<<
สิงหาคม 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
27 สิงหาคม 2555
หมากสีแดง..
นิทานเพราะรักและห่วงเธอ...
นิทานท้องฟ้า...
นิทาน "พญาครุฑ - พญานาค"
ชายคนหนึ่ง กับ รูปเทพเจ้าสลักด้วยไม้
คนแจวเรือกับนักศึกษา?
กบฟุ้งซ่าน...ข้างกำแพงวัด
นิทานเต๋าเผชิญรับปีม้า'57 ชายชรา กับ 'อาชาที่เตลิดหนีไป!
เล่าเรื่อง พระเพทราชา ตกกระไดพลอยโจน
กระต่ายพี่น้องจอมเกี่ยงงาน
คำอ้อนวอนของโกวิน
ผลมะม่วงกับมงกุฎพระราชา
หัวขโมยผู้ไม่เคยทำความดี
ตุ๊บโหม่งจอมนินทา
เพื่อนยากพาย่ำแย่
ความช่วยเหลือของงูและปลา
คุณค่าของใบไม้แห้ง
ไต้หวันพบปลา คล้ายพญานาค
กบเจ้าถิ่นกับสิงโตผู้รุกราน
ราชาหัวใจลำพอง
"ริโอ นักปราชญ์แห่งกษัตริย์บาโจ
ต้นไม้ดอกสีทองและแพะอัปลักษณ์
อมนุษย์ ที่สุดของโลก
เพื่อนพิการ
ความกลัวของอภัย
หมากสีแดง..
กุหลาบช่อใหญ่
นิทาน "ขนมครก"
นิทานเรื่องกลองมหัสจรรย์ ของปีศาจจมูกโต
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม. 49 .นิทาน King's Woman王女子เมืองผู้หญิง
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม. 47 .....นิทานก่อนนอน
ตะพาบที่ 46 ....ความสามัคคี...คุณธรรมแห่งความสามัคคี
สาวิตตรี...
ผาแดง-นางไอ่
ดาวลูกไก่
หมากสีแดง..
ครอบครัวหนึ่งมีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตชื่อว่า ชาญชัย ส่วนลูกชายคนเล็กชื่อว่า โชติช่วง
ชาญชัย เป็นพี่ที่มีนิสัยรักสงบ และชอบนั่งสมาธิสวดมนต์อยู่เป็นนิจ ส่วนโชติช่วงคนน้องนั้น รักความสนุกสนาน ชอบพบปะผู้คน และนิยมความเจริญก้าวหน้าในชีวิต
เมื่อชาญชัยและโชติช่วงเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่ม พ่อกับแม่ก็ให้ทั้งสองแยกเรือนออกไปลองใช้ชีวิตด้วยตนเอง ชาญชัย จึงเปิดร้านเล็กๆ ในหมู่บ้าน ขายของกินของใช้ทั่วๆ ไป พอที่จะเลี้ยงตนเองได้ไม่ขัดสน ส่วนโชติช่วง คิดการใหญ่กว่าพี่ชาย เขามองเห็นลู่ทางทำเงินมากมายรออยู่ตรงหน้า ดังนั้น เขาจึงลงทุนทำการค้าหลายๆ แบบ และทุ่มเทตนเองในการทำงานอย่างหนัก โดยแทบไม่ยอมพักผ่อน ซึ่งกิจการของเขาก็โตวันโตคืนและทำกำไรให้เขาอย่างงดงาม
ชาญชัยแม้จะเห็นน้องชายเจริญก้าวหน้า ก็หาได้มีใจริษยาไม่ เขายังคงดำเนินชีวิตของตนเองไปเหมือนดังเช่นทุกวัน คือ ตื่นนอนตอนตีสี่มานั่งสวดมนต์ทำสมาธิ จากนั้นกินข้าวเช้าแล้วออกไปเปิดร้าน เมื่อถึงเวลาเย็นก็ปิดร้านมานั่งอ่านหนังสือธรรมะ และคำสอนในศาสนา ก่อนจะเข้านอนก็สวดมนต์ทำสมาธิอีกครั้ง และตื่นอีกครั้งตอนตีสี่ เป็นเช่นนี้ทุกวันไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนชาวบ้านพากันซุบซิบนินทาไปทั่ว ดังนั้นในวันหนึ่ง พ่อกับแม่จึงเรียกให้ชาญชัยไปหาที่บ้าน
พ่อกับแม่มีอะไรจะคุยกับฉันอย่างนั้นหรือ ชาญชัย เอ่ยถาม
พ่อกับแม่ไม่สบายใจเรื่องที่ชาวบ้านพูดคุยและว่าร้ายกันเกี่ยวกับลูกน่ะสิ พ่อบอกด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ชาวบ้านว่าอะไรฉันล่ะ ชาญชัย ถามอีก
เขาว่าลูกขี้เกียจสันหลังยาวนัก เปิดร้านออกมานั่งเฝ้าอยู่เดี๋ยวเดียวก็ปิดไปนั่งอ่านหนังสือสบายใจอยู่ในบ้านเสียแล้ว แม่ของชาญชัยบอกลูกชาย
แล้วเขาก็ยังว่าลูกเป็นคนโง่ที่ขี้อวดอีกด้วย เขาว่าลูกมีเงินอยู่นิดหน่อย แต่ชอบให้เงินแก่ขอทาน และคนยากจน เขาว่าลูกอยากให้ใครๆ มองว่าตนเองเป็นคนมั่งมีจึงทำเช่นนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วการค้าของลูกได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่อของชาญชัย ว่า
ทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะลูก ไยเจ้าไม่เอาอย่างน้อง ลองไปดูสิ ตอนนี้กิจการของน้องขยายใหญ่โตไปถึงต่างเมืองแล้ว น้องเอาแต่ทำงานไม่ได้หลับได้นอนเพื่อหาเงินหาทองให้ได้มากๆ...แต่ดูเจ้าสิ หลายปีผ่านไปแล้วยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แล้วอย่างนี้เมื่อไรเจ้าจะรวยเหมือนน้องสักทีเล่า แม่ของชาญชัย กล่าวอย่างเป็นห่วง
พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แม้ฉันจะไม่ได้ร่ำรวย แต่มีความสุขมาก ฉันชอบนั่งสมาธิและสวดมนต์ เพราะนั่นทำใจฉันสงบ และมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เจ็บไม่ไข้ ฉันชอบอ่านหนังสือธรรมะ เพราะมีประโยชน์ ทำให้ได้ขบคิดถึงความจริงของชีวิต และนำมาปรับใช้กับตนเองได้ ถึงแม้จะไม่มีเงินมากมาย แต่ฉันก็ชอบช่วยเหลือคนยาก เพราะทำแล้วสบายใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ชีวิตฉันไม่ต้องการอะไรมาก เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็ทำให้ฉันเกิดความสุขมากพอแล้ว ฉันไม่ขวนขวายในสิ่งที่ใหญ่โตแต่ทำลายความสุขอันแท้จริงของชีวิตหรอกจ้ะ
หลายปีผ่านไป โชติช่วง ซึ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วได้รับเลือกให้เป็นกำนันดูแลหมู่บ้าน กำนันโชติช่วง นั้นเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชายแล้ว ก็รู้สึกขัดหูขัดตาเป็นกำลัง ด้วยความรู้สึกว่าไยมหาเศรษฐีอย่างเขา จึงมีพี่ชายที่แลดูกระจอกงอกง่อยเช่นนี้ ดังนั้น วันหนึ่ง โชติช่วงจึงให้คนไปตามชาญชัยมาพบ
เมื่อชาญชัยมาถึง โชติช่วงก็พาพี่ชายเดินชมบ้านไม้สักอันใหญ่โตโอ่อ่าของเขาอย่างภาคภูมิใจในฐานะของตน เมื่อได้ชมบ้านจนทั่วแล้ว ชาญชัยกับโชติช่วงจึงได้นั่งคุยกัน
บ้านของฉันใหญ่โตหรูหราดีไหมเล่า ดูสิพี่ นี่คือ น้ำพักน้ำแรงของน้องชายพี่ทั้งนั้นล่ะ
บ้านจะใหญ่โตหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าอยู่แล้วมีความสุขหรือเปล่า ชาญชัยพูด
ต้องมีอยู่แล้ว! ฉันมีเงินทองมากมายไว้ใช้จ่าย มีบริวารรายล้อมคอยรับใช้อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น นี่แหละคือความสุขล่ะ แต่ก็ช่างเถอะฉันไม่ได้เรียกพี่มาพบ เพราะเรื่องนี้หรอกนะ ฉันอยากพูดให้พี่สำนึกได้เสียที ว่า พี่ก็อายุมากขึ้นทุกๆ วัน น่าจะคิดทำอะไรอย่างฉันบ้าง จะได้มีความเป็นอยู่ที่น่าดูกว่านี้ อยู่ให้สมกับที่เป็นพี่ชายกำนันอย่างไรล่ะ
ไม่ล่ะ พี่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ตอนนี้แล้ว เจ้าก็เช่นกันขวนขวายมากเกินไปสุดท้ายอาจก่อให้เกิดผลร้ายต่อตนเองได้นะ ชาญชัย เตือนสติน้อง แต่นั่นทำให้โชติช่วงโกรธมาก เขาตบโต๊ะอย่างแรง แล้วหยิบหมากสีแดงที่วางอยู่ในถาดข้างๆ ขว้างใส่หน้าพี่ชาย
พี่เป็นคนโง่ ดังนั้น อย่าได้บังอาจเอาความโง่ของตนเองมาสั่งสอนคนอื่นเลย หมากสีแดงนั่นฉันมอบให้พี่ ในฐานะที่เป็นคนโง่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมา ถ้าวันใดพี่เจอคนโง่กว่าตนเอง ก็จงมอบหมากสีแดงนี้ให้เขาไปแทนเถอะ โชติช่วง ตะโกนใส่พี่ชายด้วยอารมณ์มุทะลุดุดัน แต่ชาญชัยไม่ได้กล่าวว่าอะไรน้องชาย เขาเก็บหมากสีแดงใส่กระเป๋าเสื้อแล้วจึงกลับบ้าน
3 ปีผ่านไป ชาญชัยได้รับข่าวว่า กำนันโชติช่วงกำลังป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งขั้นรุนแรง มีความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และกำลังจะเสียชีวิตในอีกไม่กี่วันนี้ ชาญชัยจึงรีบเดินทางไปเยี่ยมน้องชายที่บ้านไม้สักอันใหญ่โตหรูหราของเขา และเมื่อได้พบกับน้องชาย ชาญชัย ก็พบว่า โชติช่วงผอมซีดเซียวเป็นอย่างมาก
เป็นอย่างไรบ้างโชติช่วง ชาญชัยถามน้องชาย
เจ็บปวดทรมานมาก คิดว่าคงใกล้จะไปเต็มทีแล้ว โชติช่วงตอบอย่างคนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
แล้วเจ้าเตรียมการไว้พร้อมหรือยัง ว่า จะเอาเงินทองติดตัวไปด้วยมากเท่าไร ชาญชัยถาม โชติช่วงฟังคำถามพี่ชายก็งวยงง แต่ก็ตอบกลับไปว่า
เมื่อตายแล้วจะเอาไปอย่างไรล่ะพี่ แม้แต่สลึงเดียวก็ไม่มีทางเอาไปได้หรอก
แล้วสั่งบริวารให้ไปคอยต้อนรับเจ้าที่นั่นหรือไม่ ลูกเมียเจ้าล่ะ ให้ตามไปด้วยหรือเปล่า ชาญชัย ยังคงป้อนคำถามต่อ
ที่พี่พูดมานั่น...ฉันเอาอะไรไปด้วยไม่ได้เลยสักอย่าง โชติช่วงตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้น ชาญชัย ก็หยิบหมากสีแดงที่โชติช่วงเคยให้ ส่งคืนแก่เขา โชติช่วงมองหมากสีแดงอยู่ครู่หนึ่งจึงนึกออก
อะไรกัน พี่เอาหมากสีแดงมาให้ฉันทำไม โชติช่วง ร้องอุทานด้วยความตกใจ ชาญชัยจึงกล่าวแก่น้องชายว่า
เพราะเจ้าคือผู้ที่โง่เขลากว่าพี่น่ะสิ...ทั้งๆ ที่เจ้าก็รู้ดีว่า คนเราเมื่อถึงคราวต้องจากโลกนี้ไป จะไม่มีทางเอาอะไรไปได้เลยแม้แต่อย่างเดียว แต่เจ้าก็ยังขวนขวายทำงานหนัก จนสุขภาพทรุดโทรม และส่งผลถึงชีวิตในวัยนี้ เหล่านี้คือการกระทำที่โง่จริงๆ พี่จึงต้องมอบหมากนี้คืนกลับเจ้าไป
เมื่อโชติช่วงได้ฟังดังนั้น ก็คิดได้ทันที เขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญของชีวิต ว่า แทนที่จะมุ่งมั่นศึกษาธรรมะเพื่อความสุขอันแท้จริง เขากลับสูญเสียเวลาไปมากมายกับสิ่งที่หาได้เป็นความสุขอันแท้จริงไม่ และเมื่อตายไปก็เอาสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เลยสักอย่าง เสมือนว่า ที่เหนื่อยมาทั้งชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่สูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม สำหรับโชติช่วง กว่าที่เขาจะได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในชีวิตบทนี้ ก็เป็นเวลาที่สายเกินไปเสียแล้ว
บทสรุปของผู้แต่ง
อย่าให้ชีวิตต้องเรียนรู้บทเรียนที่สำคัญของการใช้ชีวิตเมื่อสายไปแล้วดังเช่นโชติช่วงเลย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตของคนๆ หนึ่งนั้นจะยืนยาวสักเท่าไร วันนี้อาจจะยังยิ้ม เดิน เล่น หรือหัวเราะกับคนรอบข้างอย่างขบขัน แต่พรุ่งนี้อาจจะต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่มีใครคาดคิด ...ความไม่แน่นอนนี้แหละ คือความจริงของชีวิตที่ต้องระลึกไว้เสมอ
ดังนั้น อย่าเสียเวลาอันมีค่าในชีวิตไปกับสิ่งที่หาประโยชน์ไม่ได้ แต่จงใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าอยู่เสมอ การสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่เธอควรหมั่นฝึกฝนเอาไว้ เพราะสิ่งนี้จะติดไปกับวิญญาณของเธอ และเป็นเสมือนทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่จะนำไปใช้ในชีวิตหลังความตายได้
////////////////
ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ฟรีมายด์ที่เอื้อเฟื้อนิทานสอนใจดีๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ข้อมูลโดย ผู้จัดการออนไลน์
Create Date : 27 สิงหาคม 2555
Last Update : 27 สิงหาคม 2555 13:46:05 น.
5 comments
Counter : 2045 Pageviews.
Share
Tweet
โดย:
ญามี่
วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:13:48:17 น.
อ่านแล้วอยากมีลูกแบบคนไหนดีอ่ะ น้องมี่
โหวตดีก่าเนอะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
sirivinit Home & Gargen Blog ดู Blog
ญามี่ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย:
ลงสะพาน...เลี้ยวขวา
วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:16:56:15 น.
ป้าปุ๊ย ขอมาทักทายด้วยคนนะจ้า ขอบคุณสำหรับนิทานข้อคิดดีฯชอบมากจ้า ป้าปุ๊ยแอบเข้ามาที่บล็อกของหนูมี่บ่อยมาก เข้ามาดูของตบแต่งบล็อก หนูมี่เก่งมากนะว่างฯ ต้องเข้ามาขอรายละเอียดตบแต่งบล็อกบ้างนะจ้า ตอนนี้ป้าปุ๊ยมือใหม่อยู่จ้า ..เป็นกำลังใจให้ป้าปุ๊ยด้วยนะจ้า
โดย:
ป้าปุ๊ย บ้านริมสวน
วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:23:43:54 น.
อ่านสนุกและได้คติดีด้วยค่ะ
โดย:
ร่มไม้เย็น
วันที่: 29 สิงหาคม 2555 เวลา:13:56:48 น.
ด้วยความคิดถึง จึงมาหานำรักมาให้
มีดอกไม้มาฝาก ผูกโบว์รักร้อนเอาไว้
โดย:
โสมรัศมี
วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:10:47:35 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ญามี่
Location :
ภูเก็ต Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 260 คน [
?
]
อัพบล็อกครั้งแรก ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑
คนพูดน้อยคิดบ่อยแต่ไม่เงียบ
ไร้ระเบียบเคลิ้มครุ่นอณูคุ้นฝัน
ไม่ประวิงหากทิ้งจักลืมวัน
พลัดผ่านพลันหากจากยากฝากคอย...
ขุนพลน้อยโค่วจง
ร่มไม้เย็น
ต้นกล้า อาราดิน
satineesh
พรหมญาณี
Yes Coffee
มัชชาร
Incheon
เป็ดสวรรค์
cengorn
onethai
เปลวอัคคี
แสงแรก ประดับดิน
นกน้อยจงแกร่ง
jamaica
yyswim
คืนฝันปีศาจน้อย
ขวดแก้วสีฟ้า
ขอฝากแค่ฝัน
พระรามหัดท่องเน็ท
โลกของหนึ่งคน
วาดฝันมธุรพจน์
สุดสาครท่องสมุทร
sirivinit
posataporn
รสรวยริน
เมืองมานะ
ฝากซึ้งใส่ฝัน
ลงสะพาน...เลี้ยวขวา
multiple
กะว่าก๋า
nobodyknowskeng
นธีทอง
เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน
sutipong
อติภา
ป้ามด
Webmaster - BlogGang
[Add ญามี่'s blog to your web]
หูฟัง Fullsize
ตลาดน้ำขวัญ-เรียม
ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ตลาดน้ำดอยหวาย
Bloggang.com