Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 20

บทที่ 20

ณ บ้านร้างอันเป็นที่ซ่อนตัวของมารโลหิต

อันตำนานเล่าขานกันไว้เนิ่นนานว่า เมื่อยามใดที่คัมภีร์มารเปลี่ยนอสูรปรากฎขึ้นในยุทธภพ ความวุ่นวายอันอาจกลายเป็นหายนะจะก่อเกิด ซึ่งสัมพันธ์กับกระบี่หยกน้ำเงินที่จะหวนคืนกลับเพื่อมาหยุดยั้งเรื่องเลวร้าย

มิคาดช่วงเวลาแห่งตำนานนั้นจะย้อนกลับคืนสู่ยุทธ์ภพรวดเร็วเช่นนี้ โดยสิ่งที่ยืนยันเป็นหลักฐานได้ดีย่อมเป็นการเผอิญหน้ากันครั้งนี้ของมารโลหิต และ ผู้สืบทอดกระบี่หยกน้ำเงิน

“มิคาดผู้สืบทอดกระบี่หยกน้ำเงินเป็นหญิง” มารโลหิตกล่าวต่อหญิงสาวผู้งดงามราวเทพธิดาในชุดนักรบรัดกุม สพายกระบี่ด้านข้างเอวซ้ายขวาด้านล่ะสามเล่ม ในมือกุมกระบี่หยกสีน้ำเงินไว้แน่น

“มารร้าย เจ้าจะทำลายชีวิตตนเองหรือจะให้ข้าเป็นผู้กระทำ” ผู้สืบทอดกระบี่น้ำเงินกล่าวองอาจ

“แม่นางน้อยช่างมั่นใจไม่ธรรมดา มิทราบคุณหนูมีนามว่าอะไร” มารโลหิตกล่าววาจาสุภาพ

“เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านก่อนตาย ข้าพเจ้ามีนามว่าเหวินฟาง” พอกล่าวจบเซียนหญิงก็ยกกระบี่หยกน้ำเงินอยู่ในท่วงท่าเตรียมเข้าประมือแล้ว

“เป็นเกียรติที่ได้พานพบ” สิ้นคำกล่าวของมารโลหิต มันก็เดินพลังปราณอย่างรุนแรงไม่คิดผ่อนรั้งเสมือนรู้ว่าคู่ต่อสู้นั้นไม่ธรรมดา

พลังปราณมารพิษสีดำได้กระจายตัวจากมารโลหิตแผ่ขยายไปทั่วห้องนี้นับว่าน่าตื่นกลัวมากแล้ว แต่แม่นางน้อยเบื้องหน้าหาได้ตื่นตระหนกไม่ กลับเดินเข้าใกล้วงรัศมีของพิษร้ายอย่างไม่ตื่นกลัว

“รับมือ!!!” สิ้นคำกล่าวนางก็ฟาดกระบี่หยกน้ำเงินเป็นแนวยาว รัศมีกระบี่สีฟ้าตัดขาดอากาศธาตุแยกปราณพิษดำออกเป็นทางทันที และพลังกระบี่นั้นก็พุ่งจี้เข้าใส่มารโลหิตอย่างรวดเร็วเหนือชั้น

“ร้ายกาจ” มารโลหิตดวงตาเบิกกว้างตะลึงงัน พลันรีบเอี้ยวตัวหลบอย่างสุดแรง แต่ก็สุดจะหลบได้ทั้งหมดสิ้น เพลงดาบนี้เรียกเลือดจากต้นแขนมันไปแล้ว

มิคาดพลังปราณมารพิษกลับแพ้ทางพลังกระบี่หยกน้ำเงิน เมื่อรู้เช่นนี้มันจึงเปลี่ยนแปลงแก้ไขใช้ออกด้วยท่าเท้าท่องแดนอสูรเคลื่อนตัวไร้ร่องรอย พุ่งเข้าโจมตีเซียนหญิงจากทั่วทิศทั่วทางด้วยความเร็วสุดประมาณที่แม้นแต่ผู้ใช้ยังยากจะควบคุม

แต่ทุกจังหวะที่กรงเล็บของมันจะถึงตัวนาง ก็มีกระบี่เหล็กเนื้อดีออกมาปัดป้องขัดขวางไว้โดยตลอด ไม่ว่ามารร้ายจะบุกจู่โจมเข้าที่ทางใดก็ตาม นี้นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว นางทำได้อย่างไรกัน?

มันจึงได้แต่ถอนตัวออกมาประเมิณสถานการณ์ และสุดจะคาดสิ่งที่มันเห็นก็คือกระบี่สี่เล่มที่บินเวียนวนรอบตัวนาง

“วิชาควบคุมกระบี่ล่องลอย มิคาดมีจริง” มันกล่าวอย่างตื่นตะลึง

“ควบคุมกระบี่เหิน!!!” นางกล่าวก่อนจะบังคับกระบี่อีกสองเล่มที่สพายเอวซ้ายขวาให้ล่องลอยออกมาบินวนร่วมกับอีกสี่เล่มที่วนเวียนเสมือนคุ้มกันผู้ใช้

“มิคาด ชีวิตข้าจะได้เป็นผู้ร่วมพิสูจน์ว่า ควบคุมกระบี่ล่องลอย กับ เปิดวิถีมารฟ้า ใครจะเหนือกว่ากัน” พอมารโลหิตพูดจบก็เร่งพลังปราณพิษสีดำอีกครั้ง แต่ครานี้มันรุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้งเสมือนพิษร้ายสีดำกระจายออกจากทุกขุมขนของมันเลยทีเดียว

“เปิดวิถีมารฟ้า!!!” สิ้นคำกล่าวมารโลหิตก็ทยายร่างขึ้นฟ้าพร้อม ๆ กับไอพิษที่ตามติดรอบตัวมันประดุจมังกรดำทะยายพ้นน้ำ ก่อนจะกางแขนประดุจสยายปีก

ณ วินาทีนั้นเอง ก็เป็นอู๋จิงที่สัมผัสพลังปราณของการต่อสู้ได้ รีบกลับเข้าไปที่ห้องโถงทันทีก่อนจะเห็นเสมือนมังกรดำสยายปีก ที่เผอิญหน้ากับเซียนกระบี่หญิงซึ่งมีกระบี่เหิน ล่องลอยเรียงเป็นแนวรบดุจหงสา

“นี้มันอะไรกัน” อู๋จิงจ้องมองวิชาชั้นเซียนอย่างตะลึงงัน

“ควบคุมกระบี่เหิน” เหวินฟางกล่าวจบ กระบี่ทั้งหกเล่มก็พุ่งตรงเข้าไปหามารโลหิตทันที

“วิถีมาร ถล่มฟ้า!!!” มารร้ายตวัดวาดกรงเล็บเหินร่างดุจพญามังกรดำพุ่งเข้าหาเซียนหญิงอย่างไม่เกรงกระบี่บินที่เข้าขวางเลยแม้แต่น้อย และก็เป็นดั่งมันคาดกระบี่หกเล่มที่โฉบบินเข้าทิ่มแทงหาได้ทะลุผ่านม่านพลังปราณสีดำไม่

เหวินฟางจ้องมองวิชามารอย่างตื่นตะลึงเหนือคาด คิดไม่ถึงว่าวิชามารจะแก้กล้าเพียงนี้ ยามนั้นเธอต้องกระโจนหลบถอยหลังหนีรัศมีการโจมตีของกรงเล็บมารที่ทำลายกำแพงพนังห้องพังง่ายดายดุจปุยนุ่น นางเลือกหนีออกไปนอกห้องรับแขกจนถึงสวนหลังบ้านแทนที่ แต่มิเพียงหนีเปล่านางยังคงเคลื่อนไหวสองแขนบังคับกระบี่ทั้งหกของนางให้เหินติดตามโจมตีทิ่มแทงมารร้ายต่อเนื่อง

“พลังปราณมารพิษสีดำ ช่างแข็งแกร่งจริง” ไม่ว่านางจะบังคับกระบี่บินโจมตีอย่างไร ตำแหน่งใด ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านม่านพลังสีดำเข้าไปหามารโลหิตได้ หรือคงมีเพียงกระบี่หยกน้ำเงินกระมังที่ต่อกรได้

“ผู้สืบทอดกระบี่หยก ใยหนีเป็นโจรจรจัด” มารโลหิตตะโกนลั่น พร้อมทั้งวาดกรงเล็บปลดปล่อยพลังปราณตัดอากาศออกไป พลังนั้นคมกริบยิ่งกว่าเพลงกระบี่ใดใด ยามพลังนั้นลากผ่านสิ่งใดก็ตัดขาดสิ้น ต้นไม้ใหญ่ในสวนพลันขาดกลางง่ายดายเพียงเพราะมันขวางทางวิ่งของการโจมตีนั้น

แม้นพลังกรงเล็บรุนแรงร้ายกาจจะบุกเข้าใกล้ ผู้สืบทอดกระบี่หยกก็ยังไม่เสียสมาธิ ร่ายรำกระบี่หยกน้ำเงินฟาดฟันสลายพลังปราณพิษไปได้ อีกทั้งยังคงมีสมาธิควบคุมหกกระบี่บินให้โจมตีไม่ท้อถอย

“นี้มันเซียนสู้กันเสียแล้ว” อู๋จิงที่เฝ้าดูได้แต่ตื่นตะลึงงันท่าเดียว

“รับมือข้า” มารโลหิตครานี้ทะยานเข้าหาเต็มกำลัง วาดสองมือโอบกรงเล็บสร้างพลังปราณขนาดยักษ์เข้ากดดันเซียนหญิงอีกครั้ง ครานี้ปราณพิษเคลื่อนตัวยิ่งใหญ่ดุจคลื่นสมุทรยักษ์ยากจะหนีได้ง่าย

“กลับมาหกกระบี่” เหวินฟางเรียกหกกระบี่กลับมาหาผู้ใช้ ยามนี้เธอเริ่มเกรงวิชามารอย่างช่วยไม่ได้

“เป็นตายฟ้ากำหนด” เธอกล่าวเรียบเฉียบ สีหน้ามิสู้ดีนัก และเธอก็ย่อมรู้ว่าทางเลือกมีไม่มากเท่าใด

“ประสานกระบี่บิน” เธอบังคับชี้ปลายกระบี่บินทั้งหกให้เพ่งเล็งไปที่จุดเดียว

“กระบี่เทพเหินเมฆา” เธอทุ่มพลังปราณทั้งหมดสิ้นบังคับกระบี่ทั้งหก ให้เหินบินพร้อมเพียงรวดเร็วเป็นแสงสีเงินประดุจหอกสวรรค์ทั้งหก พุ่งไปยังจุดเดียวกันอย่างแม่นยำ อีกทั้งตัวเหวินฟางเองก็ทะยายเหินร่าง ร่ายรำเพลงกระบี่หยกน้ำเงินเข้าปะทะด้วยพลังที่มีทั้งหมดอีก

“ยิ่งมายิ่งร้ายกาจ” มารโลหิตทุ่มสุดกำลังประสานสองกรงเล็บและปราณพิษทั้งหมดทั้งมวลเตรียมเข้าต้านทานหกกระบี่อย่างเต็มที่

บัดนั้นเสียงปะทะของพลังดังกึกก้องไปทั่ว หกกระบี่แตกหักกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยแต่ทว่าหน้าที่ของมันก็ได้บรรลุแล้ว ม่านพลังปราณมังกรพิษสีดำได้แตกกระจายเป็นช่องให้เหลือเพียงพอที่คมกระบี่หยกน้ำเงินจะพุ่งเข้าดวลตัวต่อตัวกับกรงเล็บมาร ยามนี้ผู้ใดได้เปรียบยากจะบอก เป็นตายฟ้ากำหนด

อู๋จิงผู้สังเกตุการณ์ได้แต่มองตาค้าง การต่อสู้เช่นนี้นับเป็นระดับสูงที่เค้ามิอาจเอื้อมไปถึงได้ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงจ้องมองผ่านม่านฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายหลังการโหมกระหน่ำการโจมตีแบบสุดขั้วของสองยอดยุทธ์

และเมื่อฝุ่นควันค่อยๆ จางลง ภาพที่เขาเห็นก็เป็นภาพการปิดฉากของศึกครั้งใหญ่ เงาของกระบี่หยกได้เสียบทะลุตัวของมารโลหิตไปในขณะที่กงเล็บมารของมันก็เหมือนดูคล้ายทะลุผ่านร่างของเซียนหญิงเช่นกัน

“ท่านอา” อู๋จิงตะโกนเรียกมารโลหิตด้วยสรรพนามที่ใกล้ชิด ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า แม้นมารโลหิตจะเป็นฝ่ายมาร แต่อู๋จิงมองเห็นส่วนลึกแล้วภายในภาพลักษณ์นั้น ซึ่งแท้จริงแล้วมารโลหิตกลับนับว่าเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง

อู๋จิงรีบวิ่งเข้าไปใกล้นักบู๊ทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดจนเห็นเป็นชัดเจนว่า คมกระบี่หยกนั้นได้เสียบทะลุกลางตัวมารอย่างเฉียบขาด แผลฉกรรจ์ยากจะรอดได้ จากนั้นหนุ่มน้อยจึงลากสายตาไปมองฝ่ายหญิงบ้าง สิ่งที่เห็นกลับต่างออกไป กรงเล็บมารนั้นมิใช่ทะลุผ่านร่างไป แต่เพียงได้ผ่านช่องว่างใต้รักแร้ไปเท่านั้นเอง

เมื่อรู้ผลว่าผู้ที่พ่ายแพ้เป็นใครอู๋จิงจึงหันกลับไปหามารโลหิตเพื่อดูใจเป็นครั้งสุดท้าย

“ท่านอา อดทนไว้”

“อู๋จิง เจ้าอย่าลืมสัญญาเรื่องส่งคืนมีดบิน” ในใจของเขาเป็นห่วงเพียงสิ่งอื่นนอกจากชีวิต

“ข้าพเจ้าไม่ลืม” อู๋จิงกล่าว

“ชีวิตอันผ่านมาเนิ่นนานนี้ รอเพียงการตายที่คู่ควรเท่านั้น เมื่อพลาดพลั้งเข้าสู่วิถีมารแล้ว คงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจะหวนกลับคืนฝั่งได้” มารโลหิตรำพึงก่อนตาย

ในใจแม่นางเหวินฟางย่อมถือว่าการกำจัดผู้สืบถอดวิชามารเป็นภารกิจที่มิอาจหลีกเลี่ยง แต่กระนั้นแววตาของนางก็ยังคงสับสน เสมือนย้อนถามตัวเองว่าครั้งนี้พลาดพลั้งผิดไปอย่างไรหรือไม่

วินาทีแห่งความเป็นความตายในการดวลเมื่อครู่นั้น ในแววตาของนางเห็นได้ชัดเจนว่ากงเล็บมารของศัตรูที่กำลังพุ่งเข้าหาจุดตายที่หัวใจ ได้เบี่ยงหลบเป้าหมายอย่างไร้เหตุผล คล้ายกับมันไม่ต้องการชีวิตนางก็ว่าได้ หรือว่ามันเพียงรอการตายอันคู่ควรจริงๆ เหวินฟางได้แต่สับสนในใจแสดงออกในแววตา

“เซียนน้อย” มารโลหิตกล่าวเรียกเหวินฟางก่อนที่นางจะตื่นจากภวังค์ไปหันมอง

“แม่นางตอนนี้ยังไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ โปรดเลี่ยงผู้ที่ท่านกำลังค้นหา”

“คนที่ข้ากำลังค้นหา ข้าเลี่ยงไม่ได้ หากเพียงข้าตาย ก็เสมือนเพียงหนึ่งดอกไม้แห้งเหี่ยวไป” เซียนหญิงตอบ

“ท่านอาแข็งใจไว้” อู๋จิงเริ่มเห็นใบหน้าของมารโลหิตค่อย ๆ ซีดเผือดไปทุกที ๆ

“อู๋จิง ภายภาคหน้าเจ้าต้องมีความสำเร็จไม่ธรรมดาแน่ นับเป็นเกียรติของข้าที่ได้เจอเจ้า” สิ้นคำกล่าวของมารโลหิต มันก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบเหลือเชื่อ ผิดกับมารร้ายอื่นใดที่เมื่อยามสิ้นจะดิ้นรนตายอย่างทรมาณ

“อาจารย์ท่านไปสบายเถอะ” อู๋จิงเอ่ยเรียกมารโลหิตด้วยน้ำเสียงโศกเศร้ายิ่งนัก ในส่วนลึกของเด็กหนุ่มนามอู๋จิงเคารพทุกสิ่งบนโลกเป็นอาจารย์สอนตน และยิ่งมารโลหิตที่เคยสอนมีดบินให้แล้ว เขาย่อมแอบนับถือมันอยู่ไม่น้อย

“มันเป็นอาจารย์เจ้าหรือ” เซียนหญิงกล่าว

“ใช่ ข้าพเจ้าคิดเช่นนั้น แม้นท่านอาผู้นี้จะไม่เคยนับข้าว่าเป็นลูกศิษย์” อู๋จิงกล่าวด้วยแววตาที่รันทดยิ่ง ก่อนจะหันไปมองเซียนหญิงเหวินฟางแล้วกล่าวตอบโต้ไปว่า

“เจ้ามันไร้หัวใจไม่รู้จักแยกแยะ ผู้ฝึกวิชามารใช่จะต้องมีจิตใจเป็นมารเสียทุกคนเมื่อไร”

แต่ยามนั้นเซียนหญิงดูคล้ายจะไม่ฟังคำกล่าวของเด็กหนุ่มใด ๆ นางมองเขาด้วยสายตายที่จริงจังก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

“ถ้าเจ้าเป็นศิษย์มัน ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าด้วย”

“บัดซบ เจ้ามันไร้สำนึกเกินไปแล้ว อีกทั้งไม่รู้จักแยกแยะ” อู๋จิงกล่าวน้ำเสียงเกรียวกราด

“สำนึกอะไรกัน แยกแยะอะไรกัน ผู้ใดฝึกวิชามารย่อมต้องถูกทำลายไปสิ้น”

“ไร้จิตสำนึกสิ้นดี วัดคนเพียงเปลือกนอก ข้าพเจ้าจะหยุดท่านตรงนี้เอง” อู๋จิงกล่าวก่อนจะชักดาบดำเตรียมรับศึก

“เจ้าก็รู้ว่าไม่มีทาง” นางชักกระบี่หยกน้ำเงินเตรียมรับมือเช่นกัน

จบสิ้นบทสนทนาอู๋จิงก็ฟาดดาบสีดำสีขี้เถ่าออกด้วยพลังทั้งมวล เพลงดาบนี้ยิ่งนับว่าร้ายกาจขึ้นมากหากจะเทียบกับเมื่อตอนผลัดจากตัดกระบี่มา

“ไม่เบา” เหวินฟางรับดาบดำด้วยกระบี่หยก เสียงปะทะดังกึกก้องสนั้น จนมือนางต้องสั่นเทา

“เตรียมรับมือ” อู๋จิงไม่หยุดยั้งง่าย ๆ ร่ายรำดาบยักษ์สีดำตวัดไปมาตัดอากาศบังเกิดเสียงประดุจลมพายุพัดโหมกระหน่ำ แต่เซียนหญิงนั้นย่อมหาใช่บุคคลธรรมดาไม่ เมื่อรู้ว่ากำลังปราณเด็กหนุ่มไม่อาจดูเบาได้จึงเปลี่ยนกลยุทธ์เพียงหลบหลีกอย่างสวยงามด้วยท่าเท้าที่ประดุจการร่ายรำ

เพียงพริบตานางก็หนีออกจากวงต่อสู้ไปได้ แต่อู๋จิงก็ถือว่าพัฒนาฝีมือยุทธ์ไปมากพลันโยกเปลี่ยนจังหวะหันกลับไปใช่ทวนในมือซ้ายที่แทงเข้าหาเป้าหมายให้นางเซียนต้องตวัดกระบี่ปัดป้อง

“ใช้สองศาสตรารึ” นางกล่าวก่อนจะดีดตัวถอยห่างคมทวน ซึ่งก็นับว่าแปลก ที่ฝีมือระดับนางใยยังไม่คิดตอบโต้

พริบตาที่นางหนีห่างออกรัศมีทวนไป ชายหนุ่มพลันปักดาบฝังดินเปลี่ยนเลื่อนมือไปหยิบมีดบินข้างกาย

“มันใช้สามศาตรา!!!” เหวินฟางเริ่มตื่นตัวมากขึ้นแล้ว ประมาทมิได้แล้ว

“มีดบินวิหกเหิน” อู๋จิงใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาสุดยอดมีดบิน ประกอบกับยิ่งใช้ออกด้วยมีดวิเศษแล้ว คมมีดที่เหินเข้าหาเหวินฟางจึงเร็วเหนือล่ำยิ่ง เพียงวินาทีที่เห็นอู๋จิงปล่อยมีดจากมือ นางรู้สึกตัวอีกครั้งมีดบินนั้นก็ประชิดตัวมากแล้ว

นางเอี้ยวหลบอย่างสุดตัวและรอดไปได้อย่างหวุดหวิด วินาทีนั้นเองย่ำเตือนว่านางว่า มิสามารถเพียงต้านรับอย่างเดียวได้แล้ว

“ควบคุมกระบี่เหิน” พริบตาเดียวกันนั้น ปลายคมกระบี่ที่แตกหักเรียงร่ายบนดินทั้งหกก็เหินร่างจากพื้นพุ่งเข้าโจมตีอู๋จิงทันทีดุจพญาเหยี่ยวเปลี่ยนวัตถุเป็นคล้ายสิ่งมีชีวิต นี้นับว่าเป็นวิชาเซียนที่แท้จริง

“บ้าที่สุด” อู๋จิงจ้องมองตะลึงงันร่ายรำเพลงดาบ เพลงทวนทั้งสองมือ เข้าต้านรับคมกระบี่ทั้งหกที่ทั้งพุ่งเข้าหาดุจมีชีวิต ร่ายรำโจมตีดุจมียอดยุทธ์ใช้อยู่

เช่นนี้สองมือจะสู้หกกระบี่ได้อย่างไร อู๋จิงเพียงปัดป้องไปได้ไม่เนิ่นนานก็ต้องเหนื่อยล้า ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแล้ว

“หกกระบี่นี้ทั้งเร็วทั้งแม่นยำ ตัวข้ายิ่งต้านยิ่งเหนื่อล้า เช่นนี้ต้องเผด็จศึกให้เร็วพลัน”

“หนึ่งดาบปราบสิบ” อู๋จิงใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาของตัดกระบี่ วาดดาบด้วยพลังปราณเต็มขั้นปัดป้องกระบี่ทั้งหกให้พ้นทางก่อนจะพุ่งทะยานตัวเข้าหา เหวินฟาง อย่างเด็ดเดี่ยว

ปลายคมทวนพุ่งจี้เข้าหาลำคอของนางอย่างรวดเร็วยิ่ง แต่ทว่าเช่นนั้นนางก็ยังคงยืนนิ่งอย่างสบายอารมณ์ สองมือกอดอกอย่างไม่ใยดีคมอาวุธเบื้องหน้า และพริบตาเดียวก่อนที่คมทวนจะถึงคอหอยคอนาง มันก็ต้องหยุดนิ่งทันทีด้วยว่า อู๋จิงผู้ใช้ต้องหยุดนิ่งไม่สามารถขยับตัวได้

“ร้ายกาจ” อู๋จิงกล่าวน้ำเสียงเจ็บแค้น จุดตายทั้งหกบนร่างต่างถูกจี้ไว้ด้วยคมกระบี่บินแล้ว หากเขาเคลื่อนไหวอีกเพียงนิด ปลายคมกระบี่บินย่อมทิ่มแทงให้ดับสูญ

“ในเมื่อเจ้าไม่รู้วิชามาร ข้าก็ไม่มีธุระอันใดกับเจ้าอีกต่อไป” ที่แท้ที่นางไม่ตอบโต้ในตอนแรกเพื่อจะรอดูว่าอู๋จิงรู้วิชามารหรือไม่ และเมื่อไม่ใช่นางจึงหันหลังจากไปและปลดปล่อยพันธนาการกระบี่บินจากจุดตายของอู๋จิง

นางเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบผ้าคลุมยาวพร้องทั้งหมวกปิดหน้าใบกว้างเตรียมตัวจะออกเดินทางต่อไป แต่วินาทีนั้นก็ต้องหยุดเหลียวมามองที่ด้านหลัง

“เจ้าตามข้ามาทำไมกัน” นางกล่าว

“ที่นี้มันบ้านเจ้าหรือไง ทำไมข้าจะเดินไปทางนี้ไม่ได้” อู๋จิงเถียง
แต่พอนางเดินห่างจากบ้านร้างไปได้อีกสักหน่อยก็ต้องมองย้อนหลังกลับมาอีกครั้ง

“เจ้าตามข้ามาทำไมกัน”

“ที่นี้ที่ดินของเจ้าหรือไงกัน ทำไมข้าจะเดินทางนี้ไม่ได้” นางได้ฟังคำเถียงข้าง ๆ คู ๆ ก็ชักเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย

“เจ้าต้องการอะไรกัน”

“ข้าเชื่อว่ายังมีผู้ฝึกวิชามารอีกหลายคนที่ไม่ได้มีจิตใจชั่วร้ายเช่นท่านอา เพราะฉนั้นข้าจะตามเจ้าไปทุกแห่ง หากข้าเห็นเจ้าคิดทำลายผู้ใดที่ไม่สมควรข้าก็จะขัดขวางทันที”

“น่าสนใจดี” นางยิ้มที่มุมปากและด้วยความที่อยากจะพิสูจน์ว่าความคิดเด็กหนุ่มนั้นไม่ถูกต้อง นางถึงยอมปล่อยให้อู๋จิงตามติดสืบไป และเมื่อคิดเห็นเป็นเช่นนั้นเธอก็หันหน้าเดินทางต่อไปอย่างไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น



Create Date : 06 ธันวาคม 2550
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 17:05:01 น. 0 comments
Counter : 605 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.