ผิวพักตร์ผ่องพรรณดังจันทรา
ลักขณาราวพระศรีอวตาร
กิริยามารยาทพิลาสล้ำ
ทั้งวาจาถ้อยคำก็อ่อนหวาน
อีกทรงธรรมกำกับในสันดาน
เห็นเป็นยอดนงคราญในชาตินี้
นี่คือคำพูดจากปากพระนารทผู้เป็นเทพฤๅษีที่สถิตบนสรวงสวรรค์ จึงเป็นที่ยืนยันได้ถึงคุณสมบัติและรูปโฉมของสาวิตตรี
จะอย่างไรก็ตาม เป็นที่หน้าแปลกอย่างยิ่งที่ว่า แม้สาวิตรีจะเจริญวัยเข้าสู่ความเป็นสาวแล้ว ทั้งยังทรงความงามอย่างหาผู้ใดทัดเทียมยาก แต่ไม่ปรากฏชายใดและเล็มหมายปองนางเลยจึงทำให้ท้าวอัศวบดีกังวลพระทัยเกี่ยวกับเรื่องคู่ครองของนางอยู่ไม่น้อย ในที่สุดก็ต้องตัดใจให้สาวิตตรีเลือกสวามีเอง ตามความเห็นชอบของนาง
สาวิตรีได้เดินทางไปหลายเมืองจนมาถึงเมืองของมหาราชจันทราเซน มาดันราชกุมารของมหาราชนั้นเป็นคนที่เลวร้ายมาก มักมากในกามคุณและไม่ให้เกียรติสตรีเลย เขาได้เข้ามาเพื่อที่หมายจะย่ำยี แต่สาวิตรีได้หลอกมาดันแล้วทำพิธีผูกรัคชิด เพื่อให้มาดันกลายเป็นพี่ชายของตน มาดันได้กล่าวคำอาฆาตกับสาวิตรีไว้ สาวิตรีจึงหมดหวังที่จะหาสามีตามที่พ่อและแม่ได้มอบหมายไว้ นางจึงออกเดินเพื่อหย่อนอารมณ์ พลันก็ได้ยินเสียงตัดไม้ นางจึงแอบเข้าไปดูก็พบกับชายรูปงามกำลังต่อเถียงกับนางยักษ์ที่เข้ามาพัวพัน โดยที่นางยักษ์กล่าวชักชวนให้ชายผู้นั้นมาร่วมหลับนอนด้วย ชายคนนั้นจึงกล่าวกับนางยักษ์ว่า ความอายเป็นคุณสมบัติของสตรี หญิงใดที่ไม่มีคุณสมบัตินี้ก็สมควรที่จะตายไป นางยักษ์จึงกลับไปด้วยความผิดหวัง แต่คำนี้เองที่ทำให้สาวิตรีหลงใหล
ในขณะที่นางซุ่มอยู่ในพุ่มไม้นั้นพลันก็ปรากฏเสือตัวใหญ่ไล่กวดนาง ชายหนุ่มจึงได้เข้ามาช่วยนางโดยที่ขว้างขวานเข้าที่คอเสือ และในขณะเดียวกัน มาดันก็เข้ามาแล้วยิงธนูเข้าที่หลังเสือ เมื่อชายหนุ่มเข้ามาหาสาวิตรี มาดันก็ได้เข้ามากล่าวคำหยาบช้าต่อสาวิตรี ชายหนุ่มจึงได้เข้าต่อสู้เพื่อปกป้องสาวิตรีไว้ สาวิตรีตกหลุมรักชายหนุ่มมากขึ้น มหามนตรีสุเกรชีเข้ามาหลังจากที่เขาได้ไล่มาดันไปแล้ว เขาแนะนำตัวเองว่า ชื่อสัตยวาน เป็นบุตรของอดีตมหาราชจันทราเซนซึ่งตาบอด มหามนตรีสุเกรชีจึงได้เข้าไปสู่ขอสัตยวานกับอดีตมหาราช แต่มหาราชไม่ยอมรับในเรื่องนี้ สาวิตรีจึงได้เข้าไปกล่าวกับอดีตมหาราชเอง ทำให้ทั้งมหาราชและมเหสียินยอม
ในขณะที่งานมงคลจะเกิดขึ้นนั้น พระนารทฤๅษีก็ได้เดินทางมาเพื่ออวยพร แต่ระหว่างทางได้พบกับพระยมราช พระยมราชจึงได้แจ้งว่า สัตยวานนั้นเหลืออีกเพียง 1 ปี เมื่อสาวิตรีรู้ข่าวจากพระฤๅษีนั้น นางก็มั่นคงในคำพูดจึงได้เข้าพิธีสมรสกับสัตยวาน โดยที่ไม่ฟังคำค้านจากบิดามารดาเลย
แต่ดูเหมือนว่าอานุภาพของความรักจะยิ่งใหญ่เหนือกว่าความหวั่นเกรงใดๆ สาวิตตรีเมื่อปลงใจในพระสัตยวานแล้ว แม้เห็นชัดว่าจะมีขวากหนามชีวิต รอคอยอยู่ภายหน้า ก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจแต่อย่างไร
พร้อมกับวันเวลาที่คล้อยผ่านสาวิตตรี ได้ลอบนับไว้อย่างแม่นยำ จนเหลืออีกเพียงสี่วันก็จะถึงกำหนดหมดอายุขัยของพระสัตยวานตามคำทำนายของพระฤๅษีนางก็เริ่มบำเพ็ญตรีราตรธุดงค์ (อดอาหารสามวันสามคืน) พอถึงวันสุดท้ายแห่งการบำเพ็ญ นางได้ยืนนิ่งแน่วสะกดอารมณ์ บรรดาฤๅษีชีพราหมณ์ทั้งหลายในสำนักของราชฤๅษีท้าวมยุมัตเสน ก็ช่วยกันสวดมนต์อำนวยพรให้พระสัตยวานพ้นภัย
จนถึงเวลาที่สัตยวานจะต้องถูกนำวิญญาณไป นางจึงได้เฝ้าอยู่กับสามี แต่แล้วยมราชได้ใช้อุบายพรากวิญญาณสามีของนางไปจนได้
นางจึงได้ออกติดตามไปจนถึงแม่น้ำเวตาล ยมราชได้บอกว่า นางข้ามไม่ได้เพราะภพหน้าคือภพของคนตาย สาวิตรีจึงขอพรจากพระแม่กามเทนุให้พาข้ามไป
ยมราชเห็นความตั้งใจของนางจึงได้กล่าวเตือนอีกครั้งเพราะข้างหน้าคือเทวโลก ที่ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถเข้าไปได้ ยมราชจึงต่อรองกับสาวิตรี ว่าเจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี นางจึงขอให้ดวงตาของพ่อและแม่สามีมองเห็นได้อีกครั้ง ยมราชจึงได้ให้พรดังนั้นแล้วเดินทางต่อไป พระแม่กาลีจึงได้ให้ตรีศูลพาข้ามไป
ยมราชเห็นดังนั้น จึงได้บอกกับสาวิตรีว่า ข้างหน้าเป็นโลกสวรรค์ ซึ่งจะไปได้เฉพาะเทวดาเท่านั้นแต่สาวิตรีไม่ยอม ยมราชจึงต่อรองกับสาวิตรี ว่าเจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี สาวิตรีจึงขอบัลลังก์ของพ่อแม่สามีคืน ยมราชให้พรแล้วเดินทางต่อพระแม่ลักษมีจึงได้ให้ดอกบัวพาสาวิตรีข้ามโลกสวรรค์ไป
และเมื่อยมราชเห็นดังนั้นจึงได้บอกสาวิตรีว่า ข้างหน้าเป็นป่าสวรรค์และเป็นวรรณะโลกที่ผู้คนบูชาที่ซึ่งแม้แต่เทวดาถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าไปไม่ได้ แต่สาวิตรีไม่ยอมยมราชจึงต่อรองกับสาวิตรี ว่าเจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี นางจึงขอให้พ่อและแม่ที่ไม่มีลูกชายเลยของนางมีลูก 100 คนเพื่อความรุ่งเรือง ยมราชให้พรแล้วเดินทางต่อไป พระแม่สุรัสวตีจึงได้มอบหงส์ของพระแม่ให้พาสาวิตรีไป
เมื่อถึงยมโลก ยมราชได้บอกกับสาวิตรีว่า ที่นี่คือยมโลก ไม่มีใครเข้าไปได้นอกจากยมราชจะอนุญาต แต่สาวิตรีไม่ยอมฟังได้เดินตามยมราชเข้าไป ยมราชจึงหันมาบอกกับสาวิตรีว่าลูกรักอย่าได้ดื้อไปเลยกลับไปเถอะ สาวิตรีบอกว่าเมื่อท่านเรียกข้าว่าลูกท่านก็เหมือนพ่อ แล้วพ่อจะไม่ให้ลูกเข้าบ้านหรือ ยมราชจึงต่อรองกับสาวิตรี ว่าเจ้าขอพรได้ 1 ข้อ เว้นแต่ชีวิตของสามี แล้วกลับไป สาวิตรีจึงขอมีบุตรถึง 100 คน ยมราชได้ให้พรดังที่ขอ แต่สาวิตรีไม่ยอมกลับ ยมราชจึงหันมาดุสาวิตรี
นางจึงเข้ามาบอกว่า ท่านให้พรได้แต่ไม่เข้าใจในคำพรที่ให้เลย นางที่ซื่อตรงกับสามีจะมีบุตรได้อย่างไรถ้าไม่มีสามี ถ้าท่านจะให้พรสำเร็จไปก็ต้องคืนวิญญาณสามีให้ ยมราชจึงยอมปล่อยวิญญาณไป นางได้ตามวิญญาณสามีกลับมา เหล่าเทวะและฤๅษีได้เข้ามาแสดงความยินดีและคำนับนางด้วยความเคารพและยกย่องนางว่าเป็นมหาสตรี
นี่คือเรื่องราวของนางสาวิตตรี เจ้าหญิงผู้มีความงามราวพระศรี(พระลักษมีมเหสีพระนารายณ์) แต่เหนือกว่าความงาม นางเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของกุลสตรีอื่นๆทัดเทียมไม่ได้ รวมถึงความกล้าหาญที่แม้แต่ชายสามศอกน้อยคนนักที่จะสู้นางได้ เมื่อนางกล้าเผชิญหน้ากับพระยมเทพแห่งความตาย แล้วใช้วาทศิลป์อันคมคายช่วยชีวิตพระสวามีของนางเอง

เรื่องจาก อินเตอร์เน็ต
Create Date : 10 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 10:41:19 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3215 Pageviews. |
|
 |
(◡‿◡✿)ขอบคุณที่แวะมาทักทายกัน (◕‿◕✿)
.★* *★<º))))><._.><((((º>
ขอบคุณที่ชอบชมภาพที่แบ่งปัน✿ (◕〝◕)
<º))))><._.><((((º>.★* *★
ชอบใจภาพใด(¯`¸´¯)ใช้ภาพได้ตามสะดวก
_000000___00000___*
00000000_0000000___*
0000000000000000____*
_00000000000000_____*
___00000000000_____*
______00000_______*
________0________*
ขอบคุณที่เราพบกัน(◡‿◡✿)
*☆❤*☆❤*☆❤*