แวะดม ชมอินเดียตอนที่ 2.เที่ยว ๆ กิน ๆ Pondicherry แวะ Auroville
สถานที่ท่องเที่ยว : Auroville และ Pondicherry อินเดียใต้, India พิกัด GPS : 12° 0' 23.54" N 79° 48' 38.58" E
จาก ตอนที่แล้ว (แวะดม ชมอินเดียตอนที่ 1. อินเดียจ๋า ฉันมาแล้วจ้ะ) สวัสดีตอนเช้าจาก Pondicherry ค่ะ (หรือชื่อใหม่ puducherry เรียกเล่น ๆ พอนดี้) อย่างที่บอกไป เมือง Pondicherry เป็นเมืองที่ถูกปกครองโดยฝรั่งเศส มาประมาณ 300 ปี คือช่วงราวปี 1674 ถึง 1956 โดยในช่วงอาณานิคมราว ๆ นั้น อินเดียก็จะมีฝรั่งเข้ามาล่าอาณานิคม บางส่วนตกเป็นของอังกฤษ โปรตุเกส ดัชต์ และบางส่วนเป็นของฝรั่งเศส เรียกว่า French india ในส่วนของ french india จะมีหลายเมืองค่ะ แต่พอนดี้เป็นเมืองเอก (อันนี้คร่าว ๆ นะคะ เท่าที่อ่านมา) ก็เลยทำให้บ้านเรือนต่าง ๆ มีรูปแบบไปในทางยุโรปเป็นส่วนมาก ชื่อถนนหนทางก็เป็นภาษาฝรั่งเศส แต่ผู้คน ก็ยังคงมีความเป็นอินเดีย อยู่ด้วยค่ะ และคนพอนดี้ก็มีที่ถือสัญชาติฝรั่งเศสและพูดฝรั่งเศสได้พอสมควรเชียวค่ะ ทั้งที่หน้าตาเป็นอินเดียนะคะ ไปชมวิดีโอกันค่ะ (หากไม่สะดวกชมวิดีโอสามารถเลื่อนลงไปข้างล่างได้ มีบรรยายด้วยภาพอยู่ด้วยค่ะ) ที่พักของเราอยู่ในเมืองพอนดี้เลยค่ะ และไม่ไกลจากฝั่งทะเลด้วย ที่พักที่ให้ชายจองนี้ เป็นอพาร์ทเม้นท์ค่ะ คือที่อินเดียนี้ ชายหญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฏหมาย ไม่สามารถเข้าโรงแรมด้วยกันได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นเข้าไปนั่งเล่นกันก็ตาม และขามาของเราทริปนี้จะมาถึงพอนดี้ตีสาม ถ้าเช่าโรงแรมมันก็คงไม่คุ้ม เลยคุยกันว่า เช่าเป็นที่ที่เขาให้เช่าระยะสั้นดีกว่า เพื่อที่ก่อนเรามาถึง ชายจะได้รับกุญแจมาไว้ให้ จึงเป็นที่นี่ค่ะ
ที่พักของเราอยู่ตรงข้ามกับสถานพยาบาลค่ะ ประมาณว่าดูแลผู้สูงอายุ
อย่างที่บอกว่าเมื่อคืนมาถึงตีสาม โอ๊ย มึดมาก คลำหาอะไรก็ไม่เจอ ปลั๊กก็แปลกประหลาด (แปลกสำหรับเรา สำหรับเขามันก็ไม่แปลกหละเนอะ) อันนี้ถ่ายมาตอนเช้าค่ะ
เวลาจะเสียบปลั๊กต้อง เปิดสวิตช์ด้วย มันถึงจะติด พัดลมก็เหมือนกัน หมุนอย่างเดียวพัดลมไม่ติด ต้องกดสวิตช์ด้วยเหมือนกัน ประมาร 10 โมง หิวกำลังได้ที่ ออกไปหาอะไรทานกัน พร้อมชมเมืองพอนดี้ตอนกลางวันด้วย
ชาวอินเดียส่วนใหญ่ มักใช้มอเตอร์ไซค์ในการคมนาคม และเมืองพอนดี้นี้ เป็นเมืองที่ถนนค่อนข้างแคบ แม้ว่าจะวางผังเมืองเป็นล๊อก ๆ ที่เชื่อมถึงกันแบบฝรั่งก็ตาม
สำหรับอาหารเช้า เราแวะร้านนี้ ซึ่งเป็นร้านแรกในชีวิต สำหรับประเทศอินเดีย
อาหารเพียบเลย หลากหลาย แต่สั่งไม่เป็น
น่าจะเป็นน้ำราดอะไรสักอย่าง (ถ่ายมาก็ไม่ชัดเล้ยยยย)
แล้วชายก้สั่งสิ่งนี้มาให้ เหลือง หอม น่ากิน เรียกว่า Sambar rice ค่ะ ต่อไป....
เรียก ว่าโดซา มาเป็นชุด
แบบข้างล่างนี่เรียกว่า กีโรซ โดซา เทียบกับหน้านี่อย่างใหญ่ เสร็จจากอาหารเช้า (?) เราก็เดินทางต่อไป Auroville ค่ะ
Auroville เป็นสิ่งปลูกสร้างในเขต วิลุปปูรัม ( Viluppuram) ที่อยู่ไม่ไกลจากพอนดิเชอรี่ สร้างในปี 1968 โดย The mother หรือ Mirra Alfassa ผู้ซึ่งมุ่งเน้นให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับทุกคน ไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนา เพราะเชื่อว่า ทุก ๆ คนมีความเป็นหนึ่งเดียว (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) การจะเข้าไปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องอีเมล์หรือโทรไปจองก่อนวันเข้าชม 3-7 วัน รายละเอียดที่นี่ พวกเราไม่ได้จองที่จะเข้าไปข้างใน Matrimandir (ตึกกลม ๆ เคลือบด้วยทอง) จึงถ่ายรูปมาแค่นี้ค่ะ ส่วนใหญ่ผู้ที่จะเข้าไปข้างในเขาจะเข้าไปนั่งสมาธิกัน ระหว่างทางที่นั่งรถมาจะเห็นฝรั่งเดินมาที่นี่หลายต่อหลายคน ไม่ค่อยเห็นนั่งรถมาเท่าไหร่ หรือวันที่ไปอาจไม่เห็นก็ไม่ทราบได้ จริง ๆ ปากทางเข้าไป Auroville เป็นเกสท์เฮ้าส์เสียหลายที่ วันนั้นอากาศดี ไม่ร้อน (ถ้าเปิดวิดีโอดูจะได้ยินเสียงลม) เราถ่ายรูปกันพอประมาณ แล้วเราก็กลับเข้าเมืองพอนดี้กันค่ะ ชายพาไปทานชาที่ร้านนึง ร้านนี้อยู่บนชั้นสองของอีกร้าน (ยังกะญี่ปุ่นเนอะ) บอกว่าชาร้านนี้อร่อยมาก ต้องมาทานทุกวัน ดูเมนูก่อนค่ะ
เวลาจะซื้ออาหารร้านนี้ต้องแลก token กับป้าที่นั่งหน้าประตูก่อนนะคะ (ดุมาก แง๊)
มาแล้ว นี่คือ mint tea หอมพุ่งมาแต่ไกล ราคา 18 รูปี คิดเป็นเงินไทยง่าย ๆ หารสอง เป็น 9 บาท
ดื่มชาเสร็จเราไปต่อกันที่ KFC จริง ๆ เมื่อคืนตอนลงเครื่องมาเพื่อนขอให้พาไปตั้งแต่ตอนนั้นเพราะอยากกิน KFC แต่มันปิดแล้ว หลังจากทานชาเสร็จเพื่อนก็ขอให้พาไปอีก เลยขับรถออกมาจากตัวเมืองพอนดี้อีกครั้ง น่าจะประมาณ 6-7 กิโล อยู่ติดไฮเวย์นะคะ มาดู KFC ของพอนดี้กันค่ะ มีรูป krushers แต่พอสั่งจริง ๆ ไม่มี
สั่งอะไรก็ไม่ค่อยมี คนแน่นร้าน (ไม่กล้าถ่ายเขามาตรง ๆ ) สั่งอาหารเสร็จต้องถือใบไปต่อแถวจ่ายเงินอีกแถว เขาถึงหยิบอาหารให้
สั่งอะไรก็หมด สรุป ได้ไก่ 6 ชิ้น
รวมทั้งสิน 474 รูปี คิดเป็นเงินไทยก็ สองร้อยกว่าบาท ได้ไก่มา 6 ชิ้น สังเกตดูจะมีคิดค่าถุงพลาสติกอีก 3 รูปีอีกด้วย เพราะคนในร้านเยอะ เพื่อนเลยไม่อยากทานในร้าน จากนั้นเพื่อนก็เกิดอยากกินข้าวหมกไก่ขึ้นมาอีก เราต้องกลับเข้ามาในเมือง ไปร้านนี้กันค่ะ zaffron ที่ถนน Anna salai พิกัด
หอมมาตั้งแต่เดินเข้าร้าน ร้านนี้มีแอร์นะคะ นั่งได้สบาย
การจัดเรียงอาจดูไม่ค่อยงาม แต่ร้านเขาสะอาดใช้ได้ทีเดียว
หลังจากตระเวนกินมาอย่างหนักหน่วง เราไม่ได้ทานที่ร้านหรอกค่ะ ซื้อกลับบ้าน
เราซื้อข้าวหมกไปทานที่บ้านกันค่ะ ข้าวหมกนี้ เราเรียกว่า Briyani (อ่านว่า บริยานี)
ก่อนเข้าบ้านเราแวะร้านขายของชำ ที่นี่จะซื้อเขาต้องบอกว่าจะเอาอะไร เขาไม่ให้หยิบเอง (ดูท่าพวกหยิบฉวยจะเยอะ) เลยซื้อชา กาแฟ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก ซองเล็ก ๆ และซื้อน้ำขิงมาทาน เป็นขวดแช่เย็น
Create Date : 22 กันยายน 2558 |
Last Update : 1 มิถุนายน 2561 20:35:36 น. |
|
7 comments
|
Counter : 3975 Pageviews. |
|
|