มือลอก !!
"ถ้ามือลอก หมายถึงจะมีเรื่องได้เงินได้ลาภ (ก้อย)"
วันนี้มือซ้ายผมลอกแต่เช้า อาจจะเพราะฤทธิ์ของน้ำผงซักฟอกเมื่อ 2-3 วันก่อนก็เป็นได้
เที่ยงๆแวะไปกินข้าวที่ ร.พ. เซนหลุย กินข้าวที่โรงอาหารของโรงบาลมีข้อดีหลายอย่าง ราคาถูก , สะอาดแบบเชื่อใจได้ว่าไม่น่าจะท้องเสียแน่นอน และ ถ้าท้องเสียขึ้นมาจริงๆ สามารถกระดึ๊บไปหาหมอได้ในเวลาไม่เกิน 30 วินาที
ระหว่างที่รอสั่งอาหารอยู่ มีใครคนนึงเรื่องชื่อผมขึ้นมา
"เฮ้ย !! เอ็ม !!"
ชายไทยร่างผอม ผิวดำ ยืนยิ้มฟันขาวจั๊วอยู่ตรงหน้า ... ผมใช้เวลาไม่นานก็นึกออกว่าเขาคือเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัย ม. ปลาย ชื่อ กิตติวัฒน์ ( นามสมมุติ ) ... นายคนนี้เป็นเพื่อนที่ผมไม่เคยลืมเลย จากเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น ...
.... ....
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน กิต เป็นเพื่อนที่ผมไม่ค่อยจะได้สนิทสนมนัก เรารู้จักกันเนื่องจากเป็นเพื่อนในห้อง และก็เล่นบาสอยู่ในทีมกีฬาสีด้วยกัน ภาพกิตที่ผมจำได้ก็คือ กิตเป็นคนหัวดีพอสมควร เวลาที่สอบมักจะได้คะแนนค่อนข้างดี เป็นคนเฮฮา และเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกคน
คืนหนึ่ง หลังจากที่ผมกลับจากโรงเรียน กินข้าวเย็นและกำลังจะขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อนตามประสา มีผู้ชายสองคนมากดกริ่งที่หน้าบ้าน ... คนหนึ่งคือเพื่อนที่ผมค่อนข้างสนิทในห้อง ชื่อ โจ้ใหญ่ (นามสมมุติ) ส่วนอีกคนคือนายกิตนี่เอง ทั้งสองคนขี่มอเตอร์ไซด์มาหาผมทำไมนะ ดึกป่านนี้แล้ว
"มีอะไรเหรอ" ผมลงมาจากบ้าน เข้ามาถามด้วยหน้าตายิ้มแย้มบวกสงสัย "เฮ้ย .. เรามีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือว่ะเอ็ม" กิตพูดขึ้น
หลังจากที่ยืนพูดคุยกันอยู่ราวๆ 10 กว่านาทีได้ ผมก็ได้ทราบข่าวร้ายที่ว่า หอพักของกิตถูกโจรขึ้นห้อง เงินถูกขโมยไปหมด พร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าที่ยังอยู่ครบ ...
"มีอะไรที่เราพอจะช่วยนายได้บ้างไม๊" ผมถามด้วยความสงสารในความซวยของเพื่อน "อืม ... คือเราอยากจะขอยืมเงินนายซักพันนึงจะได้ไม๊"
เงินหนึ่งพันสำหรับเด็กมัธยมเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย แต่ผมก็ตอบไปทันทีที่เพื่อนขอร้อง "ได้สิ เอาตอนนี้เลยไม๊ แต่เราต้องไปกดเงินที่หน้าหมู่บ้านนะ นายขี่รถพาเราไปหน่อยสิ" "อื้ม .. ได้ ขอบใจนายมากนะ"
ผมวิ่งขึ้นไปเอากระเป๋าสตางค์ที่บ้าน จากนั้นก็ซ้อนรถไปกดเงินที่หน้าหมู่บ้านให้กิตทันทีหนึ่งพันบาท ... กิตพาผมมาส่งที่บ้าน ขอบอกขอบใจผมยกใหญ่ ผมไม่พูดอะไรมาก เพียงแต่ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ..
"พอรึเปล่า ... ถ้าไม่พอบอกเราได้นะ"
กิตส่ายหัว ยิ้มให้แล้วบอกขอบใจเรามากที่ช่วยเหลือ ผมเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยหน้าตายิ้มแย้ม หลับฝันดีที่ได้ช่วยเพื่อน
2-3 วันต่อมา ผมมารู้อีกทีว่า จริงๆแล้วกิตเอาเงินที่ยืมผมไป ไปจ่ายหนี้พนันบอล ที่ติดอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น กิตยังยืมเงินของเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้งอาจารย์อีกด้วย มีเพียงผมคนเดียวที่ไม่รู้เลยว่ากิตมาขอยืมเงินไปทำไม ... ไม่นาน กิตต้องออกจากโรงเรียน เมื่อทางโรงเรียนเรียกผู้ปกครองมาพบ กิตกลับไปเรียนโรงเรียนไกล้ๆกับพ่อแม่ โดยที่ไม่ได้คืนเงินเพื่อนๆที่ยืมไปเลย ...
ผมไม่เสียดายกับเงินที่เสียไป แต่เซ็งนิดๆที่โดนต้มจนสุก แถมประโยคสุดท้ายที่ผมพูด ยังกลายเป็น joke เด็ดของเพื่อนๆเวลาพูดถึงกิต ...
"พอรึเปล่า ... ถ้าไม่พอบอกเราได้น๊าาาา .... ก๊ากกกก กั่กๆๆๆๆๆ" เพื่อนๆเฮฮา ในความซื่อ(+บื้อ) ของผม
....................
ตัดภาพกลับมาที่โรงอาหาร ผมยืนคุยกับเพื่อนคนนี้อยู่สักพัก จนทราบว่าปัจจุบันเค้าได้ทำงานที่รพ.นี้ มีงานที่ดี ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าก่อน ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเงิน เพราะตอนนี้มันกลายเป็นเพียงเรื่องขำ ขำ เวลาผมนึกถึงสมัยก่อนๆ
ผมยืนคุยกับกิตซักพัก กิตก็ขอตัวไปทำงานต่อ ผมยิ้มแย้มบอกเพื่อนให้โชคดี ...
ไม่ทันขาดคำ กิตควักกระเป๋าเงินขึ้นมา หยิบแบงก์ 1 พันบาท แล้วยื่นมาให้ผม
"อ๊ะ .. พอดีเลย ... นายเป็นคนสุดท้ายละ ที่เราจะได้คืนเงินเพื่อนๆ" ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันว่า กิตพยายามคืนเงินเพื่อนๆทุกคนที่เคยยืมไปเมื่อสมัยก่อน และผมก็เป็นคนสุดท้าย ที่กิตจะได้คืนเงินที่ยืมไป และจะได้หมดความรู้สึกผิดที่เคยหลอกเพื่อนๆเสียที
ผมยิ้มรับน้ำใจของเพื่อน "อื้ม ... หวังว่านายคงจะเลิกได้แล้วนะ" "แน่นอนเพื่อน .. เอ่อ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่ว่ากันนะ" กิตตอบแบบยิ้มๆ "ไม่เป็นไร ... ขอให้โชคดีเพื่อน"
... กิตเดินจากไป ... ผมเหลือบดูแบงก์หนึ่งพันบาทใบใหม่ในมือ เป็นแบงก์พันที่ขำ ที่สุดในชีวิตที่เคยเห็นมา
ผมเอามือไปดึงหนังกำพร้าบนมือซ้ายที่ลอกๆเมื่อเช้า ... นึกในใจ ถ้ามันลอกต่อไปอีกนานๆก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะเนี่ย
Create Date : 18 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2549 17:07:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 24183 Pageviews. |
|
|