|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของ keigo นะคะ ^^
blog นี้เป็น blog เก่าค่ะ ได้ย้ายบ้านไป thisiskeigo.wordpress.com แล้ว ไปติดตามกันได้ที่นั่นค่ะ ^^ หรือติดตามเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/thisiskeigo ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ^^
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ #1
*** เนื้อเรื่อง ตัวละคร และสถานที่ในเรื่องต่อไปนี้ เป็นเพียงเรื่องสมมติขึ้นเท่านั้น หากไปพาดพิงกับเหตุการณ์จริงในชีวิตใครก็ตาม ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ไม่มีเจตนาจะล่วงเกินแต่อย่างใด ***
ฉันกับเธอ ... เรารู้จักกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่ฉันเข้าทำงานใหม่ ๆ เลยมั้ง เพียงแต่ว่าเรายังไม่ค่อยรู้ัจักอะไรกันและกันมากไปกว่า "คนร่วมงาน" ด้วยกัน
ฉัน ... ทำงานเป็น Technical Support
เธอในตอนนั้น ... ทำงานเป็น Operation Support
เธอเล่าให้ฉันฟังว่า เราเจอกันเพราะเธอเป็นคนโทรศัพท์ไปปลุก (แต่ฉันยังไม่ได้หลับนะ) ฉันกลางดึก ด้วยเรื่องที่ว่ามีระบบมีปัญหา และฉันต้องเข้ามา onsite กลางดึก
ฉันออกจากบ้านอย่างหัวฟู ๆ เพราะกำลังจะเข้านอน เสื้อยืดตัว กางเกงยีนส์ขาสั้นแค่เข่าตัว แล้วก็ให้เธอพาเข้าห้อง server เราอยู่กันตามลำพังอยู่เพียงครู่ใหญ่ ฉันก็ปล่อยตัวเธอออกจากห้อง server ไป
เธอบอกฉันว่า ตอนนั้นเธองงมากว่าฉันให้เธออยู่เป็นเพื่อนทำไม ... แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า "ขี้เกียจโทรไปเรียกเธอให้มาเปิดห้องให้น่ะ"
- -^
ราว 2 ปีผ่านไป เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง คราวนี้เธอมาในฐานะใหม่ที่เราต้องร่วมงานกันอย่างจริงจังซะแล้ว
เธอเดินตรงมาหาฉันพร้อมด้วยกระดาษ list รายชื่อ server และระบบต่าง ๆ ในมือ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากฉันในเรื่องของ batch ของระบบต่าง ๆ เหล่านั้น
... ใช่แล้ว เธอทำงานในส่วนของ batch หรือ Schedule Support นั่นเอง ซึ่งทุกระบบมี batch ทุกระบบสิน่า หลีกเลี่ยงที่จะทำงานด้วยกันกับเธอไม่ได้เลย ...
แรก ๆ เธอบอกกับฉันตามตรงว่าเธอไม่เก่งเรื่อง command unix นัก และฉันซึ่งเป็น "หนูทดลอง" ของเธอในการที่นำ batch ของระบบต่าง ๆ ในความดูแลของฉันมารวมเป็น "Batch Consolidate" ก็เลยกลายเป็นว่าฉันคอยช่วยเหลือเธอในเรื่อง command ที่เธอไม่เก่งนักไปด้วยโดยปริยาย
นานวันเข้า เธอก็มาขอฉัน add MSN และเราก็ได้คุยกันบ่อยขึ้น
ทุกครั้งที่เราคุยกัน ฉันรู้สึกสนุกที่ได้คุยกับเธอ รู้สึกดีที่ได้คุยกับเธอ รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเธอ เพราะท่าทีและคำพูดของเธอนั้นดูกวน ๆ เล่น ๆ และเป็นกันเองกับฉันมาก ๆ
อย่างตอนแรก ๆ ฉันรู้จักเพียงแค่ชื่อจริงของเธอ ก็เลยถามเธอถึงชื่อเล่น
ฉัน : เออ ว่าจะถามอยู่ ชื่อเล่นชื่อไรอ่ะ ไม่เคยรู้ 555 เธอ : ง่ะแง เธอ : ชื่อตั้ม ฉัน : เชๆ ฉัน : ชื่อโหลเนอะ คิกๆ ฉัน : ขี้เกียจเรียกชื่อจิงอ้ะ มันยาววว เธอ : แหม...ยังกะกบนี่ไม่โหลอะ ฉัน : 5555 แหมมมมมมมม ฉัน : ชื่อนี้เค้าตั้งเองหรอก พ่อแม่ไม่ได้ตั้งชื่อนี้ให้อะ เธอ : กำ เธอ : เอ้า แล้วชื่อไรอะ เธอ : ชิ ตั้งเองได้อีก เธอ : เอ้า..ชื่อไรอะๆๆๆๆๆ ฉัน : ก้อกบนั่นแหละ ฉัน : ใช้มานานมากจนลืมไปแล้วว่าใช้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉัน : เหอๆ เธอ : ชิ บ้านนอกน่า เธอ : อายได้อีก เธอ : มั่นใจแซร่!!! เธอ : บอกมาๆๆๆ ฉัน : ม่ายบอก
อ้อ ... แรก ๆ เธอนึกว่าฉันอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ทำเอาฉันไม่ยอมที่จะรุ่นเดียวกับเธอ (เพราะแอบเชื่อในใจว่าฉันอ่อนกว่าแน่นอน) ฉันก็เลยคาดคั้นถึงปีเกิดของเธอ จนได้รู้มาว่าเธอเกิดปี 18 ในขณะที่ฉันเกิดปี 25 ... เราห่างกัน 7 ปีทีเดียว ...
วันหนึ่ง เกิดเหตุร้ายกับฉัน ฉันถูกกระชากกระเป๋าถือไปบริเวณออฟฟิศ พอวันทำงานต่อ ๆ มา คนทั้งออฟฟิศก็เลยรู้เรื่องกันให้แซ่ดไปหมด
แล้วพี่ ๆ ในทีมก็พาฉันไปผ่อนคลายจากความเสียใจนั้นด้วยการไปคาราโอเกะแห่งหนึ่ง แล้วระหว่างนั้นเธอก็โทรศัพท์มาหาฉัน บอกว่ารู้เรื่องแล้ว และเป็นฉันใช่ไหม (รู้เรื่องแบบที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ) และเธอก็ปลอบฉันเป็นการใหญ่
นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้โทรศัพท์คุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ และฉันก็ได้เบอร์ของเธอมาเมมไว้ในเครื่อง
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเราก็ได้คุยกันแทบทุกวัน ไม่เจอหน้ากันในที่ทำงาน พูดคุยกัน เราก็โทรคุยทางมือถือ
"เคยมีแฟนมะ"
เธอถามฉันทาง MSN ในตอนเช้าวันหนึ่ง ทำเอาฉันตาโตด้วยความประหลาดใจไปพักใหญ่ ... ก็งงน่ะสิว่าเธอจะถามฉันทำไม - -!
แต่ตอนนั้นฉันก็ตอบแบบกวน ๆ เธอไป แบบว่าออกนอกเรื่องไปเลย
เธอ : เคยมีแฟนมะ เธอ : ตอบมาแซร่!!!! ฉัน : หือ ? ฉัน : คนเค้าทำงานนะ มะได้อยู่ว่าง ๆ แหมมม ตอบช้านิดช้าหน่อยนี่ไม่ได้เลยนะ เชอะ ฉัน : โอ๊ยย ใครเค้าจะมีแฟนเป็นร้อยคนอย่างพี่ละ คิกๆ เธอ : ยังไม่ถึงร้อยนะ แค่ 99 ขาดอยู่คนนึงอิอิ ฉัน : อะนะ ฉัน : จะให้กบเป็นคนที่ร้อย ว่างั้น ? ฉัน : ก้ากๆ :P เธอ : เลขสวยนะ อิอิ ฉัน : ฮะๆๆๆๆ ฉัน : กบว่าน่าจะเกินร้อยแล้วมากกว่าละม้าง ... เธอ : เด๋วใส่เป็นเลข ID ให้ อิอิ ฉัน : เง้อ
ตอนค่ำวันหนึ่งระหว่างที่เราคุยโทรศัพท์กันนั้น เธอก็ถามย้ำฉันอีกทีว่า
"เคยมีแฟนหรือยัง ?"
แ้ล้วฉันก็ยังคงตอบแบบกวน ๆ ไปเช่นเคย จนเธอเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ว่า
"เอางี้ ... เคยอกหักไหม ?"
... ฉันคิดอยู่นิดหน่อย ก่อนที่จะย้อนถามกลับไปว่า
"แล้วนิยามของคำว่าอกหักของพี่น่ะคืออะไรหรอ ?"
จากนั้นฉันก็รีบชี้แจงให้ฟังว่าทำไมต้องถามแบบนี้ ...
"เคยไปให้พระที่นึงดูดวงให้ พระถามว่าเคยอกหักไหม กบก็บอกว่าเคย แต่พอพระถามว่าเคยมีแฟนหรือยัง กบก็บอกว่ายัง พระท่านก็บอกว่าถ้างั้นจะเคยอกหักได้ไง ... กบก็เลยเข้าใจว่าอกหักหมายถึงว่าต้องมีแฟนก่อนถึงจะอกหักได้ แต่สำหรับตัวเองแล้วน่ะ ไม่ได้คิดแบบนั้น แอบรักใครแล้วไม่สมหวังก๊อกหักได้"
"อื้ม ... แล้วเคยมีมั้ยล่ะ ?" เธอถามอย่างสนใจ
"โอ๊ย ... เยอะแยะนับไม่ถ้วน สมัยเรียนน่ะแอบชอบเค้าไปทั่วล่ะ" ฉันตอบหัวเราะ ๆ อย่างกวน ๆ ตามสไตล์ของฉัน
แต่สุดท้ายฉันก็เห็นแก่ความพยายามในการถามของเธอ ก็เลยบอกไปว่าเคยมีแฟนอยู่คนหนึ่ง แต่ก็เิลิกกันไปแล้ว โดยที่ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน ซึ่งเธอก็อดที่จะถามต่อไปอย่างสนใจไม่ได้ว่าทำไมถึงเลิกกัน
ฉันจำได้ว่าไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับเธอมากนักถึงแฟนเก่าของฉันคนนั้น หากแต่เธอก็กลับเดาเหตุการณ์โดยตลอดได้ทั้งหมดอย่างถูกต้องแม่นยำราวกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกระนั้น
อดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่า
... เธอรู้ใจฉันจัง ...
และที่สำคัญ หลังจากที่เธอรู้เรื่องทั้งหมด เธอก็ไม่ได้ซ้ำเติมฉันด้วยว่าฉันโง่ บ้า ดื้อรั้นอะไรมากมายขนาดนั้น หนำซ้ำยังคอยให้กำลังใจฉันอีกด้วย
ตรงนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจในตัวเธอมากขึ้นทุกวัน ๆ
ตอนค่ำวันหนึ่งหลังเลิกงาน ฉันก็ตามพี่ ๆ ทีม GFMIS ออกไปกินเลี้ยงที่ร้านพะ-นะ-คอน เชิงสะพานพระราม 5 และด้วยความที่ว่าเป็นงานเน้นกินซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งฉันเองไม่ค่อยถนัดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีพี่ในทีมเอ่ยปากขอตัวกลับออฟฟิศก่อนเพราะมีงานรออยู่ ฉันก็เลยไม่รอช้าที่จะขอตัวติดรถพี่กลับมาด้วย
ก่อนถึงออฟฟิศเล็กน้อย เธอก็โทรมาหาฉัน
"จะให้เข้าไปนั่งรอมั้ยล่ะ อยู่หน้าออฟฟิศนี่เอง" ฉันถามยิ้ม ๆ กวน ๆ เพราะนึกว่าเธอคงไล่ฉันกลับบ้านอยู่แล้วล่ะ ยิ่งฉันแซวว่าให้เธอไปส่งด้วยแล้วล่ะก็ ไม่่มีทางเป็นไปได้หรอก
... ก่อนหน้านั้น เธอเคยเล่าให้ฟังว่า เคยจีบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แล้วก็ไปส่งเค้าที่บ้าน ก็เลยรู้ว่าบ้านเค้าไกลมากมาย เธอก็เลยเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นอีก ...
บ้านฉันน่ะ ไกลจากห้องพักเธอจะตาย จะไปส่งฉันได้ยังไง ...
"ก็เข้ามาซี เดี๋ยวไปส่ง" เธอว่าเช่นนั้น
ฉันก็เลยเปลี่ยนใจที่จะกลับบ้าน แล้วตรงเข้าไปในออฟฟิศอีกครั้งหนึ่ง ... ฉันเลือกที่จะไม่ไปนั่งที่โต๊ะทำงานของฉัน และเลือกที่จะมานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอแทน
ฉันนั่งเล่นเน็ตรอเธอจนเกือบ 5 ทุ่มได้ เธอถึงเสร็จงาน แล้วเราก็เดินออกจากออฟฟิศด้วยกัน
เธอถามทางกลับบ้านฉันเล็กน้อย ซึ่งเธอถามทางที่เป็นทางด่วน ฉันก็ตอบไปเท่าที่พอรู้ แล้วก็เริ่มออกเดินทางกัน แต่ระหว่างทางนั้นเอง ฉันพูดถึงรถเมล์สาย 203 ซึ่งอยู่ข้างหน้ารถของเธอพอดี แ้ล้วเธอก็เลยขับรถตาม 203 ไปซะงั้น ทำให้เราเข้าไปเส้นจรัญสนิทวงศ์ ... ซึ่งไม่ได้ใกล้กับทางด่วนเลยแม้แต่น้อย
เธอขับรถไปตามถนนเส้นนั้นเรื่อย ๆ จนถึงท่าพระ โดยที่บ่นตลอดทางว่า ไกลมากมายจริง ๆ
"ก็วกรถกลับไปซี ไม่เป็นไรหรอก กบกลับเองก็ได้" ฉันว่าเช่นนั้นตลอดที่เธอเปรย ๆ ถึงความไกลอย่างนั้น
"งั้นวนรถกลับจริง ๆ นะ" สุดท้ายเธอก็หันมา comfirm ฉันอีกครั้ง
"อื้ม เอาเล้ย ..." ฉันพยักหน้ารับประกอบ
จากนั้น เธอก็จึงรีบยูเทิร์นรถกลับไปอีกทางหนึ่งทันที แล้วเธอก็ขับรถไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงหอพักของเธอซึ่งเป็นอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งย่านบางกะปิ
เธอจอดรถในบริเวณลานจอดรถของอพาร์ทเมนต์แห่งนั้นจนเรียบร้อย จึงเดินนำฉันไปยังห้องพักของเธอ
ฉันเดินตัวลีบ ๆ ตามไป จนกระทั่งเธอสังเกตเห็นและหันมาสัพยอกฉันนิดหน่อยว่า
"คืนนี้ไม่ทำอะไรหรอกน่า ง่วงจะตายอยู่แล้ว ไม่มีอารมณ์ทำอะไรหรอก"
ทำเอาฉันอดใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้
"ใส่เสื้อตัวไหนดี ... ?" เธอถามราวกับพูดกับตัวเองในขณะที่ยืนเลือกเสื้อผ้าของเธออยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของเธอ
แล้วเธอก็ส่งชุดบอลให้ฉันชุดหนึ่ง พร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง แล้วเธอก็หันไปเลือกเสื้อผ้าของเธอบ้าง ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปก่อน
หลังจากนั้นฉันก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำบ้าง อดที่จะมองไปรอบ ๆ ห้องน้ำอย่างอยากรู้ไม่ได้ว่ามีของใช้ผู้หญิงอยู่ในห้องบ้างหรือไม่
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันก็ค่อย ๆ มาล้มตัวนอนริม ๆ ฟูกที่นอนของเธอฝั่งหนึ่งอย่างเขิน ๆ และไม่กล้าที่จะนอนข้าง ๆ เธอ
"ทำไมไม่นอนบนหมอนล่ะ ? ชอบนอนแบบไม่มีหมอนหรอ ?" เธอถามอย่างแปลกใจ
ฉันก็เลยจำต้องกระดึ๊บ ๆ ไปนอนบนหมอนใบหนึ่ง และไม่ลืมที่จะหยิบหมอนข้างใบหนึ่งขึ้นมากั้นกลางระหว่างเราเสียด้วย
แต่แล้วด้วยความที่ผ้าห่มผืนเล็กเกินไปที่จะห่มเราทั้งสองคนและหมอนข้างใบหนึ่งได้หมด ฉันก็เลยจำต้องดึงออก เพื่อให้เราได้ห่มด้วยกันได้ทั้งคู่
เรานอนคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็เริ่มเอาแขนมาพาด เอาขามาพาด ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า
"ชอบนอนแบบนี้"
แต่เธอรู้ไหม ... ฉันเกร็งจะตายอยู่แล้วที่เธอมาพาดบนตัวฉันแบบนั้นน่ะ ~>.<~
สุดท้าย ฉันก็เลยต้องสารภาพกับเธอตามตรงว่า
"กบกลัว ..."
"กลัวอะไร ?" เธอถามงง ๆ
"กลัวพี่ตั้ม ..." ฉันสารภาพเสียงอ่อย ๆ
"กลัวพี่ ? กลัวทำไมตอนนี้ มันควรจะต้องกลัวตั้งแต่บนรถแล้ว" เธอบ่น
"ก็บนรถมันอยู่บนถนนนี่ ไม่น่ากลัวเท่าตอนนี้อ่ะ" ฉันเถียงข้าง ๆ คู ๆ
"แล้วจะให้ทำไงล่ะ ?" เธอถามตัดรำคาญมั้ง
"ก็เอาแขนออกไปดี้" ฉันรีบบอก
จากนั้นเธอก็เลยเอาขาและแขนที่พาดบนตัวฉันออกแต่โดยดี แถมด้วยการนอนหันหลังให้ฉันเสียด้วย
ทำเอาฉันอดใจเสียไปนิดหน่อยไม่ได้ ... ไม่ได้รังเกียจนะ เพียงแต่ฉันรู้สึกกลัวจริง ๆ นี่นา
หลังจากนั้น ฉันก็ค่อยหลับตาลงได้สนิทใจได้เสียที ^^
To be continued ...
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2552 9:04:26 น. |
|
2 comments
|
Counter : 621 Pageviews. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:41:26 น. |
|
|
|
|
|
|