|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
2 กรกฏาคม 2551
|
|
|
|
::: เพลินๆกับเรืองคู่ๆ "ตะเกียบ":::
|
ถ้าหากว่าเอ่ยถึง ตะเกียบ ... อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารนี่ล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าแต่ละคนมีความถี่ในการใช้เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ .. มาก น้อย บางครั้ง ... หรือว่าไม่ค่อยได้ใช้เลย
สำหรับตัวฉันเองแล้วหลังๆ นี่เหมือนจะได้ใช้มากขึ้น ไม่ได้มีสาเหตุอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ เพราะที่ต้องใช้ก็เนื่องมาจากว่าได้กินพวกอาหารเป็นเส้นๆ บ่อยกว่าเดิมหน่อย ไม่ว่าจะเป็นมาม่า บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว เนื่องจากส่วนตัวแล้วเป็นพวกถ้าต้องกินอาหารประเภทเส้นๆ แล้ว ถ้าไม่ได้กินด้วยตะเกียบก็จะไม่กินดีกว่า เพราะว่ารสชาติของอาหารดูเหมือนว่าจะถูกลดดีกรีลงไปอย่างเยอะเลยค่ะ
และช่วงหลังๆ นี่เอง นอกจากบริโภคอาหารเส้นๆ บ่อย ได้ใช้ตะเกียบ่อยๆ แล้ว ก็ยังได้บริโภคซีรีย์ดีๆ ขำๆ จากทางเกาหลีบ้าง ญี่ปุ่นบ้างประปราย (ด้วยได้รับการอนุโมทนาจากเพื่อนแสนดี) เลยทำให้เราได้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินของชาติเกาหลี ญี่ปุ่น ไปด้วย เรียกว่าดูไปแล้วได้ความรู้ (ถ้าสังเกต) และก็ยังได้ความหิวมาเพิ่มด้วย เพราะดูเหมือนว่า เวลาคนเกาหลี ญี่ปุ่น เหล่านี้ถ้าได้นั่งโต๊ะอาหาร ซูมให้เห็นถึงอาหาร และการกินไปคุยไป นั่นล่ะค่ะ เมื่อนั้นล่ะค่ะ เห็นแล้วกระตุ้นต่อมของฉันให้หิวแน่ๆ เพราะรู้ไม่ต้องบอกเลยว่าอาหารมื้อนี้อร่อยจริงๆ ..
ว่าแล้วก็เข้าไป search หาดูข้อมูลเรืองตะเกียบแล้วก็ได้เจอเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วัฒนธรรมตะเกียบ ในเชิงสารสนเทศ ของสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง อ่านเจอแล้วก็ได้ความรู้ดีๆ กลับมาด้วยค่ะ ...
ขออนุญาตคัดลอกบางตอนของข้อความในเนื้อหาให้อ่านกันค่ะ
จีนเริ่มใช้ตะเกียบตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดแจ้ง แต่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า คนจีนใช้ตะเกียบกินข้าวกันอย่างแพร่หลายหลังยุคราชวงศ์ฮั่น ประมาณในคริสต์ศตวรรษที่ 3 คนในสมัยนั้นเรียกตะเกียบว่า จู้ ( Zhu ) ต่อมาเปลี่ยนเป็น ไขว้จื่อ ( Kuaizi ) เหตุผลก็เป็นเพราะว่าชาวเรือ ถือคำว่า จู้ ที่ไปพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า หยุด ซึ่งไม่เป็นมงคลต่อการเดินเรือ จึงเปลี่ยนไปใช้ ไขว้จื่อ แทน จู้ คนแต้จิ๋วออกเสียง จู้ ว่า ตื่อ ( Del ) และในปัจจุบันก็ยังคงใช้กันอยู่
ในเนื้อหาเค้าบอกเอาไว้ว่าไม่มีใครรู้แน่ว่าตะเกียบนั้นเริ่มใช้เมื่อไหร่ แต่แน่นอนว่ามันคงมากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว และนั่นเองล่ะค่ะว่ายาวนานขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีวัฒนธรรม หรือสิ่งควรและไม่ควรทำในการบริโภคด้วยตะเกียบแน่นอนเลย อ่านดูน่าสนใจดี เลยคัดลอกเอามาเสริมให้อ่านกันด้วยนะค่ะ แต่เอาแค่บางส่วนดีกว่าค่ะ ไม่ยาวดี
-ห้ามวางตะเกียบเปะปะ จะต้องวางให้เป็นระเบียบเสมอกันทั้งคู่ การวางตะเกียบไม่เสมอกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง
-ห้าม อม ดูด หรือ เลียตะเกียบ กิริยานี้เป็นเรื่องที่เสียมารยาทอย่างยิ่ง ถ้ายิ่งดูดจนเกิดเสียงดังด้วยแล้ว ถือเป็นกิริยาที่ขาดการอบรมที่ดี
-ห้ามใช้ตะเกียบเคาะถ้วยชาม เพราะมีแต่ขอทานเท่านั้นที่จะเคาะถ้วยชาม ปากก็ร้องขอความเมตตา เพื่อชวนให้เวทนาสงสาร เรียกร้องความสนใจให้บริจาคทาน
-ห้ามใช้ตะเกียบวนไปมาบนโต๊ะอาหาร โดยไม่รู้ว่าจะคีบอาหารชนิดใด ถือว่าเป็นกิริยาที่ควรหลีกเลี่ยง ควรใช้ตะเกียบคีบอาหารที่ต้องการนั้นทันที
-ห้ามใช้ตะเกียบคุ้ยหาอาหาร การกระทำเช่นนี้เปรียบเหมือน พวกโจรสลัดขุดสุสาน เพื่อหาสมบัติที่ต้องการ ถือเป็นกิริยาที่น่ารังเกียจ
-ห้ามคีบอาหารให้น้ำหยดใส่อาหารจานอื่น เมื่อคีบอาหารได้แล้วจะต้องให้สะเด็ดน้ำสักนิด เพื่อไม่ให้น้ำหยดและอย่าทำอาหารที่คีบอยู่หล่นใส่โต๊ะ หรืออาหารจานอื่น การทำเช่นนี้ถือเป็นกิริยาที่เสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง
-ห้ามถือตะเกียบกลับข้าง คือถือปลายตะเกียบขึ้น ใช้ช่วงบนตะเกียบคีบอาหาร กิริยานี้น่าดูแคลนที่สุด เพราะถือว่าไม่ไว้หน้าตนเอง เหมือนหิวจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น -ห้ามใช้ตะเกียบข้างเดียวเสียบแทงลงในอาหาร ถือว่าเป็นการเหยียดหยามน้ำใจกัน ไม่ต่างอะไรจากการชูนิ้วกลางให้ของฝรั่ง
-ห้ามปักตะเกียบไว้ในชามข้าว เพราะดูเหมือนปักธูปในกระถางไหว้คนตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าข้าวให้คนอื่นแล้วปักตะเกียบไว้ในชามข้าวส่งให้ จะถือว่าเป็นการสาปแช่ง
-ห้ามวางตะเกียนไขว้กัน คนจีนในปักกิ่งถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกัน ทั้งแก่ตนเองและเพื่อนร่วมโต๊ะ
-ห้ามทำตะเกียบตกพื้น เพราะเสียมารยาทอย่างยิ่ง จะทำให้วิญญาณที่หลับสงบอยู่ใต้พิภพตื่นตกใจ ถือว่าเป็นสิ่งอกตัญญู จะต้องรีบเก็บตะเกียบคู่นั้นวาดเครื่องหมายกาก บาท บนจุดที่ตะเกียบตกทันที พร้อมกับกล่าวคำขอโทษ
-วิธีถือตะเกียบที่ถูกต้อง จะต้องถือตะเกียบไว้ตรงง่ามนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ให้อีกสามนิ้วที่เหลือคอยประคองตัวตะเกียบไว้ และต้องถือให้เสมอกัน เมื่ออิ่มแล้วต้องวางตะเกียบขวางไว้กลางชามข้าวเสมอ
อ่านดูแล้ว เงื่อนไขหรือว่าสิ่งไม่ควรทำกับการใช้ตะเกียบนั้น มีจุกจิกบ้างเหมือนกันนะค่ะ แน่นอนว่าสำหรับเราๆ เอง เพราะไม่ได้ใช้กันเป็นประจำดั่งช้อนและส้อมอาจจะรู้สึกแบบนี้ แต่ก็ว่าการได้มารู้ถึงวัฒนธรรมการกินอย่างถูกวิธีก็ไม่ได้เป็นเรื่องไร้สาระเกินไปนะค่ะ ถึงไม่ได้ใช้ประจำแต่ว่าเมื่อรู้มากขึ้นก็เหมือนว่าเราได้เปิดโลกทัศน์เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ เมื่อรู้แล้วก็ต้องเลี่ยงข้อห้ามหรือว่าสิ่งไม่ควรทำนี้ได้อย่างถูกต้อง เพื่อว่าบางทีใครจะรู้ค่ะว่าคุณอาจจะต้องไปร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่น และต้องใช้ตะเกียบเป็นอาวุธแก่งแย่งกันบนโต๊ะอาหาร สิ่งละอันพันละน้อยก็อาจจะสามารถช่วยได้สำหรับมารยาทบนโต๊ะด้วยก็ได้ค่ะ
นอกเหนือจากการมีอุปกรณ์จะช่วยในการทานอาหารแล้ว ยังมี มือล้วนๆ นี่ล่ะค่ะที่ช่วยในการกินอาหารให้ได้อร่อยนัก อย่างอาหารเหนือที่จะต้องกินข้าวเหนียว มือนี่ล่ะค่ะต้องสะอาด จ๊ก และ จ้วงกันให้เมามันส์ หรือว่าไม่ก็คนไทยสมัยก่อน ที่ทานข้าวก็ต้องใช้มือ จำได้ว่าย่าฉันเองนี่ล่ะเคยกินแบบนี้ แล้วเกิดอยากลองด้วย แต่ว่าก็ไม่สามารถค่ะ เพราะว่าข้าวมันไม่ได้เหนียวเหมือนอย่างข้าวเหนียวหนิ แต่เห็นย่ากินแล้วอร่อยมากยังจำภาพนั้นได้ติดตาไม่ลืมเลยล่ะ
ไม่เฉพาะตะเกียบเท่านั้นที่จะต้องเรียนรู้การใช้ ช้อนและส้อม ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เช่นกันค่ะ .. ก็ต้องรู้จักการใช้แบบพื้นฐานเอาไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยๆ มันต้องได้ใช้แน่ๆ เวลาที่ต้องไปกินอาหารร่วมกับคนอื่นๆ จะได้ไม่แอบขายหน้าเค้าได้ อ้อ รวมถึงมีดสำหรับวัฒนธรรมการกินของชาวยุโรป อเมริกา ด้วยนะค่ะ รู้เอาไว้ไม่เสียหาย เพราะเดี๋ยวนี้อาหารฝรั่งมีเยอะ ได้เข้าร้านเค้ารู้จักใช้อาวุธให้ถูกก็เป็นเรื่องดีจะตายไป ...
ว่าแต่ว่ายังแอบสงสัยว่า ... กินพิซซ่า ทำไมต้องใช้ส้อมกับมีด ... ฉันคนหนึ่งล่ะที่ขออนุญาตเป็นผู้ถูกมองว่ามาจากดอยยามเข้าร้านพิซซ่า เพราะว่าฉันมักจะใช้มือนี่ล่ะค่ะเป็นอาวุธ แต่ก่อนจะโซ้ยก็ต้องเข้าไปจัดการล้างมือก่อนล่ะค่ะ เพราะว่ามันได้อารมณ์มากมายเลย จำได้ว่าชะแว๊บโผล่ไปอิตาลีอย่างฉุกละหุกในครั้งหนึ่ง เข้าไปเจอชนอิตาเลียนกินพิซซ่า เค้าใช้มือกินกัน เอร็ดอร่อยมาก ตั้งแต่นั้นมาเลยเอาแบบอย่างบ้าง และแน่นอนว่าติดเป็นนิสัยแล้ววา
กินพิซซ่า ก็ต้องมือเปล่าๆ นี่ล่ะค่ะ อร่อยที่ซู๊ดดดดดดดดด
ขอขอบคุณ : เนื้อหา
เนื้อหาบางส่วนคัดลอกมาจาก สารสนเทศวัฒนธรรมตะเกียบ ของหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ขอขอบคุณ : รูปภาพ
- //www.travel-library.captureweb.co.uk/zoomSpf.php?assetPK=23413 - //www.2dayblog.com/images/sauce_chopstick.jpg
| |
Create Date : 02 กรกฎาคม 2551 |
|
83 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2551 11:27:52 น. |
Counter : 4317 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 2 กรกฎาคม 2551 8:59:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 2 กรกฎาคม 2551 9:18:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: pumorg 2 กรกฎาคม 2551 9:18:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดา ดา 2 กรกฎาคม 2551 10:07:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ศิริกัลยา (YUCCA ) 2 กรกฎาคม 2551 10:16:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 2 กรกฎาคม 2551 10:51:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนระพูสี 2 กรกฎาคม 2551 10:59:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dr.Manta 2 กรกฎาคม 2551 11:06:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 2 กรกฎาคม 2551 11:45:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: Escobar 2 กรกฎาคม 2551 13:18:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: nam_sila 2 กรกฎาคม 2551 14:49:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลาทอง9 2 กรกฎาคม 2551 15:20:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: REX-REX 2 กรกฎาคม 2551 15:21:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ClayAnn 2 กรกฎาคม 2551 16:18:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: Qty-me 2 กรกฎาคม 2551 16:29:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: rambujan 2 กรกฎาคม 2551 17:04:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 2 กรกฎาคม 2551 17:57:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 2 กรกฎาคม 2551 20:51:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: paerid 2 กรกฎาคม 2551 21:38:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: สเตอร์ลิงค์ IP: 118.173.10.74 2 กรกฎาคม 2551 22:35:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: PS-pani 3 กรกฎาคม 2551 0:48:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: d_regen 3 กรกฎาคม 2551 0:48:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 3 กรกฎาคม 2551 7:53:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: err_or 3 กรกฎาคม 2551 8:48:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 3 กรกฎาคม 2551 11:04:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: เป๋อน้อย 3 กรกฎาคม 2551 12:40:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: L.I.R.A. 3 กรกฎาคม 2551 12:57:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 3 กรกฎาคม 2551 13:44:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: merf1970 3 กรกฎาคม 2551 15:21:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปลาทอง9 3 กรกฎาคม 2551 16:01:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปณาลี 3 กรกฎาคม 2551 19:32:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณ มน 3 กรกฎาคม 2551 19:51:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeCoffee 3 กรกฎาคม 2551 23:57:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 4 กรกฎาคม 2551 6:45:56 น. |
|
|
|
| |
|
|
JewNid |
|
|
|
|
เข้าทางลุงกล้วยเลยครับฮิฮิ ทุกชาติทุกความเป็นอยู่ส่วนมากแล้วถ้ามองกันที่ความเป็นอยู่และความสะดวก การที่จะเอาอะไรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ดูว่ามีอะไรบ้างที่พอจะใช้ได้ ลุงกล้วยว่าสาเหตุที่คนจีนใช้ตะเกียบก็คงเพราะอาหารที่ร้อน ตอนแรกเอามือไปแตะร้อนมากเลยเอาไม้ไปเขี่ย เขี่ยไปเขี่ยมามีอาหารติดไม้ เสียดายก็เลยกินที่ติดไม้ ไม้อันเดียวได้นิดเดียว ก็มีคนคิดว่าถ้าเอาสองอันมาจับแทนมือน่าจะได้มากกว่า ลองทำดูแล้วน่านๆได้มากกว่าจริงๆเลยสนุกกันใหญ่ หลังจากนั้นก็ทำรูปทรงให้สวยงามตามยุคสมัย อันนี้ลุงกล้วยเต๊าเองนะครับ ไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ขอแจมกับคุณพู่เพราะเวลาออกไปข้างนอกก่อนเข้าบ้านนอน จะแวะร้านข้าวต้มประจำครับฮิฮิ