|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
The Jewish Quarter Walking Tour in Barcelona ตอนที่ 2
ถัดมาจาก โบสถ์ยิว จะเจอตึกหลังหนึ่ง มี อักษร ฮิบรูสลักอยู่ในหินค่ะ เป็นของใหม่ค่ะ และเพื่อนอิสราเอล บอกว่า คำแปลภาษาสแปนิช ด้านล่างนั้น ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ข้อความ ภาษาฮิบรูนั้น แปลได้ประมาณว่า Rest in Peace คือ ขอให้ตายตาหลับไปสวรรค์ ทำนองนั้นค่ะ เนื่องจากว่า บ้านหลังนี้ ได้นำก้อนหิน จากหลุมฝังศพ ชาวยิว มา สร้างบ้านค่ะ ก้อนคงจะใหญ่ดี ไม่ต้องไปหาไกลๆ


คนยิว มีธรรมเนียมว่า ถ้ามีคนตาย จะต้องฝัง ไกล กว่า ที่อยู่อาศัย อย่างน้อย 50 ก้าว ดิฉันคิดว่า คงเป็นการป้องกันโรคติดต่อไปในตัวด้วยนะคะ ที่ฝังศพของชาวยิว ปัจจุบัน ที่บาร์เซโลน่า ก็คือ Montjuïc มองจูอิก ซึ่งแปลว่า ภูเขาชาวยิว
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ชาวยิว ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกเมืองไป ฝังศพ ที่ Montjuïc ได้ แต่ เราก็ได้เจอ ถนนหนึ่ง ชื่อว่า Carrer de Montjuïc del Bisbe อยู่ระยะ ห่างจาก บ้านชาวยิว นับได้ ประมาณ 50 ก้าวพอดี เดาได้ว่า ในตอนนั้น ชาวยิว คงต้องฝังศพ กันที่นี่

ติดกัน กับถนน นั้น คือ โบสถ์ค่ะ ซึ่งดิฉันเห็นทีไร ก็ รู้สึกเศร้าขึ้นมาทุกครั้ง หน้าโบสถ์ เต็มไปด้วย รอยกระสุนปืน ที่ ใช้สังหารหมู่ชาวคาตาลาง สมัย สงครามกลางเมือง เมื่อปี คศ 1936 ค่ะ

โบสถ์นี้ ยังเป็นโบสถ์ ที่ Antoni Gaudí (สถาปัตยกร ชื่อดังที่สุดของบาร์เซโลน่า) เดินมาสวดมนต์ ทุกวัน เกาดี้ เป็นนักเดินค่ะ ทุกๆ วัน เค้าจะเดิน จาก บ้าน ที่อยู่ใน Parc Güell ไปทำงาน ที่ La Sagrada Familia และ เดินมาสวดมนต์ที่โบสถ์นี้ เกาดี้เสียชีวิต เมื่ออายุ 74 ปี เขาถูกรถราง ชน ระหว่างเดินมา โบสถ์นี้ค่ะ 
ติดกันกับโบสถ์ คือ พิพิธภัณฑ์รองเท้า มีรองเท้า ของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ด้วยนะคะ โคลัมบัส เป็นชาวอิตาเลี่ยน ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กษัตริย์ สเปน ให้เดินทางหาเมืองใหม่ เขาเป็นคนมีความสามารถหลายด้าน ได้รับการศึกษาอย่างดีแต่วัยเด็ก สามารถ พูดได้หลายภาษา รวมทั้ง ภาษา คาตาลาง และ ภาษาฮิบรูของชาวยิวด้วย จึงมีคนเข้าใจผิดว่าเค้าเป็นยิว
เมื่อ ชาวยิวโดนขับไล่ ออกไปจากสเปน ทรัพย์สินที่ทางการสเปน ยึดมาได้ ก็ได้นำมาใช้สนับสนุนโคลัมบัส ไปค้นพบ อเมริกา นั่นเอง

เดินต่อนะคะ ... ถ่ายรูประเบียงตึกสมัยก่อน ในบาร์เซโลน่าให้ดูกันค่ะ สมัยก่อน เจ้าของตึก มักจะมีร้านค้า ชั้นล่าง และพักชั้นบน ชั้นสอง คงเป็น ครอบครัว หรือไม่ก็ พนักงาน และ ชั้นบน คงเป็นคนรับใช้ ดูได้จาก ระเบียงนะคะ ชั้น 1 จะใหญ่กว้าง และเล็ก ลงไปเรื่อยๆ ตามลำดับความสำคัญของเจ้าของบ้าน ซึ่งตรงกันข้ามกับปัจจุบัน ที่ ว่าชั้นบน ดีที่สุด แพงที่สุด

เดินมาอีกโค้งนึง ก็เจอ บ้านร้างๆ หลังหนึ่ง บ้านนี้ อยู่ใน บริเวณ ชุมชนชาวยิวเช่นกันค่ะ มีประวัติว่า เจ้าของบ้านนี้ เป็น ชาวยิว นักปรุงยา เค้ามีลูกสาว สวยมากๆ จนวันหนึ่ง มี อัศวินชาวคริสต์ ผ่านมาละแวกนี้ เกิดเห็น สาวสวยคนนี้และตกหลุมรักเข้า คนแถวนั้นก็เลยแนะนำให้มาหานักปรุงยาคนนี้.... นักปรุงยา ได้ฟังเรื่องจากอัศวิน ก็ นึกในใจว่า ไอ้หนุ่มคริสต์นี่ ต้องหลงรักสาวยิว แน่นอน และ หญิงชาวยิว ที่ รักกับ คนคริสต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ โสเภณี... คิดได้ดังนั้น ก็บอก อัศวินไปว่า เอาดอกกุหลาบดอกนี้ ไปให้ หญิงคนนั้นดม แล้วเธอคนนั้น จะหลงรักท่าน...... อัศวินหนุ่ม ก็นำดอกกุหลาบไปยื่นให้ สาวยิวคนงาม เมื่อเธอดมดอกไม้นั้นเธอก็ฟุบลง สิ้นใจตายทันที ....นักปรุงยาได้ข่าวว่า มี สาวยิว เสียชีวิต ที่ตลาด ก็เดินไปดู พอเห็นว่า เป็นลูกสาวตัวเอง ก็เสียใจ วิ่งกลับมาบ้าน ปิดประตูหน้าต่าง......และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครได้เห็นคนปรุงยาและประตูบ้านหลังนั้นก็ไม่เคยเปิดอีกเลย.............
น่ากลัวดีมั้ยคะ ...ได้ข่าวมาว่า ทางการ อาจจะซื้อสถานที่นี้ แล้วทำเป็น information center สำหรับ บริเวณชุมชนเก่าแก่ชาวยิวค่ะ


ที่สุดท้ายที่สำคัญ สำหรับชุมชน ชาวยิว ในยุคนั้นก็คือ ห้องอาบน้ำสาธารณะค่ะ ในอดีต ชาวโรมัน ชาวยิว และอาหรับ(แขกมัวร์) จะชำระล้างร่างกาย ที่ห้องอาบน้ำค่ะ ชาวคริสต์ในยุคนั้น ไม่ค่อยอาบน้ำค่ะ เพราะเชื่อว่าอาบบ่อยๆ ไม่ดี และเนื่องจาก แขกมัวร์ ขึ้นมาไม่ถึง บาร์เซโลน่า ห้องอาบน้ำ นี้ เลยค่อนข้างแน่ใจว่า เป็นของชุมชน ยิว ค่ะ และ จากโครงสร้างที่เหลืออยู่ เขาว่าเป็นห้องอาบน้ำสำหรับผู้หญิงด้วยค่ะ
ห้องอาบน้ำที่ค้นพบนั้น ปัจจุบัน อยู่ชั้นใต้ดิน ของร้านกาแฟ แห่งนี้ค่ะ ร้านกาแฟ นี้มีชื่อว่า Cafe Caelum ซึ่งเป็นภาษาละติน แปลว่า "สวรรค์" ขนม จากร้านนี้ ทำโดย แม่ชี จาก คอนแวนท์ ต่างๆ ทั่วสเปนค่ะ

ในร้าน บรรยากาศสวยงาม น้ำชา กาแฟ ก็อร่อย

แอบ ลงไปถ่ายรูปชั้นล่าง ซึ่งเป็น ห้องอาบน้ำ ยังเห็นโครงสร้างที่พอจะนึกภาพได้ ถึง สมัยก่อนนะคะ

จบการทัวร์ ด้วย ขนมหวาน ที่ทำจากอัลมอนด์ และไข่แดง จาก โทเลโด้
ขอบคุณที่ติดตามเป็นลูกทัวร์นะคะ เมื่อยขากันรึเปล่าเอ่ย?


Create Date : 28 เมษายน 2549 |
Last Update : 28 เมษายน 2549 18:20:54 น. |
|
19 comments
|
Counter : 1326 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ShiEri วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:21:12:42 น. |
|
|
|
โดย: อิ่ม IP: 70.22.44.253 วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:21:20:14 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:22:12:47 น. |
|
|
|
โดย: soulfighter วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:2:29:14 น. |
|
|
|
โดย: ปิ๋วค่ะ IP: 124.120.7.219 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:2:58:36 น. |
|
|
|
โดย: แม่เจ้าขิง IP: 213.84.163.18 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:4:09:28 น. |
|
|
|
โดย: madam_ozzy วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:6:53:57 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ส้มจุก วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:8:15:15 น. |
|
|
|
โดย: วดี วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:14:51:40 น. |
|
|
|
โดย: แม่ลูกแฝด วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:33:41 น. |
|
|
|
โดย: อัญชัน IP: 213.3.51.178 วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:29:05 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องธัย วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:6:23:30 น. |
|
|
|
โดย: พิม IP: 69.217.194.45 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:16:40 น. |
|
|
|
โดย: *พิณ* วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:43:21 น. |
|
|
|
โดย: lovelymood วันที่: 4 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:35:28 น. |
|
|
|
|
|
|

สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog แห่งนี้ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่และโดยอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

|
|
|
|
|
|
|
น่าสนใจมากๆค่ะ เค้ารักษาสถานที่ไว้ได้ดีมากๆเลย ลูกหลานจะได้มาศึกษากันต่อได้
นักท่องเที่ยวไปชมเยอะมั้ยคะ?