มกราคม 2557

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
15
17
19
21
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
นวนิยายตราบสิ้นอสงไขย บทที่ ๖ เงารัก
บทที่ ๖




“คุณคงเจอผีหลอกกลางวันเสียแล้วล่ะ”

ดวงตาสีนิลของคนฟังวาวประกายแห่งความสงสัยขณะสบสายตาคมกริบของชายหนุ่มเจ้าถิ่น “นี่คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมคะ”

นทีดลระบายยิ้มน้อยๆที่มุมปากหากสีหน้ากลับจริงจังในยามตอบ “ผมพูดจริง แต่ก็นั่นแหละที่นี่มีอะไรหลายอย่างที่เหลือเชื่ออยู่เสมอ”

“คุณจะยืนยันหรือคะ ว่าเมื่อกี้เอื้องคุยอยู่กับผีน่ะ”

ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาไปรอบตัวก่อนจะตอบ “ก็คงจะเป็นอื่นไปไม่ได้แล้วล่ะครับ ดูเอาเถอะ ถ้าพ่อขาวที่คุณพบไม่ใช่ผีแล้วตอนนี้ท่านหายไปไหน”

เอื้องลดามองตามสายตาของอีกฝ่ายพลางสั่นหัว “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ชีปะขาวท่านเล่าให้เอื้องฟังว่าที่นี่มีจารึกโบราณฝังอยู่ แถมยังบอกอีกว่าลำธารข้างนอกนั่นเคยเป็นแม่น้ำสายหลักที่มีเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบได้ด้วย”

“แล้วคุณคิดว่าท่านบอกคุณทำไม”เขาจ้องดวงหน้านวลรอคำตอบ

หญิงสาวกรอกตาไปมาแล้วจึงจ้องตอบเขาตรงๆ “คงเพราะอยากให้คนรู้มั้งคะ โดยใช้เอื้องเป็นสื่อ”

“แล้วทำไมต้องเป็นคุณเอื้องล่ะครับ”เขายังคงถามต่อด้วยกระแสเสียงเรียบนิ่ง สายตาประสานดวงตาคู่งามไม่ละ จนผู้ถูกถามรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าจนต้องเสไปมองทางอื่นแทน

ไม่เข้าใจเหมือนกัน เหตุใดหัวอกหัวใจจึงมักจะสั่นไหวยามที่ได้สบตาเขา ชายหนุ่มแปลกหน้าทว่าช่างคุ้นใจเสียเหลือเกิน

หรือเธอกำลังหลงเสน่ห์เขากันนะ จึงพยายามสร้างเหตุผลขึ้นมาหลอกตัวเอง
“เอื้องน่าจะเป็นคนที่ได้รับอนุญาตให้รับรู้เรื่องนี้มั้งคะ”

ชายหนุ่มจึงค่อยยิ้มออกเมื่อเห็นว่าตนเองตีขลุมหญิงสาวได้สำเร็จ ยากเหลือเกินที่จะอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจถึงทุกสิ่งที่เป็นอยู่เวลานี้ “ที่คุณได้รับอนุญาตก็เพราะเคยมีความผูกพันกับที่นี่ไงล่ะครับ”

ถ้อยคำของเขารั้งใจเอื้องลดาให้นึกถึงคำพูดของปู่สุนทรขึ้นมาทันควัน “การที่ทุกคนได้มาพบกันอีกครั้ง เพราะต่างก็เคยมีความผูกพันต่อกันมาก่อน”

หรือจะเป็นดังว่าจริงๆกันหนอ

“แต่อย่าคิดมากเลย ในเมืองเก่ามักจะเต็มไปด้วยดวงวิญญาณหลายประเภท รวมไปถึงอารักษ์ที่ปกปักรักษาเมืองมาแต่เดิมด้วย”

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆมองผู้พูดอย่างทึ่งๆ ผู้ชายหัวใหม่อย่างเขานี่หรือจะเชื่อเรื่องเร้นลับที่พิสูจน์ไม่ได้อย่างนี้

“นี่คุณสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยหรือคะ”เธอหลุดปากถามไปเบาๆ

นทีดลหัวเราะหึๆ “คุณพ่อของผมศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่ครับ ท่านมักจะเล่าให้ผมฟังบ่อยๆ”

“เอื้องก็ทราบมาเหมือนกันค่ะ ว่าอ.ชัยพงษ์พ่อของคุณนทีดลเป็นนักประวัติศาสตร์คนสำคัญของล้านนา”

นทีดลยิ้มน้อยๆตามแบบฉบับ “แล้วก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยครับ”

“เอื้องเองก็อยากปรึกษาท่านค่ะ ว่าสิ่งที่เอื้องพบเจอมาเนี่ยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งดีหรือสิ่งร้าย ที่สำคัญเอื้องไม่รู้ประเพณีของภาคเหนือ เกรงว่าจะทำอะไรไม่ถูกไม่ควรลงไป”

“ช่วงนี้คุณพ่อผมอยู่บ้านทุกวันแหละครับ ถ้าคุณเอื้องว่างช่วงไหนก็แวะไปพบท่านได้”
เอื้องลดาระบายยิ้มเต็มหน้า “จริงนะคะคุณนทีดล”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะบอก “เรียกผมว่าดลเฉยๆดีกว่า”

“ได้ค่ะคุณดล ว่าแต่เอื้องอยากฟังเรื่องเด็กคนนั้น เอ่อ หมากคำน่ะค่ะ คุณดลช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เราไปกราบกู่ข้างในกันก่อนดีกว่า เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่เมือง”

เอื้องลดาเพิ่งนึกขึ้นได้จึงโคลงศีรษะไปมา “จริงสิคะ วันนี้เป็นวันสงกรานต์ คงเป็นเพราะเอื้องถ่ายละครทุกวันก็เลยลืมวันลืมคืนน่ะค่ะ”

“เชิญทางนี้เลยครับ”ชายหนุ่มผายมือแล้วรอให้หญิงสาวเดินนำไปก่อนจึงก้าวตามไปอย่างช้าๆ




Create Date : 18 มกราคม 2557
Last Update : 18 มกราคม 2557 10:36:12 น.
Counter : 1299 Pageviews.

3 comments
  
“คิดจักทำอันใดเล่าหมากคำ”หมากเงินร้องถามน้องสาวเสียงดังเมื่อเห็นว่าหมากคำทำลับๆล่อๆอยู่ด้านหลังสองหนุ่มสาวที่กำลังจุดธูปไหว้พระธาตุโบราณอยู่เบื้องหน้า

หนูน้อยเอียงหน้ามามองพี่ชายพลางยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก หมากแก้วเห็นแล้วหัวเราะ “ทำอย่างกับเวลาเฮาอู้กันแล้วมนุษย์เพิ่นจะได้ยินอย่างนั้นล่ะ คนละภพภูมิกัน ถึงแม้จะอยู่ใกล้เท่าใด ก็สื่อบ่ถึงกันหรอก ถ้าเฮาบ่ตั้งใจให้เป็นน่ะ”

หมากคำทำหน้าง้ำเข้าใส่พี่ชาย “น้องรู้แล้ว น้องก็แค่ลืมไปบ่ดาย”

หมากแก้วขยับเข้าไปยืนข้างน้องสาวพลางถามต่อ “ทีนี้น้องจะบอกอ้ายได้หรือยังว่าน้องมีเจตนาจักทำอย่างไร”

“น้องจะผลักพ่อพญากับน้าเอื้องเข้าใส่กัน”

พี่ชายทำตาโต ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หน้ากลมแป้นแล้วจึงถาม “ผลักจะใดกา”

หมากคำหัวเราะกิ๊ก “ผลักให้เข้าใกล้กัน ฮักกันจะใดล่ะเจ้า”

หมากแก้วได้ฟังจึงกอดอกครุ่นคิด “ฤๅน้องคิดว่าตนเองเป็นเทพแห่งความฮัก”

ไหล่เล็กๆขยับไปมาเลียนแบบพวกมนุษย์ พร้อมทั้งทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา “ถ้าเป็นไปได้ก็ดีกะเจ้า น้องจะได้ช่วยให้ทั้งสองคนสมหวัง”

“แต่พ่อปู่เคยบอกอ้ายว่า ก่อนที่วิญญาณทุกดวงจะไปเกิดจะต้องกินน้ำลืมชาติ เพื่อให้ลืมอดีต บ่หลงเหลือบุพเพนิวาสนุสสติญาณ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว น้องรู้ได้จะใดว่าทั้งสองคนต้องการให้น้องช่วย”

ปากเล็กๆบนใบหน้ากลมแป้นเบะออกด้วยความเอาแต่ใจ แล้วจึงเถียง “อ้ายบ่รู้อะหยัง น้องแอบเห็นทั้งสองคนสบตากันปิ๊งๆหลายหนแล้ว แหมบ่ปอน้าเอื้องก็มักจะทำหน้าแดงอย่างหน่วยผักแคบเวลาอยู่ใกล้ๆพ่อพญา”

หมากแก้วเม้มริมฝีปากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะปราม “แต่น้องก็ต้องระวังเพราะมันบ่ใช่หน้าที่ของเฮานา”

หมากคำยักคิ้วให้พี่ชาย จากนั้นจึงหันไปมองสองหนุ่มสาวที่ตนเองหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ เมื่อได้จังหวะที่ทั้งคู่ปักธูปลงในกระถางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำท่าจะลุกขึ้นยืน เด็กน้อยจึงโถมกายเข้าไปชนเอื้องลดาโครมใหญ่

“หมากคำ!” หมากแก้วร้องเสียงหลง ทว่ากลับไม่ทันการ เวลานี้เอื้องลดากำลังเสียหลักเซไปข้างๆกู่อันเต็มไปด้วยก้อนอิฐแตกหักเสียแล้ว
โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:10:38:25 น.
  
“คุณเอื้อง!”นทีดลโพล่งร้องขึ้นทันทีที่เห็นว่าอยู่ดีๆหญิงสาวข้างกายเซถลา เขารีบตวัดแขนแกร่งออกไปรับร่างระหงเอาไว้ได้ทัน ทว่าก็ยังทำให้คนทั้งคู่ต้องล้มกลิ้งลงไปกองบนพื้นหญ้าเขียวขจีโดยไม่ทันตั้งตัว

แม้ชายหนุ่มจะยังครองสติมั่น สองแขนของเขาโอบประคองร่างกลมกลึงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอิฐกระแทกผิวเนื้ออันบอบบางของเธอ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกคล้ายมีแสงสีทองพุ่งวาบเข้าตา ก่อนที่ทุกอย่างจะดำมืด นิ่งสนิท

แล้วภาพแสงไฟลุกโชติช่วงก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับที่ต้นตองตึงสูงใหญ่อันเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ทำท่าจะล้มลงมายังทิศทางที่เขาและเธอพากันวิ่งหนีมา

“เอื้องฟ้า ระวัง!”ชายคนนั้นตะโกนลั่น เขา...ที่มีบางสิ่งคอยบอกเธอว่าเป็นคนเดียวกับชายที่อยู่ข้างกายเธอเวลานี้...นทีดล

เอื้องลดามองเห็นร่างของตนเองซึ่งอยู่ในชุดผ้าฝ้าย นุ่งผ้าต้อยยาวครึ่งหน้าแข้ง และโพกหัวด้วยผ้าสีขาวกำลังถูกอ้อมแขนกำยำของชายหนุ่มคนนั้นฉุดดึงให้พ้นจากเพลิงนรก

ร่างสองร่างกลิ้งหลุนๆลงไปกองกับพื้นโดยที่ชายหนุ่มใช้ร่างของตนรองรับร่างอีกฝ่ายไว้

วินาทีนั้นหญิงสาวสัมผัสได้ถึงลมหายใจผะแผ่ว เสียงหัวใจของเขาที่เต้นตึกตักและคำถาม “เจ็บที่ไหนก่อเอื้องฟ้า”

เอื้องลดาสั่นหน้าพร้อมทั้งยันกายลุกขึ้นอย่างรวดเร็วขณะสองตาเบิกกว้าง “รีบลุกขึ้นเร็วๆ ไฟป่าลามมาแล้ว”


“คุณเอื้องเป็นยังไงบ้างครับ”เสียงของนทีดลตัวจริงที่ดังแทรกเสียงไม้โดนความร้อนดังเปรี๊ยะๆในมโนภาพนั้นทำให้หญิงสาวเกือบสะดุ้ง

“เอ่อ มะ ไม่เป็นไรค่ะ”หญิงสาวเอ่ยออกไปสุ้มเสียงสั่น อีกใจก็วนถามตนเองว่าที่ผ่านมาจะเป็นความฝัน ความจริง หรือเพียงสิ่งลวงตา

“ผมเห็นคุณเอื้องหลับตา นิ่งไป ก็เข้าใจว่าคงจะเป็นลม” เขาบอกเล่าความคิดตน พร้อมๆกับพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคมยังจ้องดวงหน้างามซีดเผือดนั้นเขม็ง “ดูสิหน้าซีดเชียว”

แต่ก่อนที่เอื้องลดาจะโต้ตอบ ทั้งคู่กลับรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเย็นลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ตะวันยามเช้าซึ่งทำท่าจะทอแสงอยู่เมื่อครู่ก็พลันเลือนหายหลบเร้นหลังหมู่เมฆทะมึนแทน

ดุจเดียวกับที่ดวงวิญญาณสองพี่น้องซึ่งยืนมองอยู่ไม่ไกลกำลังรับรู้ในเวลานี้

“อ้ายหมากแก้วฝนจะตกแล้ว”หมากคำหันไปบอกพี่ชายรัวเร็ว ราวต้องการถามว่าจะทำอย่างไรต่อดี

หมากแก้วพยักหน้า ก่อนหันมองไปยังท้องฟ้าทิศตะวันออกพลางขมวดคิ้ว “พ่อปู่เคยบอกกับอ้ายว่า เมฆฝนที่เกิดขึ้นโดยบ่มีสาเหตุ คือบ่มีฝนตกที่อื่นและบ่มีลมพัดพามานั่นบ่ใช่ฝนที่มาจากธรรมชาติ”

“แสดงว่าเป็นฝนอาคมกาเจ้า”หมากคำถามด้วยแววตาตื่นเต้น

หากพี่ชายยังคงตอบเรียบเรื่อย “ก็บ่แน่ อาจจะเป็นอาคม เอเพศ หรือต้นเหตุแห่งความมหัศจรรย์อื่นใดก็ได้ แต่ยามนี้อ้ายว่าเฮาปิ๊กคุ้มก่อนที่พ่อปู่จักตามหาดีกว่า”

“เจ้า”หมากคำพยักหน้าและทำตามคำแนะนำของผู้เป็นพี่แต่โดยดี
โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:10:39:25 น.
  
ไม่กี่อึดใจสายฝนก็ถั่งโถมลงมาราวฟ้ารั่วผสมผสานเสียงฟ้าร้องครืนๆดังลั่น นทีดลจึงตัดสินใจจูงมือเอื้องลดาเดินแกมวิ่งไปยังต้นสะหลีสีเขียวครึ้มซึ่งมีโพลงแคบๆพอให้ทั้งสองซุกตัวหลบฝนได้

“ตอนแรกไม่มีท่าทีว่าฝนจะตกเลย” หญิงสาวเปรยขึ้นมาลอยๆ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หันมองเธอซึ่งยืนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ยามนี้เส้นผมของเอื้องลดาเปียกลู่ติดศีรษะดุจเดียวกับเสื้อผ้าที่เปียกชื้นจึงเป็นเหตุให้ร่างระหงสั่นน้อยๆด้วยความเหน็บหนาว นทีดลยืนนิ่ง แปลกใจนักที่ภาพอันแสนจะธรรมดานี้สามารถสั่นสะเทือนใจเขาได้ทั้งดวง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆเพื่อปัดปอยผมซึ่งระใบหน้าของเธอออก

แล้วความทรงจำแห่งอดีตก็กะเทาะเปลือกที่ห่อหุ้มหัวใจของเขา…

ทั้งๆที่สายตามองเห็นเอื้องลดาอยู่ตรงหน้า แต่ภาพที่ไหลปรี่อยู่ในสมองเวลานี้กลับเป็นภาพที่เธอกำลังนั่งพิงอยู่กับอกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นสิ่งที่เขาย้อนรำลึกได้ก็เลือนหายไป

เมื่อความคิดคำนึงกลับคืนสู่ปกติเขาจึงเอ่ยถาม “หนาวมากไหมครับ”

เอื้องลดาเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามก่อนพยักหน้า ยามนี้ใบหน้าของเธอขาวซีด เรียวปากบางเป็นสีคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

เธอคงหนาวมากจริงๆ แล้วเขาจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรดี

นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่นทีดลจึงตัดสินใจดึงมือบอบบางเย็นเฉียบนั้นมากุมไว้เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันและกัน พลางกระซิบ “ขออนุญาตนะครับ”

เอื้องลดาพยักหน้าน้อยๆ แล้วจึงเสมองออกไปด้านนอกเพื่อหลบสายตาอีกฝ่าย เธอปฏิเสธตนเองไม่ได้เลย ว่านับตั้งแต่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่นี้แล้ว ในใจก็บังเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น

เหมือนจะมีสายใยแห่งความผูกพันร้อยรัดระหว่างเขาและเธอ

อา...นี่เรากำลังคิดไปเองหรือเปล่านะ เอื้องลดาเริ่มสงสัยตนเองขึ้นมาทันใด

เปรี้ยง!

แต่แล้วความคิดของหญิงสาวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาดังลั่น ความสั่นสะเทือนบอกให้รู้ว่าจุดที่ฟ้าผ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง

ด้วยความตกใจเอื้องลดาจึงกรีดร้อง หลับตาปี นทีดลรีบเลื่อนสองแขนขึ้นมาโอบร่างสั่นเทาเอาไว้โดยสัญชาตญาณ

“ไม่ต้องกลัวครับคุณเอื้อง”เขาปลอบแทรกเสียงฝนแผ่วเบา

ดาราสาวทำได้เพียงพยักหน้าหงึกหงักและปล่อยให้ร่างของตนอยู่ในอาณัติของชายหนุ่มโดยดุษณีเนื่องจากยังอกสั่นขวัญหายอยู่ไม่น้อย


“หยึย ตาจักเป็นต้อแล้วเจ้าอ้ายหมากแก้ว”หมากคำซึ่งยื่นหน้าออกจากหน้าต่างไม้แห่งคุ้มเจ้านางส่งเสียงร้องลั่น

หมากแก้วรีบวิ่งเข้ามาเกาะขอบหน้าต่างชะเง้อมองบ้าง “อะหยังกา”

หมากคำซึ่งหน้าแดงปลั่ง หลับหูหลับตาชี้ไปยังต้นสะหลีคู่ “นั่นไงเจ้า”

พี่ชายมองตามแล้วจึงหัวเราะ “ก็ตะกี้ฟ้าผ่า น้าเอื้องคงจะให้พ่อพญาปลอบขวัญกระมัง เข้าไปในคุ้มได้แล้วหมากคำ เป็นละอ่อนบ่ดีดู”

หมากคำย่นจมูกและยิงฟันใส่พี่ชาย จากนั้นจึงแกล้งสะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปด้านใน ปล่อยให้ผู้เป็นพี่ซึ่งเวลานี้หันหลังพิงกรอบหน้าต่างมองตามพลางส่ายหัวอย่างระอาใจ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หลังฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาไม่นาน สายฝนอันกระหน่ำรุนแรงเมื่อครู่ก็เหือดหายไปราวกับปิดสวิตซ์ และไม่ช้าแสงแดดรำไรก็เริ่มทอประกายออกมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันออก

“ฝนหยุดตกแล้ว เรากลับกันเถอะครับ”

“ค่ะ หนาวจะแย่แล้วเหมือนกัน” หญิงสาวบ่นอุบขณะปล่อยให้เขาพยุงออกมาจากโพลงไม้ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากพื้นดินหลังฝนตกนั้นลื่นนัก

“เดินระวังนะครับคุณเอื้อง”เขาสำทับ

หญิงสาวรับคำสั้นๆว่า ค่ะ โดยที่สายตาคู่งามมิได้จับจ้องคู่สนทนาเลยสักนิด เนื่องจากเธอกำลังมองเห็นร่างของผู้ชราในชุดขาวยืนอยู่ใต้ร่มไม้สะหลีคำที่ยังมีน้ำฝนเกาะอยู่ตามกิ่งใบหยดติ๋งๆ

“นั่นไงคะพ่อขาว”เอื้องลดาโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้น

นทีดลมองตามก่อนจะหันกลับมามองผู้พูดอย่างชั่งใจ “คุณเอื้องบอกว่าท่านอยู่ตรงไหนนะครับ”

“ก็ใต้ต้นไทรสีเหลืองทองนั่นไงคะ”

คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเขาหากัน เมื่อเขม้นมองแล้วไม่เห็นดังที่เจ้าเธอบอก “ไม่เห็นมีอะไรเลย เอ๊ะ!แล้วนั่นแสงอะไรฮะ”

เอื้องลดามองตามปลายนิ้วของอีกฝ่ายบ้าง ไม่ช้าจึงก้าวพรวดๆเข้าไปยังจุดที่พื้นดินแตกอ้าออกจากกันเป็นทางยาวและมีแสงสีทองหม่นๆเปล่งประกายออกมาวูบวาบ

“ระวังนะครับ” อันตราย เขากลืนประโยคท้ายเอาไว้ในใจเสีย พร้อมทั้งแตะแขนเรียวเบาๆเป็นการบอกให้อีกฝ่ายถอยออกมาก่อน “เดี๋ยวผมช่วยดูให้”

“ค่ะ” เอื้องลดาเบี่ยงตัวให้เขาแล้วกอดอกชะเง้อชะแง้มองตามร่างสูง

ฝ่ายชายหนุ่มนั้นรีบจ้ำอ้าวเข้าไปชะโงกหน้ามองหาต้นเหตุแห่งแสงซึ่งอยู่ในรอยแยก เมื่อพบแล้วเขาจึงลงนั่ง โน้มตัวลงไปหยิบสิ่งที่มองเห็นเด่นชัดเหนือผืนดินสีน้ำตาลเข้มฉ่ำน้ำฝน ก่อนที่จะลุกขึ้น เดินกลับมาหาหญิงสาวพลางแบมือขวาให้เธอดู

“แหวนนาค”น้ำเสียงของเอื้องลดามีร่องรอยของความประหลาดใจเด่นชัด ก็จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไรเล่า ในเมื่อแหวนในมือเขาช่างเหมือนแหวนที่เธอสวมอยู่ราวกับแกะ

“แหวนนี่เหมือนของเอื้องเลยค่ะ”บอกพลางยื่นมือให้เขาดูบ้าง

นทีดลนิ่งอึ้ง ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงบอกเล่าเรื่องราวในฝันให้ดาราสาวฟังแต่โดยดี “เมื่อคืนผมฝันว่ามีผู้ชายในชุดขาวมอบแหวนแบบนี้ให้กับผม เช้านี้ก็เลยเดินมาที่นี่เพราะก่อนสะดุ้งตื่นผมมองเห็นต้นสะหลีคำด้วย เลยคิดว่าน่าจะมีอะไรเชื่อมโยงกัน”

เอื้องลดาหรี่ตาลงเล็กน้อย หลังจากได้พบเหตุการณ์อันเหลือเชื่อมาหลายต่อหลายครั้ง เธอก็ชักจะเริ่มเอนเอียงแล้วล่ะ “หรือจะเป็นพ่อขาวรูปเดียวกันกับที่เอื้องเจอคะ”

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าเหตุการณ์มันจะเกี่ยวพันกันแบบนี้”

หญิงสาวยิ้มพลางแตะหลังมือของเขาเบาๆ “คุณดลเก็บแหวนเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ แล้วมารอดูกันว่า แหวนคู่นี้เกี่ยวข้องกับเรายังไง”

อีกครั้งที่คิ้วของนทีดลขมวดเข้าหากัน ยามจ้องหน้านวลนิ่ง

ผู้ถูกมองแปลความหมายได้ไม่ยากจึงพยักหน้าและมอบรอยยิ้มบางๆให้แก่เขา พร้อมทั้งยืนยัน “เชื่อเอื้องเถอะค่ะ แล้วกลับไปที่รีสอร์ตกัน ระหว่างทางเอื้องจะเล่าเรื่องของเอื้องที่เกี่ยวข้องกับแหวนนาคนี่ให้ฟัง”
โดย: ผู้หญิงเลือดเย็น วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:10:40:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้หญิงเลือดเย็น
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ใครเล่นเฟซบุ๊คไปคุยกันได้
ในแฟนเพจ "บ้านน้ำฟ้า"นะคะ