Canoviano Dolce (Italian food)
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (27 ก.ค.) ฉันมีเหตุต้องเข้าไปทำงานที่Ginzaอีกแล้ว พักนี้ลูกศิษย์คนดีของฉันขยันมาเรียนแฮะ มาได้ทุกอาทิตย์เลย เพราะฉันขอหยุดพักช่วงวันหยุดฤดูร้อน (natsu yasumi) ลูกศิษย์จึงพยายามจัดตารางบินของเขาให้ตรงกับตารางสอนของฉัน
ก่อนจะลงมือสอนจริง ๆ จัง ๆ ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้ว อารัมภบทฝอยระเบิดเถิดเทิงกันนอกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับบทเรียนเสียยาว จนฉันเริ่มหวั่น ๆ ว่าสอบวัดระดับความรู้ภาษาไทยปลายปีนี้ (รอบ2) ลูกศิษย์คงจะพกพาไข่ต้มไปฝากภรรยาที่บ้านอีกใบเสียแล้ว
แต่ลูกศิษย์ฉันไม่รีบร้อน เอ๊ะ หรือว่าฉันไม่รีบร้อน...งง ๆ เขาว่ายังไงก่อนเกษียณยังมีเวลาอีก 2 ปีกว่าที่จะย้ายไปพำนักที่เมืองไทย เพื่อช่วยเพื่อนดูแลร้านYayoi Tei ลูกศิษย์ของฉันคนนี้หลงเสน่ห์เมืองไทยเสียจริง ๆ
ตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ลูกศิษย์ชวนฉันอยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกัน แต่เผอิญฉันนัดน้องคานิทานข้าวแล้ว เพราะตั้งใจว่าหลังเลิกสอนจะแวะไปร้านHanamasaที่กินซ่าเพื่อซื้อไส้กรอกเยอรมันที่น้องชอบ หิ้วไปให้น้อง เลยขอผลัดเป็นอาทิตย์หน้าแทน ตอนที่รับปากลูกศิษย์ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนัดหมายที่จริงจัง คิดแค่ว่าเป็น 社交辞令(shakou jirei)
ที่ไหนได้ หลังเลิกเรียนลูกศิษย์บอกว่าเขาจะรอฉันอยู่ข้างนอก (เพราะฉันต้องเขียนรายงานการสอนท้ายชั่วโมงทุกครั้ง) เมื่อภาระกิจที่Jal Academyเสร็จสิ้นแล้ว ลูกศิษย์ก็เดินนำฉันออกจากตึกKomatsu Annex แล้วข้ามไปยังตึกKomatsuที่อยู่เยื้อง ๆ กัน เดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้น 2 เพื่อไปกินอาหารอิตาเลี่ยนที่ร้าน Canoviano (Dolce) บรรยากาศเป็นแบบโปร่ง ๆ เหมาะสำหรับสาว ๆ ชาวโตเกียวที่จะใช้เป็นจุดนัดพบสังสรรค์เพื่อนฝูง แบบคุยกันกระซิบเสียงเบา ๆ ห้ามตะโกนโหวกเหวก ไม่งั้นผิดคอนเสปร้าน แหง่ก....
ฉันเดินก้าวเข้ามาในร้านด้วยแข้งขาขัด ๆ ต้องสารภาพว่านี่คือครั้งแรกที่เข้ามานั่งทานร้านอาหารฝรั่ง(ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์)กับชายหนุ่มน้อย(แก่เยอะ) ในใจคิดตายห่ะ(ขออภัยที่ติดเรทจ้า) ในกระเป๋ามีเงินพอเปล่าวะ แย่แล้วกรู.... ด้วยความที่เป็นคนไม่นิยมกินอาหารฝรั่ง(ไม่ว่าชาติไหน) เห็นแต่ในทีวีที่รายการถ่ายทำมา อุ๊แม่เจ้า...มันดูฮะรูอะไรเช่นนี้ สงสัยจะแพงชิบ ถึงขาแข้งจะสั่นผับ ๆ แต่ก็ต้องทำเป็นรักษาฟอร์ม แบบว่า โอ้ย..ร้านแบบนี้ ฉันเข้าบ่อย ก่อนจะหย่อนตูดลงนั่งก็ต้องกวาดสายตายิ้มหวานจ๋อยเย็นเจี๊ยบ (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครสนใจเลย) เมื่อบริการหยิบเมนูมาให้ ตายแหล่ว....แมร่งเขียนเป็นภาษาญปแบบคาราโอเกะ คือทั้งคันจิ + ฮิรางานะ + คะตะคะนะ(โดยเฉพาะคำที่มาจากภาษาอิตาลี่) แล้วกรูจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ยว่าเมนูไหนหน้าตามันเป็นยังไง เมื่อบริกรสาวสวยสวมเสื้อเชิร์ตขาว ผูกผ้ากันเปื้อนสีดำตั้งแต่ช่วงเอวยาวลงไปถึงตาตุ่มเดินเข้ามาถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไร ฉันเลยหลับหูหลับตาบอกไปว่า น้ำเปล่าแก้วนี้ท่าจะโอชาดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาอย่างอื่นมาหรอกจ้า ส่วนลูกศิษย์ของฉันสั่งเบียร์ไป ได้มาเป็นเบียร์Moretti ที่ราคาเท่ากับราเมงชามหนึ่ง แถมรินทีหมดขวดเลย เพราะมันเป็นขวดเล็ก ๆ ลูกศิษย์ของฉันถามว่าฉันอยากจะสั่งอะไร แหม..คนไม่สันทัดอย่างฉันนี่ ท่าทางหน้าตาคงจะดูเจี๋ยมเจี้ยมพิลึก ลูกศิษย์ก็เริ่มลงมือบรรยายให้ฉันฟัง
"อ่านคันจิออกมั้ยครู" คงจะเห็นจมูกฉันทิ่มเกือบติดเมนู
"ง่า..ก็พออ่านได้ หากมันง่าย ๆ น่ะนะ" ปัดถ่อ ดูถูกกันเหลือเกินลุง ที่อ่านไม่ออกน่ะคะตะคะนะต่างหาก ทุกอย่างฉันเออ-ออห่อหมกตามลูกศิษย์ แต่ถ้าฉันต้องเลือกเองจริง ๆ ฉันมีคติประจำใจว่าห้ามเลือกเมนูที่แพงกว่าเมนูของคู่ขา ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ่ายมื้อนี้ ทางที่ดีที่สุด คือเลือกราคาเท่ากันเป๊ะได้ยิ่งดี เผื่อเวลาหาร 2 จะได้เส้นพาสต้าไม่ติดคอ แล้วเมนูแรกก็ถูกยกมาเสริฟ จานนี้เด็ดจริง ๆ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ฉันไม่เคยคิดว่าจะเอ็นจอยอาหารอิตาเลี่ยนได้ขนาดนี้(เพราะว่าฟังชื่อ เลี่ยน ๆ กลัวมันจะเลี่ยนจนเอียน)เป็นไก่ที่ย่างได้นุ่มนวล ทานควบคู่ไปกับหอม พริกหยวก และรากบัว (ที่อิตาลี่มีรากบัวด้วยเรอะ ไม่ยักกะรู้ จานนี้รู้สึกเฉย ๆ เพราะว่าฉันทานparma hamบ่อยแล้ว ตาอ้วนชอบซื้อมาจากเมืองยุโรปบ่อย ๆ หากกินเปล่า ๆ ละก็คอแห้งผากเรย เพราะเค็มชนิดไหเกลือแตก เสียดายที่ทางร้านไม่เสริฟกับเมล่อน ไม่งั้นฉันจะกินอย่างฉ่ำปอดกว่านี้ อันนี้คือพาสต้าจานหลักที่ฉันเป็นคนเลือก ในเมนูเขียนไว้ว่าใช้เนื้อลูกแกะปรุง แต่บริกรมาขอโทษขอโพยบอกว่าไม่มีเนื้อลูกแกะ จะใช้เนื้อหมูแทน ฉันดูแล้วราคาสูสีกับพาสต้าที่ลูกศิษย์ของฉันสั่ง จึงฟันธงไปว่าเอาไอ้นี่แหล่ะ ทั้ง ๆ ที่ตอนสั่งก็ไม่รู้ว่าเส้นpappardelleมันเป็นแบบไหน แต่ฉันมันประเภทลิ้นติดดิน อะไร ๆ ก็กินได้ ยังไงคงจะกระเดือกลงไปจนหมดนั่นแหล่ะ...แต่ โอ้ว....อร่อยมาก ๆๆ รสชาติกลมกล่อมสุด ๆ จานนี้ลูกศิษย์ของฉันตั้งใจสั่งมาก เพราะว่าเป็นเมนูที่เชฟแนะนำ ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะสั่งเหมือนลูกศิษย์แบบว่าเลือดสุพรรณสุดฤทธิ์ มาด้วยกันก็ต้องสั่งเหมือนกัน แต่พอบริกรกระซิบบอกว่า ปริมาณอาหารแค่ 30 กรัมเท่านั้นนะคะ เจี๊ยก...ฉันรีบเปลี่ยนทันที น้อยแบบนี้พยาธิในท้องฉันไม่สะดุ้งเลย ปล่อยให้ลูกศิษย์หลงคารมเชฟกินโซวเมงเย็น ๆ ชืด ๆ ไปคนเดียวเถอะ แต่ละจานถูกทยอยมาเสริฟ ลุกศิษย์แสนดีก็ตักแบ่งใส่จานเล็กให้ฉันก่อน แรก ๆ ตักให้ฉันเยอะกว่าที่เขากิน จนฉันเกรงใจ ผู้ชายกินน้อยกว่าผู้หญิง มีที่ไหน...ฉันเลยต้องคะยั้นคะยอให้เขากินมาก ๆ หน่อย แต่มารยาทการกินผู้ดีของเขาทำให้ฉันหงุดหงิดเหลือหลาย จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เหลือซากอาหารในจานทิ้งไว้ โถ่ถัง....แค่ผัก ชีส 2-3 ชิ้น มันไม่ทำให้เราดูมีหน้ามีตาขึ้นมาหรอก....เสียดายว่ะ ลูกศิษย์ฉันคงคิดในใจว่า หากฉันเป็นลูกสาวเขา คงจะยกเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ทุ่มหัวแบะไปแล้ว ด้วยที่ฉันไม่มีฟอร์มเลย...
ระหว่างที่กินไปก็คุยไป ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเก่าของฉัน ว่าพี่คนนี้ยังทำอยู่เปล่า เป็นChief Purserไปยัง ตอนนี้บริษัทมีrouteใหม่ ๆ ไปไหนบ้าง (ตอนสมัยฉันอยู่ แมร่งให้ไปแต่ฮาวาย) ตอนนี้รู้ธใหม่ผุดยังกะเห็ดหน้าฝน ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยกาแฟของลูกศิษย์ ที่เพิ่มเงิน 315 เยน เพราะเป็นcomplimentที่พ่วงมากับอาหาร ถึงจะต้องจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อยก็ตาม แต่ก็ถูกกว่าสั่งมาเดี่ยว ๆ ตอนแรกเขาจะจับexpresso แต่ก็เปลี่ยนใจ เป็นกาแฟดำถ้วยนี้ดีกว่า
ส่วนฉัน ผู้ที่ไม่รักการดื่มกาแฟ+ชาฝรั่งร้อน ขอเป็นไอติมแทน แถมรสชาติเด็ดสะระตี่มาก ๆ เสริฟมา 3 ลูก บนฝาโอ่ง เอ้ย ในจานใบใหญ่ มีรสวนิลา เชอรี่ และมังคุด ลูกศิษย์ฉันไม่เชื่อว่าเป็นมังคุด(mangosteen) ลุงคิดว่าเป็นมะม่วง(mango)เพราะไม่คิดว่าจะมีใครเอามังคุดมาทำไอติมที่ญป เลยขอชิมไอติมแสนรักของฉันไป 2 คำ
จริง ๆ ราคาอาหารฉันจำไม่ได้หรอก หากไม่ใช่ลูกศิษย์แสนดีบอกสาวน้อยบริกรให้เอาเมนูให้ฉัน 1 แผ่น พร้อมทั้งใช้ปากกาสะท้อนแสงไฮไลท์อาหารที่เราสั่ง เพราะเขากลัวว่าฉันถ่ายรูปมาเสียเยอะแยะ เพื่อเอามาลงBlog เดี๋ยวจะบรรยายผิด ๆ ถูก ๆ ขายขี้หน้าลูกศิษย์เปล่า ๆ แถมช่วยฉันจัดฉากเพื่อจะให้ถ่ายรูปได้สะดวกขึ้น...นี่ยังดีที่ฉันใช้มือถือกระป๋องถ่าย หากฉันเอาน้องโอ๊บตัวคู่ใจงัดมาถ่ายละก็ ลุงเป็นได้หงายหลังผึ่งแน่ ๆ คิก คิก คิก
ถึงตอนจ่ายเงิน ลูกศิษย์รีบเดินลิ่วไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ฉันก็รีบเดินตามจะไปหาร 2 ลูกศิษย์รีบบอกว่ามื้อนี้เค้าเลี้ยงเอง โอ้ว....ถูกหวยกลางวันแสก ๆ พักนี้ลาภปากมีคนเลี้ยงข้าวบ่อยจัง 2 คนทานไปตก 6 พันกว่าเยนเท่านั้น ราคามิตรภาพถูกใจฉันเหลือเกิน แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะลูกศิษย์บอกว่าร้านนี้กำลังจะปิดเดือนหน้า ไม่รู้ว่าปิดถาวร หรือปิดซ่อมแซม ฉันว่าเป็นอย่างแรกมากกว่า แต่เป็นด้วยเหตุผลกลใดฉันก็ไม่ทราบได้
เสียดายเป็นที่สุด
----------------------------gochisousama deshita-----------------------
mahalo
Create Date : 30 กรกฎาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 7 เมษายน 2550 18:39:05 น. |
Counter : 1010 Pageviews. |
|
|
|