วัดร่องขุน วัดพระแก้ว เชียงราย
เช้าวันอาทิตย์ เตรียมตัวไปเที่ยววัด แต่แวะหม่ำอาหารเช้าที่หน้าโรงแรม เป็นรถกระบะสีเหลืองกาแฟโบราณเจ้าเดิมที่ฝากท้องเมื่อวาน
นั่งดูแผนที่ เส้นทางที่จะไปวัดร่องขุน ก่อนจะซิ่งมอเตอร์ไซค์เคิล จากตัวเมืองเชียงรายระยะทางประมาณประมาณ ๑๓ กิโลเมตรตรงสามแยกไฟแดงทางเข้าน้ำตกขุนกรณ์ จะเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุ่น ซึ่งห่างถนนใหญ่เพียง ๑๐๐ เมตร เท่านั้น วัดร่องขุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นวัดบ้านเกิดของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของไทย
วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาคคือคุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้คือ
1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน 2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา 3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงปรารถนาที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน
ความหมายของอุโบสถ ๐ สีขาว : พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า ๐ สะพาน : การเดินข้ามจากวัฎสงสารสู่พุทธภูมิ ๐ เขี้ยว หรือ ปากพญามาร : กิเลสในใจ ๐ สันของสะพาน : มีอสูรอมกัน ข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส 16 ๐ กึ่งกลางของสะพาน : เขาพระสุเมรุ ๐ ดอกบัวทิพย์ : มี 4 ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ๐ บันไดทางขึ้น : มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ข้อมูลเพิ่มเติม ๐ ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาใช้เงินในการก่อสร้าง 180 ล้านบาท ๐ คาดว่าจะสร้างอุโบสถ 9 หลังจนเสร็จสมบูรณ์ด้วยเวลาทั้งสิ้น 60 - 70 ปี
ปี 50 ที่ไปก็ยังมีการก่อสร้างภายในอุโบสถ จิตรกรรมฝาผนังก็ยังมีช่างวาดภาพอยู่ และห้ามถ่ายรูปภายในพระอุโบสถ จึงได้ภาพแต่บริเวณรอบนอก...
อาหารกลางวันเป็นส้มตำ ไก่ย่าง ร้านภายในบริเวรวัดร่องขุน อิ่มแล้วก็ซิ่งมอเตอร์ไซค์เคิล กลับเข้าเมืองไปวัดพระแก้ว ...แวะกราบพระก่อนกลับกรุงเทพฯ
หอพระแก้ว
วัดพระแก้ว เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ถนนไตรรัตน์ ในตัวเมืองเชียงราย แต่เดิมมีชื่อว่า วัดป่าเยี้ย เยี้ยแปลว่าไม้ไผ่ บริเวณที่ตั้งวัดเป็นป่าไผ่จึงตั้งชื่อตามที่มา
ตามประวัติกล่าวว่าเจ้ามหาพรหมผู้ครองเมืองเชียงรายเป็นผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเมืองกำแพงเพชร ในช่วงเวลานั้นสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยจะสู้ดีนักจึงได้พอกปูนทับองค์พระแก้วมรกตแล้วนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์วัดป่าเยี้ย อีก 45 ปีต่อมาเกิดฟ้าผ่าที่องค์เจดีย์ พบพระพุทธรูปลงรักปิดทององค์หนึ่งตกลงมาจากเจดีย์จึงได้อัญเชิญไปไว้วิหารหลวงได้ 2 เดือน ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก ( จมูก ) กระเทาะออกจึงเห็นเป็นแก้วสีเขียว เจ้าอาวาสได้กระเทาะปูนออกจึงปรากฎเป็นพระแก้วสีเขียวทั้งองค์ ในช่วงเวลานั้นเชียงรายอยู่ภายใต้การปกครองของเชียงใหม่ในยุคสมัยของพระเจ้าสามฝั่งแกน เมื่อทราบข่าวจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปเมืองเชียงใหม่ รวมระยะเวลาที่พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่เชียงรายเป็นเวลา 45 ปี วัดป่าเยี้ยที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตจึงถูกเรียกต่อๆ กันมาว่า วัดพระแก้ว
พระแก้วมรกต
พระแก้วหยก เป็นพระพุทธรูปหยกที่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวเชียงรายร่วมกันสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2533 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 20 ก.ย. พ.ศ. 2534 ชาวเชียงรายได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว เรียกว่า พระหยกเชียงราย
เจดีย์ที่พบพระแก้วมรกต
พระอุโบสถวัดพระแก้วในปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน คนเชียงรายเรียกกันว่า พระเจ้าล้านทอง เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเชียงรายเคารพนับถือเป็นอันมาก แต่เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเจ้าล้านทอง ต่อมามีสภาพเป็นวัดร้างจึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดดอยงำเมือง และได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานที่วัดพระแก้วเมื่อปี 2504
พระอุโบสถ
พระเจ้าล้านทอง
เข้าวัดทีไร...ง่วงนอนทู้กทีซิน่า ก็บรรยากาศช่างสงบ ร่มเย็น แบบนี้น่านอนสมาธิอย่างมากเลย..
อาคารพิพิธภัณฑ์ ...ภายนอกดูสวยงามมากเลย มีเก้าอี้ใต้ต้นไม้ ป้าตาเลยนั่งรอเพื่อนหงษ์(เดินไปถ่ายรูปอยู่ไหนก็ม่ายรู้) แล้วก็นั่งเพ่งตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ...ถ่ายรูปตัวอาคาร ประตู หน้าต่าง เพลินเลย (ไม่แน่ใจว่าวันอาทิตย์เค้าปิดหรือป่าว..เห็นประตูปิด เลยอดเข้าไปชมด้านในเลย คราวหน้ามาแก้ตัวใหม่..อิอิ)
พิพิธภัณฑ์
หลังจากหลับ เฮ้ย นั่งชื่นชมศิลปะเพลิน เห็นเวลายังเหลือก่อนจะไปเก็บของที่โรงแรม และคืนรถมอเตอร์ไซค์เคิล ให้กับร้าน....เลยขี่วนเล่นในตัวเมืองและข้ามสะพานไปโน่น มานี่ ...จนได้เวลากลับกรุงเทพฯ
เฮ้อ...ช่วงนี้เศรษฐกิจกระเป๋าตังค์ไม่ดี สงสัยต้องเอาเรื่องเก่าๆ ออกมาหากินอีกล่ะ ..แต่น้องฝิ่นฯ อยากดูทริปทะเล และต้องใส่ทูพีซ อืม งั้นเอาเมื่อสัก 10 ปีที่แล้วมาลงบล็อกหน้าดีป่าว....
Create Date : 22 มีนาคม 2552 |
|
17 comments |
Last Update : 26 มีนาคม 2552 10:27:06 น. |
Counter : 4466 Pageviews. |
|
|
|
ไม่รู้ว่าปลายปีจะได้ขึ้นเหนือมั้ย ถ้ามีโอกาสจะพ่วงไปด้วย
หลายวันไม่ได้เข้าบล็อคเลยจ้าน้องตา...เลยห่างไปนิด
ภารกิจมันเยอะ
ขอบคุณสำหรับดอกไม้สวยๆ สีเหลืองๆ ที่ใหไว้ที่บล็อคนะคะ