keigolin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของ keigo นะคะ ^^

blog นี้เป็น blog เก่าค่ะ ได้ย้ายบ้านไป thisiskeigo.wordpress.com แล้ว ไปติดตามกันได้ที่นั่นค่ะ ^^
หรือติดตามเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/thisiskeigo
ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ^^
New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add keigolin's blog to your web]
Links
 

 
I’m Sorry : ใครผิด ?

“เกรดเทอมนี้เป็นไงมั่ง หนึ่ง ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นทันทีที่ลูกชายของเขาหรือเจ้าของนามที่เขาเรียก ‘หนึ่ง’ ก้าวเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว

หนึ่งสะดุ้งน้อย ๆ อย่างตกใจ ก่อนที่จะหันไปทางต้นเสียงช้า ๆ

“พ่อยังไม่นอนอีกหรือครับ ? เที่ยงคืนกว่าแล้วนะครับ” หนึ่งกล่าวอย่างสงสัยพร้อมกับเดินไปทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามบิดาของเขา

“พ่อรอแก” ผู้เป็นบิดาตอบสั้น ๆ พร้อมทั้งวางหนังสือเล่มหนาในมือลงบนโต๊ะ

“เกรดล่ะ ? ออกแล้วไม่ใช่เหรอ ?” เขาทวงถึงสิ่งที่เขาต้องการอีกครั้ง เมื่อบุตรชายวัยหนุ่มของเขายังอิดเอื้อนไม่ยอมส่งสิ่งที่เขาต้องการให้

“ไว้พรุ่งนี้ดีมั้ยครับพ่อ ? มันดึกมากแล้วนะครับ” หนึ่งท้วงอ่อน ๆ แต่บิดาของเขาก็ยังนิ่งไม่โต้ตอบกระไร ทำให้เขาจำต้องค่อย ๆ หยิบกระดาษออกจากแฟ้มเอกสารของเขา แล้วค่อย ๆ ส่งให้

ในระหว่างที่บิดาของเขากำลังพิจารณาผลสอบของเขาอยู่นั้น หนึ่งก็ทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำพร้อมรับโทษอย่างสำนึกผิดเท่านั้น

“ไม่มี A สักตัว มี B 2 ตัว C+ อีก 3 ตัว D 1 ตัว.…” ผู้เป็นบิดาเว้นวรรคนิดหนึ่ง พร้อมทั้งเหลือบไปยังร่างตรงข้ามที่ก้มหน้านิ่งอยู่แล้วพูดต่อด้วยเสียงหนัก ๆ ว่า

“และ F อีก 1 ตัว”

“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าจะต้องไม่มี F แม้แต่ตัวเดียว ?” พูดขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากนิ่งเงียบไปนานอึดใจหนึ่ง

ร่างที่ก้มหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าเขาพยักหน้ารับน้อย ๆ ด้วยความเกรงกลัว ก่อนรับคำสั้น ๆ และเบา ๆ ว่า

“ครับพ่อ”

“เราตกลงกันไว้ว่ายังไง ไหนทวนมาซิ” ทวงสัญญาที่ตกลงกันไว้เสียงเข้ม

“ถ้าได้ F พ่อจะตีผมเท่าอายุผมครับ” หนึ่งก้มหน้าตอบเสียงเบา

“แล้วทำไมยังได้ F มาอีก ?” เสียงที่ถามนั้นเคร่งเครียดเหลือเกิน ทำเอาร่างหนุ่มน้อยตรงหน้าถึงกับสั่นไหวน้อย ๆ ทีเดียว

หนึ่งกลืนน้ำลายข่มความกลัว ‘บทลงโทษ’ อย่างยากเย็น ก่อนที่จะค่อย ๆ บอกตามตรงว่า

“วิชานี้มันยากครับ ผมอ่านหนังสือยังไงก็ไม่เข้าใจ มันก็เลยไม่เข้าหัว จำไม่ได้น่ะครับ”

“แล้วอาจารย์ก็มี ทำไมไม่ไปถาม ?” น้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ

“ถามแล้วครับ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ถามเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่องซักคน วิชานี้ F กันเกินครึ่งอีกนะครับ” ท้ายประโยคเริ่มทอดเสียงออดบิดาเล็ก ๆ

ผู้อาวุโสกว่านิ่งมองร่างนั้นอยู่นานโดยไม่มีคำพูดใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง จวบจนกระทั่งหนึ่งสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อบิดาของเขาถอนหายใจยาวออกมา

“ไปนอนได้แล้ว หนึ่ง” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นในที่สุดพร้อมทั้งส่งใบผลการสอบคืนให้

“อะไรนะครับ ?” หนึ่งถามอย่างไม่เชื่อหูตนเอง

พ่อไม่ลงโทษเขาหรอกหรือ ???

“พ่อบอกว่าไปนอนได้แล้วไง ถึงแม้คราวนี้พ่อจะไม่เอาผิด แต่ก็อย่าได้ใจ ถ้าคราวหน้ามีแบบนี้อีก พ่อจะทำโทษนะ เข้าใจมั้ย ?”

“ครับพ่อ ขอบคุณครับ” หนึ่งรีบยกมือไหว้ขอบคุณอย่างดีใจที่บิดาของเขาไม่ถือโทษ ก่อนที่จะรีบเก็บใบแจ้งผลการสอบของเขาและแฟ้มเอกสารแล้วรีบเดินขึ้นไปยังชั้นบนของตัวบ้านทันที

ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อหนึ่งเดินอย่างเร็วลับหลังไปแล้ว เขาก็ได้ถอนหายใจยาว ๆ ออกมาหนึ่งครั้ง พร้อมทั้งปิดตาลงอย่างอ่อนล้า กระหวัดนึกถึงภาพในห้วงอดีตซึ่งบัดนี้เหมือนดั่งได้กลับไปสู่ภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้งหนึ่ง


…
23 ปีที่แล้ว

“เอ๊ะ ! จดหมายนี่ มีอะไรหรือเปล่านะ ?” วิชพูดออกมาเบา ๆ กับตัวเองเมื่อเขาพบว่ามีจดหมายราชการซองหนึ่งวางอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา

ไม่รอช้า เขารีบแกะซองจดหมายนั้นออกอ่านทันที แล้วก็วางจดหมายฉบับนั้นลงอย่างอ่อนแรง

“กิ๊บ…” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ

ในเย็นวันนั้นเอง วิชก็กลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ

“ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง ?” กิ๊บ น้องสาวของวิชเอ่ยทักขึ้นยิ้ม ๆ อย่างประหลาดใจ

“กิ๊บน่าจะรู้นะว่าพี่ทำไมถึงกลับมาเร็ว ?” เขาย้อนด้วยสีหน้าขรึม ๆ พร้อมทั้งยกซองจดหมายราชการขึ้นให้น้องสาวเห็นได้ชัดเจน

กิ๊บนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าเธอรู้

“ทำไมกิ๊บทำอย่างนี้ ? กิ๊บไม่บอกพี่สักคำว่ากิ๊บได้ F มาแล้ว แล้วก็ถึง 4 ตัวด้วย ? ถ้าพี่ไม่ได้จดหมาย พี่ก็จะไม่มีวันรู้ใช่มั้ย ?” วิชเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังอย่างไม่พอใจ

“กิ๊บไม่กล้าบอก กิ๊บกลัวโดนตี” กิ๊บสารภาพเสียงอ่อย ๆ

“แล้วให้พี่เป็นไอ้โง่มารู้เองเนี่ยนะ แม่รู้หรือยัง ?” ตอนท้ายหันไปทางมารดาซึ่งนั่งรับชมโทรทัศน์อยู่ข้าง ๆ กิ๊บ

“เรื่องอะไร ?” ผู้เป็นมารดาหันมาถามงง ๆ ด้วยที่เธอไม่ได้ฟังบุตรทั้งสองของเธอสนทนากันเลย

“กิ๊บสอบตก ได้ F มาตั้ง 4 ตัว นี่ก็ติดโปรแล้วด้วย นี่ไงจดหมาย” วิชบอกอย่างเคือง ๆ พร้อมทั้งส่งจดหมายไปให้มารดาของเขา

สายตาของมารดาปราดไปที่ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว

“ไอ้หยา ! ตายแล้ว กิ๊บ กิ๊บสอบตกเหรอ หา ? ทำไมกิ๊บไม่ตั้งใจเรียนดี ๆ แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้กิจกรรมน่ะ ไม่ต้องไปทำมัน กิ๊บดื้อนี่นา” เธอร้องอุทานพร้อมทั้งโวยวายทันทีที่เธออ่านจดหมายฉบับนั้นจบลง

“กิ๊บไม่ได้ทำ กิ๊บไม่เคยทำเลยตั้งแต่ปี 1 แล้ว พี่วิชบอกไม่ให้ทำ กิ๊บก็ไม่ทำ” กิ๊บเถียงเบา ๆ

“แล้วมันตกได้ยังไง ?” วิชหันมากระชากเสียงถาม

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมี F แม้แต่ตัวเดียว ?” เขาถามต่อโดยไม่รอคำตอบจากน้องสาวเลย

“มันยากมากเลยนะพี่วิช เพื่อน ๆ กิ๊บก็ได้ F กันตั้งหลายสิบคน” กิ๊บตอบโอด ๆ ติดจะอ้อน ๆ นิด ๆ

“แล้วไอ้หลายสิบคนที่มันไม่ตกล่ะ ? ทำไมเขาถึงผ่านมาได้ ? กิ๊บไม่พยายามเองนี่นา” วิชย้อน ทำเอากิ๊บนั่งนิ่งอึ้งไปเลย

“พี่ผิดหวังนะ ผิดหวังมาก ตั้งแต่เด็ก กิ๊บไม่เคยสอบตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว กิ๊บเรียนดีมาตลอด ได้เกรด 3 กว่าทุกครั้ง พี่ภูมิใจในตัวกิ๊บคนนั้นมาก แล้วพี่ก็ภูมิใจมากขึ้นเมื่อกิ๊บเอ็นทรานซ์ติดในคณะอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยนี้ แล้วกิ๊บก็มาทำให้พี่หมดความภูมิใจด้วยการโปรแบบนี้” วิชพูดช้า ๆ เน้นทุกคำที่เขาพูดออกมา

“มีแฟนหรือเปล่า ?” แม่ถามขึ้นไปอีกทางหนึ่ง

“เปล่าค่ะ กิ๊บไม่มี” กิ๊บรีบปฏิเสธทันที

“อย่าโกหกอีกนะ” วิชรีบสำทับตามมารดาของเขา

“จริง ๆ ค่ะ กิ๊บไม่มี” เด็กสาวยืนยันอย่างหนักแน่น

“แล้วมันตกได้ยังไงกันล่ะ ?” มารดาพูดขึ้นลอย ๆ

แล้วทั้งสามก็นิ่งไปอิริยาบถนั้นอีกอึดใจหนึ่ง ก่อนที่วิชจะเดินออกไปจากห้องนั้น แล้วกลับเข้ามาใหม่พร้อมทั้งไม้หวายยาวในมือ

“กิ๊บ ยืน” เขาสั่งสั้น ๆ

“เราตกลงกันแล้วนะว่าถ้ากิ๊บสอบตก พี่จะตีกิ๊บตามอายุ” เขาบอก

“กิ๊บไม่ได้ตกลงด้วยนี่นา พี่วิชพูดเองเออเองหมดเลย” กิ๊บเถียงในใจ แต่ปากนั้นกลับนิ่งเงียบพร้อมทั้งยืนขึ้นแต่โดยดี

“กิ๊บนะกิ๊บ พี่บอกแล้วว่ามีอะไรก็ให้บอก อย่าทำอย่างนี้ อย่าเรียนแย่อย่างนี้ เพื่อนมีทำไมไม่ให้มันติวให้” พูดไปพร้อมทั้งหวดไม้ในมือลงบนตัวกิ๊บอย่างแรงไปด้วย

“แล้วมาติดโปรเอาตอนปี 3 จะหลุดเมื่อไหร่ จะต้องเรียนอีกกี่ปี 5 ปีพอมั้ย ? จบออกไปจะเกรดเท่าไหร่ดี ฮะ กิ๊บ ? 2 พอดีงั้นเรอะ ? แล้วใครที่ไหนมันจะรับกิ๊บเข้าทำงาน ? ไม่ไหวเลย แย่มาก ๆ”

แล้ววิชก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ มารดาอย่างอ่อนแรง แล้วโบกมือไล่โดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองน้องสาวของเขาซึ่งยืนร้องไห้นิ่งเงียบอยู่

“ไป ไปได้แล้ว ขึ้นไปอ่านหนังสือ แล้วทีหลังอย่ามีอีก ถ้าพี่รู้พี่จะตีเป็น 2 เท่า”

กิ๊บหมุนตัวอย่างเร็วพร้อมทั้งรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไป

“แรงไปหรือเปล่าลูก ? ดูหน้าตากิ๊บมันเซียว ๆ ไปนา” ผู้เป็นแม่ร้องท้วงเบา ๆ อย่างห่วงใยในตัวบุตรีคนเล็กเหลือหลาย

“ไม่หรอกครับแม่ ต้องเจ็บถึงจะได้จำ และไม่ทำอีก” วิช บุตรชายคนโตพูดอย่างมั่นใจ

“ยังไงพรุ่งนี้ หรือคืนนี้ก็ไปดู ๆ น้องหน่อยเถอะนะลูก” นางกล่าวอย่างสงสาร

ส่วนกิ๊บ..เธอทุ่มตัวลงบนเตียงนอนภายในห้องของเธอ พร้อมทั้งปล่อยเสียงร้องสะอึกสะอื้นอย่างไม่เกรงใจใครอีกแล้ว

“กิ๊บพยายามแล้ว กิ๊บทำเต็มที่แล้ว แต่กิ๊บทำไม่ได้…” เธอนึกในใจอย่างปวดร้าว พร้อมทั้งน้อยใจพี่ชายของเธอที่ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้อธิบายอะไรเลย



เช้าวันต่อมา

“กิ๊บไปหรือยัง ?” วิชถามมารดาของเขาในขณะที่นั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่

“ยังเลยลูก ไม่รู้ว่ามีเรียนเช้าหรือบ่าย วิชไปตามน้องทีเถอะ” ผู้เป็นมารดาตอบพร้อมทั้งขอให้เขาไปตามกิ๊บ

“ได้ฮะ แม่” เขารับคำ แล้วรีบเดินไปยังห้องของน้องสาวทันที

“กิ๊บ ตื่นได้แล้ว” วิชร้องเรียก พร้อมทั้งเคาะประตูหนัก ๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากข้างในห้องเลย

“กิ๊บ ! กิ๊บ ! ตื่นหรือยัง ?” เขาเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีก

เงียบ !! ไม่มีเสียงตอบจากข้างในห้องอีกเช่นเคย

“น้องไม่ตื่นหรือลูก ?” มารดาของเขาเดินตามมาสมทบ

“ฮะแม่ ผมเรียกหลายคำแล้ว ไม่ตอบเลย ยังไม่ได้ออกไปแล้วแน่นะฮะ ?” เขาพูดขึ้นอย่างร้อนใจ

“ยังนะ ตั้งแต่แม่ตื่น แม่ยังไม่เห็นกิ๊บเลยลูก” นางตอบทันทีอย่างมั่นใจ

“กิ๊บ ! กิ๊บ !” เขาหันไปเรียกอีกพร้อมทั้งเคาะประตูถี่ ๆ อย่างแรง

“กิ๊บ ! ลูก ตื่นหรือยัง ? ตอบแม่หน่อยสิ” ผู้เป็นมารดาผสมโรงเรียกบุตรสาวของเธอด้วย

“ผมไปเอากุญแจสำรองดีกว่านะฮะแม่ แม่เรียกกิ๊บไปก่อนนะ” วิชรีบระล่ำระลักบอกอย่างนึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีนัก ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเอากุญแจมาเปิดห้องนั้น ในขณะที่มารดาของเขาก็ยังส่งเสียงเรียกพร้อมทั้งเคาะประตูไม่ได้หยุด

ทันทีที่วิชพร้อมทั้งมารดาเปิดประตูเข้าไป ต่างก็ตะลึงกับภาพตรงหน้า

กิ๊บนอนนิ่งอยู่บนเตียง ในมือหนึ่งของเธอมีขวดยาฆ่าแมลงอยู่ด้วย

“กิ๊บ !” ผู้เป็นมารดาร้องอย่างตกใจพร้อมทั้งปราดเข้าไปเขย่าตัวลูก

“กิ๊บ อย่านะลูก ลืมตาสิ กิ๊บ… ไม่นะ !!! ไม่…”



ภายในงานศพเล็ก ๆ ของกิ๊บที่วัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใกล้ ๆ บ้านของกิ๊บนั้นเอง ก็แน่นขนัดไปด้วยบรรดาเพื่อน ๆ ของกิ๊บ

“โธ่ !! กิ๊บ แกจะรีบจากชั้นไปไหนวะ ? แล้วอย่างนี้ใครจะติวให้ชั้นนนน... โฮ ๆๆๆ” เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของกิ๊บร้องโฮอย่างไม่อายสายตาใคร

“ใช่ ๆๆ แล้วพวกชั้นหาใครติวเนี่ย ?” เด็กสาวอีกคนที่มาด้วยกัน ก็ร้องออกมาด้วยเสียงสะอื้น

เพราะเสียงของเด็กสาวสองคนนั้นเอง ทำให้วิชต้องหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ เลี่ยงมาหาเด็กสาวสองคนนั้น

“น้องครับ โทษนะครับ เมื่อกี้นี้น้องว่าใครติวให้น้องนะฮะ ?” วิชเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย

“กิ๊บค่ะ” เด็กสาวคนแรกตอบด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย

“แต่ก็ไม่ใช่ทุกวิชาหรอกนะคะ กิ๊บเป็นคนเรียนดีเสมอแหละค่ะ วิชาไหนที่กิ๊บเรียนได้ กิ๊บก็จะคอยสอน คอยช่วยพวกหนูเสมอ ไม่ใช่แค่หนูสองคนนะคะ ทั้งห้องเลยแหละค่ะ กิ๊บเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อน ๆ มาก น่ารัก เรียนเก่ง แล้วนี่กิ๊บเสียได้ไงคะ ?” เด็กสาวอีกคนเสริม พร้อมทั้งย้อนถามอย่างสงสัย

“แล้ววิชาที่เค้าได้ F ล่ะครับ ?” วิชสอบถามต่อไปอย่างสนใจ เพิกเฉยต่อคำถามประโยคหลังของอีกฝ่าย เพราะนี่เป็นข้อมูลที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“เราก็ F กันเกือบทั้งห้องแหละค่ะ จริง ๆ กิ๊บควรจะรอดด้วยซ้ำ พวกเราเป็นคนผิดเองแหละค่ะ พวกเราไปขอร้องให้กิ๊บเปิดห้องติวให้พวกเรา ทั้ง ๆ ที่กิ๊บบอกก่อนหน้านี้แล้วว่าวิชานี้กิ๊บจะไม่ติวให้ เพราะมันยากมาก กิ๊บเองก็ยังเรียนไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย กิ๊บกลัวได้ F มากค่ะ กิ๊บอยากอ่านหนังสือเยอะ ๆ อยากทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ แต่กิ๊บก็ยอมติวให้พวกเรา จนกิ๊บไม่มีเวลาทบทวนเลย”

“ใช่ค่ะ กิ๊บชอบบ่นเสมอว่า กิ๊บจะได้ F ไม่ได้เป็นอันขาด พอพวกหนูเห็นกิ๊บเครียด ๆ พวกหนูก็พยายามพาเค้าไปเที่ยวพักสมองนะคะ กิ๊บไม่ยอมไปเลย มัวแต่ขลุกอยู่ในห้องสมุด เค้าอ่านหนังสือตลอดค่ะ เค้าเครียดมาก ๆ เลย”

“แล้วคนที่ไม่ได้ F ล่ะครับ ทำไมถึงไม่ติวให้ซะเอง ?” วิชถามต่ออย่างสนใจ

“โธ่ ! พี่คะ ก็ไอ้พวกนั้นเป็นพวกเด็กเรียนที่งกวิชานี่คะ มันจะยอมติวให้พวกเราที่ไหน ในบรรดาเด็กเรียนทั้งหมด กิ๊บเป็นคนเดียวที่มีน้ำใจ เผื่อแผ่ความรู้ให้เพื่อน ๆ ตลอดเลยค่ะ” เด็กสาวทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน

นี่ก็เป็นข้อมูลที่วิชไม่เคยรู้มาก่อนเเช่นกัน เขาไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวคนเดียวของเขาไม่ได้เรียนเล่น ๆ อย่างที่เขาและมารดาเข้าใจ เธอพยายามแล้ว เธอทำดีที่สุดแล้ว…

แล้วระหว่างการมีน้ำใจแบ่งปันความรู้ให้เพื่อน ๆ แล้วทำให้ตัวเองสอบตกกับการไม่มีน้ำใจแต่สอบผ่าน ถ้าเป็นเขา เขาจะเลือกอย่างไหนกันนะ ? เขาควรจะภูมิใจในตัวน้องสาวคนนี้หรือเปล่าที่เป็นคนมีจิตใจดีงามเช่นนี้ ? หรือเขาควรจะโทษชะตาที่ทำให้น้องสาวของเขาเป็นคนมีน้ำใจเช่นนี้ดี ?



หลังจากงานศพของกิ๊บได้ผ่านพ้นไปแล้ว วิชและมารดาของเขาก็เก็บข้าวของส่วนตัวของกิ๊บอยู่ภายในห้องส่วนตัวของกิ๊บ วิชก็ได้พบว่า สิ่งที่เด็กสาวเพื่อนของกิ๊บเล่าให้ฟังนั้นไม่ได้โกหก เพราะบนโต๊ะหนังสือของกิ๊บปรากฏหนังสือหลายเล่มที่ยืมมาจากห้องสมุดและยังไม่ได้นำไปคืน

ทันใดนั้นเอง สายตาของวิชก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวที่ถูกพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ วางอยู่ใต้โคมไฟบนโต๊ะ

“อะไรน่ะ ?” วิชหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาคลี่ออกอ่านทันที

“กิ๊บมันเป็นคนไม่เอาไหน เรียนก็ไม่เก่ง ได้ F เทอมละตัวมา 4 เทอมติดต่อกัน กิ๊บมันแย่ที่ทำให้พี่วิชขายหน้า น่าเสียดายแทนคนที่อยากเข้าแล้วไม่ได้จริง ๆ เพราะกิ๊บเองไม่ได้อยากเรียนเลย กิ๊บไม่ชอบในสิ่งที่พี่วิชหยิบยื่นให้ กิ๊บไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อย มันไม่ใช่ตัวกิ๊บเลย แต่กิ๊บก็ทนเพราะพี่วิช และกิ๊บก็คิดว่ากิ๊บเรียนได้ แต่ยิ่งเรียนไป ๆ กิ๊บกลับรู้สึกว่า นี่เป็นสิ่งที่กิ๊บไม่ชอบเอาซะเลย แต่ไหน ๆ กิ๊บก็เรียนมาแล้ว กิ๊บก็จะทนต่อไป กิ๊บพยายามตั้งใจเรียนเต็มที่กับสิ่งที่กิ๊บไม่ถนัดแม้แต่นิดเดียว

กิ๊บรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่พี่วิชบอกให้กิ๊บเรียนดี ๆ สมัยก่อนตอนเรียนมัธยม พี่วิชก็จะบอกให้กิ๊บเรียนให้ได้มากกว่า 3.00 กิ๊บก็ลำบากจะแย่ แต่กิ๊บก็ทำได้อย่างบังเอิญที่สุด แต่พอเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พี่วิชก็บอกอีกว่าอย่างน้อย ๆ เทอมแรกกิ๊บจะต้องทำให้ได้อย่างน้อย 3.00 กิ๊บทำไม่ได้ ทำได้แค่ 2.5 เท่านั้นเอง เทอมต่อ ๆ มาพี่วิชจึงบอกกับกิ๊บว่า กิ๊บควรจะได้อย่างน้อย ๆ 2.5 ทุกเทอม กิ๊บอึดอัดใจและลำบากใจกับคำที่พี่วิชบอกมาก ๆ กิ๊บรู้ตัวเองว่ากิ๊บไม่ใช่คนฉลาด จนกระทั่งกิ๊บได้ F ตัวแรก กิ๊บไม่กล้าบอกพี่วิช เพราะกลัวพี่วิช กลัวจะเป็นการทำลายความหวังของพี่วิชลง แล้วกิ๊บก็แก้ตัวด้วยการทำให้ดีขึ้นในเทอมต่อมา แต่กิ๊บก็ทำไม่ได้ กิ๊บได้ F อีกครั้ง กิ๊บรู้สึกแย่มาก ๆ กิ๊บพยายามแก้ตัวเท่าไหร่ มันก็ไม่เป็นผลเลย

กิ๊บแย่จริง ๆ ที่ทำให้พี่วิชและแม่คอยขายหน้ามีลูกสอบตก กิ๊บกราบงาม ๆ มาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ กราบขออภัยแม่ ที่กิ๊บไม่ได้ตอบสนองพระคุณแม่ที่ทำให้กิ๊บได้เกิดมาบนโลกที่แสนจะโหดร้ายใบนี้ กราบขอโทษพี่วิชที่กิ๊บเป็นเด็กดีสมความตั้งใจพี่ไม่ได้ กิ๊บลาก่อนค่ะ…กิ๊บ เด็กไม่เอาไหน”

วิชปล่อยแผ่นกระดาษในมือให้ตกลงพื้นก่อนที่จะสะอื้นฮักออกมาอย่างสำนึกผิด

“กิ๊บ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจิตใจกิ๊บแบบนี้ กิ๊บ…..” เขาร้องออกมาเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะล้มลงหมดสติกับพื้น พร้อมทั้งน้ำตาของลูกผู้ชายที่ไหลรินอาบแก้มไม่ขาดสาย



Create Date : 18 มกราคม 2551
Last Update : 18 มกราคม 2551 10:48:28 น. 3 comments
Counter : 493 Pageviews.

 
พี่กบ

มาอ่านค่ะ อ่านจบแล้ว อยากได้คอมเมนต์แบบไหนคะพี่กบ เอาละเอียดรึเปล่า ถ้าเอาละเอียด รบกวนส่งเมล์มาดีกว่าค่ะ กลัวว่าคอมเมนต์จะระรานคนอื่น น่าจะต้องคุยกันยาว ก๊ากกกก

ว่าแต่นี่จบรึยังคะ หรือว่ามีต่อคะ


โดย: ไกลนั้น วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:13:40:05 น.  

 
อึม แต่สิ่งนึงที่เป็นข้อขัดแย้งกันของเรื่องนี้คือ ตอนแรก พ่อบอกว่าจะตีลูก เป็นข้อตกลงที่คุยกับลูกไว้ ส่วน23 ปีก่อน พ่อ หรือก็คือวิช ตีน้องสาว คือกิ๊บ เหตุการณ์นี้ทำให้น้องเสียใจจนฆ่าตัวตาย โณคิดว่า จุดนนี้น่าจะทำให้พ่อคิดได้แล้วนะคะ และไม่ควรจะเกิดคำพูดที่เป็นข้อตกลงในรุ่นของลูกเค้าอีก ที่บอกว่า "ถ้าได้ F พ่อจะตีผมเท่าอายุผมครับ" ทำให้โณอ่านแล้วไม่แน่ใจว่า สรุปแกคิดได้จริง หรือว่า คืออะไร มันเป็นเหตุผลที่ขัดแย้งในเรื่องนี้เลยค่ะพี่กบ


อ้อ เมล์โณนะคะพี่กบ

anothai09@hotmail.com


สรุปก่อนว่า นี่เป็นแค่ความคิดเห็นของคนอ่านนะคะ อย่าคิดว่าเป็นความคิดเห็นจากนักเขียนนะคะ เพราะโณก็ยังไม่ได้เขียนดีเด่อะไรเหมือนกันค่ะ หากว่าความคิดเห็นของโณไปทำให้พี่กบไม่พอใจ โณขอโทษด้วยนะคะ


โดย: ไกลนั้น วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:13:46:39 น.  

 
คอมเมนท์ได้จ๊า ไม่ได้ซีเรียสอะไร

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นอะ เอามาชิมลางก่อน เอิ้กๆๆๆ

ที่โณว่าไว้ ... อืมม นั่นสิ - -" เพิ่งนึกออกว่ามันขัดแย้ง เหอ ๆๆๆ

ปล. พี่ชอบอ่านคอมเมนต์นะ มันทำให้เราเห็นอีกมุมนึงอ่ะจ่ะ (ถ้าเมนต์แรง ๆ ก็อาจมีร้องไห้มั่งอ่ะนะ 555 :P)


โดย: keigo IP: 203.151.17.97 วันที่: 21 มกราคม 2551 เวลา:14:36:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.