くら寿司 ( the conveyor-belt sushi)
วันนี้จะพาไปกินของถูก ราคาสบายกระเป๋า รสชาติใช้ได้ ฉันไปกินร้านนี้มาได้จะร่วม 2 ปีแล้ว....นานอักโขอยู่ ไปกินครั้งเดียว แล้วก็ไม่ได้ไปกินอีก ไม่แน่ใจว่าอะไร ๆ จะเปลี่ยนไปแล้วหรือยัง หากใครสนใจตามมาเลย....
ปกติฉันและตาอ้วนจะไม่ค่อยได้เข้าร้านซูชิหมุน ๆ เท่าไรนัก เพราะเหตุผลคำเดียวง่าย ๆ และสั้น ๆ คือ ตาอ้วนไม่ปลื้ม พี่แกมีความฝังใจกับซูชิหมุน ๆ อย่าง หรือบุฟเฟต์อีกอย่างว่า ของพวกนี้จะไม่อร่อย จึงราคาถูก....ตาอ้วนเคยหลุดปากบอกว่า หากต้องไปนั่งกินซูชิหมุน ๆ แล้ว ซื้อซูชิจากซุปเปอร์แถวบ้านมากินครือ ๆ กัน
แต่แล้ววันหนึ่ง ตาอ้วนกลับมาบ้าน ก็เอ่ยปากชวนว่า เราลองไปกิน Kura sushi กันไหม วันก่อนเพื่อนที่ทำงานคุยกันบอกว่าเป็นซูชิหมุนที่อร่อยและไม่แพง และไม่ใส่สารสังเคราะห์ใด ๆ ปนเปื้อนด้วย ฉันน่ะยังไงก็ได้ ออกจะโปรดด้วยซ้ำซูชิหมุน ๆ เนี่ย เพราะเวลาไปกินที ตาอ้วนหยิบยังกะมือทศกัณฐ์แน่ะ คนอื่นเค้าหยิบกันทีละจานสองจาน หมดแล้วหยิบใหม่ แต่พี่แกจะหยิบมาเลย 4-5 จาน ขนาดมือหนึ่งคีบซูชิใส่ปาก อีกมือหนึ่งยังหยิบจานใหม่ลงมาจากสายพานได้...เอากะพี่แกสิ ฉันว่าเรื่องของเรื่องตาอ้วนคงกลัวว่าไม่มีtopicไปเม้าสซี่กับเพื่อน ๆ ที่ทำงานมากกว่า นัยว่าคนอื่นเค้าคุยเรื่องอะไรกัน เดี๋ยวไม่อินเทรน เลยต้องไปลองให้รู้ เพื่อที่จะเอามาฝอยได้...
ตาอ้วนเปิดอินเตอร์เนต พิมพ์หาร้าน kura sushi สาขาใกล้บ้านที่สุด โชคไม่ได้ที่แถวที่ฉันอยู่ไม่มีสักสาขา ต้องขับรถไปถึงแถวคาวาซากิแน่ะ ช่างเป็นการลงทุนค่าน้ำมันรถเพื่อกินของถูกมากเลย...ยังกะขี่ช้างจับตั๊กแตน เป็นที่รู้กันว่าซูชิหมุน ๆ มีข้อเสียที่
- ข้าวจะคำใหญ่ กินได้ไม่เท่าไร่จุกบี้ขึ้นมาง่าย ๆ ปลาชิ้นเล็ก ๆ แทบจะปิดข้าวไม่หมด
- ใช้เครื่องจักรปั้นข้าวแทนนิ้วคน ฉะนั้นเม็ดข้าวจะหลวม คีบ ๆ ไปหลุดลุ่ยออกมา
- บางครั้งปลาไม่สด หรือไม่ก็คุณภาพไม่ดี
เมื่อก้าวเข้าไปในร้านkura sushi ฉันรู้สึกว่าร้านดูไฮเทคสุด ๆ สงสัยว่าตัวฉันเองนั่นแหล่ะที่โลวเทค เพราะไม่ค่อยได้เข้าร้านประเภท family restaurant จึงไม่รู้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือเค้าอัพเดทกันไปถึงไหนแล้ว ปกติหากไปนั่งตามร้านซูชิที่มีเชฟมายืนปั้น ๆ แล่ปลาให้เห็นจะ ๆ เวลาสั่งก็จะตะโกนบอกเชฟเลยว่าจะเอาอะไร ๆ ๆ แล้วเชฟก็ปั้น ๆ แล้วก็มาวางบนเกี๊ยะไม้ให้ ว่ากันเป็นคำ ๆ เนื้อปลาก็จะยาวคลุมข้าวจนแทบจะลงมาปรกเกี๊ยะไม้ เวลากินก็ใช้นิ้วตัวเองนั่นแหล่ะ คีบซูชิขึ้นมา เอาไปจิ้มโชหยุ ห้ามเอาวาซาบิละลายลงไปผสมกับโชหยุด้วย ไม่งั้นจะไม่สุนทรีย์ บางคนก็เอาเฉพาะเนื้อปลาไปจิ้มโชหยุ หรือคีบเอาวาซาบิมาวางระหว่างเนื้อปลากับก้อนข้าว แล้วหนีบเข้าปากภายในคำ ๆ เดียว แต่ที่ฉันเห็นในร้าน kura sushi คือ มีจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กกว่าจอคอมพิวเตอร์หน่อยนึง สามารถใช้มือสัมผัสไปที่หน้าจอได้เลย จอที่ว่านี้มีไว้เวลาที่เราต้องการสั่งอาหาร ก็จะคีย์รายการลงไป เครื่องก็จะบันทึกรายการที่เราสั่ง จานซูชิจะถูกลำเลียงมาบนสายพาน หากเป็นของ ๆ เราใกล้ ๆ ที่จะถึงเรา ก็จะมีเสียง ปี๊บ ๆ ๆ ร้องดังขึ้นตรงที่เรา ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมั่วนิ่มหยิบของเราไปกิน หรือว่าเราจะมั่วนิ่มหยิบของคนอื่นมากิน.... ระหว่างกิน ๆ ไป ก็ไม่ต้องห่วงว่าหากเราจะตะกละคนอื่นจะมามอง โดยมีจานวางกองตั้งไว้เป็นหลักฐานทนโท่ทิ่มตา เพราะข้างหน้าเราเช่นกัน จะมีช่องให้เราทิ้งจานลงไปเก็บ เป็นการประหยัดพื้นที่....ฉันว่าไอเดียดีเป็นบ้าเลย ใครคิดวะเนี่ย! ไม่งั้นไอ้จานซูชิมันก็มาวางเกะกะที่หน้าตักเรา...ไม่ต้องห่วงว่าทางร้านจะคิดราคาไม่ถูก เพราะซูชิทุกจาน 105 เยน หมด แน้...เริ่มมีบางคนสะกิดชวนคุณฝาชีที่บ้านให้พาไปกินแล้วละสิ ตาอ้วนว่ารสชาติใช้ได้ อย่างน้อยข้าวก็อร่อยกว่าที่คิดไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถูกใจพี่แก (ก็จากวันนั้นถึงวันนี้ ตาอ้วนไม่เคยเอ่ยปากชวนให้ไปกินอีกเลยง่ะ) ฉันว่าลิ้นตาอ้วนเนี่ย ค่อนข้างปีนกะไดนึดนึง...สลิดเจรง ๆ แต่อย่างหนึ่งที่วางใจได้เลยคือ ร้านนี้ไม่สาร additive แน่ ๆ เพราะมีเขียนติดหราไว้ที่ป้ายเลย หรือว่าไม่ใส่ผงชูรสลงไปในข้าวหว่า.. วันที่ฉันไปทานฝนตกด้วย แต่กระนั้นก็ยังต้องนั่งรอเก้าอี้เลย เพราะแขกมาทานเยอะ บางครอบครัวขนมากัน 3 เจเนอเรชั่น คือ ปู่ย่าตายาย ลูก และหลาน โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพราะขนมหวานของร้านดูน่าทานมาก ถึงบางเมนูจะไม่ใช่ 105 เยนก็เถอะ แต่ก็จัดว่าถูกมาก หากเทียบกับร้านอาหารทั่ว ๆ ไป สนใจใคร่รู้ดูที่นี่ หากใครที่ปกติไม่ค่อยได้ไปทานซูชิที่ร้าน กลัวว่าจะสั่งผิดสั่งถูก ก็สามารถเข้าไปศึกษาเมนูก่อนล่วงหน้าได้ที่นี่ หรือว่าไปถึงแล้วคนนั่งกันแน่นขนัด ขี้เกียจร่วมเล่นเก้าอี้ดนตรี ก็สามารถซื้อกลับไปทานที่บ้านได้ ดูราคาได้ที่นี่ ไม่แพงเลย ค่อนข้างถูกมาด้วยซ้ำไป ดูแล้วพอ ๆ กับซูชิตามซุปเปอร์ แต่อาจจะได้อารมณ์มีระดับขึ้นมาหน่อย ตาอ้วนตั้งข้อสังเกตว่า พนักงานประจำร้านเป็นเด็ก ๆ เสียส่วนใหญ่ ดูแล้วเอ๊าะ ๆ วัยละอ่อนทั้งนั้น เหมือนเด็กมัธยมปลาย นี่ก็คงป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทางร้านจ้างเด็กมัธธยมปลายมาทำงาน เพราะค่าแรงจะถูกกว่าเด็กมหาลัย หรือแม่บ้านอย่างเรา ๆ เด็กหน้าใส ๆ ทั้งนั้นเลย หากไม่เชื่อ...ก็ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเองสิจ๊ะ คริ คริ เมื่อกินเสร็จ ตอนจ่ายตังค์หากมีเด็กมาด้วย ทางร้านจะให้เด็กไขไข่ (นึกภาพออกมั้ย...ไข่พลาสติกที่เปิดออกเป็น 2 ส่วน) ข้างในจะเป็นตุ๊กตุ่นซูชิ คาแรกเตอร์ซูชิหน้าต่าง ๆ ตอนแรกที่ร้านไม่ให้ฉันไขด้วย หาว่าเราแก่แล้ว แต่ฉันทำท่ากะเหี้ยนกะหือรือน้ำลายย้อย อยากได้มั่ก ๆ ตาอ้วนส่ายหัว แล้วก็ขอเด็กแคชเชียร์ ขอให้ฉันได้ไขบ้าง...แต่พอได้มาก็เอามาทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ที่บ้าน หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หากใครมีเด็ก คิดจะพาไปกินเร็ว ๆ นี้ เข้าไปดูตุ๊กตุ่นได้ ที่นี่ เอาหล่ะดูฉันรีวิวมาจนถึงตอนสุดท้าย สุดสัปดาห์นี้คงจะมีคนคิดอยากจะไปกินกันบ้างใช่ไหม พอดีเลย เป็นสุดสัปดาห์ที่การเงินสะพัด เพราะอยู่ในช่วงต้นเดือน สามารถตรวจสอบสาขาที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดได้ ที่นี่ ฉันขอบอกก่อนว่า อย่าเอารสชาติ และคุณภาพไปเทียบกับซูชิเคาน์เตอร์ที่มีเชฟยืนปั้น ๆ เพราะราคาก็เทียบกันไม่ได้แล้ว แต่หากเทียบกับร้านชูชิหมุน ๆ ด้วยกัน ฉันว่า Kura Sushiก็น่าจะเป็น 1 ในตัวเลือกที่ใช้ได้ ราคาสบาย ๆ ค่ะ
mahalo
Create Date : 29 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 14:51:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2923 Pageviews. |
|
|