เราก้าวขาซ้ายลงจากฟุตบาท เพื่อที่จะขึ้นรถเมล์แล้วขาเกิดพลิก (เสียงที่ได้ยิน คือ....กร๊อบ...และเราก็ร้องโอ๊ะ!!) ลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นถนน แต่สิ่งที่โหดร้ายกว่านั้นก็คือ ผู้คนที่ไม่ว่าจะทั้ง ผู้ชาย ผู้หญิง หนุ่มสาว คนแก่ ต่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้น (ประหนึ่งว่าเสียงที่ได้ยินจากปากตรูเป็นเสียงนกเสียงกา) ทุกคน.....ขอย้ำว่า "ทุกคน" ยังคงกรูกันแย่งขึ้นรถเมล์กันอยู่ แทบข้ามหัวตรูไปเลย ไอ้เราก็เลยต้องรีบลุกขึ้นยืน ทั้งๆ ที่ขาก็เจ็บแปล๊บ ร้าวระบม ตะเกียกตะกายขึ้นรถเมล์คันนั้นไปด้วย (สังคมเมืองหลวง ก็งี้ละ ไม่ค่อยมีใครช่วยใคร น้อยคนนัก) ขึ้นไปใช่ว่าจะมีที่นั่งต้องทนยืนไปตลอดทางทั้งๆ ที่ขาร้าวระบม แล้วเริ่มมีอาการบวม ปวด เจ็บ T T พอถึงที่หมายยังกัดฟันทนเดินไปจนถึงที่ทำงานอีกแนะ (ดีนะที่แวะซื้อน้ำแข็ง กับยาทา + ผ้ายืดพันข้อเท้ามาด้วย ยังสามารเดินไปซื้อได้อีกแนะ) ขึ้นไปถึงทีีทำงานก้ใช้หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ ทำความสะอาดข้อเท้าที่เจ็บ ไม่มีบากแผล มีแต่การบวม /ใช้น้ำแข็งประคบ/ใช้เจลเย็นแก้เอ็น หรือแก้ข้ออักเสบทา แล้วเอาผ้ายืดพันเท้าไว้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย แต่ทว่า.....ตกบ่าย...เริ่มปวดหนักเดินไปเข้าห้องน้ำแทบไม่ไหว ต้องกัดฟันเดินเอา ถึก ทน เยี่ยงนักเรา แม่บอกให้ไปหาหมอ เราก็ไม่ไป (นึกในใจว่าตรูจะเดินไม่ไหวแล้วอ่า เจ็บเหลือเกิน ยังจะให้ไปโรงพยาบาลอีก) ทน....ทน...จนเย็นเลิกงานยังกัดฟันเดินไปขึ้นรถเมล์ต่อรถตู้กลับบ้านอีก ในที่สุดก็ไปโรงพยาบาลแถวบ้าน เพราะมีประกัน หมอเช็ดอาการเบื้องต้นแล้ว แจ้งว่ามีอาการบวม อักเสบของเส้นเอ็น (เอ็นฉีกว่างั้น) แถมสาธิตโดยการกดลงไปตรงข้อขาที่เราบวม (ร้องกรี๊ด...ดดดดลั่นโรงพยาบาลเลย จะกดเพื่อ..... Y Y ) หมอไม่รีรอจับเข้าเฝือกเลย เนื่องจากเส้นเอ็นฉีก มีเลือดคั่งที่ข้อเท้า


หมอบอกว่าเข้าเฝือกไว้ 1 อาทิตย์ แล้วนัดมาดูอีกที (เย้ แค่ 1 อาทิตย์เด็กๆ ) เดี๋ยวก็หาย ผ่านไปครบวันที่หมอนัดเฝือกเริ่มดำแล้ว แว๊ก.กกก
หมอให้ฝ่าเฝือก ทำความสะอาดเท้า และแจ้งว่าให้ใส่เฝือกต่ออีก 1 เดืิอน ห๊ะ.....งะ...... 1 เดือน ตรูจะไปทำงานยังไงเนี่ย
ทั้งตัด ทั้งแงะ ขาคนนะไม่ใช่พิซซ่า
เช็ดทำความสะอาดขาที่อบซาวน่าอยู่ในเฝือก 5555
ยังบวมอยู่เลย ข้อเท้าฉัน แต่ไม่เขียวเหมือนตอนแรกแล้ว
มีถุงน่องด้วยน่า ^^
แล้วคุณหมอก็มาใส่เฝือกให้ เอาสำลีพันที่ถุงน่องอีกชั้นหนึ่ง
แล้วนำเฝือกที่แช่น้ำจนนิ่มมาพันๆๆๆ โบกๆๆๆ รอบขาเรา
ขั้นสุดท้ายถูให้เฝือกติดกัน (เริ่มร้อนขาขึ้นมาแล้ว)
หมอให้พักขารอประมาณ 15 นาที เพื่อให้เฝือกแข็งเข้าที่ ห้ามเดินไปไหน ต้องรอให้เฝือกหายร้อนก่อน
แปะเวลาไว้ให้ดูด้วยละ
พอครบเดือนหมอนัดฝ่าเฝือกออก เฝือกดำได้ที่อีกแล้ว
ไม่เหม็นรึไงหนอคุณพยาบาล
ถ่าง งัด แงะ
รอบนี้ถอดออกมาเป็นมัมมี่เลย
มีรอยฟกช้ำ ดำเขียวเพราะเดินแรงเลยกระแทกกับขอบเฝือก 5555 ยังสามารถซุ่มซ่ามได้อีก
คุณหมอให้ยาแก้ปวด และยาทาอย่างดีมาสำหรับทาแก้ข้อ เส้นเอ็นอักเสบโดยเฉพาะ
แถมแนะนำให้เข้าเฝือกอ่อนต่ออีก 1 เดือน T T
โดยการใช้ผ้ายืดพันไว้แบบนี้เวลาไปทำงาน จะได้เดินแล้วไม่เจ็บ และช่วยพยุงขาด้วย
ให้สวมถุงเท้าทับอีกชั้น เพราะห้ามนำผ้ายืดไปซัก
เวลาพักเที่ยงเรามักจะแกะผ้ายืดรัดข้อเท้าออกมา เพื่อทายา และพักเท้า (หายใจไม่ออก รัดแน่นเกิน)
เลือดไหลเวียนไม่สะดวกเขียวจนม่วงเชียว พักสักครู่ก็ต้องใส่ต่อไป จนกว่าจะครบกำหนด ไม่งั้นไม่หาย ช่วงแรกที่ถอดเฝือกออกเดินไม่เป็นเลยค่ะ เจ็บแปล๊บที่ข้อเท้าตลอด แต่หมอบอกให้ฝืนเดินตามปกติ และทำกายภาพบำบัดโดยการงอข้อเท้าขึ้น - ลงเบาๆ
2 อาทิตย์แรกเดินมาก ขาจะระบม เจ็บ จนทุกวันนี้ถ้าเดินนานเกินไปจะรู้สึกแปล๊บๆ ที่ข้อเท้า ต้องระวังให้มากๆ เพราะว่าขาข้างซ้ายนี้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเข้าเฝือกไปซะแล้ว
สรุปผลการเข้าเฝือก 4 ครั้งในชีวิตนี้
ครั้งที่ 1 : เดืิอนกันยายน (ประมาณ 13 กันยายน 2543) ตอนอยู่มหาวิทยาลัย วิ่งขึ้นรถเมล์แล้วตกรองเท้าส้นตึก ใส่เฝือกขาซ้าย 1 เดือน เพราะกระดูกหัก
ครั้งที่ 2 : 25 กันยายน 2551 ไปเที่ยวน้ำตกคลองลาน จังหวัดกำหพงเพชรแล้วลื่นก้อนหิน (ก้าวพลาดซะงั้น) ใส่เฝือกขาขวา 1 อาทิตย์ เพราะเอ็นอักเสบ
ครั้งที่ 3 : ประมาณเดืนตุลาคม 2551 เดิน Shopping อยู่แถวที่ทำงานแล้วตกร่องน้ำ (คล้ายฝาท่อเล็กๆ ) ใส่เฝือกขาซ้าย 1 อาทิตย์ เพราะเอ็นอักเสบ
ครั้งที่ 4 : 3 กันยายน 2556 ก้าวพลาดตกฟุตบาท ตอนจะขึ้นรถเมล์ไปทำงาน (อนาถใจจริง) ขาซ้ายพลิก ใส่เฝือกขาซ้าย 1 เดือน เพราะเส้นเอ็นฉีก
*** ต่อให้กินนมเยอะๆ ก็ช่ายไรเราไม่ได้เลยค่ะ เพราะเราไม่ถูกกับนม ทานแล้วท้องเสียทุกที ***