นเข้าก็กริ้วจนพระศอแข็ง เพราะพฤติกรรมที่บรรยายมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นพระองค์ทั้งสิ้น ส่วนเจ้าชายอาดีเอลสวามีทอดพระเนตรเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้จะดีนัก จึงรีบคลี่ยิ้มแย้มสรวลเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที

"แหม....องค์ราชินีจริงอย่างที่พระองค์ตรัสจริงๆ กุลสตรีสูงศักดิ์ควรมีความประพฤตินุ่มนวลอ่อนหวาน แต่ข้าคิดว่าอันสตรีงามนั้นก็เหมือนดอกไม้สวยสด แต่ละดอกงดงามแตกต่างกันไป บางดอกส่งกลิ่นหอมขจรไกล บางดอกพิสุทธิ์ใสราวแก้วเจียระไน แต่นั่นก็เป็น เสน่ห์เฉพาะตัวชักชวนให้ค้นหา หากบุปผาทุกดอกมีทั้งสีและกลิ่นเหมือนกันไปหมด คาดว่าโลกนี้คงไม่มีดอกใดให้ข้าอยากเด็ดมาดอมดมเป็นแน่แท้"

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า อาดีเอล...เจ้านี่มันช่างเปรียบเทียบเสียจริง เรื่องนี้เข้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง" เจ้าชายเคซาร์ทรงสรวลขึ้นมาด้วยสุรเสียงอันดัง

"แล้วเจ้าพี่ล่ะ เห็นด้วยหรือไม่?"

"ข้าไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ไม่ใช่คนเจ้าบทเจ้ากลอนอย่างอาดีเอล แต่สำหรับข้าแล้ว....ถ้าข้าได้ครองดอกไม้งามในอยู่มือแล้ว แค่เพียงเดียวดอกเดียวเท่านั้น ข้าก็ไม่มีสายตาไปชื่นชมความงามของบุปชาติอื่นใดแล้ว" ตรัสจบก็ส่งสายพระเนตรหวานฉ่ำนั้นให้ชายหนุ่มเล่นเอาเจ้าตัวขนลุกเกรียว

"ไม่เอาล่ะ....เจ้าพี่พวกท่านพูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้น่าอายจริง" ท่านหญิงเอโฟลาร์แม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่จำต้องแสร้งทำเป็นกลมกลืนกับการสนทนานั้น

"หึ หึ ฟังแล้วรื่นรมณ์ดีเหลือเกิน อาดีเอลเจ้านี่ช่างเปรียบเปรยเสียจริง แต่เจ้ากำลังทำให้แม่หญิงทั้งหลายเขินอายกันแล้วนะ ลงมือกินกันเลยดีกว่า ธิดานาคา....อาหารมื้อนี้ข้าสั่งเตรียมเป็นพิเศษ ให้ห้องเครื่องทำอาหารทะเลสดๆ ให้รับประทานกัน หวังว่าคงถูกปาก เจ้านะ" องค์ราชาดำรัสจบก็แย้มสรวลออกมา

"ขอบพระทัยเพคะ" ครั้งนี้ดูชายหนุ่มจะพูดได้คล่องกว่าเดิม

แต่เมื่ออาหารพิเศษสำหรับงานเลี้ยงมื้อนั้นถูกลำเลียงออกมา เดเมี่ยนแทบจะลมใส่คาที่เมื่อพบว่าอาหารทะเลที่ว่านั้นสด....ถึง อภิมหาสดจริงๆ ทั้งหอย ปลาหมึก และปูเป็น ล้วนแต่ยังมีชีวิตอยู่แถมยังดิ้นกระแด่วๆ ให้ดู มิหนำซ้ำแล้วสมกับที่ผู้คนที่นี่สูงเฉลี่ยอยู่ที่สองเมตรเป็นอย่างต่ำในเพศชาย และหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตรในผู้หญิง หอยที่นี่จึงตัวใหญ่เท่าจานข้าวและแลบลิ้นออกมาแผล่บๆนอกเปลือกให้เห็นกันจะๆ

ปลาหมึกที่ว่าตัวน้อยแล้วก็ยังใหญ่เท่าหัวคน ปูไม่ต้องพูดถึงมันเข้าขั้นขั้นสัตว์ประหลาดด้วยซ้ำ แล้วยังกุ้งอีกเล่า....ไอดอลหนุ่มเลยเกิดอาการสยองขวัญกับอาหารทะเลสดๆ ตรงหน้า

"นี่มันอะไรกัน?" เจ้าหญิงเงือกเสียงดังขึ้นมาทันที

" หอยไซคี เรานิยมกินกันสดๆ หอยสดน่ะมันอร่อยลิ้นนัก....ยิ่งกินคู่กับน้ำแกงร้อนๆ ด้วยแล้วล่ะก็ แต่ถ้าเจ้าไม่ชอบของดิบ ก็เลือกเอา...ว่าอยากกินสิ่งใดเป็นพิเศษ จะให้พ่อครัวหลวงนำไปปรุงให้" นี่มันโออิชิบุฟเฟ่หรือไงวะ? ไอดอลหนุ่มถามตัวเองในใจด้วยความอึ้งตะลึง

"หอยตัวเท่ากระด้ง...." ชายหนุ่มพึมพัมได้แค่นั้นก็แลเห็นผู้อื่นเริ่มลงมือเปิบพิศดาร แงะฝากระด้ง..เอ้ย เปลือกหอย ในขณะที่ตัวหอยเป็นๆ นั้นยังกระดื๊บๆ อยู่คาเปลือก แค่นั้นธิดานาคาก็เริ่มคลื่นไส้โดยไม่ต้องแพ้ท้องเสียแล้ว

"กินกันเข้าไปได้ยังไง?" เดเมี่ยนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นตะโกน ทุกผู้คนจึงมามองเป็นตาเดียว

"เดรเมอาถ้าไม่ชอบหอยเจ้าลองอย่างอื่นดูมั้ย?" ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่ปลาหมึกยักษ์ที่ท่าทางดุร้ายออกแนวสู้ชีวิตไม่ยอมถูกเจี๊ยะง่ายๆ แล้วก็ผะอืดผะอมขึ้นมาอีก แล้วยังไข่กุ้งยักษ์ที่หน้าตาเหมือนลูกอ๊อดที่โตเท่ากำปั้นนั่นอีก

"ไม่!! นี่มันไม่ใช่อาหารแล้ว....นี่มันๆๆๆ" เจ้าชายมิลคาห์ตกพระทัยไม่แพ้คนอื่นๆ ในที่นั้น เมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของไอดอลหนุ่ม

"กินกันเข้าไปได้ยังไงจะอ้วก!! ข้าไม่มีทางยอมกินของแบบนั้นแน่ๆ"

"เจ้าหญิงเพคะ พระทัยเย็นไว้เพคะ ถ้าเจ้าหญิงไม่อยากเสวยอาหารทะเล งั้นรับเนื้อสัตว์แทนมั้ยเพคะ" เชรียาห์รีบโผมาหาเจ้าหญิงของนาง เมื่อได้ยินคำเสนอแบบนี้เดเมี่ยนชักสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าไอ้เนื้อที่กินอยู่ทุกวันนี่มันเนื้ออะไรกันแน่เสียแล้วสิ

" เชรียาห์ บอกข้ามาซิ ไอ้เนื้อย่างเมื่อวานมันเป็นเนื้ออะไร?"

"เอ่อ....เนื้อตัวเยราเพคะ" เมื่อฟังคำตอบจบคราวนี้ร้องโหยหวนออกมาก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก เพราะจำได้ว่าตอนที่ออกไปชมเมืองคราวก่อน ละแวกนั้นมีร้านขายเนื้อเยราด้วย....ชายหนุ่มจำได้ดีว่ามันหน้าตาเหมือนตะกวดไม่มีผิด

"เนื้อตัวเหี้ยเหรอ?!!!"

"ตัวเยราเพคะ ไม่ใช่ตัวเหี้ย..." หล่อนพยายามแก้ชื่อให้ถูก แต่ธิดานาคาไม่ใคร่จะสนใจนักว่ามันจะเป็นเนื้อตัวอะไร เพราะนางเอาแต่ทำท่าจะเป็นลมเป็นแล้ง จนใครต่อใครต้องพากันมาพยุง

"เดรเมอา...เจ้าเป็นอะไร?"

"ข้ากินของพวกนี้ไม่ได้!!? ยังไงก็ไม่กิน?"

"อ้าว?...ทำไมล่ะ? เจ้าไม่ถูกปากเหรอ?" เจ้าชายยังงุนงงไม่เข้าพระทัยว่าเจ้าสาวของพระองค์เป็นอะไรไป

"เชิญกินไปเองเหอะ.....ถ้าบังคับให้กินข้าจะฆ่าตัวตายคอยดูสิ!!"

"เดรเมอา!!?" คำขู่นั้นทำเอาเจ้าชายมิลคาห์ถึงกับตกตะลึง แต่ก่อนจะได้ทำความเข้าพระทัยอื่นใดอีก เงือกหนุ่มก็ผลักพระอุระโดยแรง แล้ววิ่งชนโต๊ะสำหรับล้มระเนระนาดจนอาหารหกลงบนพื้น ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องเสวยไป

"นางเป็นบ้าอะไรน่ะ?" ราชินีเมลฟาตรัสถามด้วยความตกพระทัยไม่แพ้กัน

"นั่นสิเพคะอยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาอาละวาด" ท่านหญิงเอโฟลาร์รีบรับเป็นลูกคู่ทันใด

"ข้าจะไปดูนาง" เจ้าชายรัชทายาทเตรียมเสด็จออกติดตามแต่ถูกเจ้าหญิงไมอาห์ดึงพระกรเอาไว้ก่อน

"ข้าไปเอง....เราเป็นผู้หญิงเหมือนกันบางทีบางสิ่งอาจบอกท่านไม่ได้" ตรัสจบก็ดำเนินนำหน้านางกำนัลไปด้วยความรวดเร็ว ปล่อยทิ้งให้เจ้าชายและพระบรมวงศ์ในห้องเสวยทุกพระองค์อยู่ในอาการมึนงง

ห้องเสวยทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันก่อนที่องค์ราชาฟารานจะรู้สึกองค์ก่อนผู้ใด จึงสั่งให้นางกำนัลเก็บกวาดของเสวยที่เดเมี่ยนปัดทิ้งจนหกเรี่ยราดบนพื้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์พึมพัมขึ้นมาให้ได้ยินไม่ขาดสาย เจ้าชายมิลคาห์ทรุดวรกายลงนั่งด้วยความไม่เข้าพระทัย ใน ขณะที่เจ้าชายอาดีเอลสำรวจอาหารอีกครั้งแล้วจึงถอนพระทัยออกมาดังๆ

"ข้าพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น"

"อะไร!!?" ผู้คนทั้งห้องถามขึ้นมาพร้อมกัน เจ้าชายรูปงามจึงแย้มสรวลออกมาด้วยความอ่อนพระทัยเล็กน้อยก่อนจะตรัส อธิบายเรื่องราวที่สันนิษฐาน

"เดรเมอา....นางเป็นเจ้าหญิงเงือกใช่หรือไม่?"

"เจ้าพี่อาดีเอล...เรื่องนั้นน่ะใครๆ รู้น่า....ว่านางเป็นปลา" ท่านหญิงเอโฟลาร์เอ่ยขึ้นมาแต่แล้วก็ต้องรีบเงียบเสียงลงเมื่อเห็นสีพระพักตร์ซึ่งแสดงความไม่พอพระทัยเต็มที่ของเจ้าชายมิลคาห์

"ใช่...เงือก...ปลา....อาหารทะเล.....เรากำลังบังคับให้นางกินเพื่อนของนาง เป็นใครจะไม่โวยวายขึ้นมาบ้างล่ะ ป่านนี้นางคงร่ำไห้คิดว่ามนุษย์อย่างพวกเราโหดร้ายเป็นแน่"

"อ้อ.....อย่างนี้นี่เอง จริงสิตอนนั้นนางถึงบอกว่ามันไม่ใช่อาหาร ถ้าบังคับให้นางกินนางจะฆ่าตัวตาย" เจ้าชายเคซาร์ทรงพยักพระพักตร์ด้วยความเห็นใจนางผู้มาจากทะเลตนนั้น

"นี่เป็นความผิดของข้าเอง.....ข้ามองทุกสิ่งตื้นเขินเกินไป เข้าใจไปว่านางอยู่ในทะเลก็คงกินอาหารทะเล กลับมองข้ามความรู้สึกนางไป....เฮ้อ ข้าเสียใจมิลคาห์ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจธิดานาคาเลย..." องค์ฟารานสลดพระทัยอย่างเห็นได้ชัด

"เสด็จพ่อ....หากท่านผิด....ข้าเองก็ผิดเช่นกันข้ามิได้ทันเอะใจ ซ้ำยังชักชวนให้นางร่วมกินอีกด้วย"

"นางก็บอกก็ได้นี่แต่ทำไมนางต้องโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นด้วย น่าเกลียดจริงๆ ไม่คิดถึงมารยาทบ้างเลย"

"เอโฟลาร์ป่านนี้ยังพูดถึงมารยาทอีกหรือ?" เป็นเจ้าชายเคซาร์ที่ตำหนินางผู้มีศักดิ์เป็นขนิษฐาของพระองค์

"เจ้าพี่เคซาร์ล่ะก็...."

"พอเถอะเคซาร์ใครจะไปล่วงรู้กันเล่าว่านางรับประทานสิ่งใดไม่ได้ ไม่ใช่ความผิดของพวกเราเสียหน่อย" ราชินี เมลฟาตรัสยุติเรื่องราวทั้งหมด "เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วนางไม่กินใช่ว่าผู้อื่นจะไม่กินนี่.....เอาล่ะมหาเล็กเจ้าจัดโต๊ะเสวยให้เจ้าชายมิลคาห์ใหม่ซิ แล้วนำอาหารมาใหม่ด้วย"

"ข้าไม่กิน!"

"เจ้าพี่มิลคาห์อย่าพลอยบ้าไปกับนางปลานั่นเลยเพคะ" เจ้าชายรัชทายาทไม่ต่อความใดอีก เพียงแต่ถอนพระทัยด้วยความสมเพชเวทนาผู้อื่นจากนั้นจึงขอตัวไป

"เชิญทุกท่านตามสบาย ข้าขอตัวไปดูนางหน่อย" ไม่ทันได้รอรับสั่งอนุญาตก็ทรงดำเนินออกจากห้องเสวยไปเรียบร้อยแล้ว

"เอ่อ....เสด็จลุง....ในเวลาอย่างนี้ข้าขอไปดูมิลคาห์หน่อยดีกว่าพะยะค่ะ"

"นี่เจ้าก็อีกคนหรืออาดีเอล?" ราชินีเมลฟาค้านขึ้นมาหากแต่องค์ราชาทรงประทานอนุญาต

"ไปเถอะ" เมื่อองค์ฟารานโบกหัตถ์เจ้าชายอาดีเอลจึงโค้งพระเศียรลงแล้วเสด็จออกไปอีกผู้หนึ่ง สร้างความไม่พอพระทัยให้องค์ราชินีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทอดพระเนตรไปก็แลเห็นโอรสของพระองค์มีท่าทีไม่ต่างกับเจ้าชายที่เพิ่งเสด็จออกไปทั้งสองพระองค์

"เคซาร์....หรืออยากตามพี่เจ้าไปอีกคน....งั้นก็ไปสิ คงไม่มีใครอยากกินข้าวกับข้าสินะ ก็กับข้าวมื้อนี้มันน่ารังเกียจ"

"เสด็จแม่....ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพะยะค่ะ เพียงแต่ลูกเป็นห่วงธิดานาคาเท่านั้น"

"จะต้องเป็นห่วงทำไม มิลคาห์สวามีนางก็ตามไปดูแล้ว เจ้าน่ะเป็นแค่คนนอกเท่านั้น" เมื่อได้ยินรับสั่งดังนั้นจึงนั่งลงตามเดิมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพระมารดาอีก

"เจ้าพี่เคซาร์....ถึงเจ้าพี่ตามไปอีกคนก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกเพคะ เจ้าพี่ไม่ใช่หมอ....แล้วมนุษย์อย่างเราก็ยากที่จะเข้าใจปลาอย่างนางด้วย"

"เดรเมอาเป็นเงือกมิใช่ปลา!! อีกประการนางในไม่ช้านางจะเป็นชายาของเจ้าพี่มิลคาห์ เจ้าไม่ควรเรียกธิดานาคาว่านางปลาอีก....โดยเฉพาะต่อหน้าเจ้าพี่!!"

"แหม....ข้าไม่ได้มีเจตนาดูถูกอะไรนางสักหน่อยนี่เพคะ เงือกกับปลาก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ เจ้าพี่ล่ะก็คิดมากไปได้"

"นั่นสิ....ข้าว่าเงือกกับปลา มันเครือๆ กันนั่นแหละ วงศ์วานสัตว์น้ำมิใช่มนุษย์อย่างเรา ตอนแรกข้าก็อยากให้เจ้าเป็นคนจับนางได้ แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าดีแล้วที่คนจับนางได้เป็นมิลคาห์ไม่ใช่เจ้า ไม่งั้นข้าคงเวียนหัวกับนางเป็นอันแน่แท้" เจ้าชายเคซาร์นั่งนิ่งพระขนอง(แผ่นหลัง)เหยียดตรง ไม่สนใจคำตรัสของพระมารดาอีก

"ข้าก็คิดว่านางโชคดีที่เจ้าพี่เป็นคนได้นางไป หาไม่ถ้าอยู่กับข้านางคงต้องฝืนทนกับคนแถวนี้แน่ๆ"

"เจ้าว่าอะไรนะเคซาร์" เสียงตรัสเมื่อครู่แผ่วเบาคล้ายพึมพัมกับองค์เองมากกว่า ผู้อื่นจึงได้ยินไม่ถนัดถนี่นัก

"มิได้เสด็จแม่....ข้าแค่ว่าข้าหิวแล้ว เสด็จพ่อก็เช่นกัน "

"อ้อ....อย่างนั้นเองรึ? นี่พวกเจ้าได้ยินมั้ย? เจ้าชายเคซาร์บ่นว่าต้องการเสวยแล้ว ยังชักช้าร่ำไรอะไรอยู่เล่า"



"เจ้าหญิงเพคะ อย่าทำอย่างนี้สิเพคะ ถ้าไม่ยอมเสวยอะไรเลยจะป่วยได้นะเพคะ" เชรียาห์พยายามกล่อมเจ้าหญิงของนางอีกครั้ง

ตั้งแต่ธิดานาคาวิ่งกลับมาถึงวังก็เอาแต่โวยวายและทำท่าจะอาเจียน แต่ไม่มีอะไรออกมาจากกระเพาะอันว่างเปล่านั่น ความจริงแล้วหากเป็นทีมงานของเดเมี่ยนแล้วล่ะก็ จะเป็นที่รู้กันว่าไอดอลหนุ่มนั้นแค่ดัดจริตไปเอง และมักจะงองแงเมื่ออาหารไม่ถูกปาก เพียงแต่หนนี้ ตกใจกับความจริงที่เพิ่งรู้ว่าอาหารที่กินเข้าไปหลายวันมานี้คือเนื้อตัวเยรา ซึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายตะกวดยักษ์ที่เป็นตัวแทนสิ่งอัปมงคลในประเทศสารขัณฐ์ หรือที่ภาษาท้องถิ่นแถวเมืองไทยเรียกกันว่า "ตัวเหี้ย" นั่นเอง

"ปล่อยให้ข้าตายไปเลย.....ไม่ต้องมายุ่งอีกนะ พวกเจ้ามีใครสนใจข้าบ้างล่ะ วันๆ ก็ยัดเยียดให้ทำโน่นทำนี่ กระทั่งของกิน...อุ..แหวะ!! นักร้องดังอย่างฉันกินตัวเหี้ยเข้าไปเหรอเนี่ย...โอ้ย ต้องไปล้างซวยกี่วัดฟะ" ว่าแล้วคนเจ้าปัญหามาแต่ไหนแต่ไรก็ตีโพยตีพายต่อไป

"ไม่เสวยเยราก็ได้เพคะ อาหารทะเล....เจ้าหญิงก็เสวยไม่ได้....ถ้าอย่างนั้น....เอานกโมร์มั้ยเพคะ"

"นกโมร์? ตัวอะไรอีกล่ะ....เยราก็ตัวเหี้ย นกโมร์นี่คงไม่แคล้วอีแร้งล่ะสิ? โอ้ย....ใครจะไปกินลง...."

"แต่ว่าๆๆๆ ถ้าไม่เสวยอะไรเลย พระวรกายจะอ่อนแออีกไม่ช้าต้องล้มป่วยแน่ๆ นะคะเพคะ"

"ก็อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ ข้าเป็นมังสวิรัติ...กินเจน่ะกินเจ" ทั้งที่ก่อนหน้านี้เดเมี่ยนไม่เคยกินเจกับใครเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญทางศาสนาก็ตามที แม้แต่เทศกาลเจพ่อคุณยังไปนั่งหม่ำเปปเปอร์สเต็กแบบสบายใจเฉิบ แต่มาบัดนี้ชายหนุ่มประกาศตัวเป็นมังสวิรัติงดเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาด

"อ่า....อยากเสวยอะไรเจเจ นะเพคะ?"

"ไม่ใช่เจเจ ข้าบอกว่าข้าไม่กินเนื้อสัตว์ ข้าไม่กินสิ่งมีชีวิตเข้าใจหรือเปล่า?"

"แต่ว่า....เมื่อวันก่อน....เจ้าหญิงยังตรัสว่าอร่อยอยู่เลยนะเพคะ"

"ปัดโธ่....ไอ้นั่นมันหลงผิดไปหน่อย ใครจะไปรู้ว่ามันเนื้อเล่า....อาหารที่แปลกๆ ทั้งนั้นแหละ เจ้าเคยบอกข้าไม่มั้ยล่ะ

ว่าอันไหนมันเนื้อสัตว์ อันไหนเป็นผัก ทุกอย่างของที่นี่ข้าไม่เคยกินทั้งนั้นแหละ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ากินอะไรไปเล่า!! อย่ามาหาเรื่องกันนะ"

"เพคะๆๆ เข้าใจแล้วเพคะ เจ้าหญิงไม่ได้ตั้งใจเสวยเนื้อสัตว์ และต่อไปนี้จะไม่เสวยเนื้อสัตว์อีกแล้ว...แล้วกินแต่พืชผักจะอยู่ได้หรือเพคะ?"

"ไม่ตายหรอกน่า......ในโลกของข้า ที่ภพสมุทรน่ะ ไม่เห็นมีใครตายเพราะกินผักเลย เป็นมังสวิรัติไปครึ่งโลกด้วยซ้ำ

ไหนจะสารพัดเทศกาล ตอนหน้าเจอีกล่ะ....ไม่กินกันทั้งประเทศนั่นแหละ"

"คนที่ภพสมุทร....ไม่กินเนื้อสัตว์เลยเหรอเพคะ" เชรียาห์รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่รับรู้มา โดยหารู้ไม่ว่าเดเมี่ยนน่ะขี้จุ๊เบ่เบ๊เอาตัวเองเป็นแกนกลางของคนทั้งโลก

"ก็ใช่น่ะสิ.....เราไม่กินสิ่งมีชีวิตกันหรอก เจ้าคิดว่าหอยมันไม่มีชีวิตหรือไง? มันนั่นแหละเป็นตัวสมดุลของทะเล คอยทำความสะอาดทราย สัตว์มีประโยชน์แบบนั้นใครจะกินมันกันหา? มีแต่พวกคนผมเขียวอย่างพวกเจ้าเท่านั้นแหละ ใจร้าย! ใจดำ! ใจอำมหิต! กินหอยน่ารักๆ พวกนั้นได้ลงคอ" พอโม้ได้ที่ก็เริ่มใส่น้ำตอแหลไปกันใหญ่

"เพคะๆๆ เข้าใจเพคะ พระทัยเย็นเพคะอย่าทรงกริ้วเลย"
"อ๋อ.....ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ข้าถึงว่าสิทำไมเจ้าทำท่าจะอ้วกตอนเห็นหอยบนโต๊ะอาหาร" เสียงนั้นเรียกชายหนุ่มให้หันกลับมาได้

"ไมอาห์....."

"อื้อ ข้าเอง....อย่าร้องไห้นะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าเสียใจหรอก องค์ราชาน่ะตั้งใจจัดงานเลี้ยงมื้อนี้เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ หลังรับทานกันเสร็จก็มีระบำรำฟ้อนให้ดูด้วยนะ......เพียงแต่....พวกเราคิดไม่ถึงและไม่ลึกซึ้งพอ เข้ากันง่ายๆ ว่าเจ้ามาจากทะเลก็น่าจะกินอาหารทะเล......ไม่ทันคิดว่า....เจ้าเห็นสัตว์พวกนั้นเป็นเสมือนเพื่อน"

"เอ่อ.....อ ไม่ใช่....คือ" เดเมี่ยนอึกอักไปทันที เมื่อพบว่าอาละวาดแรงเกินไปวีนแตกเกินกว่าเหตุทำให้คนอื่นตกใจกันทั่วหน้า

"ข้าขอโทษ.....กลับไปกินข้าวกับพวกนั้นเถอะ ข้าไม่เป็นไร"

"เฮ้อ....ฟังเจ้าพูดแบบนี้แล้วใครจะกินลงกันอีกล่ะ?"

"ขอโทษ...."

"จะขอโทษทำไมไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เพียงแต่.....เดี๋ยวเข้าอธิบายให้มิคคาห์ฟังอีกหนเถอะนะ เจ้านั่นเป็นพวกขี้กังวลป่านนี้คงคิดมากไปถึงไหนต่อไหนแล้ว"

"เค้าจะโกรธข้าหรือเปล่า? ที่ทำให้เสียหน้า....ต่อหน้าคนอื่น" ถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่าหวังเลยว่าไอดอลหนุ่มจะสนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร หรือรับผลกรรมอะไรจากการวีนแตกของตัวเองบ้าง แต่ในขณะนี้ยังไงก็ต้องพึ่งพาเจ้าชายมิลคาห์ชายหนุ่มเลยไม่อยากถูกยักษ์ผมเขียวตนนั้นโกรธเอา

"โธ่เอ้ย....ใครจะโกรธเจ้าลง มิลคาห์รักเจ้าจะตาย.....แถมที่เจ้าอาละวาดนั่นก็เพราะเจ้าเสียใจที่เพื่อนถูกกินไม่ใช่เหรอ?"

"แหะ แหะ"

"ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก!!"

สุรเสียงทรงอำนาจดังขึ้นมาพร้อมๆ กับวรกายสูงโปร่งนั้นเสด็จมานั่งลงข้างๆ เงือกหนุ่ม ส่วนเจ้าชายอาดีเอลซึ่งเสด็จตามหลังเจ้าชายมิลคาห์มาติดๆ ได้แต่นิ่งเงียบปล่อยให้เจ้าชายรัชทายาทปลอบประโลมนางแห่งทะเลไปตามลำพัง ทางด้านเงือกหนุ่มเมื่อแลเห็นเจ้าชายมิลคาห์มีสี พระพักตร์ไม่มีสู้จะดีนัก อีกทั้งยังทรงห่วงใยถึงเพียงนี้จึงไม่กล้าตีโพยตีพายใส่

"ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก คิดว่าเจ้าเป็นอะไรไปเสียอีก.....เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ไต่ถามเจ้าเสียก่อน ช่างน่าละอายยิ่งนัก เรื่องง่ายๆ แค่นี้กลับไม่เข้าใจ"

".....เอ่อ...มิลคาห์...คือ....ข้า...โอ้ย ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะวีนหรอกนะ....แต่แบบว่า เห็นแล้วมันจะอ้วกจริงๆ ก็เลย....ขอโทษนะ.....แต่ว่าข้ากินเนื้อสัตว์ไม่ได้จริงๆ จะหอย ปลาหมึก ตัวเหี้ย หรืออีแร้งก็ไม่เอา มันพิศดารเกินไป เอ้ย ไม่ใช่....คือมัน.....มัน" ชายหนุ่มก้มหน้าลงแล้วยกมือขึ้นปิดปากคิดหาคำพูดดีๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย ขืนพูดมากกว่านี้จะเข้าเนื้อ สุดท้ายจึงตัดสินใจดำน้ำไปตามความเข้าใจของคนอื่นท่าจะดีกว่า ว่าแล้วจึงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน

"หอย...เอ่อ สัตว์น้ำพวกนั้น.....สำหรับข้าแล้ว.....มันไม่ใช่แค่สัตว์ หรือแม้แต่เหี้ย เอ้ย ตัวเยราก็ตามที.....ท่านจะว่าข้าเรื่องมากก็ได้นะ.....แต่ข้าคิดว่าพวกมันเองก็มีชีวิตของมันเหมือนเช่นพวกเรา มันคงไม่อยากถูกกินหรอก....ถ้า เลือกได้คงไม่อยากเกินเป็นตัวเหี้ยหรอก.....ข้า...เอ่อ และชาวสมุทรเราถือเรื่องพวกนี้....ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญเราไม่อาจทำลายชีวิตของผู้อื่นได้ ถ้าทำอย่างนั้น.....ก็บาป.....เทพ....เอ่อ เทพเปปซ่า....ก็คงสาปให้ไปเกิดเป็นแพลงตอนไปเจ็ดชั่วโคตรแน่ๆ"

"แพลงตอน?"

"มันเป็นแมลงในทะเล.....ก็คล้ายๆ แมงหวี่น่ะ แมงวันน่ะ....ถ้าเราไม่เห็นคุณค่าของชีวิตผู้อื่น ชีวิตเราก็ไร้ค่าเช่น แมลง....แพลงตอน เป็นแบบนั้นน่ะมิลคาห์....ข้า...ไม่ตั้งใจทำให้ท่าลำบากใจ แต่ว่า....ข้า...ฮือ" พอเริ่มสำนึกได้ว่าผู้ชายโลกไหนมันก็แพ้น้ำตาทั้งนั้น ชายหนุ่มจึงไม่ลังเลที่จะบีบน้ำตามันสักหยดสองหยด

"ข้าเข้าใจแล้ว....อย่าร้องไห้เลยเดรเมอา....คนงามของข้า...." หนนี้เดเมี่ยนยอมปล่อยตัวให้เจ้าชายมิลคาห์โอบกอดปลอบประโลมแต่โดยดีไม่มีอิดเอื้อนเพื่อให้สมบทละครที่ลงทุนแสดงไปเมื่อครู่

"เฮ้อ....ข้าว่าแล้วเชียวเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย...." เจ้าชายอาดีเอลที่ตามมาสมทบด้วยหลังจากทรงเงียบสดับฟังอยู่เป็นนาน ก็อุทานออกมา ก่อนเสด็จมาดึงหัตถ์เจ้าหญิงไมอาห์ออกจากห้องไป

"นี่เจ้าจะลากข้าไปไหนปล่อยนะอาดีเอล!?"

"ปล่อยให้เขาอยู่กัน 2 คน หน้าที่ปลอบใจน่ะมันของมิลคาห์เจ้าไม่ต้องยุ่งเกี่ยว" ว่าแล้วก็นำพาเจ้าหญิงไมอาห์ออกไปจนได้

โลกของเดเมี่ยนเปลี่ยนไปทุกวันตั้งแต่มารับบทเจ้าหญิงเงือก ยังมีอีกหลายสิ่งที่ชายหนุ่มต้องเรียนรู้อีกมากรวมทั้งมารยาหญิง 800 เล่มเกวียน ที่มาบัดนี้เริ่มศึกษาและใช้การไป 1 เล่มเกวียนแล้วประสบความสำเร็จด้วยดี จนไอดอลหนุ่มนึกกลัวตัวเองว่าชักจะมีพรสวรรค์ทางด้านสตอเบอร์รี่มากเกินไปหรือเปล่า?

TBC....ตอนหน้าเด้อ




เพนกวินเม้าท์....แอบมีสาระด้วยนะงวดนี้

พักนี้แม่งมีแต่เรื่องเซ็งปรี๊ด....จริงๆ ควรจะเขียนเมื่อวาน
(สาเหตุคือไปเจอนามปากกาเดียวกันในบอร์ดอื่นแต่เพนกวินตัวนั้นไม่ใช่เราน่ะ)พอดีเซ็งไปก่อน...
แต่เรื่องจบเร็วเกินคาด
เพนกวินตัวนั้นถอดมงกุฏคืนให้แล้ว
เลยมีอารมณ์เขียน.....ซึ่งเขียนสดๆ ร้อนๆ อีกแล้ว
ปลาทองตัวนี้มันปลาเผาชัดๆ...
เขียนเสร็จแล้วโพสเลยทุกตอน
พนักงานทวงต้นฉบับมันทำหน้าที่ดีเกินไป
นั่งเฝ้าจนกว่าจะเขียนเสร็จ

อยากจะบอกว่า.....จริงๆ แล้วเราเป็นคนเกลียดฟิคน้ำเน่า
ประเภทที่ชอบเอานายเอกไปนุ่งกระโปรงแต่งหญิงและสุดท้ายคือ พยายามให้มันท้องให้ได้ด้วยวิธีการพิศดารวิธีใดวิธีหนึ่ง และเป็นคนที่ไม่เคยเขียนแฟนตาซีแนวนี้เลย...แมงหื่นขาประจำคงรู้ แต่เรื่องนี้มันดันโหวตได้นี่หว่า.....
อ๊าก...ก!! เขียนก็ล่าย..ย เฟ้ย!!


แต๊...แต่....เราก็ขอเขียนด้วยสไตล์เราอ่ะนะ
กลายเป็นเบื้องหลังดาวพระศุกร์
นายเอกที่เห็นโคตรนิ่มแบบแพลทเทิลสำเร็จรูป
จากเรื่องอื่นๆ....ก็จะได้เห็นจากเรื่องนี้
นายเอกเจ้าน้ำตาน้ำเน่าแตกจากแพลทเทิลยอดนิยม
ก็จะได้เห็นในเรื่องนี้.....ตูจะให้มันร้องไห้เผาเต่าเลย
เพียงแต่.....ขอเขียนเบื้องหลังนายเอกแสนดีอ่อนแอบอบบาง เบื้องหลังความน้ำเน่าแตกนั้นเป็นอย่างไร?


คือเราว่าเราอ่ะเขียนฟิค Y ในเมื่อเขียนเรื่องเกย์
เราก็ไม่อยากเขียนผู้หญิงในร่างผู้ชาย รับไม่ได้อ่ะ...
ไม่งั้นตูจะเขียนไปทำไมถ้าไม่ต่างกะเรื่องปกติ
ดังนั้น....จะยังเขียนให้มันเป็นผู้ชาย
ถึงแม้มันจะนุ่งกระโปรง มีผัว แต่งตุ๊ด
น้ำเน่าแตก โดนนางร้าย กะแม่ผัวไล่ตบ
อ่อนแอสู้ใครไม่ได้.....น่าปกป้องเป็นที่ซู๊ดดดดดดด....ด
ก็ยังขอเป็นนายเอกสไตล์คิงเพนกวิน
K แต่กำเนิด แม่สั่งมาให้ K
แต่จะคงสูตรน้ำเน่ายอดนิยมแบบแพลทเทิลสำเร็จรูปเอาไว้
ถึงกระนั้น....เราก็ยังคงเชื่อว่า
ฟิคของเราก็คือของเรา ต่อให้สำเร็จรูปยังไง
มันจะไม่เหมือนใคร ไม่เหมือนคนอื่นอย่างแน่นอน
สิ่งที่อยากจะบอกคือไม่มีใครไม่เคยลอก
แต่ลอกยังไงให้เป็นตัวเอง....
หวังว่าปลาทองตัวนี้คงจะบอกใครหลายๆ คนได้
อยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนไม่ลอก


แต่ลอกยังไงให้คนชื่มชม
ลอกยังไงไม่ต้องอาศัยจมูกคนอื่นในการเขียน
ปลาทองนี่นะ....จะบอกให้
ฉันก็ลอกว่ะ ลอกมา จริงๆ นะ ลอกมาจากเรื่อง
No return ของพี่ Rai เชื่อมั้ย?


อ่านเรื่องนั้นแล้วอยากเขียนแฟนตาซีบ้าง
ก็เลยลอกมาอ่ะ เหอ เหอ แต่ลอกแล้วมันออกมา
เป็นแบบนี้ฟ่ะ สงสัยไม่ตั้งใจลอกอย่างพอเพียง
ลอกแล้วดันไม่เหมือน....แถมเพื่อนๆ ที่เคยอ่านเรื่องนี้
ด่าอีก....ว่าอุบาทว์กว่าของพี่ราย 3 เท่า
ขอโทษที่อุบาทว์ค่ะ....อ่านๆ ไปเหอะ


วิธีลอกให้ไม่เหมือน.....ง่ายมั่กๆๆ จะบอกให้
วิธีนั้นคือเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด
เอาอิทธิพลทุกอย่างที่รับเข้ามา แปลงให้เป็นตัวเรา
อย่าให้เราเปลี่ยนไปตามอิทธิพลเด็ดขาดไม่งั้นล่ะ
จบชีวิตเลย.....นักเขียนที่ดีควรมีสไตล์ตัวเอง
มีอิสระทางความคิดให้เต็มที่ ส่วนเรื่องสำนวน
เทคนิคต่างๆ มันเป็นของที่เสริมทีหลังได้
จากประสบการณ์และการฝึกฝนเรียนรู้


สุดท้ายอยากบอกว่าลอกกับได้รับอิทธิพล นั้น
ไม่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด ถ้ายกเรื่องปลาทองฯขึ้นมา
เป็นตัวอย่างในการอธิบาย...ก็น่าจะเห็นความแตกต่างของคำว่าลอกกับได้อิทธิพลแบบชัดเจน การได้อิทธิพลไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด....แต่การทำให้เรื่องนั้นๆ เป็นสไตล์ของเราสำคัญที่สุด ถ้าทำไม่ได้ก็คือ ลอก นั่นแหละ!!


สำหรับคนที่อยากเขียนเรื่องในแนวที่เคยอ่านเจอ
หรือแนวเดียวกับนักเขียนที่ชอบ
ต้องระวังข้อนี้ไว้ให้มาก อย่าทำให้คนที่ไม่ได้ลอก
เกิดอาการประสาทแดกต้องนั่งเซิร์ทกูเกิ้ลทุกวัน
วันนี้ใครจะลอกกกูมั่งวะแบบนี้เลย...
ขอร้อง มันเซ็งจริงๆ นะ



ใครลอกปลาทองขอสาปแช่งให้ชาติหน้าเกิดเป็นแพลงตอน!!


ที่สำคัญ....ไม่ต้องกังวลว่าเขียนแล้วคนอื่นจะชอบมั้ย?
อย่าเขียนตามใจคนอ่านล่ะก็ บอกเลยว่าอย่าเขียน
เพราะมันจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
อีกประการคนอ่าน 100 คน ชอบไม่เหมือนกัน
ทั้ง 100 คนหรอก คนเขียนไม่สามารถตามใจคนอ่าน
ทุกคนได้ ดังนั้นเขียนตามใจตัวเองนี่แหละ.....
ถ้าเราชอบคนอ่านก็จะชอบเอง
ต้องสนุกที่จะเขียนเสียก่อน
แล้วความสุขมันจะถูกส่งต่อ
ไปในงานของเรา....
คนอ่านสัมผัสได้อย่างแน่นอนค่ะ


คำเตือน...เวลาเขียนอย่าเอามันส์เกินไปจนมีแต่บทสนทนา ลืมบรรยาย และต้องมีเหตุผลรองรับถ้าเอามันส์จนบ้าอยู่คนเดียว คนอื่นก็ไม่ยอมรับเช่นกัน


ปล.และเนื่องจากปลาทองฯ มันเป็นฟิคเผา
เขียนเสร็จโพสเลยทุกครั้ง ความเอ๋อจะถูกพบเป็นระยะในเรื่อง สิ่งที่ขาดตกบกพร่องไป ขอไปเติมตอนรวมเล่มละกันน้า

ขอบคุณค่ะ
คิงเพนกวิน (คิงฯ น่ะมีคนเดียวก็พอ)








Create Date : 13 กันยายน 2549
Last Update : 13 กันยายน 2549 1:00:26 น. 9 comments
Counter : 1468 Pageviews.

 
555 ชอบอะ ขำดีจัง นึกว่าอาหารทะเลสดสู้ชีวิตแล้ว


โดย: JingleJ IP: 203.130.159.2 วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:11:21:50 น.  

 


โดย: FUKU IP: 58.9.25.3 วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:11:58:36 น.  

 
โทษทีเมื่อกี้กดผิด ตามมาเม้นท์ เพราะถ้าไม่ให้ เดี๋ยวจะโกรธาขึ้นมาอีก
ก็ขำๆ เหมือนเดิม แต่ก็ยังสนุกอยู่ ดี ชอบตอนวีนแตกแล้วต้องไหล(แหล) ต่อมากๆ
เหมือนเคยเจอที่ไหนมากก่อน
เอาเป็นว่าเป็นความสามารถส่วนบุคคลของผู้เขียนที่ไม่มีใครทำได้ ให้นายเอก น่าหมั่นไส้ แบบขำขำ ได้อยู่คนเดียว
ปล. ไม่ต้องกลัวใครลอกหรอก เพราะอ่านก็รู้ว่าไม่ใช่
จะมีก็แต่หน่วยก๊อปปี้มากกว่า


โดย: FUKU IP: 58.9.25.3 วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:12:02:23 น.  

 
ขอ ฮาด้วยคนครับ


โดย: ปากกาพเนจร (ปากกาพเนจร ) วันที่: 14 กันยายน 2549 เวลา:12:49:03 น.  

 
ตามมาอ่านต่อ อย่างฮาเลยค่ะ
นางเอกของเรา สะตอมาก ได้ใจ

อยากรู้จังว่าเรื่องจะเป็นยังงัยต่อไป สงสารแต่พระเอกจิ ต้องอกหักแหง


โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:7:09:41 น.  

 
ถึงคุณ เพนกวิน
พึ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกรู้สึกประทับใจมาก เล่นเอาอ่านรวดเดียวจบเลย การเขียนนิยายของคุณสนุกมากมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นจุดที่ดี การที่เราไม่มีการบรรยายสรรพคุณของบริบทรอบข้างมากไปทำให้เรื่องถูกตัดทอนความไร้สาระและกระชับเรื่องได้ดีขึ้น คุณลองสังเกต นิยายไทยสิ อ่านเริ่ม 10 หน้า กรีดอ่านตอนกลาง15หน้า ตอนจบ 2 บทก็รู้เรื่องแล้ว การนำเสนอนิยายของคุณเท่ดี(ใช้สรรพวัยรุ่นไปหรือเปล่าไม่รู้)การถูกวิจารณ์ว่าเราได้รับอิทธิพลจากใครไม่อยากให้คุณนำมาเป็นเรื่องขุ่นเคืองใจ คุณสามารถพิสูจน์ได้คือ theme ของเรื่องที่ต่อเนื่องหลังจากนี้ การใส่มุข ความต่อเนื่องของอารมณ์ และเนื้อหาขอบอกว่าคุณเขียนได้ดีกว่านักเขียนอีกหลายคนที่ตระเวณอ่านมาวันนี้


โดย: someone IP: 203.172.73.253 วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:23:28:22 น.  

 
ขอบคุณค่ะ...ไม่ได้ขุ่นใจหรือมีใครมาว่าเรื่องได้อิทธิพลค่ะ แต่ว่าเขียนเปรียบเทียบให้ดูน่ะค่ะ ว่าได้รับอิทธิพลกับลอกต่างกันยังไง ดีใจนะคะที่ชอบ


โดย: คิงฯ (คิงเพนกวิน ) วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:1:54:00 น.  

 
MNVHBKHJLJK;LK;L;/KL;/./,/LK;JKUIUTRHGFNH


โดย: LKKJ;LL/.K.KJ IP: 125.27.118.166 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:9:22:59 น.  

 
;LH;NBB,LHK.L


โดย: OUIP;OP''' IP: 125.27.118.166 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:9:24:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คิงเพนกวิน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




เป็นเพนกวินตัวน้อยๆ ดุร้ายเป็นบางโอกาส
มักจะถูกชาวบ้านในเน็ตเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย
ประจำ ไม่ก็กะเทย เกย์ พอเจอตัวจริงก็ถูก
อุทานใส่หน้าว่า "อ้าว?!! ทำไมเป็นผู้หญิงล่ะ?"
<---ฉันมันแมนมากหรือไงยะ? แรกก็ขำๆ อ่ะนะ
แต่พอมีครั้งที่ 2-3-4-5--->800 ชักเครียดว่ะ



A King's penguin story
Friends' blogs
[Add คิงเพนกวิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.