: : กุหลาบป่า ณ ภูพิงค์ : :
ฉันมีโอกาสได้ไปเยือนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ บนดอยบวกห้า อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้ไปเยือนเสียนาน มีอะไรแปลกตาไปเยอะ แต่ที่ไม่เคยผิดหวัง คือสวนกุหลาบ และสวนดอกไม้นานาพันธุ์ แม้ในวันนี้ (30 มีนาคม 2552) เกือบเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วก็ตาม "กุหลาบภูพิงค์" ที่มีชื่อเสียงมานาน ก็ยังผลิดอกเบ่งบานอย่างสวยงามในสวนรอบๆ พระตำหนักแห่งนี้
ในบรรดาดอกไม้ที่ฉันชอบ ย่อมรวมทั้งกุหลาบซึ่งถือเป็นราชินีแห่งดอกไม้ด้วย แต่กุหลาบที่ชอบเป็นพิเศษ คือ "กุหลาบป่า" (Wild rose) ไม่น่าเชื่อว่า นอกจากกุหลาบงามพันธุ์ดีเลิศที่คัดสรรมาปลูกในสวนสวยแห่งนี้ ยังจะมีกุหลาบป่าดอกเล็กๆ เป็นพวงๆ อยู่มากมายหลายต้น มีทั้งสีชมพู สีขาว สีแดง สีเหลือง ทุกสีสดสวยตระการตา
เสน่ห์ของกุหลาบป่า คือความสวยแบบใสซื่อ ดูไม่เสแสร้ง ดอกเล็กๆ กลีบซ้อนกันแบบไม่มีจังหวะจะโคน รูปทรงของดอกดูจะเป็นอิสระแบบไร้กฎเกณฑ์ แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จรุงใจ เห็นแล้วนึกถึงเด็กสาวชาวบ้าน แก้มแดงสุกปลั่ง วิ่งเล่นเท้าเปล่าในทุ่งนา ผมปลิวสยายในสายลม
ฉันเดินชมกุหลาบป่าในสวนดอกไม้ ณ พระตำหนักแห่งนี้อย่างเพลินใจ แทบไม่อยากจากไป อยากจะถ่ายรูปดอกไม้ทุกดอก เก็บไว้เป็นความทรงจำอันประทับใจ ที่ครั้งหนึ่งวันนี้ ฉันได้มาเยือนภูพิงค์ และได้ชมดอกไม้อันสวยงาม ณ สวนแห่งนี้ รวมทั้งกุหลาบป่าที่ฉันชื่นชอบนี้ด้วย
: : บันทึกหลังเที่ยงคืน : : ..31 มีนาคม 2553.. 00.21 น...
เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ ถึงกรุงเทพฯ ค่ำๆ วันนี้เองค่ะ วันอังคารที่ 30 มีนาคม 2552 ที่เพิ่งพ้นผ่านไปนี้ เราได้มีโอกาสไปภูพิงค์ ได้ชมดอกไม้สวยงามมากมาย แม้จะไม่ใช่ดอกไม้ป่า เป็นดอกไม้ปลูก แต่ก็น่าชมไปหมดทุกสวน โดยเฉพาะกุหลาบที่มีอยู่มากทีเดียว เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้ามาในฤดูหนาวก็จะมีกุหลาบสวยงามอลังการมากกว่านี้รวมทั้ง "กุหลาบพันปี" (Rhododendron) ด้วยละ ไว้ปลายๆ ปีนี้ เราจะต้องไม่พลาดจัดทริปเดินทางขึ้นเหนือมาชื่นชม "นางพญาเสือโคร่ง" กับกุหลาบนานาพันธุ์ให้จงได้ ..สุขสันต์วันสีเขียวค่ะ..
: : บันทึกยามเช้าวันสีส้ม : : ..1 เมษายน 2553.. 06.50 น...
วันนี้มาถึงที่ทำงานเช้าเป็นพิเศษ เนื่องเพราะความจำเป็นด้านการหาที่จอดรถ (เหมาะๆ) ในวันที่มีงานพิธีการต่างๆ ที่จอดรถมักจะมีจำกัด หากมาสาย อาจจะต้องเสียเวลาร่อนเร่หาที่จอดรถเป็นนานสองนาน ... เมื่อวาน (31 มีนาคม 2553) เราไปเยี่ยมน้องคนข้างๆ ที่ให้กำเนิดสมาชิกใหม่ ณ โรงพยาบาลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าขับรถไปเองและต้องวนหาที่จอดรถเอง อีกนานกว่าจะได้ขึ้นไปเยี่ยมน้อง ยังดีที่คนข้างๆ มีคนขับรถ ก็เลยใช้วิธีหย่อนเราลงข้างทาง ให้ลงไปเดินตระเวนหาตึกผู้ป่วย (ที่มีอยู่มากมายหลายตึกจนคนไม่คุ้นหาไม่ค่อยจะเจอ) ... ตึกที่น้องอยู่นี่ ชื่อว่า ตึก 100 ปี สมเด็จพระศรีฯ อยู่ตรงข้ามกับตึก 84 ปี ที่พระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่นั่นเอง และเมื่อออกไปยืนที่ระเบียงห้อง จะเห็นทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาและพระบรมมหาราชวัง ต้องแสงไฟสีทองยามค่ำคืนสวยอร่ามมลังเมลือง ดูบรรยากาศราวกับพระมหานครอันเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข ... เจ้าตัวน้อยที่นอนหลับพริ้มในกระบะแก้วข้างๆ ตัวน้อง เป็นมนุษย์ตัวน้อยที่ดูบริสุทธิ์ สะอาดเอี่ยม เหมือนเพิ่งลงมาเกิดจากดินแดนไกลโพ้น หนูน้อยจะรู้ไหมหนอว่าบ้านเมืองที่หนูลืมตามาดูโลกในวันนี้ มันน่าอยู่หรือวุ่นวายมากมายแค่ไหนกัน ... แต่ก็ด้วยความหวังใหม่ๆ ดีๆ เราก็ได้แต่หวังว่า พลังบริสุทธิ์ของชีวิตใหม่ จะเป็นเหมือนน้ำดีที่เข้ามาขับไล่น้ำเน่าเสียที่เจิ่งนองอยู่ตามถนนหนทาง จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นในอนาคตนะหนูนะ ... ..สุขสันต์วันสีส้มค่ะ..
: : บันทึกยามเที่ยง : : ..2 เมษายน 2553.. 12.15 น...
วันนี้ตื่นนอนตั้งตีห้าครึ่ง เลยลุกมาจัดเอกสารเมล์ที่สุมๆ อยู่ตรงโต๊ะวางจดหมาย รวบรวมเมล์ขยะ (เรียกว่าสสารสแปมก็น่าจะได้) ใส่ซองเตรียมทิ้ง ... เยอะจริงๆ โดยเฉพาะใบปลิวขายบ้านจัดสรร-คอนโดฯ พวกนี้ท่าทางจะมากับฐานข้อมูลบัตรเครดิตของคนข้างๆ น่าเสียดายกระดาษเหมือนกัน พิมพ์มาตั้งมากมายแล้วก็ไปอยู่ในขยะ ... น่าจะหาวิธีส่งสารถึงผู้บริโภควิธีอื่นที่ไม่ต้องเปลืองกระดาษแบบนี้
เมื่อวานเย็น (1 เมษายน 2553) เราแว่บออกจากออฟฟิศเร็วหน่อยเพื่อจะไปงานหนังสือ ตอนแรกว่าจะโหนรถเมล์ไปอนุสาวรีย์เพื่อต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส แล้วไปต่อรถใต้ดินอีกทอดนึงเพื่อไปศูนย์สิริกิติ์ แต่เราตาไวเห็นท่านที่ปรึกษาฯ ระดับผู้ใหญ่ (มาก) กำลังถอยรถเบนซ์คันงามออกจากที่จอด ด้วยความที่สนิทกันพอควร เราเลยเลียบๆ เคียงๆ ไปถามท่านว่าจะกลับแล้วหรือคะท่าน ท่านจะผ่านสถานีรถไฟฟ้าใช่ไหมคะ ขอหนูโดยสารไปด้วยได้ไหมคะ ท่านก็ใจดีมากถามว่าจะไปไหน เราก็บอกจุดหมาย ท่านเลยบอกว่าขึ้นมาเลย เดี๋ยวไปส่งให้ที่สถานีรถใต้ดินจะได้ไม่ต้องต่ออะไรหลายทอด เราก็เลยได้ขึ้นไปนั่งเอี้ยมเฟี้ยมในรถ นั่งคุยกันไปเพลินๆ เรื่องสถานการณ์บ้านเมือง แป๊บเดียวถึงสถานีห้วยขวาง บนถนนรัชดาฯ กราบลาท่านไปมุดลงใต้ดิน ค่าตั๋ว 25 บาท แอร์เย็นดี สี่ห้าสถานีก็ถึง
งานหนังสือคนไม่น้อยอย่างที่คิด ขนาดเป็นวันพุธบ่ายๆ นะนั่น เราเดินไปเดินมา ไปคุ้ยๆ กองนิตยสารแต่งบ้านของฝรั่งเล่มเก่าๆ เล่มละร้อย เลือกมาได้ 13 เล่ม ร้านขายหนังสือฝรั่งที่อิมพอร์ตมา ที่เราเคยขนหนังสือทีละหลายสิบเล่ม ปีนี้มีหนังสือน้อยมาก มีแต่หัวเก่าๆ ถามไถ่ดูได้ความว่า เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เลยขอเอาของเก่ามาระบายสต๊อก ของใหม่ก็ยังไม่ค่อยได้สั่งมา ... เฮ้อ อย่างนี้ละเนอะ ผู้ประกอบการรายย่อยที่สายป่านไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ ถ้ามีสินค้าคงคลังเหลือเยอะ กระแสเงินสดก็คงจะติดขัดเป็นธรรมดา
วันนี้วันศุกร์แล้ว อาทิตย์หน้าก็มีวันหยุด 1 วัน อาทิตย์โน้นก็มีหยุดสงกรานต์อีกละ แต่คงอยู่โยงเฝ้าบ้าน เพราะแม่บ้านไปร้อยเอ็ด น่าจะได้ไปปากช่องแบบไปเช้าเย็นกลับซักวันนึง ไปไหนนานๆ คงไม่ได้เพราะไม่อยากทิ้งน้องหมาไว้แค่ 2 ตัว
..สุขสันต์วันสีฟ้าค่ะ..
Create Date : 31 มีนาคม 2553 |
Last Update : 2 เมษายน 2553 12:36:34 น. |
|
18 comments
|
Counter : 2727 Pageviews. |
|
|