Group Blog All Blog
|
นวนิยาย ตราบสิ้นอสงไขย บทที่๑ แหวนนาค >
บทที่๑
แสงสว่างวาบมาจากณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ลำแสงนั้นแจ่มจ้าเสียจนทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัว อากาศบริเวณนั้นอบอ้าว ร้อนจนแน่นหน้าอกหายใจติดขัด ร่างบางเซถลาเข้าไปยังบริเวณที่หมอกสีขาวลอยคละคลุ้ง บรรยากาศจึงค่อยผ่อนคลายมากขึ้นทั้งยังมีกลิ่นหอมฉุนๆลอยมาแต่ไกล
แล้วจู่ๆละอองไอเหล่านั้นก็กลายเป็นสีทองระเรื่อเมื่อชายชราในชุดสีขาวปรากฏกายขึ้น พร้อมกับนำแหวนนาคไร้ลวดลายมาสวมลงบนนิ้วเรียวเสลาของเธอหญิงสาวพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมนั้น ทว่ากลับไร้ผลไม่ช้าแหวนเกลี้ยงทำจากนาคก็ค่อยๆถูกกลืนหายเข้าไปในโคนนิ้วก้อยของเธออย่างช้าๆไม่เจ็บ ไม่รู้สึกรู้สา แต่ในใจของหญิงสาวกลับกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เอื้องลดารวบรวมสติและเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระชากข้อมือออกจากมือของผู้เฒ่า แล้ววิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่สองหูกลับได้ยินเสียงแหบแห้งนั้นดังไล่หลังมา
จงฮักษามันเอาไว้ให้ดีเอื้องฟ้า
ร่างระหงที่ผุดลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดมีอาการเหนื่อยหอบคล้ายคนวิ่งมาจากระยะทางไกลหลายกิโลเมตรดวงตาคู่สวยกะพริบถี่ คิ้วโก่งขยับเข้าหากันจนเกือบชิด ริมฝีปากบางเม้มแน่นจนเป็นสันตรงทว่าหัวใจนี่สิที่มันเต้นตึกตักอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าใด
เสียงเครื่องปรับอากาศดังอยู่เหนือศีรษะทำให้เอื้องลดารู้ว่าเวลานี้เธออยู่ในโลกแห่งความจริงมิใช่ความฝันดังเช่นเมื่อครู่
เป็นนานหญิงสาวจึงยกมือซ้ายขึ้นทาบหน้าอกตนเองพรูลมหายใจออกมาด้วยความอัดอั้น เหตุการณ์ในฝันมิได้บีบคั้นจิตใจสักเท่าใดนักแต่บรรยากาศอันมัวสลัว ชายชุดขาวและแหวนวงนั้นที่ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูกแปลกนักที่คืนนี้เอื้องลดาไม่ฝันถึงการศึกสงครามเหมือนที่เคยฝันอยู่เป็นประจำหญิงสาวได้แต่หวังว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดมโนภาพในฝันจะเป็นเพราะอ่านนิยายแปลมากเกินไปเท่านั้นเอง มันคงมิได้เป็นลางบอกเหตุใดๆหรอก
คิดได้ดังนั้นเอื้องลดาจึงขยับตัวเอนกายลงไปในท่านอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายแค่เอว หลับตาลง พยายามนับแกะ นับเลข อยู่หลายรอบ ก็ยังไม่มีอาการง่วงงุนใจพานจะคิดถึงแต่เรื่องราวในความฝันอยู่ร่ำไป จนล่วงเลยมาถึงช่วงเวลาใกล้ๆฟ้าสางหญิงสาวจึงหลับสนิทได้ในที่สุด
บางสิ่งหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจแม้เนิ่นนานเท่าใดก็ไม่มีวันลืมลง
คุณปู่สวัสดีค่ะเสียงทักทายของสามสาวเป็นเหตุชายสูงวัยในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว กางเกงแพรสีน้ำเงินซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกและหญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนที่นั่งอยู่บนตั่งไม้เตี้ยๆเงยหน้าขึ้นมองพลางยิ้ม
มากันแล้ว ดีๆมานั่งนี่ก่อนหลานๆปู่สุนทรเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงที่ปกปิดความยินดีเอาไว้ไม่มิด ชายชราถือว่าเด็กสาวทั้งสี่เป็นเสมือนลูกหลาน เนื่องจากได้รู้จักและเกื้อกูลกันมานานจนรู้สึกผูกพัน คิดถึงคุณปู่จังค่ะ ไม่ได้คุยกันนานเลยพิมลมาสประจบด้วยเสียงออดอ้อน ปู่สุนทรหัวเราะเบาๆแล้วแกล้งพูดดักคอเสียงดุ จะมาคิดถึงอะไรคนแก่ ตั้งแต่ปู่แก่ตัวลงจนไปมหาวิทยาลัยไม่ไหวก็ไม่มีใครสนใจปู่หรอก แม่นางเอกนั่นก็เหมือนกัน เห็นแต่ในทีวี โธ่ คุณปู่คะ พวกเราก็คิดถึงคุณปู่ตลอดแหละค่ะ เพียงแต่ไม่ค่อยว่างเหมือนตอนเรียนเท่านั้นเองเอื้องลดาออกตัวยิ้มๆ หลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว คุณปู่ไม่สบายหรือคะ ตอนเดินเข้ามาเอื้องได้ยินเสียงคุณปู่ไอเป็นวรรคเป็นเวร โรคคนแก่นั่นแหละลูก มันเป็นธรรมดาของสัตว์โลก เมื่อความเกิดมีแล้ว ความแก่ ความตายมันก็ต้องมีอยู่ ไม่มีใครพ้นตายได้หรอก เกิดก็เกิดเต็มแผ่นดิน ตายก็ตายเต็มแผ่นดิน อยู่ เกิด แล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิดอยู่นี่แหละ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจงใช้ชีวิตด้วยความประมาทและอย่าวิตกกังวลให้มากจนเกิดความทุกข์ปู่สุนทรตอบกลั้วหัวเราะราวกับพูดถึงเรื่องอันน่าขบขัน ทำให้ไหล่อันลู่ค้อมตามวัยนั้นสั่นน้อยๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอนหลังลงไปแนบเก้าอี้ สำหรับผู้ชราที่ฝักใฝ่อยู่ในธรรมะนั้นย่อมปลดปลงไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจของสังขารอีกต่อไป การกล่าวถึงความเจ็บ ความตายจึงเป็นเรื่องสามัญของโลก เอื้องลดามองร่างอันซูบเซียวของผู้สูงวัยพลางระบายลมหายใจออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่ารูปร่างของปู่สุนทรนั้นดูผ่ายผอมลงอย่างน่าใจหาย แต่ก็คงเหมือนดังที่พระท่านได้สอนเอาไว้กระมัง ว่าทุกสิ่งในโลกนี้มีเกิดก็ย่อมมีดับ ทุกคนใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพื่อรอเวลาของตน หากเธอเข้าสู่ปัจฉิมวัยดุจเดียวกันก็คงจะปลงต่อชีวิตได้มากกว่านี้ แล้วหนูมุกล่ะเป็นยังไงบ้างปู่สุนทรหันไปถามผู้ที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังพิมลมาสบ้าง มุกสบายดีค่ะคุณปู่ ไม่ได้มากราบคุณปู่นานแล้ว คิดถึงจังเลยค่ะมุกตาภาออดบ้าง พิมลมาสขยับถอยหลังให้พี่สาวเขยิบเข้ามาหาผู้ชราใกล้ๆ แล้วเล่าว่า ตอนแรกพี่มุกเขาจะไปธุระที่อื่นค่ะคุณปู่ แต่สุดท้ายก็ตามมาสมาต้อยๆ แหมก็ไม่ได้รวมตัวกันนานแล้วนี่คะ มุกตาภาตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้ชลิยา ตอนแรกนึกว่าวันนี้จะไม่เจอคุณเชอร์รี่เสียแล้ว ยังนึกเสียดายอยู่เลยค่ะ สงสัยดวงพวกเราจะสมพงษ์กัน เอื้องลดาช่วยสรุป สิ้นคำของดาราสาว ชลิยาจึงหันมาตอบอย่างอารมณ์ดีว่า เหมือนมีอะไรดลใจให้อยากมาที่นี่น่ะค่ะ ว่าแต่คราวนี้คุณเอื้องท่าทางจะสบายใจดี ดูสิสวยเช้งเลย เอื้องลดาหัวเราะ มองเห็นรอยบุ๋มปรากฏชัดอยู่บนสองข้างแก้มแล้ววางมือทาบลงเหนือมือนักเขียนบทสาวเบาๆ แหม นักเขียนบทนี่เขาปากหวานกันจังนะคะ แล้วคุณเชอร์รี่ล่ะ เป็นไงบ้าง งานเขียนบทหนักไหม เห็นผู้กำกับบอกว่าคุณเชอร์รี่เป็นคนเขียนบทละครตราบสิ้นอสงไขยที่กำลังจะถ่ายทำใช่ไหม ชลิยาย่นจมูก ใช่ค่ะ งานหินและละเอียดมาก หนักหนาสาหัสเสียจนแทบไม่ได้นอนเลยล่ะค่ะคุณเอื้อง บางวันหัวไม่แล่นก็ต้องพยายามคิดเสียจนหัวแทบแตก เอาน่า เก่งอยู่แล้วนักเขียนบทมือทองเอื้องลดาบีบมือชลิยาเบาๆอย่างให้กำลังใจ เอื้องลดาได้ยินชื่อเสียงของชลิยามาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการใหม่ๆ หลายครั้งหลายคราที่เธอต้องเป็นผู้แสดงตามบทบาทที่ชลิยาเป็นผู้กำหนด และเมื่อนักเขียนบทคนดังไปเยี่ยมกองถ่าย ทั้งสองจึงเริ่มทำความรู้จักกัน ทว่าผู้ที่ทำให้สนิทสนมมากยิ่งขึ้นก็คือคุณปู่สุนทรนั่นเอง เมื่อทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เอื้องลดาจึงขยับนั่งตัวตรง จ้องเจ้าของบ้านตาแป๋วพลางถาม คุณปู่มีอะไรจะใช้เอื้องหรือเปล่าคะ ปู่สุนทรมองหน้าหญิงสาวทีละคนแล้วจึงตรึงสายตาเอาไว้ที่เอื้องลดาซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับตน กล่าวเบาๆปู่จะบอกกับทั้งสี่คนว่า ทุกคนมีดวงชะตาที่คล้ายๆกัน จึงได้มาพบและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีอะไรก็จงพูดกันตรงๆอย่าปิดบัง เผื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที จะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นหรือคะคุณปู่มุกตาภาเป็นผู้ถาม ชีวิตมนุษย์มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายผ่านเข้ามา บางครั้งก็ร้ายก่อนดี บางทีก็ดีก่อนร้าย อย่าไปคิดมากกับเรื่องที่มันยังไม่เกิด เออ ลืมเรื่องสำคัญไปเลย ที่ปู่เรียกเอื้องมาวันนี้เพราะมีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้เจ้า ให้เอื้องหรือคะเอื้องลดาถามซ้ำงงๆ ใช่ ให้เจ้านั่นแหละ แบมือออกสิผู้ชราย้ำเสียงหนัก สามสาวต่างหันมองเอื้องลดาเป็นตาเดียว ขณะที่ผู้เป็นจุดสนใจยื่นมือออกไปเบื้องหน้าช้าๆ ปู่สุนทรยิ้มน้อยๆที่มุมปากก่อนวางของบางสิ่งลงบนอุ้งมือขาวผ่องนั้น จงสวมมันติดตัวเอาไว้ อย่าได้ถอด มือเรียวสั่นน้อยๆเมื่อมองเห็นแหวนนาคอันคุ้นตา เอ่อ คุณปู่จะให้เอื้องสวมแหวนนี่หรือคะ ก็ใช่น่ะสิ สงสัยอะไรล่ะ แหวนนี้เป็นแหวนที่จะช่วยคุ้มครองเจ้าจากเภทภัยต่างๆ แต่ว่า เอื้อง...คำปฏิเสธจ่ออยู่ที่ปากของดาราสาวเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา สวมนิ้วเจ้าไว้สิปู่สุนทรเอ่ยสำทับ แล้วมัน เอ่อ มันจะจมเข้าไปในเนื้อของเอื้องหรือเปล่าคะคุณปู่หญิงสาวถามเสียงอ่อย บ๊ะ ไอ้เจ้านี่มันเรื่องมากเสียจริง พูดเป็นตลกคาเฟ่ไปได้ มันจะเข้าในนิ้วหรือเปล่า อยากรู้เจ้าก็ลองใส่เข้าไปในนิ้วสักทีสิ เอื้องลดามองแหวนในอุ้งมือนิ่ง ชลิยาจึงสะกิด สวมเถอะค่ะคุณเอื้อง ดูท่าทางจะเป็นแหวนมงคลนะคะ แต่ว่า... มาสใส่ให้ไหมคะพี่เอื้องพิมลมาสอาสาช่วยเมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของสาวรุ่นพี่ เอื้องลดาสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ จากนั้นจึงหันไปตอบสาวน้อยคนเล็ก ไม่เป็นไรจ้ะพี่ใส่เองได้ กระนั้นมือขวาของเธอก็ยังสั่นๆขณะจ่อแหวนไว้ที่ปลายนิ้วก้อยข้างซ้ายของตน ค่อยๆดันมันเข้าไปอย่างช้าๆประวิงเวลาให้เนิ่นนานที่สุด ใจคอพลอยกังวลไปสารพัด แหวนเลื่อนเข้าไปจนสุด เจ้าของมือจ้องมองนิ้วตนเองนิ่ง หวั่นเกรงว่าจะเกิดปาฏิหารย์ขึ้นดุจเดียวกับในความฝัน แต่ก็ไม่ ดีแล้ว อย่าถอดมันออกนะเอื้องลดาผู้ชราเน้นย้ำน้ำเสียงจริงจัง ขอบคุณค่ะคุณปู่เอื้องลดายกมือขึ้นไหว้ก่อนจะขยับถอยหลังออกมานั่งเคียงพิมลมาส จากนั้นจึงนั่งนิ่งเงียบฟังมุกตาภาที่กำลังเอ่ยชมผลงานของนักเขียนบทมือทองมุกดูละครที่คุณเชอร์รี่เขียนบทมาหลายเรื่องแล้ว อยากจะบอกว่าสนุกมากกกกกเธอลากเสียงคำว่ามากยาวเหยียด สาวน้อยคนเล็กจึงหันไปถามพี่สาวบ้าง พี่มุกพูดเหมือนไม่ค่อยได้เจอพี่เชอร์รี่ ทำงานวงการบันเทิงเหมือนกันแท้ๆ เวลาเจอกันตามงานทำไมไม่ชมล่ะ พี่เขาจะได้ดีใจ ชลิยาหันไปขอบคุณนักข่าวสาวแล้วจึงเอียงหน้ามองผู้อ่อนวัยกว่า พี่ไม่ใช่ดารานะคะน้องมาส พี่อยู่เบื้องหลังจ้ะ ไม่ค่อยได้ไปงานประกาศผลรางวัลกับเขาหรอก ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า ตอนที่ยังไม่รู้จักกัน มุกเคยเจอคุณเชอร์รี่อยู่บ่อยๆเวลาไปงานของช่องน่ะค่ะ คุ้นๆตาอยู่ แต่พอรู้จักกันแล้วไม่ค่อยเห็นหน้าเลยมุกตาภาบอกเจือยิ้ม ก็ไม่เป็นไรนี่คะ ไม่เจอกันตามงานก็มาเจอกันที่บ้านคุณปู่ได้ชลิยาพูดแล้วยิ้มพราย จริงแฮะ มุกตาภาเออออ เอื้องลดาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตนเองก่อนเงยหน้าขึ้นมองปู่สุนทรด้วยแววตาละห้อย คุณปู่คะเอื้องคงต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ ต้องเดินทางวันนี้ตอนบ่ายๆ ปู่สุนทรพยักหน้า อืม ขอให้เจ้ารักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเถิดหลาน หญิงสาวยกมือขึ้นพนม ก้มศีรษะลงจรดปลายนิ้วช้าๆ พลันนั้นแสงสว่างก็ทอประกายเจิดจ้าขึ้นบริเวณโคนนิ้วก้อยซ้ายของเธอ หญิงสาวตกใจจนแทบผงะแต่ก็กลบเกลื่อนอาการด้วยการขอตัวกลับในทันที อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เอื้องลดามั่นใจว่า คนแก่วัยเจ็ดสิบปีอย่างปู่สุนทรจะต้องมีความจริงบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในใจเป็นแน่ แต่กระนั้นคงต้องรอให้ถึงเวลาเสียก่อนทุกอย่างจึงจะเปิดเผยตนเอง ดังที่คุณปู่เคยพูดเป็นปริศนาให้ฉงนอยู่บ่อยๆ โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น วันที่: 4 มีนาคม 2557 เวลา:12:56:53 น.
|
ผู้หญิงเลือดเย็น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ใครเล่นเฟซบุ๊คไปคุยกันได้ ในแฟนเพจ "บ้านน้ำฟ้า"นะคะ Friends Blog
Link |
หลังรถจอดสนิท มือเรียวจึงถอดแว่นตาสีดำออกจากใบหน้าแล้วหย่อนมันลงในกระเป๋าถือสีเดียวกัน ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหาหญิงสาวที่โดยสารมาในรถอีกสองคน ไปกันได้แล้วน้องมาส คุณมุกเชิญค่ะ
ทั้งสองคนตอบเพียงว่า ค่ะเบาๆพร้อมทั้งเปิดประตูก้าวลงจากรถไปยืนคุยกันรอเจ้าของรถอยู่ห่างๆ
เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว เอื้องลดาได้รับโทรศัพท์จากพิมลมาสหรือมาสซึ่งเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันว่าคุณปู่สุนทรผู้เคยไปเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเกี่ยวกับเรื่องโบราณวัตถุนั้นต้องการพบตัวโดยด่วน ด้วยความที่เอื้องลดาสนิทสนมกับคุณปู่สุนทรเป็นการพิเศษ เธอจึงรีบแจ้งผู้จัดการส่วนตัวให้โทรศัพท์ไปเลื่อนคิวถ่ายละครซึ่งตนเองรับบทนางเอกอยู่เป็นวันรุ่งขึ้นแทน แต่เพราะละครพีเรียดที่หญิงสาวรับงานเอาไว้นั้นต้องถ่ายทำไกลถึงจังหวัดเชียงใหม่ เอื้องลดาจึงมีเวลาเถลไถลไม่มากนัก เนื่องจากนาถนรีผู้จัดการส่วนตัวของเธอได้จองตัวเครื่องบินเอาไว้ให้ในช่วงบ่ายวันนี้โดยให้เหตุผลว่า พี่อยากให้เอื้องพักผ่อนสักคืนก่อนถ่ายทำ หน้าตาจะได้ผ่องใส ไม่ใช่ตาลีตาเหลือกมาเข้าฉากหลังลงจากเครื่องไม่กี่ชั่วโมงกลายเป็นนางเอกซอมบี้ไป
ล็อกรถเสร็จแล้ว ดาราสาวจึงก้าวลงจากฝั่งคนขับไปสมทบกับหญิงสาวอีกสองคนและเอ่ยถามพิมลมาสด้วยความสงสัยคุณปู่บอกหรือเปล่าน้องมาส ว่าอยากพบพี่เรื่องอะไร ทำไมถึงย้ำว่าให้มาพบก่อนที่จะเดินทางไกลให้ได้
สาวน้อยสั่นหน้า ตอบโดยไม่ต้องคิด ไม่ได้บอกอะไรเลยค่ะ มาสเองก็เพิ่งทราบเรื่องจากคุณพ่อตอนเช้านี้เหมือนกัน เห็นว่าคุณลุงอานนท์ฝากท่านมาบอกมาสอีกทีน่ะค่ะ
คิ้วคู่สวยของเอื้องลดาขยับเข้าหากันชั่วครู่จึงคลายออก เธอไม่เข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายเท่าใดนัก แต่ก็พยายามปัดความข้องใจออกด้วยการหันไปชวนมุกตาภาคุยแทน เพราะแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักข่าวสายบันเทิงที่พบกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ในเวลาทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาเมาท์มอยกันนัก ด้วยต่างคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบ"คุณปู่ให้น้องมาสตามคุณมุกมาเหมือนกันหรือคะ
เปล่าหรอกค่ะ พอดีวันนี้มุกว่างก็เลยไปเยี่ยมยายมาสที่บ้าน พอถูกชวนมาที่นี่ต่อก็ตกลงทันทีเลยเหยี่ยวข่าวสาวตอบอย่างคล่องแคล่วตามบุคลิก ดวงหน้าสวยเก๋มีรอยยิ้มระบายอยู่จางๆ
สามสาวเดินลัดเลาะถนนสายเล็กๆอันเต็มไปด้วยร้านรวงสองข้างทางเข้าไปจนเกือบสุดซอยจึงมองเห็นเรือนไม้สองชั้นทาสีเขียวโดดเด่นอยู่ท่ามกลางอาคารลักษณะคล้ายๆกัน ด้านหน้าอาคารแต่ละหลังมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เป็นแนวทำให้ดูร่มรื่นไม่แห้งแล้ง โดยเฉพาะหน้าร้านขายของเก่าที่สามสาวกำลังเดินทางไปนั้น แม้จะมีพื้นที่ว่างน้อยนิด แต่เจ้าของร้านก็สู้อุตส่าห์นำไม้อัดมาประกอบกันเป็นชั้นๆ สำหรับวางกระถางดอกไม้ซึ่งปลูกไม้ดอกต้นเล็กๆเอาไว้อย่างสวยงาม
ถึงแล้ว เฮ้อ!วันนี้พี่รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ปกติก็มาหาคุณปู่อยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเอื้องลดาพึมพำ
สงสัยพี่เอื้องไม่ได้มาพบคุณปู่นานแล้วมั้งคะพิมลมาสพยายามเดา
คนตื่นเต้นพยักหน้าคล้อยตามเมื่อมองไม่เห็นเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้ ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังไม้ดอกสีสันสวยงามในกระถางเล็กๆพลางเปรยคุณปู่เคยพูดอยู่บ่อยๆว่าการพบกันมันเป็นเรื่องของวาสนาเอื้องลดาเสริมทั้งที่สายตาจับจ้องดอกไม้สีบานเย็นดอกจ้อยในกระถางนิ่ง
คงจะอย่างนั้นแหละค่ะมุกตาภาเห็นด้วย
การสนทนาของสามสาวยุติลงเพียงเท่านั้นเมื่อเอื้องลดาผลักบานประตูเข้าไปในร้านขายของเก่า กระดิ่งที่แขวนอยู่ด้านนอกประตูแกว่งไกวส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งเป็นเหตุให้ชายกลางคนร่างสันทัดซึ่งนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์หันขวับมามอง อ้าว เด็กๆมากันแล้วรึ คุณปู่นั่งรออยู่ที่ระเบียงหลังร้านโน่นแนะ
คุณลุงสวัสดีค่ะสาวสวยทั้งสามยกมือขึ้นทำความเคารพและเอ่ยขึ้นเกือบพร้อมๆกัน
คุณอานนท์รับไหว้และทักทายผู้อ่อนวัยกว่าอย่างใจดี จวบจนมีลูกค้าเดินเข้ามาสอบถามราคาสินค้า เขาจึงชี้บอกทางไประเบียงก่อนหันกลับมาคุยกับลูกค้าของตนอย่างสุภาพ
เสียงไอลอยมาตามลมเป็นระยะๆระหว่างที่สามสาวกำลังเดินตามทางเดินแคบๆไปยังประตูหลังร้านซึ่งผู้ชรานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เอื้องลดาได้ยินก็หันมาสบตาพิมลมาส คุณปู่ไม่สบายนี่ มิน่าล่ะ