|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
: : ดอกไม้..สีสันและความหมาย : :
เวลาไปเลือกซื้อดอกไม้... จะเป็นการซื้อเพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ผู้อื่น หรือจะซื้อไปใส่แจกันของตัวเองก็ตาม เราอาจจะเลือกซื้อโดยมีเหตุผล เช่น ดอกไม้เยี่ยมไข้ ก็ต้องสีอ่อนหวาน สดใส สดชื่น เพื่อความสบายใจของคนเจ็บจะได้เห็นอะไรที่สวยๆ งามๆ .. ไม่ค่อยซื้อดอกไม้บางชนิดที่มักใช้กันในงานอมงคล... หรืออาจจะซื้อตามอารมณ์ ความรู้สึก ความชอบ ใครชอบดอกอะไร ชอบสีอะไรก็มักจะซื้ออย่างนั้น...
เท่าที่เห็นกันเป็นประเพณีปฏิบัติตามปกติ... วาระและโอกาสของการให้ดอกไม้ในบ้านเรา หลักๆ มีวันรับปริญญา วันเกิด การแสดงความยินดี การเยี่ยมคนเจ็บไข้ได้ป่วย... คนที่จะนึกสนุกซื้อดอกไม้ให้กันในวันธรรมดาก็เห็นมีกันอยู่ไม่กี่คน ที่เห็นให้กันบ่อยๆ เห็นจะเป็นการซื้อพวงมาลัยดอกมะลิถวายพระ ให้แม่ในวันแม่ ถวายเจ้านายรับเสด็จ ฯลฯ
ในเมืองไทยนี้มีร้านขายดอกไม้น้อยมาก มีแต่ในกรุงเทพฯ ตลาดใหญ่ก็ต้องเป็น "ปากคลองตลาด" ส่วนร้านดอกไม้เล็กๆ นั้นมีไม่กี่ร้าน ตามตลาดทั่วไป ก็เห็นมีขายแต่ดอกไม้ถวายพระ เช่น ดอกบัว ดอกกล้วยไม้กำๆ ถ้าเป็นดอกไม้อื่นๆ ก็เห็นแต่กุหลาบ หรืออาจจะมีดอกไม้อื่นๆ บ้างแต่ก็มีให้เลือกน้อยเต็มทน... ที่จั่วหัวว่า 'ในเมืองไทย' ก็ต้องขออนุญาตขยายความว่า ในต่างแดนหลายๆ เมือง ร้านดอกไม้เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตชีวาชุมชน หมู่บ้าน หรือแม้แต่เมืองใหญ่ เดินไปไหนๆ ถ้าไม่เจอร้าน ก็ต้องเจอแผง บูธ หรือรถเข็นขายดอกไม้เสมอ
นั่นหมายความว่า คนไทยไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญของการให้ดอกไม้หรือเปล่า... อาจจะเห็นเป็นเรื่องไม่จำเป็น สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ... หรือเปล่านะ
จะว่าไปแล้ว ข้อดีของดอกไม้ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง หลักๆ ก็คงจะเป็นเรื่องความสวยงาม สดชื่น ... แต่เพียงประเดี๋ยวเดียวก็เหี่ยว...
แต่บางครั้งเราก็ว่าประโยชน์ของดอกไม้ก็มีอยู่ตรงนี้แหละ... ในวันที่เบื่อๆ เซ็งๆ หรือเหนื่อยหน่าย การเห็นดอกไม้สวยๆ งามๆ ก็ช่วยให้อารมณ์รื่นเริงได้ไม่มากก็น้อย
เราเคยอ่านเจอหลักการเลือกซื้อดอกไม้ โดยดูจากความหมายของสีดอกไม้ เป็นของฝรั่งชาติไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน นัยว่าเป็นแนวทางในการเลือกสีดอกไม้เพื่อสื่อสารความหมาย ความคิด ความรู้สึก จากผู้ให้ไปสู่ผู้รับ และเป็นข้อแนะนำในการพิถีพิถันเลือกดอกไม้ให้เหมาะสมกับวาระและโอกาส...
...ก็เลยขอนำมาบันทึกไว้ ณ ที่นี้ โดยใช้รูปดอกไม้ที่เราถ่ายมา ทำเป็นโปสการ์ดดอกไม้มอบให้ผู้ที่หลงแวะเข้ามาบล็อกนี้ก็แล้วกันนะคะ... ...PURPLE FLOWER...
With its origins tied to royalty and ceremony, purple flowers represent dignity, pride and success. Whether grouped alone in a bold range of rich hues or mixed in with other colors to provide depth and contrast, an arrangement filled with purple blooms represents accomplishment and admiration.
ดอกไม้สีม่วง... สื่อความหมายถึงความสูงส่ง พิธีรีตอง และยังโยงไปถึงศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจและความสำเร็จในชีวิต เมื่อนำมาจัดช่อรวมกับดอกไม้สีอื่นๆ การมีดอกไม้สีม่วงบานสะพรั่งอยู่ในช่อ ยังมีความหมายถึงการประสบความสำเร็จ และความชื่นชมอีกด้วย
...YELLOW FLOWER...
Theres a good reason why it can feel all but impossible to refrain from smiling when you spot a bouquet of bright daffodils or a pot filled with sun-drenched chrysanthemumsthe color yellow evokes feelings of joy and lightheartedness. Also a symbol of friendship, a bouquet bursting with yellow blooms sends a message of new beginnings and happiness.
ดอกไม้สีเหลือง... ชุบชูใจให้ผู้รับมีความรู้สึกสดชื่น สว่างไสว สบายใจ และยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมิตร การเริ่มต้นใหม่ และความสุข
...PINK FLOWER...
Think pink and you think of grace, gentility, and happiness. Regardless of the shape of the flower from the tight, small buds of a pink garden rose to the delicate, open petals of a pink caellia in full bloom pink blossoms convey youth, innocence, and joy.
ดอกไม้สีชมพู... ให้ความรู้สึกชื่นใจ อ่อนหวานและรื่นรมย์ ช่อดอกไม้สีชมพูอ่อนละมุนตา ยังสื่อความหมายถึง ภาพจากวัยเยาว์อันแสนสุข..มองโลกในแง่ดีและใสซื่อ...
...WHITE FLOWER...
Often associated with innocence, humility, and reverence, white flowers evoke simple beauty. Whether they take their shape as the luxurious, silk petals of fragrant gardenias, the small, white bells of a lily of the valley, or the quiet drama of a dozen white roses, fresh floral arrangement dominated by white blossoms conveys modesty and elegance.
ดอกไม้สีขาว... สื่อความหมายถึงความบริสุทธิ์ ความงามที่เรียบง่ายและความนับถือ แฝงไว้ด้วยความสง่างามและทรงภูมิอยู่ในที...
...FLOWER of the colour RED ...
Theres an indisputable energy to the colour red an energy that has the power to transform an otherwise unassuming flower into the essence of desire, strength, and passionate love. With beauty, courage and heat as its symbolism, its no surprise that a bouquet filled with rich, red blooms knows no restraint.
ดอกไม้สีแดง... มีความหมายของพลังอันแรงกล้า เจิดจ้าและโชติช่วง อันอาจนำไปสู่มิติต่างๆ ของความคิด เช่น ความปรารถนา ความกล้าหาญ แข็งแกร่ง หรือความรักอันลึกล้ำ
...FLOWER of the colour ORANGE ...
Theres nothing bashful about the colour orange its message is clear and blatantly proud. Symbolizing energy, enthusiasm, and warmth, an arrangement of blooms in this vibrant colour conveys confidence, satisfaction and a passion for life.
ดอกไม้สีส้ม...สดใส แจ่มกระจ่างใจ เป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความกระตือรือร้น และความอบอุ่น อ่อนโยน สีส้มอันโดดเด่นยังสื่อถึงความเชื่อมั่น ความพึงใจและความผูกพันที่แนบแน่น
..บันทึกวันอาทิตย์.. ..๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๒..
ความชื่นชอบในสวน ต้นไม้ และดอกไม้ของเรา ไม่เพียงแต่เป็นความสนใจในตัวตนของพืชแต่ละชนิดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการติดตามอ่านเรื่องราว และดูรูปเกี่ยวกับพืชพันธุ์เหล่านี้ด้วย
แต่เราก็ยังไม่ถึงกับตั้งตนเป็นนักพฤกษศาสตร์ คนทำสวน หรือเอตทัคคะทางด้านพืชแต่อย่างใด เพราะยังเป็นมือสมัครเล่นในเรื่องนี้อยู่นั่นเอง... (เช่นเดียวกับศาสตร์ด้านอื่นๆ เช่น การถ่ายรูปเป็นต้น)
อ่านเรื่องความหมายของสีดอกไม้แล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นคำทำนายหรือคาดเดาที่ออกจะเข้าเค้าอยู่เหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว ความหมายเหล่านี้ก็เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการสื่อสารจากผู้ให้ไปสู่ผู้รับ เพราะนอกเหนือจากการมอบดอกไม้ให้แก่กันแล้ว ผู้ให้และผู้รับก็คงจะต้องมีปฏิสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ อีก เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันและกันมากขึ้น หรือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในทางที่ดีขึ้นไปด้วย
ยังมีอีกสองสามสีที่ยังไม่ได้นำมาบันทึกไว้ เช่นสีม่วงคราม (Lavender) สีฟ้า และสีเขียว ขอเก็บไว้รอถ่ายรูปดอกไม้มาให้ครบทุกสีก่อนดีกว่า ..สุขสันต์วันสีแดงสดใสค่ะ..
..บันทึกวันจันทร์.. ..๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒..
วันนี้เราออกไปพบอาจารย์ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ แต่เช้า... ปกติไปจุฬาฯ เราจะไม่เอารถไป เพราะไม่มีที่จอดรถ แต่คราวนี้มีเบาะแสว่า "จุฬาฯ มีที่จอดรถแล้ว" ฮะฮ้า...เป็นครั้งแรกในรอบ ๒๐ ปีที่สามารถเอารถไปจอดในวันธรรมดาได้ ณ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทยแห่งนี้... ว่าเข้านั่น
แต่ก็จริงๆ นะ การหาที่จอดรถในสถาบันการศึกษาแห่งนี้เป็นทุกขเวทนาของประชาชนคนเดินดิน ที่ไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่วีไอพี ที่มักจะถูกยามประจำมหาวิทยาลัยไล่ให้ไปจอดรถที่อื่นเหมือนหมูเหมือนหมา...
ที่จอดรถใหม่นี้อยู่แถวๆ สนามจุ๊บ (สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์ฯ) เป็นอาคารใหม่ชื่อว่า จามจุรี ๙ ชั้นล่างเป็นที่ทำการของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ที่โก้เก๋หรูหรายังกะดอยชท์แบงค์... อ่านในหนังสือของอธิการบดีคนก่อน เห็นว่าตึกจามจุรี ๙ นี้ตั้งใจจะให้เป็นสถานที่สำหรับนิสิตนั่งทำงาน แต่ในวันนี้ดูๆ จะเป็นอาคารทำการของหน่วยงานต่างๆ ในจุฬาฯ มากกว่า...
บรรยากาศในมหาวิทยาลัยวันนี้ ดูแตกต่างไปจากสมัยก่อนมากจริงๆ ตึกสูงๆ แออัดอยู่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง หาที่ว่างโล่งๆ ได้น้อยเต็มที ยังดีที่ยังมีต้นหมากรากไม้สีเขียวๆ แทรกตัวอยู่บ้างประปราย
นิสิตนักศึกษาหนุ่มๆ สาวๆ ที่นั่งบ้างเดินบ้างกันอยู่ใต้ตึกเรียนก็ดูเหมือนเป็น "เด็กเรียน" ที่มีความใส่ใจกับการเขียนงาน อ่านหนังสือกันอย่างขะมักเขม้น เครื่องแบบนิสิตก็ดูเรียบร้อยดีเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเห็นพวกที่ใส่เสื้อปลิ้นๆ รัดๆ หรือกระโปรงสั้นเต่อจนเกินขีดความเหมาะสมกับความเป็นนักศึกษา... เด็กๆ ปีหนึ่งหลายคนสวมกระโปรงจีบรอบตัวยาวคลุมเข่า (แบบที่เราเคยแต่งนั่นแหละ) ดูเรียบร้อยน่ารักสมวัยดีจัง... เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหวังเล็กๆ ว่าจะมีโอกาสได้เห็นยัยลูกสาวคนใดคนหนึ่งในจำนวนสองคน ได้สวมเครื่องแบบอย่างนี้มั่งไหมน้อ...
คุยงานเสร็จก็เกือบเที่ยง ลงมากินข้าวราดแกงใต้ถุนตึก ซื้อขนม แล้วเดินกางร่มในฝนพรำๆ กลับไปที่จอดรถ อ้าว... อาจารย์โทร.เข้ามือถือมาคุยงานต่ออีก... เราละกลั๊วกลัว คุยมือถือกลางแจ้งในสายฝนเนี่ย... ก็เลยรีบๆ รับคำอาจารย์ไปอย่างคนว่าง่าย... กลับมาถึงออฟฟิศก็มานั่งปั่นงานหัวหูฟู... บ่ายๆ ง่วงโงกจนเกือบหัวโขกจอ ต้องเบรคด้วยการเดินขึ้นไปห้องสมุด ดูหนังสือเล่มโน้นเล่มนี้ซักแป๊บนึง พอช่วยให้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้มั่ง...
กลับถึงบ้านก็ชักจะขี้เกียจเปิดพีซี ไม่รู้ของคนอื่นเป็นอย่างเรารึเปล่า... เราว่าเวลาเปิดพีซี กว่าเครื่องจะบู๊ทขึ้นมาเสร็จก็นานมากกกกก... ต่างจากแมคที่ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งนึงเลยเชียว... นี่เราเลยมาเปิดแมค ดูโน้นดูนี่นิดๆ หน่อยๆ เพราะคืนนี้คงนอนหัวค่ำหน่อย... สรุปว่าวันนี้คงจะยังไม่มีเวลาเขียนบล็อกใหม่... ขอบันทึกท้ายบล็อกแก้ขัดไปพลางๆ...
...สุขสันต์วันสีเหลืองสดใสนะคะ...
Create Date : 23 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 29 มกราคม 2553 16:25:17 น. |
|
27 comments
|
Counter : 1070 Pageviews. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:16:07 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:19:33 น. |
|
|
|
โดย: minporee วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:7:45:36 น. |
|
|
|
โดย: ชวนชมนะ วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:8:14:49 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:8:45:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:10:28:49 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:13:46:32 น. |
|
|
|
โดย: puipom วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:17:28:07 น. |
|
|
|
โดย: endless man วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:18:49:36 น. |
|
|
|
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:19:04:28 น. |
|
|
|
โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:20:51:07 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:12:26:42 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:13:10:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:14:31:23 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:19:08:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:20:06:45 น. |
|
|
|
โดย: ดวงลดา วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:9:00:10 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:9:43:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:9:46:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีตอนเช้าค๊า