ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้

... บล็อคง่ายๆ ของนายอังคาร ...

Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

ชั่วกัปชั่วกัลป์

คุณย่าชอบเล่าสงสัยว่า อสงไขย หรือ กัป นานเทียบได้กี่ปีมนุษย์
เรื่องนี้ยาวครับ ผมจะเล่าให้ฟัง อย่างงเสียก่อนจะอ่านจบนะครับ


อสงไขย
หน่วยนับที่เรานับกันอยู่เป็นเลขฐาน ๑๐ ตามจำนวนนิ้วมือของคนปกติ ก็คือ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙
เราเรียกว่าเลขหลักหน่วย
ถ้าเอา ๑๐ ไปคูณ เรียกว่าหลัก สิบ
ถ้าเอา ๑๐๐ ไปคูณ เรียกว่าหลัก ร้อย
ถ้าเอา ๑,๐๐๐ ไปคูณ เรียกว่าหลัก พัน
ดังนั้นเราจึงรู้จักหน่วยนับว่ามี หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน โกฏิ ....
ตัวเลขพวกนี้เรานับได้ คือ มีปัญญานับ เรียกว่าเป็นตัวเลข สังขยา (ไม่ใช่ขนมสังขยา) เลขที่นับได้นี้ถือว่านับกันได้จนถึง ๑ คูณ ๑๐ ยกกำลัง ๑๔๐ หรือ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว ถ้าเกินกว่านี้เขาบอกว่านับกันไม่ได้แล้ว นับไม่ไหว ให้เป็นพระอินทร์พระพรหมท่านก็ขี้เกียจจะนับ
เพราะเริ่มจะนับไม่ได้นี่เอง จึงเรียกเลข ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว ว่า อสังขยา หรือ อสงไขย
ถ้าพูดถึงอสงไขยปี ก็คือจำนวนปีที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๑ ตามด้วยเลข ๐ อีก ๑๔๐ ตัว นั่นแหละครับ


อายุกัป
กัป เป็นภาษาบาลี บางทีก็เขียนว่ากัปป์ หรือกัปปะ แต่ภาษาสันสกฤติเรียกว่า กัลป์ ดังนั้นเราจึงมักได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดเป็นคำสร้อยไปเลยว่าชั่วกัปชั่วกัลป์
กัป มีหลายความหมาย ความหมายแรกเรียกว่า อายุกัป
อายุกัป หมายถึง จำนวนปีที่เป็นอายุขัยของมนุษย์แต่ละยุคแต่ละสมัย มนุษย์แต่ละยุคอายุขัยไม่เท่ากัน อายุกัปแต่ละยุคเมื่อนับเป็นจำนวนปีจึงไม่เท่ากันด้วย
สมัยต้นกัปเมื่อโลกเริ่มก่อกำเนิดขึ้นใหม่ สัตว์โลกที่มาอุบัติเป็นครั้งแรก คือพระพรหมที่หมดอายุขัยจากพรหมโลก มาจุติเป็นคล้ายๆ เทวดา อยู่ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่มีพ่อมีแม่ ร่างกายสวย มีแสงสว่าง เหาะได้ มีอาหารเป็นทิพย์ เป็นต้นตระกูลมนุษย์ทั้งหมด มนุษย์ยุคนี้มีอายุขัย ๑ อสงไขยปี อายุกัปในยุคนั้นจึงเท่ากับ ๑ อสงไขยปีด้วย
ในครั้งพุทธกาล มนุษย์มีอายุขัย ๑๐๐ ปี อายุกัปในครั้งพุทธกาลจึงเท่ากับ ๑๐๐ ปี
ส่วนปัจจุบัน มนุษย์มีอายุขัยเพียง ๗๕ ปี อายุกัปตอนนี้จึงเท่ากับ ๗๕ ปี เท่านั้น
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลใดเจริญอิทธิบาท ๔ ไว้มาก ย่อมดำรงอายุขัยไว้ได้กัปหนึ่งหรือมากกว่า หากปรารถนา คำว่ากัปนี้ก็หมายถึงอายุกัปนี่แหละ ไม่ใช่กัปในความหมายอื่น


อันตรกัป
มนุษย์แรกเริ่มมีอายุขัย ๑ อสงไขยกัป แต่เพราะต่อมาเริ่มมีกิเลสตัณหา มีราคะ โทสะ โมหะ อายุขัยมนุษย์จะลดน้อยถอยลง ทุก ๑๐๐ ปี อายุลดลงปีหนึ่ง ลดไปเรื่อยๆ จนเหลือแค่ ๑๐ ปี
พออายุมนุษย์เหลือแค่ ๑๐ ปี ยุคนั้นโลกมนุษย์เต็มไปด้วยคนบาป มนุษย์ฆ่าฟันกันง่ายเหมือนผักปลา สมสู่กันไม่เลือกหน้า หาคนดีแทบไม่ได้ อาหารการกินก็มีอแต่อาหารเลวๆ อาหารชั้นดีก็คือหญ้าที่ไปแย่งวัวควายกิน ยุคนี้มนุษย์จะฆ่ากันล้มตายแทบหมดโลก เรียกว่า ยุคมิคคสัญญี
พอมนุษย์ฆ่ากันตายเกือบหมด พวกที่เหลือสังเวชว่าเราฆ่ากันทำไม จึงเริ่มระมัดระวัง เริ่มรักษาศีล ตอนนี้มนุษย์ก็จะเริ่มมีอายุขัยยาวนานขึ้น ทุก ๑๐๐ ปี อายุขัยเพิ่มขึ้นปีหนึ่ง จนวนกลับไปยืนยาว ๑ อสงไขยปีดังเดิม
ช่วงเวลาที่อายุขัยมนุษย์ลดลงจาก ๑ อสงไขยปี เหลือ ๑๐ ปี แล้ววนกลับไป ๑ อสงไขยปีอีกครั้ง เรียกว่า ๑ รอบอสงไขย
หรือเรียกว่า ๑ อันตรกัป


อสงไขยกัป
มนุษย์บนโลกจะมีอายุขึ้นๆ ลงๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้ทั้งหมด ๖๔ รอบอสงไขย หรือ ๖๔ อันตรกัป แล้วโลกก็ถูกไฟประลัยกัปล้างเสียทีหนึ่ง (บางทีก็เป็นน้ำประลัยกัป บางทีก็เป็นลมประลัยกัป แต่ผมยกตัวอย่างว่าเป็นไฟประลัยกัปก็แล้วกัน)
ระยะเวลา ๖๔ อันตรกัปนี้เรียกว่า ๑ อสงไขยกัป
โลกดำรงอยู่และมีมนุษย์อาศัยอยู่นาน ๑ อสงไขยกัป
จากนั้นจะถูกไปเผาทำลายลุกเป็นเปลวเพลิง นานอีก ๑ อสงไขยกัป
หลังจากนั้นทุกสิ่งจะถูกมอดไหม้หายไปหมด มีแต่ความว่าง นานอีก ๑ อสงไขยกัป
จากนั้นก็เริ่มมีผืนน้ำ มีผืนดิน ก่อตัวขึ้นเป็นโลกอีกครั้ง ใช้เวลาอีก ๑ อสงไขยกัป


มหากัป
มหากัป คือระยะเวลาที่จักรวาลเกิดและดับไปรอบหนึ่ง มีระยะเวลายาวนานเท่ากับ ๔ อสงไขยกัป หรือเท่ากับ ๒๕๖ อันตรกัป
เมื่อใดที่เรียกเพียงว่า ๑ กัป จะหมายถึง มหากัปนี้เอง
๑ มหากัปนี้ยาวนานมากเกินกว่าจะนับเป็นจำนวนปี พระพุทธองค์จึงทรงอุปมา ๑ มหากัป ว่า

“ดูกรภิกษุ เหมือนอย่างว่า ภูเขาหินลูกใหญ่ยาวโยชน์หนึ่ง กว้างโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าแคว้นกาสีมา แล้วปัดภูเขานั้น ๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาหินลูกใหญ่นั้นพึงถึงการหมดไปสิ้นไปเพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงการหมดไป สิ้นไป กัปนานอย่างนี้แล”

หรือ อุปมาว่า

“ดูกรภิกษุ เหมือนอย่างว่านครที่ทำด้วยเหล็ก ยาวโยชน์ ๑ กว้างโยชน์ ๑ สูงโยชน์ ๑ เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากนครนั้น โดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น พึงถึงความสิ้นไป หมดไป เพราะความพยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป หมดไป กัปนานอย่างนี้แล”

จะเห็นว่า ๑ มหากัปนี่สุดแสนจะนาน คำว่าแสนกัป ก็คือแสนเท่าของ ๑ มหากัปนั่นเอง


อสงไขย
อาจเคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์นั้น พระองค์ทรงบำเพ็ญปรมัตถบารมีมานานนับ ๔ อสงไขยแสนกัป
คำว่าแสนกัปนี่คงเข้าใจแล้ว แต่คำว่าอสงไขยล่ะ ไม่ใช่อสงไขยปีเสียแล้ว แต่เป็นอสงไขยกัป ซึ่งนานแสนนานมาก
และคำว่าอสงไขยก็อย่าไปแปลว่าเท่ากับ ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๔๐ ตัว หน่วยเป็นมหากัป เพราะในความเป็นจริง ๑ อสงไขยมันอาจยาวนานกว่านั้นก็ได้ เพราะอสงไขยมันวัดไม่ได้ จะเป็น ๑ ตามด้วย ๐ อีก ๑๕๐ ตัว ก็เรียกว่าอสงไขยเหมือนกัน ดังนั้นแต่ละอสงไขยของ ๔ อสงไขย อาจยาวนานไม่เท่ากันก็ได้

เอาพอหอมปากหอมคอเท่านี้นะครับ เดี๋ยวจะงงไปกันใหญ่




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2552
5 comments
Last Update : 26 ตุลาคม 2552 6:53:19 น.
Counter : 1825 Pageviews.

 

ยากนะค่ะ คุณอังคาร

แต่ย่าก็เคยได้ยินเรื่องภูเขานี้แระค่ะ แล้ว เอาผ้าบางลูบ จนกว่าภูเขานี้จะหมด

นานๆจริงเลยนะนั่น

ขอบคุณคุณอังคารมากค่ะ แต่ต้องขออ่านหลายๆรอบหน่อยนะ

เพราะยังงง คือ ถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะไปอธิบายให้เด็กๆฟังยังไงค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ปล เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้เจิมแล้ว

 

โดย: ย่าชอบเล่า 26 ตุลาคม 2552 19:30:29 น.  

 

โอยยย แค่อ่านก็มึนแล้วค่ะ คุณอังคาร
คุณย่าฯ ก็ช่างถามจริงๆ
เดินกลับบ้านไหวมะเนี่ยย แบบว่ายังมึนอยู่

title=

 

โดย: พ่อระนาด 26 ตุลาคม 2552 23:57:12 น.  

 




ขอบคุณมากนะคะ ที่แวะไปเยี่ยมเยือนกันบ่อยๆ
ช่วงนี้ยังมึนๆ อยู่ค่ะ

ขอให้คุณอังคารมีความสุขภาพมากๆ นะคะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 27 ตุลาคม 2552 17:39:09 น.  

 

ลืมบอกไป ภาพทะเลหมอกที่ส่งมาประชัน สวยงามมากค่ะ

ภาพทะเลหมอก ของ จขบ. หม่นแสงลงเยอะเลย
ยิ่งเหงา ตอนนี้ดูเศร้าไปเลย

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 27 ตุลาคม 2552 17:42:02 น.  

 

ราตรีสวัสดิ์นะคะ คุณอังคาร

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ นะคะ

 

โดย: พ่อระนาด 27 ตุลาคม 2552 23:25:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Siri_waT_bkk
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้ง เธอเข้าใจไหม
ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน
ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน
สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ

   ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย
   หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง
   ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ
   เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ

ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ
ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร
ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้
เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน

   ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน
   ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ
   ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
   เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...

   
    [เพลงจาก http://www.fileden.com]


[ stat since Sep24, 2009 ]
Friends' blogs
[Add Siri_waT_bkk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.