<<
กันยายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1 กันยายน 2555
ความกลัวของอภัย
นิทานเพราะรักและห่วงเธอ...
นิทานท้องฟ้า...
นิทาน "พญาครุฑ - พญานาค"
ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้
คนแจวเรือกับนักศึกษา?
กบฟุ้งซ่าน...ข้างกำแพงวัด
นิทานเต๋าเผชิญรับปีม้า'57 ชายชรา กับ 'อาชาที่เตลิดหนีไป!
เล่าเรื่อง พระเพทราชา ตกกระไดพลอยโจน
กระต่ายพี่น้องจอมเกี่ยงงาน
คำอ้อนวอนของโกวิน
ผลมะม่วงกับมงกุฎพระราชา
หัวขโมยผู้ไม่เคยทำความดี
ตุ๊บโหม่งจอมนินทา
เพื่อนยากพาย่ำแย่
ความช่วยเหลือของงูและปลา
คุณค่าของใบไม้แห้ง
ไต้หวันพบปลา คล้ายพญานาค
กบเจ้าถิ่นกับสิงโตผู้รุกราน
ราชาหัวใจลำพอง
"ริโอ นักปราชญ์แห่งกษัตริย์บาโจ
ต้นไม้ดอกสีทองและแพะอัปลักษณ์
อมนุษย์ ที่สุดของโลก
เพื่อนพิการ
ความกลัวของอภัย
หมากสีแดง..
กุหลาบช่อใหญ่
นิทาน "ขนมครก"
นิทานเรื่องกลองมหัสจรรย์ ของปีศาจจมูกโต
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม. 49 .นิทาน King's Woman王女子เมืองผู้หญิง
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม. 47 .....นิทานก่อนนอน
ตะพาบที่ 46 ....ความสามัคคี...คุณธรรมแห่งความสามัคคี
สาวิตตรี...
ผาแดง-นางไอ่
ดาวลูกไก่
ความกลัวของอภัย
ภาพประกอบจาก meeboard.com
อภัยอาศัยอยู่กับปู่ชราในกระต๊อบท้ายหมู่บ้าน เขาเป็นเด็กชายที่มีความกตัญญูกตเวทีมาก ทุกๆ วัน อภัยจะเข้าไปในตลาด เพื่อของานจากพ่อค้าและแม่ค้าทำ แล้วนำเงินค้าจ้างที่ได้ไปซื้อข้าวมาให้ปู่กิน พวกพ่อค้าแม่ค้าเห็นว่าอภัยเป็นเด็กดี จึงมักหางานให้ทำอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเด็กดีจนชาวบ้านพากันเอ็นดู แต่อภัยก็เป็นเด็กที่ขี้กลัวมาก เขาจะรีบทำงานที่ตลาดให้เสร็จโดยเร็วแล้วจึงกลับมาถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จากนั้นก็จะไม่ยอมออกจากบ้านอีกเลย เพราะหวาดกลัวความมืดในยามค่ำคืน
เจ้าเป็นลูกผู้ชายนะ อภัย ไม่มีลูกผู้ชายคนไหนหรอกที่หวาดกลัวความมืด ปู่ของอภัยพูดเรื่องความกลัวของหลานชายขึ้นในวันหนึ่ง
แต่ความมืดนั่นน่ะทำให้เรามองอะไรไม่เห็นเลยนะปู่ อภัยบอก
อภัยเอ๊ย...ตอนค่ำกับตอนกลางวันแท้จริงแล้วก็ใช่ว่าจะต่างกันนักหรอก เพียงแต่ในเวลาค่ำไม่มีแสงสว่างให้เจ้ามองเห็นดังเช่นตอนกลางวัน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมนั่นล่ะ ปู่ของอภัยพยายามพูดให้หลานชายหายกลัวความมืด แต่ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะอภัยตอบกลับมาว่า
ก็หลานกลัวนี่
ปู่ของอภัยจึงไม่พูดอะไรอีก
วันหนึ่งในฤดูหนาว ปู่ของอภัยป่วยหนักด้วยโรคทางเดินหายใจและปวดข้อกระดูก อภัยจึงไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะต้องคอยปรนนิบัติบีบนวดปู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด อภัยเต็มใจที่จะทำ เขาสงสารปู่มากเวลาที่เห็นปู่ต้องทรมานด้วยโรคปวดข้อ
ถ้าเรามีเงินมากๆ ก็ดีสิ เราจะได้เอาเงินไปซื้อเสื้อหนาวหนาๆ ดีๆ มาให้ปู่ใส่ แล้วก็จะได้พาปู่ไปหาหมอกระดูกมือหนึ่งที่หมู่บ้านใกล้เคียงด้วย
อภัยได้แต่นั่งคิดอย่างเคร่งเครียด เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินจำนวนนั้นมาจากไหน หมู่บ้านของอภัยไม่ได้ทอผ้าเอง เสื้อหนาวเนื้อดีหนาๆ ต้องสั่งมาจากหมู่บ้านอื่นที่ไกลออกไป ราคาจึงแพงมาก ค่ารักษาพยาบาลก็เหมือนกัน คงต้องใช้เงินไม่น้อย กว่าจะทำให้ปู่หายดีและแข็งแรงขึ้น
แม้ขณะกำลังทำงานอยู่ในตลาด อภัยก็ยังคงเฝ้าคิดวนเวียนถึงเรื่องนี้อย่างเคร่งเครียด จนกระทั่งสังเกตเห็นว่ามีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า
อภัยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นชายชราหนวดยาวเฟื้อย แต่ท่าทางใจดี แต่งกายด้วยชุดขาวทั้งชุด กำลังจ้องมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ อภัยจึงถามชายชราว่า
ตามีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ
ก็พอมีบ้างหรอก ชายชราชุดขาวตอบเย้าอย่างอารมณ์ดี ได้ยินมาว่าเจ้าอยากได้เงินมากๆ เพื่อเอาไปซื้อเสื้อหนาวเนื้อหนา และพาปู่ของเจ้าไปหาหมอมือหนึ่งอย่างนั้นเรอะ
เอ่อ...ครับ อภัยตอบด้วยความรู้สึกระแวงแคลงใจ เขาไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับความคิดนี้ และที่สำคัญคือ อภัยจำไม่ได้เลยว่ามีคนแก่หน้าตาแบบนี้อยู่ในหมู่บ้านของเขาด้วย
อย่าคิดอะไรมากเลยนะ เห็นว่า เจ้าเป็นเด็กดี ข้าเลยแค่อยากจะช่วย ชายชราชุดขาวออกตัวเสมือนล่วงรู้ความคิดของเด็กชาย จนทำให้เด็กชายสะดุ้งเฮือก
ข้ามีงานให้เจ้าทำ ถ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้ทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่เอาไปรักษาปู่ของเจ้า งานอะไรครับตา อภัยรีบถาม เขาดีใจมากจนทิ้งความหวาดระแวงในตัวชายชราชุดขาวไปชั่วขณะ งานง่ายๆ แต่ไม่รู้จะยากเกินไปสำหรับเจ้าไหมนะ ชายชราชุดขาวพูดหยั่งเชิง
ไม่ครับตา งานอะไรก็ได้ ผมทำได้ทั้งหมดเลย อภัยรีบตอบ
อย่างนั้นก็ดีแล้ว..แบมือเจ้ามาสิ ชายชราชุดขาวว่าแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนเอง พร้อมกับยื่นส่งให้อภัย อภัยแบมือรับและเมื่อมองลงไปก็เห็นเพียงเมล็ดพืชแข็งๆ ดำๆ สองสามเมล็ดในฝ่ามือเท่านั้น
งานของเจ้าก็คือ นำเมล็ดพืชที่ข้าให้ไปปลูก...
แค่นั้นเอง! อภัยร้อง ผมปลูกพืชได้งดงามมากเชียวครับ เมล็ดพันธุ์ของตาก็เหมือนกัน ผมจะปลูกและดูแลมันอย่างดีเลยทีเดียว
ช่ายๆ ... ชายชราชุดขาวทำเสียงล้อๆ ข้ารู้อยู่ว่าเจ้ามีดีด้านการเพาะเมล็ดพืช แต่เมล็ดพืชของข้านั้นไม่เหมือนกับเมล็ดพืชอื่นๆ หรอกนะ มันจะออกดอกแค่ครั้งเดียวแล้วจะไม่มีดอกอีกต่อไป เพราะฉะนั้นต้องดูแลมันดีๆ ทำตามที่ข้าบอกอย่างเคร่งครัด คือ...เมล็ดพืชของข้าจะขึ้นได้ดีหากได้หว่านลงในดินตรงป่าช้าท้ายวัดในยามค่ำคืนที่มืดสนิท และจะเติบโตอย่างรวดเร็วหากได้รับการรดน้ำพรวนดินในเวลามืดเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเจ้าไปดูแลมันในเวลากลางวัน มันจะเหี่ยวแห้งตายในทันที
ว่าอะไรนะครับ! มีต้นไม้ประหลาดอย่างนั้นด้วยหรือ อภัยอุทานอย่างพิศวง
ยังมีอะไรๆ ในโลกนี้อีกมากมายที่อยู่เหนือเส้นบรรทัดของคำว่า เหตุผล และต้นไม้ของข้าก็เช่นกัน งานของเจ้าคือคือนำเมล็ดไปปลูกและดูแลมันให้เจริญงอกงามตามที่ข้าบอก หลังจากนั้นเมื่อมันออกดอกแล้ว จงเก็บดอกของมันมาให้ข้าแล้วข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เจ้ามากเท่าที่เจ้าต้องการเลยทีเดียว...ว่าอย่างไร เจ้าทำได้หรือไม่
ได้ครับตา ผมทำได้ อภัยรีบตอบเพราะอยากได้เงินไปรักษาปู่มากจนลืมไปว่าตนเองเป็นคนกลัวความมืด
เมื่ออาทิตย์ตกดิน อภัยจึงออกเดินไปยังป่าช้าท้ายวัดทันที แต่เมื่อเดินมาได้สักพักและเห็นว่าทางข้างหน้ามืดทึบมากขึ้น อภัยก็เริ่มหวาดกลัวอย่างหนักจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าและรวมตัวกันไหลย้อยลงมาเป็นสายเหมือนถูกใครเอาน้ำมารดบนศีรษะอย่างไรอย่างนั้น ส่วนขานั้นก็ก้าวไปไม่ค่อยออก อภัยรู้สึกว่าแต่ละย่างก้าวของตนเองนั้น มีน้ำหนักมากเสมือนมีใครเอาก้อนเหล็กขนาดใหญ่มาถ่วงรั้งเอาไว้
อภัยนึกอยากหันหลังวิ่งกลับบ้านอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะมีเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานของปู่เข้ามาทำให้จิตในกล้าหาญขึ้น จนกระทั่งอภัยเดินไปถึงป่าช้าท้ายวัดจนได้ และเมื่อรู้อย่างนั้น อภัยก็รีบขุดดินเพาะเมล็ดสีดำของชายชราอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงวิ่งเร็วปร๋อกลับบ้านโดยไม่ยอมหันไปมองข้างหลังอีกเลย
คืนวันที่หนึ่งผ่านไป ย่างเข้าวันที่สอง อภัยมาพร้อมกับฝักบัวรดน้ำและส้อมพรวนดิน อาการหวาดกลัวทุกอย่างยังคงปรากฏเช่นเดิม และอภัยก็เร่งทำงานให้เสร็จดังเดิม จากนั้นจึงวิ่งกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิตเพราะคิดว่ามีใครบางคนวิ่งตามมา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วไม่มีสิ่งใดอยู่ด้านหลังเขาเลย
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่จนกระทั่งย่างเข้าคืนที่หก อภัยเริ่มชินกับความมืดและรู้สึกว่าความมืดไม่ได้น่าหวาดหวั่นอย่างที่คิด เขาไม่ได้ทิ้งความกลัวไปทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้มีมากเท่าแต่ก่อน ดังนั้นในวันที่หกนี้ อภัยจึงไปดูแลต้นไม้ของชายชราชุดขาวได้อย่างไม่ทุลักทุเลนัก
ปรากฏว่า วันนี้ต้นไม้มีบางอย่างแปลกไปจากที่เคย อภัยมองเห็นประกายวิบๆ วับๆ เล็ดลอดออกมาจากดอกไม้ที่กำลังตูม แสงนั้นสวยงามราวกับแสงอัญมณีล้ำค่า อภัยรู้สึกตื่นเต้นเป็นกำลัง เขาไม่เคยพบเจอต้นไม้ชนิดนี้มาก่อน และคิดว่าพรุ่งนี้ดอกไม้ทุกดอกที่กำลังตูมอยู่ คงคลี่กลีบบานออกอย่างงดงาม อภัยอยากรู้เสียจริงว่าดอกไม้เหล่านี้จะมีลักษณะเช่นใด
ดังนั้น ในวันที่เจ็ด อภัยจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวที่จะไปหาต้นไม้ในความมืดอีก เพราะความอยากรู้อยากเห็นในวัยเด็กของเขาทำให้อภัยหมดความกังวล และรอคอยเวลาพลบค่ำเพื่อไปหาต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ
แล้วคืนนั้น อภัยก็ได้เห็นในสิ่งที่เกินกว่าจะเชื่อได้ ต้นไม้ของชายชราชุดขาวไม่ได้ออกดอกเหมือนต้นไม้ธรรมดาทั่วๆ ไป เพราะสิ่งที่อภัยเห็นคือเพชรนิลจินดาจำนวนมากที่อยู่ด้านในตรงส่วนเกสรดอกไม้ เด็กชายลืมตัวมองสิ่งเหล่านี้ด้วยความตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเมื่อเริ่มมีสติกลับคืนมา เขาก็รีบเก็บดอกเพชรนิลจินดาทั้งหมดลงในถุงที่เตรียมมาเพื่อนำไปให้ชายชราชุดขาวตามที่เขาได้สั่งไว้
เมื่ออภัยกลับถึงบ้าน เขาก็พบชายชราชุดขาวกำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน อภัยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาหน้าตาตื่นพร้อมกับละล่ำละลักบอกถึงสิ่งที่ตนพบเห็นแก่ชายชราชุดขาวว่า
รู้ไหมตา ต้นไม้ของตาน่ะเป็นต้นไม้วิเศษนะ มันออกดอกเป็นของมีค่าล่ะ...ดูนี่สิ ข้าเก็บมันมาให้ตาแล้ว
ชายชราชุดขาวรับถุงจากมืออภัยมาเปิดดูแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับพูดว่า นั่นปะไร ผลดีของความกล้า เมื่อเจ้ากล้า เจ้าก็จะได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ...ต้นไม้ของข้านั้นมิได้ต้องการน้ำหรือการพรวนดินเพื่อให้ออกดอกหรอก แต่มันจะดูดซับพลังแห่งความกล้าจากคนที่ปลูกมัน แล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังหล่อเลี้ยงชีวิตและบำรุงดอกให้เจริญงอกงาม ดังนั้น หากเจ้ามีความกล้ามากขึ้นเท่าไร ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ในคืนหลังๆ ซึ่งเจ้าแทบจะไม่เหลือความกลัวใดๆ ในจิตใจอีกแล้ว ดอกของมันถึงได้ออกมางดงามถึงเพียงนี้
พูดจบชายชราชุดขาวก็ส่งถุงเพชรนิลจินดาคืนอภัยแล้วกล่าวว่า
นี่คือผลจากความกล้าหาญของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์ จงเอามันไปใช้ให้เกิดประโยชน์เถิด
ทันใดนั้นเอง ร่างของชายชราก็หายวับไป
ด้วยเหตุนี้ อภัยจึงมีเงินเพียงพอที่จะไปซื้อเสื้อหนาวเนื้อดี มาให้ปู่ใส่คลายหนาว และพาปู่ไปรักษาตัวกับหมอกระดูกมือหนึ่งในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ อีกทั้งยังใช้เงินที่เหลือลงทุนซื้อลูกไก่กับลูกหมูมาเลี้ยงอีกด้วย เมื่อเล่าเรื่องนี้ให้ปู่ฟัง ปู่ก็บอกกับอภัยว่า
เพราะเจ้าเป็นเด็กที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว เทวดาจึงอยากช่วยเจ้าให้เจ้ามีความกล้าเพิ่มขึ้นมาอีกสักหน่อย เจ้าจะได้ใช้ความกล้าของเจ้าช่วยเหลือผู้อื่นได้ในอนาคต
แล้วอภัยเด็กขี้กลัว ก็เติบใหญ่เป็นอภัยคนกล้าที่ใครๆ ต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี
บทสรุปของผู้แต่ง
จงละทิ้งความกลัว และหมั่นเติมความกล้าหาญให้กับตนเองอยู่เสมอ ขอให้เผชิญกับทุกสิ่งที่เข้ามาบั่นทอนความสุขในชีวิตของเราอย่างมุ่งมั่น แล้วความกล้าหาญนั้น จะนำไปพบกับสิ่งดีๆ ที่เราไขว่คว้าหามาตลอดชีวิต
///////////////
ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดีๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ข้อมูลโดย ผู้จัดการออนไลน์
Create Date : 01 กันยายน 2555
Last Update : 1 กันยายน 2555 10:27:37 น.
1 comments
Counter : 2001 Pageviews.
Share
Tweet
โดย:
ญามี่
วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:10:30:51 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [
?
]
อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...
ขุนพลน้อยโค่วจง
ร่มไม้เย็น
ต้นกล้า อาราดิน
satineesh
พรหมญาณี
Yes Coffee
มัชชาร
Incheon
เป็ดสวรรค์
cengorn
onethai
เปลวอัคคี
แสงแรก ประดับดิน
นกน้อยจงแกร่ง
jamaica
yyswim
คืนฝันปีศาจน้อย
ขวดแก้วสีฟ้า
ขอฝากแค่ฝัน
พระรามหัดท่องเน็ท
โลกของหนึ่งคน
วาดฝันมธุรพจน์
สุดสาครท่องสมุทร
sirivinit
posataporn
รสรวยริน
เมืองมานะ
ฝากซึ้งใส่ฝัน
ลงสะพาน...เลี้ยวขวา
multiple
กะว่าก๋า
nobodyknowskeng
นธีทอง
เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน
sutipong
อติภา
ป้ามด
Webmaster - BlogGang
[Add ญามี่'s blog to your web]
หูฟัง Fullsize
ตลาดน้ำขวัญ-เรียม
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ตลาดน้ำดอยหวาย
Bloggang.com