Open my world – Day 6 last day in Heidelberg
Open my world – Day 6

last day in Heidelberg



วันนี้เป็นวันเสาร์ เราจึงหยุดการดูงานและมีโปรแกรมทัวร์กันซะหน่อย วันนี้ดูน่าจะฤกษ์ดี ตื่นมาอากาศดี ท้องฟ้าสวย ไม่น่าจะมีฝน



เช้าวันเสาร์ของโรงแรมในเยอรมันเป็นอย่างที่ไกด์เคยบอกไว้ว่าจะค่อนข้างเงียบเหงา ไม่เหมือนกับ 3 วันที่ผ่านมา 3 วันที่เรามาพักที่ nH Weinheim hotel ผู้คนเยอะแยะ ดูเหมือนเป็นพวกนักธุรกิจมาพัก ซึ่งไกด์บอกว่าส่วนใหญ่คนที่นี่จะเดินทางมาติดต่อธุรกิจต่างเมืองและก็เข้าพักตามโรงแรมช่วงวันจันทร์-ศุกร์กันค่อนข้างเยอะ แล้ววันเสาร์-อาทิตย์ก็กลับบ้าน อยู่กับครอบครัว ราคาห้องพักในวันหยุดจึงจะถูกกว่าวันทำงาน

ตามโปรแกรมที่บริษัททัวร์จัดให้วันนี้เราจะไป sight-seeing ที่ Heidelberg กันตั้งแต่เช้า แล้วก็ไปกินข้าว จากนั้นก็จะไปดูปราสาท Heidelberg เสร็จแล้วก็จะต้องเตร็ดเตร่อยู่แถวจัตุรัสนั้นรอกินข้าวเย็น ซึ่งไกด์ที่ไปกับเราเห็นว่า เราจะเสียเวลาที่ Heidelberg มากไป ดังนั้นปฏิบัติการเปลี่ยนโปรแกรมก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยการช่วยเหลือจากคนขับรถของเราอีกเช่นเคย

หลังจากไกด์และคนขับรถปรึกษาจัดโปรแกรมให้เราใหม่แล้ว ก็สรุปได้ว่าเขาจะพาเราไป sight-seeing ที่เมืองเมืองหนึ่งใกล้ๆ กับ Weinheim และ Heidelberg ก่อนแล้วค่อยกลับมากินข้าวกลางวันที่ Heidelberg เมืองที่เขาพาเราไปก็คือ Mannheim


Mannheim เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในกลุ่มเมือง Rhine-Neckar triangle โดยเมืองนี้จะอยู่ทางตอนใต้ของ Frankfurt ราวๆ 70 km และอยู่ทางตอนเหนือของ Stuttgart ราวๆ 140 km
จุดที่คนขับรถพาเราไปก็คือจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและ landmark ของเมืองก็คือ Water- tower ของ Mannheim



Water-Tower นี้ตั้งอยู่ที่ the Friedrichsplatz ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1886 โดยโครงสร้างเป็น yellow sandstone มีความสูงประมาณ 60 metres สามารถจุน้ำได้ 2000 ลูกบาศก์เมตร ส่วนยอดของ Water-tower เป็นรูปปั้นของ Amphitrite ภรรยาของเทพเจ้าแห่งทะเล “Poseidon“ ซึ่ง Water-tower นี้ได้ถูกใช้งานจนกระทั่งถึงปี 2000 ปัจจุบันใช้เป็นที่เก็บน้ำสำรองของเมือง

บริเวณรอบๆของ Water – tower จะเป็นสวนสาธารณะที่เป็นที่นิยมมาพักผ่อนของชาวเมืองที่นี่
วันนี้อากาศดี แดดสวย เราก็เลยได้มีโอกาสถ่ายรูปบรรยากาศสวยๆของบริเวณสวนสาธารณะรอบๆ Water-tower ทิวลิปกำลังสวยทีเดียว







หลังจากถ่ายรูปที่ Water -tower กันมุมละหลายสิบช็อตแล้ว เราก็ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามซึ่ง จะเป็นถนน shopping โดยเป็นถนน 3 บล็อกติดกัน ตาม 2 ข้างทางก็จะมีร้านขายของหลากหลายทั้งเสื้อผ้าหลากแบรนด์ ขนม ชอคโกแลต และยังมีร้านกาแฟสวยๆตั้งอยู่เป็นระยะ



คนที่นี่นิยมเดินทางด้วยรถราง รถรางเขาน่านั่งดี และก็จะเห็นมีจักรยานจอดอยู่ตามที่จอดรถจักรยาน ไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนี้ทุกวัน หรือว่าเพราะวันนี้เป็นวันหยุด



ไกด์ให้เวลาเราเดินเล่นแถวนี้พักนึง ซึ่งเราก็เดินอย่างเดียวจริงๆ ไม่ซื้ออะไรเลย ร้านแถวนี้ส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์ ราคาไม่ใช่ถูกเลย แต่เดินไปพักหนึ่งก็ได้เจอที่ที่น่าจะซื้อของได้ก็คือ GALERIA KAUFHAUS เจอแล้วก็แวะซะหน่อย แต่ GALERIA KAUFHAUS ที่นี่ของน้อยและก็ไม่มีโปรโมชั่นเหมือนที่ Frankfurt

หลังเดินดูของที่ Mannheim พักนึง เราก็ต้องเดินทางไป Heidelberg เพื่อกินข้าวกลางวันที่ร้าน Hutzelwald



ร้าน Hutzelwald เป็นร้านอาหารเก่าแก่ท้องถิ่นอีกร้านหนึ่งของเมือง Heidelberg อยู่ริมถนน Gaisbergstr. 93 บรรยากาศในร้านออกแนว Antique นิดๆ ร้านนี้น่าจะเป็นที่นิยมของกรุ๊ปทัวร์จากเอเชีย โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น เพราะวันที่ไปก็มีแล้วอย่างน้อย 2 กรุ๊ป แถมไกด์เราก็รู้จักเจ้าของเป็นอย่างดีด้วย

ร้านอาหารร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ ถ้วย ชาม เลยดูเก๋ดี



อาหารกลางวันเป็นอาหารฝรั่งแบบ set 3 อย่างเช่นเคย แต่วันนี้ถ่ายรูปอาหารมาเบลอหมดใช้ไม่ได้เลยซักรูป เริ่มต้นด้วยซุปมักกะโรนีน้ำใส ต่อด้วยสเต็กไก่ และปิดท้ายด้วยพายแอ๊ปเปิ้ล (อีกแล้ว) ไม่รู้ว่าที่เยอรมันนี่แอ๊ปเปิ้ลเยอะ หรือพายแอ๊ปเปิ้ลเป็นขนมมีชื่อของประเทศเขา มีมันทุกร้านเลย และที่นี่เขาจะใส่ใจคนกินมาก ถึงเราจะอิ่มแล้วแต่ถ้ากินยังไม่หมดเขาจะไม่เก็บ จนกระทั่งดูท่าว่าเราจะไม่กินแล้ว ก็จะถามว่า “Finished ?” ด้วยสีหน้าที่ทำให้เรารู้สึกผิดว่าทำไมกินของเขาไม่หมด ... โธ่ พี่ขา .... อาหารแต่ละจานของพี่มันปริมาณไม่น้อยเลยนะ

เมื่อจัดการมื้อกลางวันเสร็จสิ้น ก็เข้าสู่โปรแกรมบังคับที่ใครมา Heidelberg ก็ต้องมีโปรแกรมนี้ นั่นก็คือการเข้าชมปราสาท Heidelberg

ตอนขาขึ้นเขาไปยังปราสาทใครแข็งแรงจะเดินขึ้นก็ได้ แต่เรามีเวลาน้อยก็เลยให้รถบัสขึ้นไปส่ง แต่ถ้ารถขึ้นไปต้องจ่ายค่าไปจอดส่งด้วย ... แค่จอดส่งเท่านั้นนะ (เพราะรถของพวกเราลงมาจอดข้างล่าง) ยังเสียตังค์เลย (แต่จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่) ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองจังแฮะ







ปราสาท Heidelberg เริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่ก่อนปี 1241 และได้ถูกขยายออกเป็นปราสาท 2 หลังราวๆปี 1294 ปราสาท Heidelberg ถูกใช้เป็นที่พำนักของกษัตริย์หลายพระองค์ ซึ่งที่ด้านหน้าของปราสาทจะมีรูปปั้นของกษัตริย์ที่พำนักที่ปราสาทแห่งนี้เรียงกันอยู่






ในปี 1573 ปราสาท Heidelbergได้ถูกฟ้าผ่าสร้างความเสียหายให้กับด้านบนของปราสาท ส่วนตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันเป็นปราสาทที่ถูกต่อเติมเมื่อปี 1650 แต่ได้ถูกไฟไหม้จากสงครามทำลายตัวปราสาทเหลือเป็นซากปรักหักพังในปี 1764 แต่ถึงจะเป็นซากของปราสาทแต่ก็ยังคงร่องรอยความสวยงามไว้ไม่น้อย น่าเสียดายว่าช่วงที่ไปเป็นช่วงซ่อมแซมปราสาทพอดี บางจุดเลยวิวไม่ค่อยดีเท่าไหร่









จุดขายของปราสาท Heidelberg นอกจากความอลังการและความสวยของตัวปราสาทแล้ว ยังมีจุดขายแบบแปลกๆเช่น ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดที่ไกด์ของทุกกรุ๊ปทัวร์ต้องพาลูกทัวร์มาเดินวนรอบถัง



หรือรอยเท้าลึกลับพร้อมเรื่องเล่าประหลาดจากไกด์(ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อ)ที่ทางเดินของปราสาท



ที่ปราสาท Heidelberg เป็นที่รวมของผู้คนของเมือง Heidelberg ทั้งบรรดานักท่องเที่ยวที่มากับไกด์หลากหลายชาติ คนเยอรมันเองที่จูงเด็กๆมาเที่ยวปราสาท รวมถึงคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ชาวเยอรมันที่มานั่งปิกนิกกันที่สนามหญ้าของปราสาท บรรยากาศน่ารักดี ดูโรแมนติกไปอีกแบบนึง

ระบบการจัดการของการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมของที่นี่ดีทีเดียว ถ้าใครไม่มีไกด์พามา เขาก็จะมีไกด์มือถือ ไว้ให้นักท่องเที่ยวคอยฟังบรรยายถึงจุดต่างๆของปราสาท (ส่วนคณะเรามีไกด์ก็เกือบจะเหมือนไม่มี เพราะไกด์ทำงานง่ายเหลือเกิน ซื้อตั๋ว พาเดินเข้า แค่นั้น จากนั้นก็ปล่อย ใครอยากไปตรงไหนก็ไป แค่นัดให้ทุกคนกลับมารวมตัวตามเวลา ... อย่างนี้เราก็เป็นไกด์ได้นะ )

วินัยของคนที่นี่ดีมาก ไม่มีขยะซักชิ้นในบริเวณปราสาท (รวมถึงตัวเมืองเก่าของ Heidelberg ด้วย) วิวที่มองจากปราสาทลงมายังเมือง Heidelberg ก็สวยมาก เห็นเมืองทั้งเมือง เห็นแม่น้ำ Neckar เห็นโบสถ์ สะพาน ทุกอย่างของเมืองหมดเลย จะเสียบรรยากาศไปบ้างก็ตรงในป้อมข้างๆปราสาท มีพวกมือบอนขีดเขียนชื่อไว้เต็มไปหมด ฝรั่งก็มีพวกนี้เหมือนกัน และ เมื่อลองสอดส่ายสายตาหาภาษาไทย ก็ .... หึ หึ ... มีเหมือนกัน



หลังจากเดินดู ถ่ายรูปในปราสาทกันซักพักหนึ่ง ไกด์ก็ต้อนพวกเราลงจากปราสาท ขาลงเราเดินลงที่ทางเดินข้างๆปราสาทซึ่งจะมีบ้านสวยๆตั้งอยู่ ไกด์ให้ข้อมูลว่าบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านของพวกนักบวช (ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลนี้จะถูกหรือเปล่า)

เราลงมาที่เมืองเก่าของ Heidelberg ประมาณ 4 โมงเย็นนิดๆ และเราเหลือเวลาก่อนกินข้าวเย็นตอน 6 โมง เวลาที่เหลือจะทำอะไรได้นอกจาก shopping again ไกด์ทำงานง่ายอีกแล้วด้วยการนัดเจอกันทุกคนที่ร้านอาหารตอน 6 โมงเย็นแล้วก็ปล่อยชาวคณะให้เดินเล่นกันเองตามอัธยาศัย ใครอยาก shop ก็ shop หรือถ้าจะไปชมวิวริมฝั่งแม่น้ำ Neckar ก็ได้ วันหยุดแบบนี้ที่แม่น้ำ Neckar และริมแม่น้ำจะมีคนมาทำกิจกรรมเยอะแยะทั้งปิกนิก เล่นฟุตบอล พายเรือแคนนู หรือถ้าใครมีตังค์อยากนั่งเรือชมวิวข้ามฝากจากเมืองเก่าไปฝั่งเมืองใหม่ก็ได้ ค่าโดยสารคนละ 6 ยูโร ... แน่นอนสำหรับพนักงานเงินเดือนต๊อกต๋อยอย่างเราที่ยังต้องใช้ชีวิตที่เยอรมันอีก 4 วัน เราก็ต้องเลือกทางที่เสียตังค์น่าจะน้อยที่สุดก็คือการ sight-seeing and shopping ด้วยตัวเอง

ตอนแรกคิดว่าตั้งเกือบ 2 ชม. จะเดินกันยังไง แต่เอาเข้าจริงเกือบ 2 ชม. ยังเดินถนนคนเดินที่นี่ไม่สุดทางเลย
3 วันที่ผ่านมาที่เราเข้ามาที่เมืองเก่าของ Heidelberg เรามาถึงก็ตรงไปร้านอาหารเลย จะเห็นผู้คนบ้างก็ที่จตุรัสของโบสถ์ Heiliggeistkirche ไม่ค่อยเห็นคนที่นี่เท่าไหร่นัก

แต่วันนี้ตั้งแต่ที่ปราสาท Heidelberg แล้ว ผู้คนเยอะมาก แต่ด้วยความที่พื้นที่ปราสาทกว้างใหญ่ ทำให้ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกว่าคนเยอะเท่าไหร่ แต่ที่จตุรัสของโบสถ์ Heiliggeistkircheและถนนคนเดินที่เป็นซอยแยกไปจากจตุรัสของโบสถ์ Heiliggeistkirche นี้ เมื่อมีคนมาเยอะมันให้อารมณ์เหมือนเดิน JJ + สยาม บ้านเราเลย เหมือน JJ ตรงที่คนเยอะมากเดินกันเต็มซอยไปหมด และเหมือนสยามตรงที่ข้างทางจะมีเด็กวัยรุ่นแต่งตัวแรงๆมาจับกลุ่มนั่งคุยกัน เป็นระยะๆ วัยรุ่นไม่ว่าที่ไหนก็มีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกันเลย

บริเวณรอบๆ โบสถ์ Heiliggeistkirche จะมีร้านขายของที่ระลึกที่ขายของเหมือนกันทุกร้านตั้งอยู่ให้เลือกซื้อตามราคาแต่ละร้าน จากที่ลองสำรวจดูร้านขายของที่ระลึกที่ไม่ใช่คนเยอรมันเช่นของชาวอินเดีย, จีนหรือไม่ก็ปากีสถานจะขายถูกกว่าที่เป็นร้านของคนเยอรมันนิดหน่อย เวลาซื้อต้องใจเย็นเดินดูให้ทั่วเทียบราคากันก่อนตัดสินใจซื้อ







ส่วนที่ถนนคนเดินนี้จะมีร้านขายของทั้งแบรนด์ ไม่แบรนด์เต็มไปหมด (ถึงใช้เวลาเดินเยอะ) และก็มีร้านกาแฟ บาร์เบียร์ให้คนนั่งสังสรรค์ตลอดทาง เดินได้เรื่อยๆไม่เบื่อ แถมบางร้านเข้าไปแล้วนึกว่าอยู่ JJ บ้านเรา(อีกแล้ว) หรือไม่ก็ platinum เพราะของในร้านจะเป็นเสื้อผ้าแบบที่ขายที่ JJ + platinum บ้านเราเลย แต่ราคาคูณ 2 เป็นอย่างต่ำ อย่างผ้าพันคอแบบที่บ้านเราขาย 100 บาท หรือเสื้อยืดผู้หญิงตัวเล็กๆที่ปักเลื่อมแบบที่สาวๆกำลังฮิตกันตัวละ 79-89 บาท ที่นี่ตั้งไว้ 4-5 ยูโร เป็นอย่างต่ำ กำไรเยอะนะเนี่ย







เราเดินดูของไปเรื่อยๆจนใกล้เวลานัดแต่ยังไม่สุดถนนก็ตัดสินใจเดินกลับ แต่เนื่องจากไม่อยากฝ่าคนกลับไปเราเลยเดินตัดจากถนนคนเดินนี้ไปสู่ถนนที่เลียบแม่น้ำเพื่อเดินกลับ เป็นการชมวิวเลียบแม่น้ำ Neckar ไปในตัว และก็ได้ไปเจอกับสถานที่มีชื่อแห่งหนึ่งของ Heidelberg โดยบังเอิญ นั่นก็คือ Kongress stadthalle Heidelberg หรือก็คือ convention center ของ Heidelberg ซึ่งที่นี่เป็น convention center ที่ไว้จัดงาน event ต่างๆ เป็นจุดขายของเมือง Heidelberg เลยทีเดียว



จากนั้นก็แวะมาเก็บภาพสะพานเก่าแก่ จุดขายอีกอย่างของเมือง Heidelberg น่าเสียดายว่าช่วงที่ไปเป็นช่วงซ่อมแซมของสะพานพอดี วิวเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่





อาหารมื้อสุดท้ายของคณะที่ Heidelberg เป็นอาหารไทยที่ร้านอาหารภูเก็ต อยู่ใกล้ๆเชิงสะพานเก่าของ Heidelberg





เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก ต้อนรับดี ดูแลพวกเราสุดๆ อาหารที่จัดให้พวกเราก็มี ส้มตำ ผัดกระเพรา แกงเขียวหวาน ผัดผัก ต้มยำรวมมิตร ไข่เจียว ผัดปลาสามรส ผลไม้เป็นผลไม้รวมสับปะรด ส้ม แตงโม รสชาติอาหารพอใช้ได้ รสจัดกว่าร้านที่ Frankfurt นิดหน่อย แต่ส้มตำเค็มไปนิด อาหารมื้อสุดท้ายใน Heidelberg นี้ประทับใจตรงได้กินส้มตำกะผัดกระเพราที่เยอรมันนี่แหละ



3 วันที่ Heidelberg ผ่านไปเร็วเหมือนกัน ที่นี่ได้ความประทับใจไม่น้อยเพราะเป็นเมืองที่มีความผสมกันระหว่างความทันสมัยและความเก่าแก่ของหลายๆอย่าง เช่นสถาปัตยกรรม อาหาร เห็นคนในประเทศที่พัฒนาแล้วจัดการกับระบบความเป็นอยู่ การอนุรักษ์สถาปัตยกรรม ผสมกับชีวิตที่มีความทันสมัยได้ค่อนข้างลงตัวแล้วน่าอิจฉาว่าเมื่อไหร่บ้านเราจะทำได้อย่างนั้นได้บ้าง




Create Date : 03 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 กรกฎาคม 2551 17:51:11 น.
Counter : 3063 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อื่นๆอีกมากมายที่ไม่รู้
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อื่นๆอีกมากมาย....

มากมาย .... ที่ไม่รู้

อาจจะจริงเราเห็นอยู่

แต่เผื่อใจไว้ที่ยังไม่เห็น
Group Blog
กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
3 กรกฏาคม 2551