Amazing Thailand Festa @Coca Suki Ueno
เมื่อวานนี้ออกไปเดินพุงป่องแถว ๆ อุเอโนะมา มันเป็นการตัดสินใจอย่างรวบรัดตัดตอนที่สุด เริ่มจากเจ๊หลิงเมลมา บอกว่าจะไปไดรฟ์กอล์ฟกับน้องTD ตอนบ่าย 2.30 จากนั้นจะไปหาอะไรกิน จึงอยากจะชวนฉันไปด้วย
ฉันรีบเช็คตารางการทำงาน ว๊าว...โปร่ง ไปได้ ๆ ว่าแต่ว่าจะไปไหนกันดีล่ะ ฉันจึงเขียนสาส์นรักส่งหาสมาชิกทั้ง 7 ว่าวันศุกร์เราไปเดินบริหารเสน่ห์กับแพนด้าแถว ๆ สวนสัตว์อุเอโนะกันดีไหม 残念ながらดูทุกคนจะติดธุระปะปังกันเสียหมด เจ๊หลิงจึงเลือกที่จะไปวันพฤหัสแทน
ฉันเมลหาสาวคานิ เจ๊ดีดี๊ และน้องyamakenให้ไปร่วมกันกระทำชำเราแพนด้าทันที แต่ไม่มีใครไปได้ ยกเว้นน้องyamakenที่ส่งเมลมาบอกในระยะสุดท้ายตอนเที่ยงกว่า ๆ ว่า
พี่...หนูเพิ่งตื่น (เดี๋ยวเอากุญแจเมืองไปเลยน้อง ฮ่วย....)
แต่ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ต้องหนีบเอาน้องมาร่วมขนทรายเข้าศาลาด้วยกันให้ได้ ฉะนั้นสาวสวยทั้ง 4 จึงมาปรากฏกายในสวนอุเอโนะกันตอนบ่าย 3 โมงกว่าหน่อย ๆ พิกัดของงานหาง่ายมาก เพียงแค่เดินออกมาจากสถานีJR ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เดินต่อไปอีกประมาณ 20 ก้าว ก็จะเห็นธงไทย และเต้นท์ขาว ๆ แล้ว
ตึง ตะลึง ตึ่งตึง ตะลึงตึ่งตึง ตึ่งตึง ตึ่งตึง (เสียงหัวใจฉันร้อง แหม ๆ ดีใจชะเอิงเอย จะได้กินอาหารไทยแสนอร่อยแล้ว)
รีบควักหนอนน้อยคู่ใจออกมาทันที (จากที่เป็นหมาหัวเน่ามานาน เพราะเจอลูกน้ำเค็มขโมยซีนตลอด) เดินลิ่ว ๆ ไปบริเวณหน้างานเพื่อจับภาพเป็นที่ระลึก แป่ว....ทั่วทั้งงาน มีแค่นี้เหรอฟระ ผีตาโขน 2 ตน เดินกรีดกรายไปมาทั่วงาน (พื้นที่เท่าแมวดิ้นตาย) ในชุดเศษผ้าริ้ว ๆ เออ...ดูแปลกตาไปอีกแบบนึง
หันหน้าเข้าหางาน ทางด้านซ้ายมือ จะเป็นเต้นท์ความกว้างประมาณ 2 เมตรตั้งเรียงรายไม่ถึง 10 เต้นท์ ด้านในสุดเป็นเวทีที่ขนาดกว้างพอสมควร (เมื่อเทียบกับพื้นที่จัดงานทั้งหมด) ตรงกันข้ามกับเต้นท์ บู้ทที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นบู้ทขายเบียร์ไทย ถัดจากนั้นเป็นรถตู้ที่ถูกแปลงเป็นร้านอาหารเคลื่อนที่ของแก้วใจ แล้วก็เอวัง หากเพื่อน ๆ ได้มาเห็นสีหน้าของ 4 สาวรุ่นเลข 3 อัพในตอนนั้น คงจะพอเดารูปลักษณ์และสโคปของงานได้เป็นอย่างดี น้องTDที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน (2 ครั้งติดกันที่สาวหาวหวอด ๆ)รีบเดินไปสำรวจรถตู้ทันที เพราะตั้งแต่เช้ากินขนมปังไปอย่างเดียว แล้วก็ไปเก็บตัวฉลาดเสียครึ่งเช้า ก่อนไปเขวี้ยงลูกกอล์ฟ 1 ช.ม.กับเจ๊หลิง น้องจึงหิวข้าวอย่างตามืดตามัว ฉันยังไม่ค่อยหิวเท่าไร เพราะก่อนออกจากบ้านกินมะม่วงน้ำปลาหวาน กับคอนเฟลกใส่นมมาแล้ว จึงเดินเก็บภาพไปเรื่อย ๆ งานAmazing Thailand Festa ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่นครบรอบ 120 ปี ฉันกับอีก 3 สาวอยากจะไปดูความงดงามวิจิตรตระการตาของศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยใช้งบสร้าง 10 ล้านบาท มอบให้รัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในครั้งนี้ แต่...... ความคิดเดิมของฉันก่อนมางานนั้นคือ การจัดงานที่สวนอุเอโนะครั้งนี้ คงจะเป็นการจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการมอบศาลาไทย แต่พอไปถึงงานจึงได้รู้ว่า ศาลาไทยอะไรนั่น มิได้มีบทบาทกับการจัดงานครั้งนี้เลย เพราะกระทั่งเจ้าหน้าที่(staffคนญี่ปุ่น)ต่างคนก็ต่างชี้มือชี้ไม้สะเปะสะปะ ว่าอยู่ที่นั่น อยู่ที่โน่น อยู่ตรงโน้น เดากันไปต่าง ๆ นา ๆ ให้พวกเราเดินออกไปนอกสวนอุเอโนะจนจะข้ามไปอีกฟากของถนนอยู่มะรอมมะร่อ ก็หาได้มีวีแววของศาลาไทยแต่อย่างใดไม่ ต้องเดินย้อนกลับมาแล้วเลือกถามเจ้าหน้าที่คนไทย ซึ่งพอถูกซักหนัก ๆ น้องก็บอกว่า รอแป๊บนึงนะครับ แล้ววิ่งไปถามคนอื่นมาให้อีกต่อหนึ่ง
แล้วท้ายสุดก็รู้ว่าอันศาลาไทยที่ว่านั้น ตั้งอยู่ในบริเวณสวนสัตว์อุเอโนะ ต้องเสียค่าเข้าชมสวนสัตว์เป็นเงิน 600 เยน ณ เวลานั้นสวนสัตว์ก็ปิดไปเสียแล้วด้วย ที่ว่าจะมาชมศาลาไทยก็พลาดไปเสียฉิบ งานฝีมือ และหัตถกรรมที่นำมาแสดง รวมไปถึงครูบาอาจารย์ที่มานั่งวาด ลงสี แกะสลัก ถักทอให้ผู้มาเยือนทึ่งและซาบซึ้งในฝีมือคนไทยนั้นหาจุดตำหนิไม่ได้เลย ของที่นำมาแสดงก็ดูแปลกตา theme ต่างไปจากงานเทศกาลไทยที่จัดอยู่เป็นประจำทุกปีที่สวนโยโยงิ พิธีกรชายบนเวทีนอกจากจะรอบรู้เรื่องราวในบ้านเราแล้ว ยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่วอีกด้วย (อิจฉาว่ะ )
จำตอนหนึ่งได้ที่พิธีกรชายเชิญผีตาโขนที่กระโดดโลดเต้นขึ้นไปกระโดดต่อบนเวที เขาอธิบายถึงหวดที่ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายผีตาโขนว่า เป็นอุปกรณ์ที่ชาวไทยภาคเหนือ และภาคอีสานมีไว้เพื่อหุงข้าวเหนียว เป็นความรู้ใหม่สำหรับฉันจริง ๆ (ไม่ใช่เรื่องหวดมีไว้สำหรับนึ่งข้าวเหนียวหรอกหง่ะ...เรื่องนี้รู้มานานแย้ว) ที่ว่าเครื่องประดับบนศีรษะผีตาโขนนั้่นใช้หวดมาทำ จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยสนใจเทศกาลผีตาโขนอย่างจริง ๆ จังสักที รู้แต่ว่ามีที่จ.เลย ที่ซุ้มเล่นเกมส์ มีห่วง 4 ห่วงเตรียมไว้ให้แขกผู้มาเยือนได้สนุกสนานกัน ระหว่างที่ไปด้อม ๆ มอง ๆ ชักภาพเป็นที่ระลึก ฉันก็ทำตัวเนียนไปต่อคิวขอโยนห่วงกับเค้าด้วยเหมือนกัน วันนี้เป็นวันธรรมดา คนที่มาเที่ยวในงานมีน้อย ประกอบกับงานที่จัดค่อนข้างเล็ก ฉันจึงไม่ต้องต่อคิวนาน (แทบจะเรียกว่าไม่ได้ต่อเลยกระมัง เพราะได้โยนภายใน 1-2 นาที) แล้วฉันก็ได้สมุดโน็ตเล่มเล็ก ๆ ที่หน้าปกเป็นศาลาไทยมาถือไว้ในมือ (รางวัลปลอบใจ เพราะ 4 ห่วง โยนคล้องได้แค่ห่วงเดียว แถมยังเป็นห่วงที่ใกล้ที่สุดอีก....ไม่มีฝีมือเลยตรู) เมื่อกลับมาที่โต๊ะฉันพยายามคะยั้นคะยอให้อีก 3 สาวไปโยนบ้าง เจ๊หลิงกับน้องyamakenยอมลุกไปโยน แต่น้องTDไม่อยากได้ เลยไม่ไป โธ่น้อง....อย่างน้อยได้ของที่ระลึกของงานกลับมาเป็นสิ่งเตือนใจก็ยังดี แต่เจ๊และน้องก็เดินคอตกกลับมา เพราะมันปิดไปแล้ว! ใครที่ต้องการไปงานนี้เพื่อไปหาอาหารไทยอร่อย ๆ กิน ไม่ควรไปเป็นที่สุด แต่หากคิดว่ามาอยู่ต่างถิ่น ต่างบ้านต่างเมือง อยากจะไปดูงานเพื่อให้หายคิดถึงบ้าน หรือเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย(เพราะอากาศช่วงนี้เริ่มเย็น ๆ แล้วซะด้วย) เนื่องจากเลือดความเป็นไทยเดือดพล่าน ก็ไปเถอะ ไม่ผิดหวังแน่นอน....
การแสดงบนเวทีของวันพฤหัส ก็มีเทวัญมาเป่าแซกโซโฟน และ?มาร้องเพลงเอลวิส 4 เพลง (ดูไม่ค่อยไทย แต่ก็ฟังได้เพลินดี) ทำให้กลืนข้าวได้คล่องคอ
อาหารร้านแก้วใจมีเมนูให้เลือกนิดหน่อย มีอยู่ 5-6 อย่างเท่านั้น หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ฉันว่าน่าจะทานอาหารให้อิ่มเสียก่อนแล้วค่อยไป ไม่งั้นอาจจะเกิดอาการโมโหหิวได้ ฉันถามน้องของร้านแก้วใจดูแล้วว่าวันเสาร์-อาทิตย์ก็มีแต่ร้านแก้วใจมาขายหรือเปล่า คำตอบคือ
ใช่ค่ะ
จากนั้นพวกเราไปเดินอาเมะโยโกะกันต่อ หาร้านนิกิ ซื้อขนมกลับบ้าน น้องTDดูกะปลกกะเปลี้ยอ่อนเพลียเป็นกำลัง เจ้าตัวบอกว่าเมื่อคืนนั่งอ่านหนังสือไวยากรณ์ 70 หน้า จนถึง ตี 3 แล้วไปสอบ พวกเราจึงเดินไปขึ้นรถไฟเตรียมกลับบ้าน ด้วยความปากไว ฉันพูดขึ้นมาว่า
ในตึกเนี่ยมีร้านโคคาสุกี้ ไปกินกันมะ ตอนพูดน่ะไม่ได้คิดว่าสมาชิกจะขานรับกันอย่างพร้อมเพรียงแบบนี้
แต่สุดท้ายก็ได้มาโผล่ตัวที่หน้าร้านโคคาสุกี้ น้องyamakenขอตัวกลับก่อนเพราะหวานใจรออยู่ที่สถานีKanda จึงเหลือเพียงเจ๊หลิง น้องTD และฉันที่ไม่มีลูกกวนตัว(แต่มีปั๋วกวนใจ)ที่มานั่งหม่ำสุกี้กันต่อ เปิดเมนูศึกษา สั่งอะไรดีที่ปริมาณจะมาอย่างตูม มหึมา คุ้มราคาที่สุด แน่นอน...หากมากินกันตามละพัง Only Wives Club อย่างเรา ๆ จะสั่งของแพงไม่ได้ หากอยากกินแบบยัดทะนานต้องพาเจ้ามือมาด้วย จึงจะค่อยหลับหูหลับตาสั่งได้ (เงินปั๋วก็เหมือนเงินเมีย เงินเมียก็เหมือนเงินเมีย ยึดคตินี้ไว้ดีนักแล)
เรียกคุณบริกรสาวร่างกะทัดรัดมาเจรจาต้าอวย ไต่ถามหาความได้แล้ว สุดท้ายก็เลือกสั่งชุดเนื้อ ราคา 3 พันเยนมา (ชุดseafoodมันดูมีหอยเชลล์ฝาเล็ก ๆ มานิดหน่อย แต่ราคาเพิ่มอีก 700 เยนแน่ะ อย่ากระนั้นเลย...) มากัน 3 สาว อะไรฟระ...ให้ชุดพริกกระเทียมมะนาวมา 1 ชุด เท่านั้น ใช้ได้ที่ไหน
น้องคะ..ชุดพริกเนี่ย เอ่อ...ฟรีเป่าก๊ะ
ฟรีเหรอ...งั้นเอามาอีกชุดนึง (น้องTDสละสิทธิ์) ฉันกับเจ๊หลิงเลยกินน้ำจิ้มกันอย่างท่วมท้น เด็ดดวงกันไปเลย ตอนแรกตกลงกันว่าสั่งเช็ตเนื้อมาก่อน หากไม่พอแล้วเราจะสั่งเป็นจาน ๆ เพิ่ม เพราะยังไม่เป็นปริมาณกะไม่ถูกว่ากระเพาะน้อย ๆ ที่กินกันตอน 5-6 โมงกว่า ๆ เนี่ย จะบรรจุเครื่องได้มากน้อยแค่ไหน สั่งส้มตำไทยมาด้วย 1 จาน โอย...อยากกินตำปู แต่ไม่มี มะละกอดิบก็แสนจะถูก แต่คุณโคคาให้เนื้อมะละกอมาต๊อยเดียว รสชาติแซบถูกใจเจ๊หลิงอยู่ สำหรับฉันขอให้เปรี้ยวกว่านี้อีกนิด จะเด็ดสะระตี่ ส่วนน้องTDกินไปซู๊ดปากไป เขี่ยพริกออกไว้ที่ขอบจานเฉยเลย
น้ำจิ้มรสชาติอร่อยใช้ได้ จะว่าไปเรื่องสุกี้เนี่ย ของดีมันอยู่ที่น้ำจิ้ม หากน้ำจิ้มไม่เจ๋งเสียอย่าง สุกี้ก็เป็นหมันบ้อท่าไปเลย เจ๊หลิง และฉันควักเอามือถือชักภาพเก็บส่งไฟล์ไปเยาะเย้ยสุดหล่อว่าเรากำลังกินของอร่อยกันอยู่เฟร้ย...เหอ เหอ เหอ ตาอ้วนน่าส่งสารเสียจริง พรุ่งนี้จึงจะมีโนมิไก ยัยเมียดันมาตัดช่องน้อยดอดไปกินโคคาวันนี้เสียนี่
นั่งกินกันไป เมาส์กันไป คอแหบคอแห้ง (ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ กลับมาบ้านคอระบมเลย อยู่ในรถไฟต้องหยิบสเตรปซิลออกมาอมด้วย) คุยกันเรื่องส่วนตัว เรื่องชาวบ้าน เรื่องสัพเพเหระ เรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องธุรกิจ ฯลฯ เออ...เจอกันก็ออกจะบ๊อยบ่อย แต่มันก็ยังมีเรื่องให้เมาส์กันได้อยู่ร่ำไป
สั่งขนมหวานมาล้างปาก เจ๊หลิงเลือกเป็นไอติมกะทิ(กล่อง หรือผง)ใส่เครื่องสไตล์ญี่ปุ่น น้องTDเลือกพุดดิ้งมะม่วง (รสนิยมเหมือนตาอ้วนเปี๊ยบเลย) ส่วนฉันเลือกกล้วยทอดเสริฟมากับน้ำผึ้งอุ่น ๆ กินกันจนพุงกางเลย แต่ก็ยังไม่สะใจ ตะแง๊ว ๆ ขอให้เจ๊ใหญ่ทำสุกี้ให้กินวันที่ 11 ตุลาต่ออีก....งานหน้าจะกินให้เต็มคราบเลย คอยดูสิ มีทีท่าว่าจะเม้าส์กันไม่เลิก คุณบริกรก็หมั่นมาเก็บขยะที่โต๊ะ พยายามส่งซิกเป็นนัย ๆ แต่สามสาวเจ้าเสน่ห์ก็ไม่สนใจ ยังเมาส์กันต่อ จนสุดท้ายคุณโคคาส่งไม้ตาย บริกรคนไทยมาเชิญให้พวกเราขยับtoodออกไปจากร้านได้แล้ว เนื่องจากข้างนอกมีแขกรอคิวนับ 10 คน คั่ก คั่ก คั่ก
ทั้ง ๆ ที่ตอนก่อนเข้าร้าน มีแขกนั่งโหรงเหรง ตอน 2 ทุ่มกว่า ๆ คนกลับมากินกันคึ่ด ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่วันหยุดด้วยซ้ำ โคคาสุกี้ไทยหากไม่ใช่ Amazing Thailand แล้วจะเรียกว่าอะไร
*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*
mahalo
Create Date : 28 กันยายน 2550 |
Last Update : 28 กันยายน 2550 8:33:33 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1036 Pageviews. |
|
|